ตอนที่แล้วตอนที่ 397 บันทึกลับแห่งการสรรค์สร้าง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 399 โครงกระดูกสีเหลืองทอง

ตอนที่ 398 ภูเขาโครงกระดูก


* นิยายเรื่องนี้เป็นลิขสิทธิ์ของ Novel Kingdom (หจก.โนเวล คิงด้อม) *

**ไม่อนุญาตให้ดัดแปลง แก้ไขหรือเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืนทาง หจก. จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด**

“กร๊อบ”

  

เสียงกะโหลกแตก ผลึกปีศาจหลุดออกมาจากพื้นที่ว่างระหว่างคิ้ว  โครงกระดูกขนาดใหญ่เมื่อไม่มีแก่นผลึกปีศาจก็พังทลายลงทันที

  

เมื่อเยว่เสี่ยวเฉียนมองเห็นโครงกระดูกที่พังทลายลง ในดวงตาทั้งสองข้างก็รู้สึกประหลาดใจ “คาดไม่ถึงว่าจะง่ายดายถึงเพียงนี้ ?”

  

หลงเฉินเกือบจะล้มทั้งยืนกลับการที่นางตกใจในวิธีการธรรมดาๆเช่นนี้ ? จนหลงเฉินเกือบจะคิดว่านางกำลังล้อเขาเล่นอยู่  

“ตูม”

ด้วยการชักนำพลังแห่งจิตวิญญาณผลึกปีศาจก็เข้ามาอยู่ในมือของหลงเฉิน ครั้งนี้หลงเฉินลองใช้พลังแห่งจิตวิญญาณสัมผัสกับพลังที่อยู่ด้านในของผลึก

  

ก็พบว่าในผลึกปีศาจเต็มไปด้วยเจตจำนงที่รุนแรงและดุร้าย มันเป็นเจตจำนงแห่งการเข่นฆ่าและทำลายอย่างเห็นได้ชัด

  

“เอาไปสิ” น้ำเสียงหลงเฉินดูไร้ชีวิตชีวายกแก่นผลึกนั้นให้เยว่เสี่ยวเฉียน

  

เยว่เสี่ยวเฉียนรับผลึกปีศาจมา ดวงตางดงามจ้องมองไปที่หลงเฉินและกล่าว “ไม่ใช่ว่าเจ้าอยากจะถามอะไรข้างั้นหรอกหรือ?”

  

“ไม่มีหนิ” หลงเฉินส่ายศีรษะพร้อมกับกล่าว

“โกหกอีกแล้ว เห็นอยู่ว่าเจ้าอยากรู้อยากเห็นมาก แต่ใจพยายามจะปิดบังความรู้สึก เหมือนกับที่ท่านแม่ว่าไว้ไม่มีผิด ผู้คนจากโลกภายนอกมักจะเป็นคนหน้าซื่อใจคด”

หลงเฉินกรอกตาขึ้นบนดูเหมือนว่า ตอนนี้นางจะกลับมาเป็นเยว่เสี่ยวเฉียนในร่างฉลาดอีกครั้งหนึ่งแล้ว หลงเฉินกล่าวโต้ตอบ “หากเจ้าใช้สติปัญญาในตอนนี้ของเจ้าในการต่อสู้ เจ้าคงจะไร้ผู้ต้านทาน”

  

“โกหก ท่านแม่ข้ากล่าวว่ายอดฝีมือสามารถกลายเป็นยอดฝีมือได้คือ เขาต้องมีจิตใจที่แข็งแกร่ง ไม่ใช่ว่าเรื่องอะไรก็จะสามารถแก้ไขได้ด้วยสติปัญญาเพียงอย่างเดียว และหากไม่เชื่อในศักยภาพของตัวเองก็จะไม่สามารถแข็งแกร่งได้”

หลงเฉินตกใจในคำพูดของมารดาเยว่เสี่ยวเฉียน เพราะมันเกือบจะสอดคล้องกับความคิดของหลงเฉิน ผู้แข็งแกร่งที่ต้องการแข็งแกร่งขึ้นไม่สามารถพึ่งพาเพียงสมองได้

  

แต่พวกเขาต้องเชื่อมั่นในตนเองมากกว่าเชื่อมั่นในสติปัญญาถึงจะเปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งขึ้น  สิ่งสำคัญที่ของสุดยอดฝีมือคือหัวใจไม่ใช่สมอง  

ฟังดูขัดแย้งเล็กน้อยทว่าหลงเฉินก็เชื่ออย่างนี้มาตลอด เมื่อเผชิญหน้ากับศัตรูเขาสามารถหาวิธีที่เหมาะสมในการจัดการกับมันด้วยสติปัญญา

  

ทว่าเมื่อหลงเฉินได้พึ่งพาสติปัญญาของตนเองและเเก้ไขเรื่องทั้งหมดด้วยสติปัญญาเพียงอย่างเดียว หัวใจและความแน่วเเน่ของเขาก็จะด้อยลงไปจนในที่สุดเขาก็จะหมดไฟ และใช้เพียงเเค่วิธีที่ง่ายๆแก้ไขทุกสิ่งด้วยปัญญา

  

ดังนั้นขณะเผชิญหน้ากับฝ่ายตรงข้ามหลงเฉินจึงใช้สติปัญญาในการต่อสู้ให้น้อยลง เขาต้องการใช้หมัดของเขาในการทำลายแผนการของศัตรู

 

สิ่งที่เขาต้องการคือพลังที่เด็ดขาดแน่วแน่ เพราะเมื่อเผชิญหน้ากับพลังที่เด็ดเดี่ยวไม่ว่าอุบายใดๆ ก็ล้วนเป็นเหมือนกับก้อนเมฆที่พร้อมจะเเตกกระจายไปได้ตลอดเวลา

  

“มารดาของเจ้าคือสุดยอดฝีมือตัวจริง” หลงเฉินอดไม่ได้ที่จะชื่นชม

  

“แน่นอน เพราะท่านแม่ของข้าคือปีศาจ...” เยว่เสี่ยวเฉียนเมื่อได้ฟังหลงเฉินยกย่องมารดาของนาง ก็มีความสุขมากแต่ทว่าพูดได้เพียงครึ่งทางก็ต้องหยุด

  

“พวกเรามุ่งไปข้างหน้าเถอะ” หลงเฉินยิ้มกล่าว ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น  

“หลงเฉิน เจ้าไม่กลัวข้ารึ?” เยว่เสี่ยวเฉียนกล่าวและเงียบไป

  

“ข้าไม่กลัวหรอก” หลงเฉินส่ายศีรษะแล้วกล่าว ในชีวิตข้าจะกลัวอะไรก็ได้ทั้งนั้นแต่ไม่ใช่สตรี

  

“เจ้าไม่ได้รู้ว่า ทำไมข้าถึงต้องรวบรวมผลึกปีศาจ แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยถามความเป็นมาของข้า เจ้าไม่กลัวข้าทำร้ายเจ้าหรือ?” เยว่เสี่ยวเฉียนถามอย่างแผ่วเบา

  

“ข้าว่าเจ้าสามารถอ่านใจได้นะ? เจ้ามองความคิดข้าไม่ออกหรือ?” หลงเฉินยิ้มมองเยว่เสี่ยวเฉียนและกล่าว

  

“แท้จริงแล้วข้าไม่สามารถอ่านใจได้จริงๆหรอก เพียงแค่แววตาของคน การแสดงออก ลมหายใจ การเต้นของหัวใจ ความร้อนของร่างกายและจิตวิญญาณที่เปลี่ยนไปนำมาตัดสินจิตใจของคนได้” นางกล่าว

 

“เป็นไปไม่ได้ ซับซ้อนขนาดนั้นเชียวหรือ? เจ้าต้องฝึกขนาดไหนถึงจะสามารถทำเช่นนี้ได้? เช่นนั้นแล้วเจ้าสามารถดูดวงของผู้คนได้หรือไม่?” หลงเฉินกล่าวถามอย่างสงสัย

  

“พูดจาเหลวไหล ใครจะทำนายดวงชะตาแบบนั้นได้ ท่านแม่ของข้ากล่าวว่าคนสังคมภายนอกนั้นร้ายกาจ ปากไม่ตรงกับใจและไม่เคยเปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงออกมา ทุกคนมักจะตีสองหน้า พวกเขาสามารถยอมพวกเราก็เพื่อที่จะเเทงพวกเราจากข้างหลังได้” เยว่เสี่ยวเฉียนกล่าวด้วยโทสะเล็กน้อย

  

“มารดาของเจ้ากล่าวได้ไม่เลว ไม่ว่าธรรมะหรืออธรรมทั้งสองฝ่ายก็ล้วนแต่ปากปราศรัยน้ำใจเชือดคอ มีพิษอันตรายโดยเฉพาะฝ่ายธรรมะมีความร้ายกาจมากกว่าอธรรมเสียอีก” หลงเฉินกล่าวและถอนหายใจ

  

น้ำเสียงของหลงเฉินดูเยาะเย้ยตัวเองลึกๆเพราะศิษย์ฝ่ายธรรมะอยากให้เขาตายมากที่สุด นี้เป็นเพียงการเหน็บแหนมครั้งใหญ่

  

เมื่อเทียบกับฝ่ายอธรรมที่โหดเหี้ยมแต่ตรงไปตรงมา ขณะที่ฝ่ายธรรมเจ้าเล่ห์เพทุบายฆ่าคนอย่างเลือดเย็น เพื่อให้ตัวเองได้ในสิ่งที่ต้องการ

  

ผิดกับฝ่ายอธรรมที่แทบจะไม่เคยแทงใครจากข้างหลัง พวกเขาแม้จะป่าเถื่อนแต่ก็จะต่อสู้กันอย่างเปิดเผย ผู้ที่รอดคือผู้ที่เเข็งเเกร่งที่สุดนี่คือกฎสำคัญของพวกเขา

  

แต่ฝ่ายธรรมะไม่ใช่อย่างนั้น ทุกอย่างดูสกปรก กฎซ่อนเร้นต่างๆ คนที่ไม่มีความสามารถจะถูกปิดกั้นทางไปสู่พรสวรรค์ ใครที่ใช้อำนาจคุกคามพวกเขาล้วนต้องตายอย่างลับๆ

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้แล้วหลงเฉินก็เกิดโทสะขึ้นมาอีกครั้ง ภาพของหานเทียนเฟิงและหานเทียนหวู่ปรากฎขึ้นมาหัวของเขา หนี้ในครั้งนี้จะต้องได้รับการชำระ

“หลงเฉินเจ้าเป็นคนเลวหรือไม่?” เยว่เสี่ยวเฉียนเห็นความคิดของหลงเฉินที่เห็นด้วยกับมารดาของนาง ก็เท่ากับว่าเขานับตัวเองรวมเข้าไปในกลุ่มคนเลวพวกนั้นด้วยมิใช่หรือ?

  

“ถูกต้อง ข้าคือคนเลว ต่อไปก็จะยิ่งชั่วมากขึ้น” หลงเฉินพยักศีรษะกล่าว

 

“ทำไมล่ะ?” เยว่เสี่ยวเฉียนไม่เข้าใจ

  

“ช่างเถอะ พูดไปเจ้าก็ไม่เข้าใจ” หลงเฉินส่ายศีรษะ เขาพอจะเข้าใจว่าเยว่เสี่ยวเฉียนเป็นคนเช่นไร

แม้ว่าที่มาของนางจะยังเป็นปริศนาและพลังฝีมือของนางก็ร้ายกาจอย่างน่าประหลาด แต่ไม่ว่าจะดูยังไงก็เหมือนกับพวกมือใหม่อ่อนต่อโลกยิ่งนัก ถ้าเทียบกับจิ้งจอกเฒ่าอย่างหลงเฉินที่ผ่านประสบการณ์มาอย่างโชกโชน พวกเขาไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกัน หลงเฉินจึงไม่อยากจะเสียเเรงอธิบายให้นางฟัง

  

ทว่าอย่างไรก็ตาม นางก็ช่วยชีวิตหลงเฉินบุญคุณนี้ต้องตอบแทน แม้นางจะต้องการผลึกปีศาจหลงเฉินก็จะช่วยรวบรวมมัน

  

สำหรับต้นกำเนิดของนาง หลงเฉินไม่สนใจในเมื่อนางปฎิเสธที่จะพูดออกมา ทุกคนย่อมมีความลับที่ไม่สามารถบรรยายได้ ความอยากรู้อยากเห็นไม่ใช่นิสัยของหลงเฉิน

  

“ถ้าอย่างนั้นก็ช่างมัน แต่ข้ารู้สึกว่าเจ้าไม่ได้เป็นคนเลวอะไรขนาดนั้น” เยว่เสี่ยวเฉียนกล่าว

  

หลงเฉินเกือบจะหัวเราะออกมา เนื่องจากประโยคนี้ฟังดูแปลกๆไม่ได้เป็นคน"เลวขนาดนั้น" คำพูดนี้ไม่เท่ากับจะบอกว่าตอนนี้หลงเฉินเป็นคนเลวไปแล้วหรอกหรือ?

  

นางยังไม่เข้าใจความหมายของคำว่าเลวที่แท้จริง หลงเฉินก็ขี้เกียจจะอธิบาย หลังจากที่เดินทางมาไกลกับเยว่เสี่ยวเฉียนทางด้านหน้าก็เปลี่ยนเป็นเส้นทางที่คดเคี้ยวขึ้นมา

  

หลังจากที่พวกเขาเดินผ่านเส้นทางที่คดเคี้ยวพวกนั้นแล้ว ทันใดนั้นก็ปรากฏกองโครงกระดูกอยู่ด้านหน้าที่มีจำนวนเป็นร้อยเลยทีเดียว พวกมันมีจำนวนมากกองกันสูงเป็นภูเขา

หลงเฉินและเยว่เสี่ยวเฉียนกระโดดถอยหลังด้วยความตกใจ พวกเขาคาดไม่ถึงว่าจะเห็นภาพแบบนี้ ตรงพื้นที่ด้านหน้าพวกเขาดูสะอาดดี และก็มีกองโครงกระดูกอยู่

  

ที่ว่างตรงนั้นมีโครงกระดูกอีกตัวหนึ่งอยู่ โครงกระดูกนั้นสูงมากกว่าหนึ่งจั้งหลังจากผ่านไปหลายปี เสื้อผ้าและเนื้อบนตัวก็สลายไป เหลือแต่โครงกระดูกคล้ายโลหะสีเหลืองทอง

  

โครงกระดูกมีสีเหลืองทองทั่วทั้งตัวเหมือนกับโลหะสีทอง และตัวของมันก็ปลดปล่อยพลังกดดันที่น่าหวาดกลัวออกมา

  

แม้แต่ในระยะทางที่ห่างหลายพันจั้งก็ยังคงรับรู้ได้ถึงพลังที่แข็งแกร่งของโครงกระดูก ราวกับคลื่นยักษ์ในทะเลกำลังซัดพื้นที่รอบๆอย่างบ้าคลั่ง

  

ในมือของโครงกระดูกนั้นจับดาบสีแดงโลหิตปักอยู่บนดิน แม้ว่าจะตายไปนานแล้วแต่ก็ยังยืนอยู่ตรงนั้นได้ ช่างมีจิตวิญญาณความแน่วแน่ในการต่อสู้ที่แรงกล้า

  

“ช่างเป็นความแน่วแน่ที่ทรงพลังอย่างยิ่ง” หลงเฉินอดไม่ได้ที่จะตะลึง ในโลกนี้มียอดฝีมือที่น่ากลัวถึงเพียงนี้ด้วยหรือ?

  

ถ้าดูจากสภาพเเวดล้อมแล้ว ยังไงปีศาจสองปีกที่กองกันเป็นภูเขาก็น่าจะถูกคนผู้นี้ฆ่า คนผู้นี้สู้กับพวกมันจนหมดพลังลงไป จากนั้นก็ตายลงที่นี่อย่างนั้นหรือ?  

 

“ผู้นั้นน่าจะเป็นนักรบเผ่าคนเถื่อนจากยุคสมัยโบราณ พวกเขาถูกเรียกว่านักรบที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก ความกล้าหาญและพลังการต่อสู้ของพวกเขามีมากพอที่จะสั่นสะเทือนสวรรค์ได้เลย” เยว่เสี่ยวเฉียนมองดูโครงกระดูกนั้น อดไม่ได้ที่จะตกใจและกล่าวด้วยน้ำเสียงพรึมพร่ำ

 

“เผ่าคนเถื่อน?” หลงเฉินงุนงง

  

“ไม่ได้เป็นคนเถื่อนในแบบที่เจ้าเข้าใจ โลกในยุคโบราณเริ่มเเรกมามีทั้งหมดเจ็ดเผ่า พวกเขาก็เป็นหนึ่งในนั้น บรรพบุรุษของพวกเขาคือเทพที่ถูกเรียกว่าเทพแห่งนักรบคนเถื่อน” เยว่เสี่ยวเฉียนกระซิบเบาๆ

  

“โลกนี้มีเทพจริงๆงั้นหรือ?” หลงเฉินถามขึ้นมาทันที

  

เยว่เสี่ยวเฉียนลังเลสักครู่ ในที่สุดก็เอ่ยคำพูดออกมา "มี"

  

คำนี้ทำให้ในใจของหลงเฉินเกิดคลื่นโหมซัดอย่างบ้าคลั่ง บนโลกนี้ยังคงมีเทพอยู่จริงๆ

  

งั้นตำนานที่เล่าสืบต่อกันมาก็คือเรื่องจริง เทพสมัยโบราณมีอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่ง

  

หากเป็นเรื่องจริง เทพในยุคอมตะมีอยู่ทุกหนทุกแห่งเลยหรือ ? เพียงเเค่พวกเขาสะบัดมือก็ทำให้ดวงดาวแตกระเบิดได้และพวกเขาก็แข็งแกร่งพอที่จะสั่นคลอนโลกนี้ได้ ?

ถ้านั่นเป็นเรื่องจริง ความฝันของหลงเฉินก็อาจจะไม่ใช่ความฝันที่เพ้อฝันธรรมดาๆ เขาเห็นชายคนหนึ่งที่มีวงแหวนแห่งเทพอยู่ด้านหลัง หรือบางทีคนคนนั้นอาจจะเป็นเทพจริงๆ เขากำลังต่อสู้กับสัตว์ที่ทรงพลัง สัตว์ตัวนั้นมีสามหัวและเก้าหาง

  

“ขอบใจเจ้ามาก คำตอบของเจ้านั้นสำคัญกับข้ามาก” หลงเฉินกล่าวอย่างซาบซึ้ง นี่ทำให้เขามั่นใจในเรื่องเรื่องหนึ่งคือ วิชาเคล็ดกายานวดาราไม่ใช่ทักษะการต่อสู้ธรรมดาแต่เป็นวิชาแห่งเทพ

  

ถ้าหากต้องฝึกฝนเคล็ดกายานวดาราอย่างลำบากก็จะสามารถเป็นเทพได้ ภาพในหัวนึกถึงวงแหวนแห่งเทพของคนในความฝันนั้นยิ่งใหญ่จนสามารถฉีกสวรรค์ได้ เรื่องนี้ทำให้เลือดในกายเขาเดือดพุ่งพล่านขึ้นมา

  

“พวกเราไปกันเถอะ” เยว่เสี่ยวเฉียนพยักหน้ายิ้มเล็กน้อยและกล่าว

  

“ไป? ทำไม? ผลึกปีศาจนั้นเจ้าไม่ต้องการแล้วหรือ?” หลงเฉินอดถามไม่ได้

  

“ที่นี่มีโครงกระดูกอยู่มากเกินไปและพวกมันก็อยู่ชิดกันมาก เจ้าไม่สามารถจัดการพวกมันทีละตัวได้ เรายอมเเพ้เพียงเท่านี้เถิด ไม่เช่นนั้นอาจเป็นพวกเราที่ต้องเอาชีวิตไปทิ้ง” เยว่เสี่ยวเฉียนส่ายศรีษะ

  

แม้ว่านางจะอยากได้ผลึกปีศาจพวกนั้นมากแต่นางก็ฉลาดพอที่จะเลือกยอมเเพ้ ถ้าพวกเขาไปทำให้โครงกระดูกพวกนั้นมีปฎิกิริยาขึ้นมา พวกเขาทั้งสองก็คงจะไม่พ้นความตายอย่างแน่นอน

  

“ยอมแพ้เช่นนี้ ไม่ใช่นิสัยของข้า” หลงเฉินส่ายศีรษะกล่าว

  

“หลงเฉินอย่าเสี่ยง ของล้ำค่าก็จำเป็นต้องมีชีวิตอยู่เพื่อได้มันมา”

  

“แต่ว่า......” หัวใจหลงเฉินยังไม่อยากที่จะยอมง่ายๆ

  

“ขอบใจเจ้ามากหลงเฉิน แค่ได้รับผลึกปีศาจสองเม็ดนี้ข้าก็พอใจมากแล้วล่ะ อย่างน้อยๆมันก็น่าจะแก้วิกฤติของเผ่าข้าได้” เยว่เสี่ยวเฉียนกล่าวอย่างซาบซึ้ง

  

นางไม่คาดคิดว่าหลงเฉินจะเป็นคนยึดสัจจะเป็นหลักขนาดนี้ ผลึกปีศาจนั้นสำคัญกับนางมากจริงๆ แม้นางยอมแพ้แล้ว แต่หลงเฉินยังคิดจะเอาผลึกปีศาจมาให้อีกทำให้นางประทับใจจริงๆ

“เจ้าพอใจ ทว่าข้ายังไม่พอใจ ข้าต้องการดาบเล่มนั้น” หลงเฉินมองดูดาบสีแดงโลหิตที่ปักอยู่บนพื้น ดวงตาทั้งสองข้างราวกับมีเปลวไฟ   

“เจ้า...มันร้ายกาจนัก” เยว่เสี่ยวเฉียนเพิ่งรู้ว่าเมื่อสักครู่นี้ นางทราบซึ้งในเรื่องเข้าใจผิด แท้จริงแล้วหลงเฉินต้องการดาบเพื่อตัวเองจึงดึงดันไม่ยอมถอยไปง่ายๆ

  

“ไอ๋หยา เจ้ามันบ้าไปแล้ว บิดแขนข้าทำไม”

  

หลงเฉินรู้สึกปวดที่แขนเป็นอย่างมาก ไม่รู้ว่าเยว่เสี่ยวเฉียนใช้พลังอะไร นางจึงสามารถทำให้ร่างกายที่แข็งเเกร่งเหนือมนุษย์ของหลงเฉินไร้เเรงต้านได้ จนทำให้เขาเจ็บได้ถึงเพียงนี้

  

“เจ้า....” เยว่เสี่ยวเฉียนเห็นหลงเฉินโกรธนางก็รู้สึกผิดขึ้นมา เริ่มจะมีน้ำตาไหลออกมา "ท่านแม่พูดถูกจริงๆ คนของโลกภายนอกร้ายกาจจริงๆ! เจ้าเองก็เป็นคนเลวด้วย" เยว่เสี่ยวเฉียนเริ่มจะร้องไห้ออกมา 

 

หลงเฉินคิดไม่ถึงว่าตัวเองจะทำให้สตรีที่แข็งแกร่งผู้นี้ร้องไห้

  

“โอ๋ๆๆ อย่าร้องเลย ข้าขอโทษเจ้าแล้วกัน ข้าจะพยายามอย่างดีที่สุด ช่วยให้เจ้าได้รับผลึกปีศาจมากกว่าเดิม ดีหรือไม่?” หลงเฉินรีบเสนอ

  

“จริงรึ? เช่นนั้นนับว่ามีคุณธรรม” เยว่เสี่ยวเฉียนกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่ได้

ในใจหลงเฉินไม่มีคำพูดแต่อย่างใด แม้สตรีผู้นี้จะแข็งแกร่งแต่ก็ราวกับเด็กน้อยช่างไม่เข้ากันเสียเลย

  

ทั้งสองค่อยๆเดินไปข้างหน้าโดยเป้าหมายของหลงเฉินก็คือ กองโครงกระดูก

.

.

.

* นิยายเรื่องนี้เป็นลิขสิทธิ์ของ Novel Kingdom (หจก.โนเวล คิงด้อม) *

**ไม่อนุญาตให้ดัดแปลง แก้ไขหรือเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืนทาง หจก. จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด**

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด