ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0400
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0402

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0401


ตอนที่ 401 : ความกราดเกรี้ยวของราชันยุทธ์

เฟิงหงหลัน พอเห็นเว่ยจงเจิ้ง นางเผยอาการแตกตื่น รีบลุกขึ้นยืนพร้อมกล่าวเสียงเบา “คำนับผู้อาวุโส!”

“เด็กน้อย อย่าได้มากมารยาทแล้ว นั่งก่อน นั่งก่อน!” เว่ยจงเจิ้งไม่คิดกดดันอันใด เพียงแต่หัวเราะไม่หยุด

นี่ทำเอาเฟิงหงหลันประหลาดใจไม่น้อย เพราะจ้าวสำนักหรือผู้อาวุโสสำนัก สมควรต้องวางตัวให้มากกว่านี้

นางเคยได้ยิน ว่าเว่ยจงเจิ้งได้สังหารราชันยุทธ์อัคคีสวรรค์ นางจึงคิด ว่าเว่ยจงเจิ้งสมควรเป็นชายน่าสะพรึงกลัวโหดเหี้ยมคนหนึ่ง

แต่ตอนนี้ได้พบเว่ยจงเจิ้งด้วยตนเอง นางจึงพบว่าอีกฝ่ายเป็นชายชราใจดีผู้หนึ่ง

เว่ยจงเจิ้งนำผลไม้ออกมาหลายอย่าง วางไว้บนโต๊ะ ริมฝีปากเผยรอยยิ้มออก “ข้าเพิ่งไปพบมิตรสหายเก่าแก่มา พวกนี้ที่ข้าได้ติดมือกลับมาล้วนมีราคาไม่น้อย รีบกินกันก่อนดีกว่า!”

“จ้าวสำนักขอรับ นางคือหงหลัน!” ฉินหยุนเอ่ยคำ “วิญญาณยุทธ์กล้วยไม้แดงของนาง ถูกตำหนักโทเทมพรากจาก และใบหน้ายังโดนทำให้เสียโฉมโดยพิษประหลาดของตำหนักโทเทม! นี่สมควรเป็นขุนเขาลึกล้ำดาบบอกให้ตำหนักโทเทมลงมือ!”

เว่ยจงเจิ้ง ผู้ซึ่งเดิมทียิ้มกว้างจนถึงใบหู กลับกลายเป็นชะงักงัน จากนั้น เขาจึงลุกพรวดขึ้นอย่างมีโทสะ “ข้าจะออกเดินทาง ไปจัดการไอ้พวกสารเลวขุนเขาลึกล้ำดาบเหล่านั้น!”

เว่ยจงเจิ้งทราบจากฉินหยุน ว่าเฟิงหงหลันคือผู้มอบหญ้าลึกล้ำเยือกแข็งม่วงมาช่วยรักษาอาการบาดเจ็บ หากไม่แล้ว ฉินหยุนคงไม่ทราบว่าจะหาทางซื้อหญ้าลึกล้ำเยือกแข็งม่วงมาได้อย่างไร

เฟิงหงหลันถึงกับหวั่นไหว เป็นนางไม่คาดคิด ว่าเว่ยจงเจิ้งจะมีโทสะต่อเรื่องนี้ถึงเพียงนี้

“จ้าวสำนัก ท่านช่วยดูอาการบาดเจ็บของหงหลันก่อน! แก่นเต๋าของนางอาการไม่ดีนัก!” ฉินหยุนเอ่ยปาก

เว่ยจงเจิ้งสะกดโทสะภายใน เดินมาตรวจสอบแก่นเต๋าให้นาง “อาการหนักหนามาก แต่ยังสามารถรักษา เพียงแต่ไม่มีวิญญาณยุทธ์ นี่ออกจะมีปัญหาอยู่บ้างแล้ว!”

“เดิมข้าคิดเคลื่อนย้ายวิญญาณยุทธ์ที่มีใส่เข้าไป แต่แก่นเต๋ากลับต่อต้าน ข้าไม่อาจทำได้สำเร็จ” ฉินหยุนบอกเล่า

“วิญญาณยุทธ์แปรสภาพมักเป็นเช่นนี้ หากไม่มีวิญญาณยุทธ์กล้วยไม้แดง วิญญาณยุทธ์อื่นล้วนไม่อาจทำงานร่วมกับแก่นเต๋านี้!” เว่ยจงเจิ้งเผยสีหน้าหนักอึ้ง “ดูเหมือนข้าคงต้องสังหารสารเลวตัวนั้นจากตำหนักโทเทม แล้วฉกชิงเอาวิญญาณยุทธ์กล้วยไม้แดงกลับคืนมา!”

“ผู้อาวุโส! อย่าได้แล้ว! หากตำหนักโทเทมทราบเรื่องนี้ พวกมันต้องใช้ข่มขู่แน่! ข้าจะคิดหาทางอื่นเอง!” เฟิงหงหลันทราบดี ว่าตำหนักโทเทมน่าสะพรึงเพียงใด มันคือขั้วอำนาจที่มีราชันยุทธ์มากมายเข้าร่วม

“แม่นางเฟิง ให้ข้ารักษาอาการบาดเจ็บแก่นเต๋าของเจ้าก่อน! อย่างไรแล้ว เรื่องนี้ข้าไม่อาจปล่อยพวกมันไปได้!” เว่ยจงเจิ้งเดิมอารมณ์ดี ตอนนี้พอได้ทราบสถานการณ์ของเฟิงหงหลัน เขายิ่งมายิ่งมีโทสะล้นพ้น

เว่ยจงเจิ้งใช้พลังอันแกร่งกล้าของราชันยุทธ์ ทำการฟื้นฟูสภาพให้แก่นเต๋าของเฟิงหงหลันอย่างรวดเร็ว

ถัดจากนั้น เขาค่อยพิจารณาแผลเป็นจากพิษที่ใบหน้าของเฟิงหงหลัน

“โหดเหี้ยมอำมหิตนัก นี่เป็นพิษรอยสัก เป็นเลือดพิษของแมงมุมปีศาจโบราณ!” เว่ยจงเจิ้งยิ่งโกรธแค้น

“มีวิธีกำจัดพิษหรือไม่ขอรับ?” ฉินหยุนเอ่ยถาม

“จำเป็นต้องใช้ผลไม้ลึกล้ำวิจิตร เพื่อสกัดเป็นยาเหลว จากนั้นค่อยพอกกับผิวหนัง ทำการขับไล่พิษออกไป!” เว่ยจงเจิ้งกล่าว “ผลไม้ลึกล้ำวิจิตรยากพบเจอ แต่ไม่ใช่ว่าไม่มีเลย อย่างน้อยก็วางใจได้ว่าสามารถรักษา!”

ฉินหยุนค่อยโล่งใจได้บ้าง “ข้าจะฝากฝังตำหนักจารึกเทวะ ช่วยสืบหาแหล่งพบเจอหรือจำหน่ายผลไม้ลึกล้ำวิจิตรเองขอรับ!”

“ข้าขอตัวเดินทางไปขุนเขาลึกล้ำดาบก่อนแล้ว!” เว่ยจงเจิ้งเดินออกจากบ้านพักทันทีเมื่อกล่าวคำจบ

เฟิงหงหลันลุกขึ้นยืนด้วยอาการกังวล นางคิดอยากไล่ตามไปห้าม กระนั้น เว่ยจงเจิ้งก็จากไปไกลแล้ว “ฉินหยุน เหตุใดไม่ห้ามผู้อาวุโสเว่ยเอาไว้?”

ฉินหยุนหาได้กังวลเรื่องเว่ยจงเจิ้งไม่ เขาตบที่ไหล่ของเฟิงหงหลันและกล่าว “ข้าหยุดเขาไม่ได้อยู่แล้ว! วางใจเถอะ จ้าวสำนักเพียงไปจัดการขุนเขาลึกล้ำดาบ! พวกมันคงไม่นึกแน่ ว่าจ้าวสำนักจะยืนหยัดข้างเจ้าแสวงการแก้แค้นเพียงนี้!”

“หงหลัน ดีที่สุดหากเจ้าไม่ออกไปไหน ข้าจะฝากฝังตำหนักจารึกเทวะ ขอให้พวกเขาสืบหาสถานที่พบเจอผลไม้ลึกล้ำวิจิตร!”

“ขอบคุณแล้ว!” เฟิงหงหลันประทับใจนัก ดวงตาตอนนี้แทบจะร้องไห้ออก

“เหตุใดต้องมากมารยาทเพียงนี้? จริงด้วย หงหลัน เจ้าเจอป้าเชี่ยวในขุนเขาลึกล้ำเซียนเสียงหรือไม่?” ฉินหยุนยิ้มเอ่ยถาม

“ข้าไปพบนางมาแล้ว! ทั้งยังได้พูดคุยกับนาง ไม่คิดเลยว่านางจะเป็นคนที่ดีผู้หนึ่ง! นอกจากนี้ นางยังชี้แนะแก่ข้า ให้ไปจากขุนเขาลึกล้ำเซียนเสียงทันทีที่เป็นไปได้ เป็นข้าทำผิดพลาดเองที่ไม่เชื่อนาง!” เฟิงหงหลันถอนหายใจเบา

ฉินหยุนเอ่ยถาม “นางยังอยู่ที่ขุนเขาลึกล้ำเซียนเสียงหรือ?”

เฟิงหงหลันส่ายหน้า “ข้าไม่ทราบ นางบอกว่าเมื่อฝึกฝนเรียบร้อย จะไปจากขุนเขาลึกล้ำเซียนเสียง”

“อืม เช่นนั้นเจ้าไปพักผ่อนก่อนแล้วกัน!” ฉินหยุนส่งนางเข้าห้อง และค่อยเดินออกจากบ้านพัก

หอคอยของคฤหาสน์จารึกซึ่งตั้งอยู่ที่นี่ ก็คือตำหนักจารึกเทวะ

ที่ชั้นหนึ่ง มีเอาไว้จัดการเรื่องราวทั้งหลาย ยกตัวอย่าง การรับตัวอาจารย์จารึก การซื้อขายอาวุธและอักขระวิญญาณ รวมถึงอาคม

ทันทีเมื่อฉินหยุนเดินเข้ามา เขาได้เห็นกลุ่มคนมากมายรวมตัวกันในห้องโถงที่ชั้นแรก พวกเขากำลังรับชมอะไรสักอย่างอยู่

ด้วยเพราะไม่สนใจ เขาจึงไม่คิดเดินเข้าไปรับชม เป็นเขาเลือกไปยังโต๊ะรับรอง สอบถามต่อหญิงวัยกลางคน “ท่านป้า ช่วยข้าสืบหาผลไม้ลึกล้ำวิจิตรได้หรือไม่?”

เขานำเอาเหรียญตราออกมา

หญิงวัยกลางคน พอได้เห็นฉินหยุนสวมใส่หมวกไผ่สานและชุดคลุม นางรู้สึกว่าอีกฝ่ายอย่างไรก็น่าจะยังเยาว์ กระนั้นก็ไม่ได้ถามไถ่ชื่อแต่อย่างใด นางเร่งรีบพยักหน้ารับ “ข้าจะจดบันทึกเอาไว้ ทุกสามวันสามารถมาสอบถามความคืบหน้าได้!”

“รบกวนท่านแล้ว!” ฉินหยุนกล่าว

“ยินดีแล้ว นี่คือสิ่งที่พวกเรายินดีทำ!” หญิงวัยกลางคนยิ้ม น้อยครั้งนักที่นางจะได้พบเจออาจารย์จารึกวิญญาณอัธยาศัยดีเช่นนี้

แต่แล้วขณะฉินหยุนกำลังจะเดินออกไปจากชั้นที่หนึ่งนี้ เขาพลันได้ยินเสียงคุ้นเคย

อย่างกะทันหัน เขาหันมองตามเสียงในห้องโถง พบว่าเป็นจุดที่ผู้คนล้อมมุงกันอยู่

“เห็นหรือยัง? มันมีหยกผลึกแก้วอักขระชีวิตระดับที่สามในก้อนหินจริง ข้าชนะแล้ว! พวกเจ้าจงเร่งรีบคุกเข่า เรียกหาข้าเป็นบรรพชนเสีย!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยหัวเราะคิกคักดังขึ้น

“องค์หญิงอู่ชวง ท่าน... พวกเราล้วนหยอกล้อกันสนุกสนาน ท่านอย่าได้ถือจริงจังแล้ว!”

“ถูกต้องแล้ว! ข้าไม่คิด ว่าองค์หญิงอู่ชวงจะมีฝีมือการเดิมพันยอดเยี่ยมเพียงนี้ ถึงกับทราบอย่างกระจ่าง ว่าภายในหินก้อนนี้มีหยกผลึกแก้วอักขระชีวิต!”

“องค์หญิงอู่ชวงผู้ปราดเปรื่อง พวกเรายอมแพ้จากใจจริงแล้ว!”

เชี่ยวเย่ว์เหม่ยแค่นเสียง “พวกเจ้าก่อนหน้าพูดเองไม่ใช่หรือ? หากข้าแพ้ เช่นนั้นจะเปลื้องเสื้อผ้าของข้า หากเจ้าแพ้ เช่นนั้นจะคุกเข่าเรียกหาข้าเป็นบรรพชน เหตุใดขณะนี้คิดกลับคืนคำพูด?”

ฉินหยุนพอได้ยินเสียงเชี่ยวเย่ว์เหม่ย เขาเร่งรีบเดินไปโดยทันที จึงได้ทราบ ว่าเชี่ยวเย่ว์เหม่ยกำลังข่มเหงผู้คนอีกแล้ว

นายน้อยผู้อื่นที่นี้ล้วนแต่อับอาย

“พวกเจ้ากล้าดีอย่างไรยั่วยุองค์หญิงอู่ชวงผู้นี้! ข้าคือองค์หญิงผู้ยิ่งใหญ่แห่งแคว้นยุทธ์ฮั่วในภูมิภาคตะวันออก พวกเจ้าที่เป็นคนของภูมิภาคแดนเหนือ ย่อมต้องเคยได้ยินชื่อเสียงของข้าในภูมิภาคตะวันออกมาบ้างไม่น้อย!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยเผยสีหน้าเย็นเยือกทว่างดงามเป็นการคุกคาม

ฉินหยุนสะท้านในใจ เชี่ยวเย่ว์เหม่ยแสร้งเป็นองค์หญิงอีกแล้ว คราครั้งนี้ นางเลือกเป็นหนึ่งในองค์หญิงของแคว้นยุทธ์ในภูมิภาคตะวันออก!

นายน้อยผู้อื่นล้วนได้แต่คุกเข่าต่อหน้าพร้อมตะโกน “ท่านบรรพชน!”

พวกเขาเป็นเพียงศิษย์ของตำหนักจารึกเทวะ คิดหาเรื่องต่อองค์หญิงแห่งราชอาณาจักรยุทธ์ ไม่ถือเป็นเรื่องดีอย่างยิ่ง

เชี่ยวเย่ว์เหม่ยหัวเราะเสียงเย็น “องค์หญิงผู้นี้อยู่มาหลายร้อยปี ไม่ใช่ตัวตนให้พวกเจ้าหยอกล้อได้! จงไสหัวไปให้พ้น!”

กล่าวคำจบ นางจึงเก็บหยกผลึกแก้วอักขระชีวิตขนาดใหญ่ สู่มิติเก็บของพร้อมเดินผละจากมา

นครราชันจารึก กำลังจะมีเรื่องราวชวนตื่นเต้นมากมายเกิดขึ้น ดังนั้นเชี่ยวเย่ว์เหม่ยย่อมต้องไม่พลาด ไม่แปลกที่นางจะมาที่นี่

ฉินหยุนตามนางไปอย่างเงียบงัน

เชี่ยวเย่ว์เหม่ยกำลังเดินไปทางตำหนักตะวันตก นางคล้ายพบว่ามีคนสะกดรอยเดินตามมา

“ผู้ใดอุกอาจสะกดรอยติดตามองค์หญิงผู้นี้? เบื่อหน่ายมีชีวิตแล้วหรือ?” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยหันมาพร้อมโพล่งใส่ฉินหยุน “องค์หญิงผู้นี้มีชีวิตมากว่าแปดร้อยปี ไม่เคยได้พบเจอคนกล้าดีท้าทายสะกดรอยตามข้าเช่นนี้มาก่อน!”

“เด็กโง่ เลิกแสดงต่อหน้าข้าได้แล้ว!” ฉินหยุนหัวเราะ เขาไม่เข้าใจเลยสักนิด ว่าเชี่ยวเย่ว์เหม่ยลวงหลอกผู้คนมากมายได้อย่างไร

“พี่ชาย!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยหันมองรอบ พบว่าไม่มีผู้ใดใกล้เคียง นางจึงเร่งรีบวิ่งเข้ามา

ฉินหยุนยิ้มตอบ “เด็กน้อย เจ้าช่างรู้จักวิธีการพูดวาจาไร้สาระนัก! น่าทึ่งที่เจ้าทำพวกนั้นเชื่อหัวปักหัวปำได้!”

เชี่ยวเย่ว์เหม่ยแลบลิ้นออกอย่างซุกซนพร้อมหัวเราะร่วน “ข้าเป็นองค์หญิงตัวจริงเสียงจริงนะ! และพวกมันก็โง่จนขนาดถูกข้าหลอกได้ด้วย! พี่ชาย ท่านพักอาศัยในปีกตะวันออกหรือ? แถบนั้นกินอยู่ค่อนข้างดี รีบพาข้าไปเร็วเข้า!”

“แน่นอนอยู่แล้ว!” ฉินหยุนเดินนำนาง มุ่งหน้าสู่ปีกตะวันออก

ที่ทางเข้าพื้นที่ระดับสูงนี้ ฉินหยุนสามารถลงทะเบียนผู้ติดตามให้แก่นางได้ ด้วยฐานะอาจารย์จารึกวิญญาณระดับสูง ตำหนักจารึกเทวะจะมอบตั๋วหยกแก่เขาห้าอัน

เชี่ยวเย่ว์เหม่ยรับตั๋วหยกไว้ในมือพลางหัวเราะ “วิเศษนัก เช่นนี้ข้าจะได้ไม่ต้องอยู่ปีกตะวันตกแสนจอแจนั่น มีแต่ปลาหาได้มีมังกรอยู่ไม่!”

ฉินหยุนอดไม่ได้จนต้องหัวเราะออก องค์ชายและองค์หญิงหลายคนของราชอาณาจักรยุทธ์ รวมถึงลูกหลานของสำนักราชัน ล้วนพักอาศัยในปีกตะวันตก

แต่เชี่ยวเย่ว์เหม่ย กลับเอ่ยถึงพวกเขาว่าเป็นปลาหาได้ใช่มังกร

บ้านพักของฉินหยุนอยู่ทำเลค่อนข้างดี ด้วยสวนเคียงข้างบ่อน้ำ สภาพจึงค่อนข้างร่มรื่น

เชี่ยวเย่ว์เหม่ยพอเข้ามาแล้ว นางจึงนำเอากระจกออกมา “พี่ชาย ตอนนี้กระจกของข้าสามารถใช้พลังวิญญาณยุทธ์ได้ถึงสาม หรือก็คือ ข้าคือผู้ครอบครองสามวิญญาณยุทธ์แล้ว!”

“สามวิญญาณยุทธ์?” ฉินหยุนอดไม่ได้ที่จะตระหนก

วิญญาณยุทธ์กระจกของเชี่ยวเย่ว์เหม่ย ไม่ต่างอะไรกับตัวตนท้าทายอำนาจสวรรค์ มันสามารถเก็บวิญญาณยุทธ์มากมายเอาไว้ ตราบเท่าที่นางต้องการ ย่อมสามารถเรียกใช้วิญญาณยุทธ์เหล่านั้น

กระจกของนาง เคยส่องวิญญาณยุทธ์มากมายนัก ทว่ามันมีจำนวนเท่าใด กระทั่งนางก็ไม่อาจจดจำได้หมด

เฟิงหงหลันที่อยู่ในห้อง พลันเดินออกมาหลังได้ยินเสียงดังที่ด้านนอก

นางยังคงปิดบังศีรษะอย่างมิดชิด มีเพียงดวงตาที่สามารถพบเห็น ทันทีเมื่อเข้ามาในห้องโถงและพบเห็นเชี่ยวเย่ว์เหม่ย ดวงตาของนางถึงกับเผยความประหลาดใจออก

“นี่... พี่สาวหงหลันนี่!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ย ทันทีเมื่อสบตากับเฟิงหงหลัน นางลุกพรวดด้วยความยินดีขณะเดินเข้าหาเฟิงหงหลัน

ฉินหยุนตระหนก เขาไม่คิดว่าเชี่ยวเย่ว์เหม่ยจะจดจำเฟิงหงหลันได้ง่ายดายเพียงนี้ เพียงแค่สบตาถึงกับระบุตัวคนได้

“องค์หญิงเย่ว์เหม่ย!” เฟิงหงหลันไม่คิดเช่นกัน ว่าฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์เหม่ยจะรู้จักกันมาก่อน

เชี่ยวเย่ว์เหม่ยขมวดคิ้ว “พี่สาวหงหลัน เหตุใดจึงปิดบังศีรษะเอาไว้กันเล่า? แล้วก็นะ ข้าไม่คล้ายรู้สึกได้ถึงวิญญาณยุทธ์ของท่านเลย เกิดอะไรขึ้นกัน?”

โดยทันที ฉินหยุนเข้าไปดึงเชี่ยวเย่ว์เหม่ยออกมา พร้อมบอกเล่าเรื่องราว

เชี่ยวเย่ว์เหม่ยพอได้ทราบสถานการณ์ นางพลันโกรธ คิดอยากออกไปถล่มขุนเขาลึกล้ำดาบให้ราบคาบเสียเดี๋ยวนี้

“ขุนเขาลึกล้ำเซียนเสียง สำนักสวะยิ่งนัก! ตอนท่านป้าพาข้าไปที่นั่น เพียงมองก็ทราบแล้วว่าพวกมันหาได้มีอันใดดีไม่!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยแค่นเสียงเบา “สำนักที่อ่อนแอ!”

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด