ตอนที่ 399 โครงกระดูกสีเหลืองทอง
* นิยายเรื่องนี้เป็นลิขสิทธิ์ของ Novel Kingdom (หจก.โนเวล คิงด้อม) *
**ไม่อนุญาตให้ดัดแปลง แก้ไขหรือเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืนทาง หจก. จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด**
“หลงเฉิน เจ้าอยากจะเสี่ยงเช่นนี้จริงๆหรือ?” เยว่เสี่ยวเฉียนมองไปที่ภูเขากระดูก ในตอนนี้นางรู้สึกขนลุกไปทั้งตัว
“เจ้าอย่าทำให้ข้ากลัวไปมากกว่าเดิมได้ไหม? แค่นี้ข้าก็หวาดกลัวมากพออยู่แล้ว –– เห้อ! ต้องมาตัดสินใจเรื่องแบบนี้ ช่างเจ็บปวดใจเหลือเกิน” หลงเฉินกล่าวด้วยใบหน้าที่ขมขื่น
“หากเจ้ากลัว พวกเราออกไปจากที่นี่เถอะ” เมื่อได้ยินดังนั้น เยว่เสี่ยวเฉียนก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวอย่างดีใจ ว่ากล่าวกันตามตรงแล้ว นางก็กำลังหวาดกลัวเป็นอย่างมากอยู่เช่นกัน
ไม่มีผู้ใดกล้าเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับซากร่างของปีศาจสองปีกจำนวนมากมายเป็นกองทัพเช่นนั้นอย่างแน่นอน ไม่เพียงแต่พวกเขาเท่านั้น แม้เเต่ยอดฝีมือขอบเขตก่อฟ้าก็คงจะไม่มีความคิดที่จะทำเรื่องบ้าคลั่งเช่นนี้แน่
“แต่ข้าไม่อยากสูญเสียดาบเล่มนั้นไป เพราะหากเป็นเช่นนั้นแล้ว ข้าก็คงจะหม่นหมองใจไปตลอดแน่นอน” หลงเฉินกล่าวและถอนหายใจ: “ข้าจะพูดความจริงกับเจ้า ที่ข้าไม่ห่วงชีวิตเช่นนี้ เป็นเพราะว่าแท้จริงแล้วข้ากำลังเป็นโรคร้ายอยู่” หลงเฉินกล่าวด้วยท่าทีขึงขัง
“โรคร้าย!? เจ้าอย่าทำให้ข้าตกใจได้ไหม” เยว่เสี่ยวเฉียนรีบเอ่ยออกมา
“ข้าไม่ได้จะทำให้เจ้าตกใจ โรคนี้เรียกว่า——‘หากพบสิ่งล้ำค่าก็ต้องพุ่งชนไม่หยุด’ มันไม่มียารักษาได้” หลงเฉินกล่าวพร้อมกับถอนหายใจออกมาอย่างหมดหวัง
“เจ้าตัวร้าย นั่นเขาเรียกว่าโลภ!” เยว่เสี่ยวเฉียนคาดไม่ถึงว่าเวลาที่ตึงเครียดเช่นนี้ หลงเฉินยังมีกะจิตกะใจมาล้อเล่น จนนางอดไม่ได้ที่จะมีโทสะ
“เหอเหอ เรื่องบางเรื่องเจ้าก็ไม่เข้าใจ มีเพียงแค่ผู้ที่ป่วยเป็นโรคเดียวกันกับข้าเท่านั้น ถึงจะเข้าใจความเจ็บปวดนี้ได้” หลงเฉินกล่าวต่อไป
ดวงตาคู่คมของหลงเฉินจับจ้องไปที่ดาบสีแดงโลหิตที่ปักอยู่บนพื้นดิน พลันในดวงตาของเขาก็ร้อนผ่าวราวกับมีเปลวไฟลุกไหม้ และในหัวใจของเขาก็รู้สึกคันยิบยิบขึ้นมา
แม้ระยะห่างจะไกลมาก แต่ทว่าตัวดาบสีแดงโลหิตนั้น มีกระแสพลังแปลกประหลาดบางอย่างที่ปะปนไปด้วยกลิ่นคาวเลือดแพร่กระจายออกมา พลังนั้นรุนแรงน่าหวาดหวั่น แพร่กระจายออกไปทั้งสี่ทิศแปดด้าน เจาะทะลุผ่านขึ้นไปบนท้องฟ้า ทำให้ผู้คนที่ได้สัมผัส รู้สึกหนาวเหน็บลึกเข้าไปในจิตวิญญาณ แทรกซึมเข้าไปในกระดูกทุกชิ้น
ยิ่งไปกว่านั้น หลงเฉินยังเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านดาบที่มีฝีมือสูงส่ง เมื่อเห็นดาบล้ำค่าเช่นนั้น หากไม่ได้มา ก็ฆ่าเขาให้ตายไปเสียเลยยังจะดีกว่า
ถึงแม้จะทราบแน่ชัดว่าเป็นอันตราย แต่หลงเฉินก็ต้องการที่จะลองเสี่ยง ทว่าเมื่อมองดูกองกระดูกจำนวนมากเหล่านั้น หลงเฉินก็อดขนลุกขึ้นมาไม่ได้อยู่ดี มีแต่ความลังเลไม่แน่ใจ ทั้งๆที่ก็อยากครอบครองใจจะขาด นั่นเองทำให้เมื่อได้ยินคำถามของเยว่เสี่ยวเฉียนในตอนแรก หลงเฉินจึงร้องขอให้นางอย่าได้ทำลายความเชื่อมั่นของเขา
“ครืน”
“แย่แล้ว! ปีศาจสองปีกพวกนั้น ตื่นขึ้นมาพร้อมกันแล้ว” หลงเฉินค่อยๆขยับเข้าไปใกล้เป้าหมาย ซึ่งก็คือโครงกระดูกสีทองนั้น ทว่ากลับทำให้โครงกระดูกของปีศาจสองปีกที่อยู่ข้างๆตื่นขึ้นมา
“วิ่ง!”
หลงเฉินพาเยว่เสี่ยวเฉียนพุ่งไปทางด้านหลังของโครงกระดูกสีทอง โครงกระดูกปีศาจสองปีกสามตัวนั้นฟื้นขึ้นมาไล่ล่าพวกเขาทั้งสองด้วยความเร็วราวกับพายุหมุน
“มีหนทางอยู่!” ทันใดนั้น ดวงตาหลงเฉินก็เป็นประกายขึ้นมาอย่างมีความหวัง เขาพบว่าปีศาจตัวหนึ่งมีแค่ครึ่งตัว ร่างที่ไม่สมบูรณ์ทำให้มันเคลื่อนที่ได้อย่างเชื่องช้ามาก และอีกสองตัวไม่มีปีก หนึ่งในสองตัวนั้นยังมีขาเพียงข้างเดียว ทำให้หลงเฉินอดรู้สึกดีใจไม่ได้
“เสี่ยวเฉียน เจ้าเข้าไปดึงความสนใจตัวที่ไม่มีขาทั้งสองข้างตัวนั้นไว้ก่อน แล้วพวกเราค่อยจัดการทีละตัว” หลงเฉินรีบพูด
“ดึงความสนใจอย่างไร” เยว่เสี่ยวเฉียนกล่าวอย่างเป็นกังวล
มารดาเถิด! หลงเฉินอยากจะดึงทึ้งผมบนศีรษะของตัวเองแรงๆ ‘ความเฉลียวฉลาดของเจ้าหายไปไหนเสียแล้ว’ : หลงเฉินอยากด่าทอนางออกไป แต่ว่าก็อดกลั้นเอาไว้ได้
“แค่เจ้าวิ่งเข้าไปใกล้มัน พวกมันก็จะสนใจเจ้าเอง เจ้าไม่จำเป็นต้องโจมตีแค่วิ่งล่อมันไว้ รอข้าเข้าไปจัดการ เข้าใจหรือไม่?” หลงเฉินอธิบายอย่างละเอียด
“อ่อ”
เพียงแค่ฟังจากน้ำเสียงของหลงเฉินเยว่เสี่ยวเฉียนก็รับรู้ได้ทันทีว่า เขาไม่พอใจขึ้นมาแล้ว นางจึงทำตามคำบอกของเขาอย่างว่าง่าย ค่อยๆชะลอความเร็วเมื่อวิ่งเข้าไปหาปีศาจตัวนั้น และนั่นก็ทำให้โครงกระดูกปีศาจที่เหลือเพียงครึ่งร่าง และโครงกระดูกที่มีขาเพียงข้างเดียวนั้นตรงเข้ามาหานางในทันที
เมื่อเยว่เสี่ยวเฉียนดึงดูดความสนใจของสองตัวนั้นได้สำเร็จ ก็อดไม่ได้ที่จะดีใจ “หลงเฉินนน ข้าทำสำเร็จแล้ว!”
หลงเฉินกำลังล่อให้โครงกระดูกอีกตัวที่ตามเขาอยู่ ให้ออกห่างไกลจากอีกสองตัว แต่ในขณะที่เขาจะลงมือ เขาก็ได้ยินเสียงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความดีใจของนาง ซึ่งนั่นก็ทำให้เขาแทบจะทึ้งหัวตัวเองอีกครั้ง
‘ถ้าเจ้าทำสำเร็จ มันก็เป็นเรื่องน่ายินดี แต่เจ้าจะตะโกนไปเพื่ออะไรกัน?!’ ในจังหวะที่หลงเฉินได้ยินเสียงเยว่เสี่ยวเฉียนร้องตะโกน และนั่นทำให้เขาหลงไปคิดว่านางกำลังตกอยู่ในอันตราย
“ตูม”
โครงกระดูกปีศาจตัวที่ไม่มีปีก ใช้เท้าขนาดใหญ่โตของมันไล่เหยียบหลงเฉิน
หลงเฉินถอนหายใจ กระโดดหลบเท้าของปีศาจได้สำเร็จ เขาใช้ดาบฟันไปที่เท้าของมันอย่างรุนแรง
“ตูม”
หลงเฉินเลือกโจมตีได้อย่างชาญฉลาด แทนที่จะพยายามตัดหัวของมันออกมาโดยตรง เขากลับฟันไปที่เท้า ทำให้มันเสียหลักล้มลงไป
ภายใต้ความช่วยเหลือของหลงเฉิน โครงกระดูกปีศาจสองปีกขนาดใหญ่ล้มลงไปกับพื้น ร่างกายไม่มีเนื้อ ไม่มีความสมดุล ปีศาจตัวหนึ่งล้มลงกับพื้น มันจึงยากที่จะลุก ทว่าในตอนที่มันใช้หัวช่วยถูไถอย่างทุลักทุเลจนเกือบจะลุกขึ้นมาได้นั้น ทลายมารของหลงเฉินก็ฟันลงมาแล้ว
“กร๊อบ”
หลงเฉินตัดเข้าที่คอของโครงกระดูกปีศาจสองปีกโดยตรง หลงเฉินไม่ได้คิดน้อยเหมือนกับเยว่เสี่ยวเฉียน เเทนที่จะฟันลงไปที่คอตรงๆ เขาก็เล็งที่ข้อต่อระหว่างกระดูกซึ่งจะง่ายต่อการตัดให้ขาดมากกว่า
ที่ตรงข้อต่อโดยทั่วไปแล้วจะมีเส้นเอ็นและกล้ามเนื้อคอยเชื่อมเอาไว้ แต่เมื่อเวลาภายไปนานก็ทำให้เส้นเอ็นที่เชื่อมเหล่านั้นเสื่อมสลายไป หลงเฉินเล็งได้อย่างเเม่นยำเเละตัดคอของมันได้ไม่ยาก
“ตูม”
หลงเฉินร่อนบันทึกแผ่นทองออกไป บันทึกทองคำแผ่นบางเฉียบแต่กลับคมกริบยิ่งกว่ามีด พุ่งเข้าเฉือนตรงจุดระหว่างคิ้วของโครงกระดูกปีศาจสองปีก จนผลึกปีศาจร่วงหล่นลงมาที่พื้น
เพราะโครงกระดูกปีศาจสองปีกมีขนาดใหญ่เกินไป และตอนนี้เขาอยู่ในระยะไกล หลงเฉินจึงไม่สามารถเล็งไปที่อีกสองตัวได้อย่างเเม่นนำ
และเมื่อต้องใช้พลังแห่งจิตวิญญาณควบคุมบันทึกแผ่นทอง ก็จำเป็นต้องแบ่งสมาธิเป็นสอง ดังนั้นเขาจะถูกโครงกระดูกปีศาจสองปีกโจมตีโต้ตอบโดยตรงไม่ได้ จึงต้องโจมตีมันให้แม่นยำเฉียบคมในครั้งเดียว และเงียบเชียบที่สุด
เก็บแก่นผลึกนั้นขึ้นมา หลงเฉินก็พุ่งไปหาเยว่เสี่ยวเฉียน ครั้งนี้อย่างน้อยนางก็ไม่ได้โง่งมถึงขนาดวิ่งเป็นเส้นตรง และหายลับไปจากสายตาของเขา นางเลือกที่จะวิ่งวนไปรอบๆเป็นวงกลม
“ตูม”
บันทึกแผ่นทองบินลอยออกไปยังผลึกปีศาจของปีศาจสองปีกตัวที่ไม่มีขาและกำลังคลานอยู่บนพื้น ในเวลาเดียวกันหลงเฉินก็กระโดดขึ้นไปบนอากาศ ดาบขนาดใหญ่ของเขาฟันไปที่ส่วนเอวของโครงกระดูกอีกตัวที่มีขาข้างเดียวอย่างรุนแรง
หลงเฉินดูอย่างรอบคอบ ปล่อยดาบออกไปอย่างแม่นยำ ตรงเข้าไปที่ซอกระหว่างกระดูกข้อต่อ
ปีศาจโครงกระดูกสองปีกนั้นมีร่างกายใหญ่โตมาก ความใหญ่โตนั้นก็เป็นจุดอ่อนของมันได้ด้วย นั่นคือซอกระหว่างกระดูกข้อต่อจะเห็นได้ชัด และหาได้ง่ายมาก ทำให้หลงเฉินสามารถโจมตีได้อย่างแม่นยำ
“ตูม”
ปีศาจโครงกระดูกมีปีกตัวนั้นถูกตัดออกเป็นสองท่อน ยังไม่ทันรอให้ร่างกายท่อนบนขยับ เงาของหลงเฉินก็วิ่งไปที่ด้านหลังและฟันที่คอของมัน
“กร๊อบ”
หัวขนาดใหญ่หล่นลง ทว่ายังไม่ทันรอให้หัวนั้นร่วงลง ก็มีแสงสีทองก็บินลอยออกมา เสียงโลหะก้องกังวาน
“ตูม”
หัวขนาดใหญ่ร่วงลงที่พื้นด้านหน้าของเยว่เสี่ยวเฉียน ขณะเดียวกันผลึกปีศาจก็ร่วงหล่นลงข้างๆเท้าเล็กๆของนาง
“เอาไป”
ในมือของหลงเฉินมีผลึกปีศาจอยู่อีกสองชิ้น เขามอบมันให้เยว่เสี่ยวเฉียน
ขณะนั้นเยว่เสี่ยวเฉียนมองหน้าหลงเฉินอย่างตกตะลึง: “เจ้าทำได้อย่างไร?”
“ทำ ทำได้...อย่างไร?” หลงเฉินหมดคำพูด นี่เขาต้องอธิบายเรื่องที่มันเห็นได้ชัดเช่นนี้ด้วยอย่างนั้นหรือ?
“ฮ้า! ข้ารู้แล้ว เจ้าใช้ดาบตัดเข้าไปที่ซอกกระดูกและต้นคอสองตำแหน่งนั้น แบบนั้นจะทำให้พวกมันสูญเสียความสามารถในการเคลื่อนไหว ถูกต้องหรือไม่?” เยว่เสี่ยวเฉียนมองไปที่หลงเฉินอย่างตื่นเต้น
“ว้าว เจ้านี่ฉลาดจริงๆเลย!” แม้ปากหลงเฉินจะเอ่ยวาจาชื่นชม แต่น้ำเสียงและแววตาของเขากลับแห้งแล้งเพราะในใจคิดตรงกันข้าม
“ข้าไม่ได้เฉลียวฉลาด แต่เป็นเจ้า หลงเฉิน ที่ฉลาด ถ้าหากเจ้ารีบบอกเคล็ดลับนี้แก่ข้าแต่แรก พวกเราก็ไม่ต้องกลัวอะไรแล้ว” เยว่เสี่ยวเฉียนกล่าวและตบมือ
นี้นับว่าป็นเคล็ดลับรึ? นี้ก็เป็นเพียงความรู้ทั่วไป หลงเฉินพ่ายแพ้ต่อความไร้เดียงสาของเยว่เสี่ยวเฉียนแล้ว
“งั้นลุยต่อกันเถอะ!” เย่วเสี่ยวเฉียดเริ่มมีไฟขึ้นมาแล้ว นางดึงหลงเฉินก้าวไปด้านหน้า
“เหวย เหวย เจ้าอยากจะเอาชีวิตไปทิ้งหรือ?”
หลงเฉินถูกเยว่เสี่ยวเฉียนลากไปที่กองกระดูกของปีศาจสองปีก และเพียงพริบตาเดียวก็เข้าไปใกล้
ทว่าทันใดนั้นซากโครงกระดูกสิบกว่าร่างก็ตื่นขึ้นมา ความตื่นตระหนกทำให้ความรู้สึกในตอนที่หลงเฉินถูกหญิงสาวดึงมือไป เลือนหายไปหมดสิ้น
พวกเขาตกตะลึงจนกลายเป็นหวาดผวา โครงกระดูกปีศาจจำนวนมากมายถึงเพียงนี้กำลังตื่นขึ้น! หลงเฉินและเยว่เสี่ยวเฉียนออกวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต ผมบนหัวของหลงเฉินขนลุกซู่ขึ้นมา
ระหว่างทางที่วิ่ง ทันใดนั้นเยว่เสี่ยวเฉียนก็ชะลอฝีเท้า ก่อนที่จะหยุดลงแล้วดึงดาบออกจากฝัก มีแสงสว่างเจิดจ้าสายหนึ่งพุ่งออกมาอย่างรวดเร็วดั่งสายฟ้าแลบ สว่างจ้าราวแสงอาทิตย์
“ท่าฟันเงาอัสนี”
เมื่อหลงเฉินเห็นวิชาดาบของเยว่เสี่ยวเฉียนก็ตกตะลึงอย่างมาก ในตอนนี้สายฟ้าสว่างเจิดจ้านับพันสายก็ปรากฎขึ้นในอากาศ และพุ่งตรงไปยังโครงกระดูกเหล่านั้น
“ตูม”
สายฟ้านั้นฟาดเข้าใส่ซอกกระดูกข้อต่อของกลุ่มปีศาจโครงกระดูกสองปีกนั้นอย่างแม่นยำ ถึงแม้ว่าสายฟ้าแต่ละเส้นที่ฟาดลงไปจะมีอานุภาพไม่รุนแรงมากนัก เนื่องจากมีขนาดเล็กไปเลยเมื่อเทียบกับร่างกายอันใหญ่โตของปีศาจสองปีก ทว่าสายฟ้านั้นกลับมีจำนวนมากมายมหาศาล สายฟ้าหลายๆสายมุ่งเข้าฟาดลงไปที่ซอกกระดูกเหล่านั้น จนแตกกระจายออก ส่วนกระโหลกของปีศาจลงสู่พื้นพร้อมกันในทันที
“หลงเฉิน ข้าทำสำเร็จ ข้าทำสำเร็จแล้ว!”
เย่วเสี่ยวเชี่ยวแสดงท่าทางตื่นเต้นดีใจเป็นอยางมาก กับการโจมตีที่ประสบความสำเร็จของนาง
หลงเฉินตกตะลึง ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่กองกระดูกที่กระจัดกระจายนั้น แม้ประโยคเดียวก็ไม่สามารถเอ่ยออกมาได้ เขากำลังตื่นตะลึงเป็นอย่างมาก
เมื่อสักครู่เขาเห็นการโจมตีด้วยดาบของนางอย่างชัดเจน แสงของดาบในขณะที่ออกกระบวนท่านั้นไม่ได้เกิดจากพลังลมปราณ แต่กลับเป็นพลังลึกลับอีกชนิดหนึ่งที่เขาไม่เคยพบเห็นมาก่อน
ดาบส่งสายฟ้าตัดเข้าไปที่หัวของปีศาจสิบกว่าตัวกระจายไปทั่ว นี่เป็นการโจมตีที่ทรงพลัง สายฟ้าการโจมตีนับพันเส้น ฟันเข้าที่ซอกกระดูกอย่างแม่นยำ ที่เป็นการควบคุมพลังที่บ้าไปแล้ว ในที่สุดหลงเฉินก็เห็นถึงความน่ากลัวอย่างแท้จริงของเยว่เสี่ยวเฉียนแล้ว
แม้สติปัญญาของนางจะไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบกับฝีมือของนางได้ แต่หลงเฉินก็ต้องยอมรับว่า นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นมนุษย์ที่แข็งเเกร่งราวกับปีศาจจริงๆ
“หลงเฉิน หลงเฉิน!” เยว่เสี่ยวเฉียนเรียก ในตอนที่เขาหายจากอาการตกตะลึงก็รู้สึกถึงมืออุ่นซ่านบนเเขน เย่วเสี่ยวเฉียนกำลังดึงแขนเขาอยู่ “หลงเฉินเจ้ารีบเก็บแก่นผลึกสิ”
เมื่อเย่วเสี่ยวเฉียนกล่าวจบ ทันใดนั้นก็รู้สึกได้ว่าตนเองตื่นเต้นมากจนเกินไป จนเผลอลากแขนหลงเฉินไปมา เมื่อรู้ตัวดังนั้น จึงรีบปล่อยแขนของเขาออก แววตาที่งดงามนั้นดูลุกลี้ลุกลน แม้ว่าจะมองไม่เห็นใบหน้าทั้งหมดก็ตาม แต่หลงเฉินก็รู้ได้ว่าใบหน้าของนางในขณะนี้ต้องแดงมากอย่างแน่นอน เพราะใบหูของนางก็ขึ้นสีแดงจัด
หลงเฉินอดขำไม่ได้ แต่ก็กลืนเสียงหัวเราะลงท้องไป และไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา เขารีบใช้พลังแห่งจิตวิญญาณควบคุมบันทึกแผ่นทองให้รวมรวบผลึกปีศาจขึ้นมา หลั้งจากนั้นหลงเฉินและเยว่เสี่ยวเฉียนก็ใช้วิธีเช่นนี้รับมือกับโครงกระดูกปีศาจต่อไปเรื่อยๆ
ในเวลาเพียงไม่นานก็สามารถตัดหัวปีศาจไปได้สามสิบกว่าหัว หลงเฉินพบว่าเยว่เสี่ยวเฉียนสามารถรับมือกับมันได้ดีอย่างยิ่ง ดาบที่คมกริบทำลายกลุ่มปีศาจได้อย่างหมดจด แม่นยำ
หลังผ่านไปหลายชั่วโมง หลงเฉินจำไม่ได้แล้วว่ามีปีศาจกี่ตัวที่ถูกคลื่นพลังสายฟ้าฟาดเข้าไป อย่างไรก็ตามแววตาที่ยิ้มของเยว่เสี่ยวเฉียนก็ทำให้หลงเฉินรู้สึกหลงใหลมากขึ้นเรื่อยๆ
จากการกะประมาณอย่างคร่าวๆ หลงเฉินก็พบว่าพวกเขาจัดการโครงกระดูกปีศาจสองปีกไปแล้วไม่น้อยกว่าสี่ร้อยตัวอย่างแน่นอน หรือจะกล่าวได้อีกอย่างว่าได้ผลึกปีศาจมาสี่ร้อยกว่าอันแล้ว ในกระเป๋าของเยว่เสี่ยวเฉียน
“ตูม”
ปีศาจอีกสามสิบกว่าตัวถูกฟันเข้าที่ซอกกระดูกอย่างต่อเนื่อง และในที่สุดหลังจากรวบรวมผลึกปีศาจมาจนหมดแล้ว เหลือเพียงโครงกระดูกสีเหลืองทองเท่านั้นที่อยู่บนลานโล่ง
มองดูดาบสีโลหิตที่ปักอยู่ที่พื้น ในใจของหลงเฉินก็เต็มไปด้วยเปลวไฟลุกโชน ทั้งสองคนเดินเข้าไปหาดาบนั้นอย่างช้าๆ
“ชิ้ง”
ทันใดนั้นดาบสีโลหิตก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง รังสีสังหารอันเย็นเฉียบเข้าโอบล้อมทั้งสองคนทันที
.
.
.
* นิยายเรื่องนี้เป็นลิขสิทธิ์ของ Novel Kingdom (หจก.โนเวล คิงด้อม) *
**ไม่อนุญาตให้ดัดแปลง แก้ไขหรือเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืนทาง หจก. จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด**