ตอนที่แล้วตอนที่ 390 พลังของดาราแปรแสง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 392 เพลิงโทสะที่แผดเผา

ตอนที่ 391  การเผชิญหน้ากับศัตรู


* นิยายเรื่องนี้เป็นลิขสิทธิ์ของ Novel Kingdom (หจก.โนเวล คิงด้อม) *

**ไม่อนุญาตให้ดัดแปลง แก้ไขหรือเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืนทาง หจก. จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด**

เป็นเวลาเกือบสี่เดือนแล้วนับตั้งแต่ที่หลงเฉินได้เข้ามายังขอบเขตแดนลับนพเก้า ตลอดเวลาที่ผ่านมานี้ศิษย์ฝ่ายธรรมะและอธรรมจำนวนนับไม่ถ้วน ต่างก็เปรียบเสมือนดั่งปลาที่ว่ายอยู่ในมหาสมุทร ซึ่งต่างคนต่างก็มุ่งหน้าตรงไปยังพื้นที่ที่ทำเครื่องหมายไว้บนแผนที่

ตลอดเวลาสี่เดือนนี้จะว่านานก็ไม่นานจะว่าสั้นก็ไม่สั้น มียอดฝีมือจำนวนมากที่ได้วางแผนไว้ก่อนที่จะเข้ามายังขอบเขตแดนลับ

มีเพียงแค่หลงเฉินที่ไม่ได้เตรียมการมาก่อน ตอนที่เข้ามายังขอบเขตแดนลับหลิงหวินจื่อก็ได้เคยเตือนพวกเขาไว้แล้วเกี่ยวกับการเข้ามาในครั้งนี้

สถานที่แห่งนี้มีความอันตรายที่มากเป็นอย่างยิ่ง  แม้ว่าจะมีโชคลาภวาสนามากมายแต่ว่าคนที่ต้องการแย่งชิงนั้นก็มีจำนวนมาก หลิงหวินจื่อไม่ได้คาดหวังว่าพวกเขาจะได้รับสิ่งใดเพียงแต่หวังว่าพวกเขาจะมีชีวิตรอดกลับออกมาเท่านั้น

ความกังวลใจของหลิงหวินจื่อนั้นไม่ผิดแม้แต่น้อย หลงเฉินเองก็เข้าใจความกังวลของหลิงหวินจื่อดี หลังจากที่เข้ามายังขอบเขตแดนลับนพเก้าแล้ว เขาก็พบว่าตัวเองได้ดูถูกพรสวรรค์ของคนอื่นไปมากจริงๆ

บนโลกใบนี้ ไม่ได้มีเพียงหานเทียนหวู่และหยินหลอสองคนที่มีพรสวรรค์ การได้เจอกับฮั่วอู๋ฟางทำให้หลงเฉินรู้ว่ายังมียอดฝีมือจำนวนมากซ่อนตัวอยู่ ม้ามืดนั้นมิใช่มีเพียงหลงเฉินเพียงผู้เดียว

 

ใครจะไปรู้ว่าจะมีคนแบบฮั่วอู๋ฟางซ่อนอยู่อีกสักกี่คน แม้จะเป็นถึงยอดฝีมือแต่หากประมาทเพียงเล็กน้อยก็สามารถจบชีวิตได้เช่นกัน

ในเวลานี้จิตใจของหลงเฉินก็เริ่มผ่อนคลายมากขึ้น แม้ว่าบรรยากาศภายในขอบเขตแดนลับนพเก้าจะมืดครึ้มเป็นสีเทา แต่หลงเฉินก็รู้สึกราวกับว่าเป็นสถานที่ที่มีท้องฟ้าแจ่มใสและแสนจะสบาย

เพราะในเวลานี้เมื่อเขาเบิกจุดดาราแปรแสงได้สำเร็จ แม้ว่าจะยังเป็นเพียงตัวอ่อนอยู่ แต่หลงเฉินก็รู้สึกว่าร่างกายของตนเองนั้นราวกับว่าเปลี่ยนแปลงไปเป็นคนละคน

นี่เป็นสิ่งที่ทำให้หลงเฉินเกิดความมั่นใจเป็นอย่างมาก ในขณะนี้เขาไม่เกรงกลัวใครหน้าไหนทั้งนั้น ตอนนี้หลงเฉินจึงสามารถพูดได้ว่าเขานั้นคือผู้ไร้เทียมทาน

แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้หลงเฉินรู้สึกสงสัยและแปลกใจคือ เขาไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใดถึงรู้สึกได้ว่า ภายในขอบเขตแดนลับนพเก้าได้มีสิ่งหนึ่งที่กำลังเรียกหาเขาอยู่

หลังจากที่เบิกจุดดาราแปรแสงแล้ว สิ่งที่เรียกหาเขาก็เพิ่มความรุนแรงมากขึ้นแต่หลงเฉินก็ไม่อาจทราบได้ว่ามันอยู่ในทิศทางใด

 

ก่อนหน้าที่จะเข้าสู่ขอบเขตแดนลับนพเก้านั้น หลงเฉินก็เริ่มรับรู้ได้ถึงการเรียกที่แผ่วเบาจากสิ่งหนึ่ง แต่หลังจากที่เขาเข้ามาภายในขอบเขตแดนลับแล้วก็รู้สึกได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น

 

ตอนแรกหลงเฉินคิดว่าอาจเกี่ยวข้องกับวิชาเคล็ดกายานวดารา และคิดว่าเป็นเพราะผลกิเลนที่เรียกหาเขา

เพราะในตอนแรกที่เขาไม่มีผลกิเลนจึงทำให้ไม่สามารถก่อรวมดาราแปรแสงออกมาได้ แต่ทว่าเมื่อได้พบเห็นผลกิเลนหลงเฉินก็รู้สึกว่าสิ่งนั้นก็ยังคงเรียกหาเขาอยู่ไม่เปลี่ยนเเปลง

หากไม่เกิดการปะทะกับหยินหลอเขาก็คงจะไม่ได้ผลกิเลนมาครอบครอง ดังนั้นสิ่งที่กำลังเรียกหาเขาอยูู่คงไม่มีความเกี่ยวข้องกับผลกิเลนอย่างแน่นอน

เมื่อหลงเฉินไม่สามารถทำอะไรกับเรื่องนี้ได้ เขาจึงต้องมุ่งหน้าต่อไป  หากสิ่งนั้นเป็นของเขาก็คงจะพบเจอได้เองโดยที่ไม่ต้องขวนขวาย แต่ถ้าไม่ใช่ของเขาก็คงไม่เกิดเสียงเรียกนี้ขึ้นมา

หลงเฉินทำได้เพียงแค่คิดว่าโชคชะตานั้นยังมาไม่ถึง เขาจึงค่อยๆเดินต่อไป ขอบเขตแดนลับนพเก้าก็ยังคงเหลือเวลาอีกเกือบแปดเดือน ซึ่งถือได้ว่ายังเหลือเวลาอีกมาก

ในเมื่อเขาไม่รู้ว่าโอกาสและวาสนามีอยู่ตรงไหนบ้าง ก็ต้องปิดตาค้นหาดูแล้วกัน หลงเฉินมองไปยังใจกลางขอบเขตแดนลับนพเก้าที่อยู่บนแผนที่

ที่นั่นคือหุบเหวปีศาจ ซึ่งเป็นเหวลึกที่ไม่มีใครรู้ว่ามีความลึกแค่ไหน ภายในเต็มไปด้วยพลังของปีศาจร้ายที่สามารถทำให้คนขนหัวลุกได้

เพราะพลังแห่งปีศาจร้ายที่แผ่ซ่านปกคลุมไปทั่วเหวลึกนั้น ทำให้คนทั่วไปยากที่จะต้านทานได้ คนที่เข้าใกล้เหวลึกนี้ล้วนถูกพลังแห่งปีศาจร้ายกัดกร่อนจนกลายเป็นบ้า

  

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมามียอดฝีมือจำนวนไม่น้อยได้มาเยือนที่นี่เพื่อหาความลับของหุบเหวปีศาจ แต่ยอดฝีมือจำนวนมากเหล่านี้ก็ล้วนต้องจบชีวิตลงทั้งหมด

 

มีสุดยอดฝีมือที่มีความแข็งแกร่งในขอบเขตปรือกระดูกผู้หนึ่งกล่าวไว้ว่า เขาได้พยายามเข้าไปในหุบเหวนั้นเป็นระยะทางลึกกว่าร้อยจั้ง แต่ก็ถูกแรงกดดันที่น่ากลัวเข้ากดดันทำลายร่างของเขา อีกเพียงนิดเดียวร่างของเขาก็จะแตกระเบิดแล้ว

 

แม้จะเข้าไปได้ถึงร้อยจั้ง แต่ก็ไม่พบเจอสิ่งใดและยังไม่สามารถมองเห็นภายในของเหวลึกได้ หลังจากนั้นจึงไม่มีใครกล้าเข้าไปที่นั่นอีกเลย

 

ดังนั้นจึงทำให้ที่นั่นถูกเรียกว่าสถานที่แห่งความตาย ถึงแม้เวลาจะผ่านไปหลายปี แต่ก็ยังไม่มีใครได้รับชัยชนะกลับออกมา มีแต่เอาชีวิตไปทิ้งไว้เท่านั้น พวกที่ตายนั้นก็ล้วนเป็นถึงสุดยอดฝีมือที่เก่งกาจทั้งสิ้น

คนที่กล้าเข้ามายังหุบเหวลึกปีศาจนี้ ล้วนแต่เป็นคนที่ทะนงตนอย่างมาก เพราะพวกเขาต่างก็มีการฝึกที่แข็งแกร่งและฝีมือการป้องกันอยู่ตัวไม่น้อย แต่เพราะความมั่นใจนี้จึงทำให้พวกเค้าต้องมาจบชีวิตลง

การที่หลงเฉินเลือกมายังหุบเหวลึกปีศาจนั้นมีอยู่สองประการ หนึ่งก็เป็นเพราะความอยากรู้อยากเห็นเขาเอง ก็เหมือนกับยอดฝีมือคนอื่นๆที่เชื่อมั่นในพลังที่แข็งแกร่งของตัวเอง สองก็คือขอบเขตแดนลับนี้เปิดมาสี่เดือนแล้ว

ตามสถานที่ทั่วไปสมบัติก็คงถูกผู้อื่นชิงไปหมดแล้ว การจะได้สมบัติมาจึงต้องเลือกสถานที่ที่ไม่มีคนไป

แต่ว่าในขอบเขตแดนลับนพเก้านั้นไม่มีใครรู้ว่ามีขนาดใหญ่เพียงใด หากไม่ดูตามแผนที่ก็ยากที่จะเจอจุดมุ่งหมาย เมื่อถึงเวลาที่ขอบเขตแดนลับปิดลง แล้วกลับมาไม่ทันคนเหล่านั้นก็จะไม่ได้ออกไปอีกเลย

หลังจากพิจารณาไตร่ตรองอย่างดีแล้ว หลงเฉินก็มีหุบเหวปีศาจเป็นจุดมุ่งหมายของเขา เขาไม่ได้หวังว่าจะได้รับอะไรจากการไปเยือนในครั้งนี้ เพียงแค่อยากจะเห็นว่าหุบเหวลึกปีศาจนี้เป็นเช่นไร

ถ้าเกิดมันอันตรายอย่างที่ว่ากันจริงๆ เขาก็จะไม่ฝืนเข้าไปจนลึก ดังนั้นเขาก็เเค่ออกมาก่อนเกิดอันตราย หรืออย่างแย่ที่สุดเขาก็เพียงเเค่เสียเวลาเท่านั้น

“ปัง”

ทันใดนั้นหลงเฉินก็ได้ยินเสียงกึกก้องมาจากระยะไกลเป็นลมกรรโชกแรงขึ้นมา มีคนกำลังต่อสู้กันอยู่นั่นเอง

การต่อสู้ที่เกิดขึ้นในขอบเขตแดนลับนพเก้านี้ ไม่มีใครรู้ได้เลยว่าแต่ละวันจะมีคนตายไปสักเท่าไร

  

ความอันตรายอีกอย่างของขอบเขตแดนลับนพเก้าคือ คนที่ตายอยู่ในขอบเขตแดนลับเกือบทั้งหมดนั้นเกิดมาจากการต่อสู้

หลงเฉินเกิดความสงสัยขึ้นจนต้องเร่งฝีเท้าวิ่งตรงไปข้างหน้า เพื่อไปดูเหตุการณ์การต่อสู้กันในครั้งนี้ เขาไม่ต้องการลงมือใดๆ เพียงเข้าไปดูจากเหตุการณ์ตรงหน้าก็เพียงพอแล้ว

ชั่วพริบตาเดียวเขาก็ไปไกลถึงร้อยลี้ หลงเฉินมองดูการต่อสู้ของคนสี่คนที่อยู่ไกลออกไป แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจก็คือหนึ่งในนั้นมีสตรีสวมอาภรณ์ยาวร่วมต่อสู้อยู่ด้วย

แต่ที่ทำให้เขาประหลาดใจยิ่งขึ้นไปอีกคือ ทั้งสี่คนนี้ล้วนเป็นผู้อยู่เหนือขอบเขต แต่สตรีผู้นั้นต้องสู้กับศัตรูที่เป็นถึงผู้อยู่เหนือขอบเขตถึงสามคนจึงทำให้นางมีสภาพเหมือนสุนัขจนตรอกต่อสู้พลางกระโดดหนีไปพลาง

ด้วยความเสียเปรียบเรื่องจำนวนคนนั้น สตรีที่ต่อสู้ตัวคนเดียวกำลังเสียเปรียบอย่างหนัก แม้ร่างกายจะเต็มไปด้วยบาดเเผลหลายเเห่งจนมีโลหิตสีแดงสดไหลออกมา ทว่านางก็ยังคงกัดฟันสู้อยู่อย่างไม่ยอมแพ้

“สามรุมหนึ่ง ? ช่างน่าเบื่อเสียจริง”

หลงเฉินส่ายหน้าไปมา การต่อสู้สังหารภายในขอบเขตแดนลับนพเก้าที่เกิดขึ้นในตอนนี้ หลงเฉินไม่ได้คิดว่า ตนเองเป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่แท้จริงหรือเป็นอวตารของวีระบุรุษแต่อย่างใด เขาอยากเป็นเพียงบุรุษที่สง่างามที่มีความสงบคนหนึ่งเพียงเท่านั้น เขาจึงได้แค่ยืนดูโดยไม่ได้เข้าไปร่วมแต่อย่างใด  เพราะภายในขอบเขตแดนลับนพเก้าไม่สามารถไว้ใจใครได้ทั้งนั้นมีเพียงตัวเองที่สามารถเชื่อใจได้

หลงเฉินเชื่อกฎอยู่เพียงข้อเดียวก็คือ ไม่กระทำข้าข้าก็ไม่กระทำเจ้า เขาไม่ได้อยากจะทำตัวเป็นวีระบุรุษแต่อย่างใด เขาเพียงแค่ต้องการปกป้องคนข้างกายของเขาเพียงเท่านั้น

หลงเฉินที่กำลังยืนนิ่งก็มีสิ่งที่ทำให้เขาคาดไม่ถึงคือ สตรีนางนั้นขณะที่กำลังต่อสู้อยู่ก็กระโดดเข้ามาทางเขา

“ทำเป็นไม่เห็นละกัน” หลงเฉินบอกตัวเอง เรื่องของสตรีน่าวุ่นวายการไม่เข้าไปยุ่งจะดีที่สุด

“ปัง”

ลมหายใจของสตรีผู้นั้นแผ่วเบาลง กระบี่ยาวในมือถูกชายคนหนึ่งปัดจนลอยไปรวมถึงตัวนางเองด้วย

“ตายซะ”

เสียงของชายคนหนึ่งดังขึ้น เมื่อมีโอกาสเขาจึงพุ่งดาบออกไปเพื่อจะแทงเข้ากลางอกของสตรีผู้นั้น นางกำลังจะตกลงมาที่พื้นพอดีทำให้ไม่มีทางที่จะหลบหนีไปได้

เมื่อสตรีผู้นั้นเห็นแล้วว่าเกินกว่าจะต้านทานได้ จึงหลับตาลงเตรียมรับกับความตายที่อยู่ตรงหน้า แต่ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงปะทะเกิดขึ้น  ร่างชายคนหนึ่งที่สวมใส่ชุดยาวในมือใหญ่กำดาบยาวของอีกฝ่ายแน่น ปรากฎกายขึ้นตรงหน้าของนาง

“เจ้าเด็กน้อย อย่ามายุ่งเรื่องของคนอื่น ไม่งั้นเจ้าเองก็จะตายเช่นกัน”

การปรากฎของหลงเฉินถึงกับทำให้ผู้อยู่เหนือขอบเขตทั้งสามตกตะลึง โดยเฉพาะการที่เขาสามารถใช้มือเปล่าจับดาบ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าตกใจเป็นอย่างยิ่ง แต่ทั้งสามคนก็ยังมองหลงเฉินเป็นเพียงแค่เด็กอมมือที่เพิ่งเข้าสู่ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นขั้นต้น

“มารดาเถอะ ก็บอกแล้วไงว่าจะไม่ลงมือทำไมเป็นเช่นนี้ได้ ข้าไม่สามารถห้ามตัวเองได้เลย?”  ใบหน้าหลงเฉินเต็มไปด้วยความขมขื่นพร้อมกับกล่าวตำหนิตัวเองในใจ

อันที่จริงเขาเองก็ไม่อยากเข้าไปยุ่ง แต่เมื่อเห็นว่าเห็นสตรีผู้นั้นกำลังจะถูกปลิดชีพต่อหน้าต่อตาเขาเองก็อดไม่ได้ที่จะลงมือ 

“พี่ชายรูปงามราวกับสุนัข เหตุใดถึงมารุมรังแกสตรีได้เล่า” หลงเฉินกล่าว

รูปงาม? ราวสุนัข? นี่คือชมหรือด่ากันแน่ ผู้อยู่เหนือขอบเขตทั้งสามโกรธเป็นอย่างมาก ชายที่ถูกหลงเฉินจับดาบยาวเอาไว้นั้นก็เอ่ยออกมา “เจ้าโจรถ่อย ไปตายซะ”

หลังจากด่าจบแล้วเขาก็ใช้แรงทั้งหมดดึงดาบของเขากลับมา แต่ทว่าดาบยาวดูเหมือนจะติดอยู่กับมือของหลงเฉินแล้ว แม้จะดึงออกมาด้วยแรงมากเพียงใด แต่ก็ไม่สามารถดึงออกมาได้  เขาใช้แรงดึงอย่างสุดกำลังจนหน้าเปลี่ยนเป็นสีม่วงคล้ำ

“ทำไมถึงด่าผู้อื่นล่ะ ? ทำหน้าอัปลักษณ์เช่นนี้ให้ใครดูงั้นหรือ” หลงเฉินทำสีหน้าไม่พอใจพร้อมกับกล่าว

  

จากที่มือของหลงเฉินกำลังจับดาบยาวอยู่นั้นก็ปล่อยมือทันที  ทำให้ด้ามดาบกระเเทกเข้าใส่ท้องของคนผู้นั้นอย่างแรง

“พรวด”

เลือดสดๆพุ่งออกมาจากปากของผู้อยู่เหนือขอบเขตผู้นั้น ร่างกายเขากระเด็นลอยออกไปไกลทำให้อีกสองคนที่เหลือถึงกับตกตะลึง ทันใดนั้นดาบทั้งสองของพวกเขาก็พุ่งเข้ามาที่หลงเฉินเพื่อหวังจะทำร้าย

“ไสหัวไปซะ”

 

หลงเฉินกล่าวพร้อมกับสะบัดมือทำให้เกิดสายลมที่น่าหวาดกลัวปรากฎขึ้น ดาบยาวของผู้อยู่เหนือขอบเขตทั้งสองยังไม่ทันจะถึงร่างของหลงเฉิน พวกเขาก็รู้สึกได้ว่าร่างกายสั่นสะท้านอย่างบ้าคลั่ง พร้อมกับเลือดที่พุ่งออกมาจากทางปากของพวกเขา

“เจ้า.......”

สร้างความตกใจให้กับทั้งสามคนเป็นอย่างมาก พวกเขาไม่คิดว่าเจ้าเด็กที่เพิ่งเข้าสู่ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นตอนต้นจะร้ายกาจถึงเพียงนี้

 

สตรีนางนั้นลุกขึ้นยืนพร้อมกับเดินเข้ามาเพื่อหวังจะกล่าวขอบคุณ ทว่าทันใดนั้นนางถึงกับตกตะลึง 

“หลงเฉิน”

  

หลงเฉินแปลกใจเล็กน้อยพร้อมกับมองหน้าสตรีนางนั้น ใบหน้าช่างคุ้นเสียจริงทันใดนั้นเขาก็นึกขึ้นมาได้

“ป่ายหลิง?”

สตรีผู้นั้นก็คือป่ายหลิงหัวหน้าของหมู่ตึกฮวาหวินแห่งจักรวรรดิ์เฟิงหมิง ที่ครั้งหนึ่งนางเคยพยายามชวนหลงเฉินเข้าร่วมกับหมู่ตึกฮวาหวินด้วย

เมื่อผู้อยู่เหนือขอบเขตทั้งสามคนนั้นได้ยินชื่อของหลงเฉินก็ถึงกับใบหน้าถอดสีรีบวิ่งหนีไปทันที

“หลงเฉินรีบฆ่าพวกมัน อย่าให้พวกมันหนีไปได้เด็ดขาด” สีหน้าของป่ายหลิงนั้นเต็มไปด้วยความกังวล

.

.

.

* นิยายเรื่องนี้เป็นลิขสิทธิ์ของ Novel Kingdom (หจก.โนเวล คิงด้อม) *

**ไม่อนุญาตให้ดัดแปลง แก้ไขหรือเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืนทาง หจก. จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด**

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด