ตอนที่แล้วตอนที่ 388 เพลิงของนกมายาขนม่วง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 390 พลังของดาราแปรแสง

ตอนที่ 389 การหลอมโอสถแปรแสง


* นิยายเรื่องนี้เป็นลิขสิทธิ์ของ Novel Kingdom (หจก.โนเวล คิงด้อม) *

**ไม่อนุญาตให้ดัดแปลง แก้ไขหรือเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืนทาง หจก. จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด**

  

“ตูม”

ภูเขาที่หลงเฉินซ่อนตัวอยู่เกิดการระเบิดอย่างรุนแรง พลังอันน่าหวาดกลัวสายหนึ่งพุ่งสูงขึ้นสู่ท้องฟ้า อานุภาพของพลังนั้นสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไปทั้งฟ้าดิน และทำให้ทั่วทั้งท้องฟ้าเปลี่ยนสี

“ซูม”

ทันใดนั้นเอง ก็ปรากฎเป็นเพลิงกาฬสีม่วงแผ่กระจายออกมา เป็นเปลวเพลิงแห่งความเดือดดาลทะยานขึ้นสู่ฟ้า กระจายออกไปทั้งแปดทิศ ทำให้ในอากาศเกิดการลุกไหม้อย่างรุนแรง เผาผลาญทุกสรรพสิ่ง สร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง ต้นไม้ที่ขึ้นอยู่อย่างหนาแน่นบนภูเขานั้น ก็ถูกเผาทำลายกลายเป็นเถ้าถ่าน ความร้อนระอุจากเพลิงที่โหมไหม้ส่งผลให้พื้นดินในบริเวณโดยรอบแตกระแหงกินพื้นที่หลายร้อยลี้

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ในที่สุดก็สำเร็จเสียที”

  

ในเวลานี้ทั่วทั้งร่างของหลงเฉินกำลังลุกโชนไปด้วยเพลิงกาฬสีม่วงอันร้อนแรง ร่างกายสง่าผ่าเผยที่ถูกครอบไว้ด้วยเปลวไฟสีม่วง ส่องแสงสว่างเจิดจ้า มองดูราวกับเป็นการปรากฎตัวของเทพแห่งอัคคี

“ซูม ซูม ซูม”

เงาร่างสามสายวิ่งตรงมาหาหลงเฉินอย่างรวดเร็ว เงานั้นไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นม่งฉี ฉู่เหยาและลู่ฟางเอ๋อ พวกนางทั้งสามสัมผัสได้ถึงพลังแรงกดดันอันน่าหวาดกลัว จึงตรงเข้ามาดู

และก็ได้พบว่าร่างของหลงเฉินถูกปกคลุมไปด้วยเพลิงกาฬสีม่วง ความร้อนระอุอันรุนแรงถูกแผ่ออกมาจนพวกนางรู้สึกได้ ความร้อนนั้นราวกับสามารถทำลายล้างทุกสิ่งรอบข้างได้ ขณะเดียวกันพวกนางก็รับรู้ได้ถึงพลังแรงกดดันอันหนักหน่วงในบรรยากาศ แรงกดดันนี้ข่มขวัญทุกผู้คนที่อยู่โดยรอบ

“ยอดไปเลยหลงเฉิน ในที่สุดเจ้าก็ทำสำเร็จแล้ว” ฉู่เหยาอุทานออกมาอย่างตื่นเต้น

เป็นที่รู้กันดีว่าสัตว์เพลิงที่เป็นสัตว์มายาระดับห้านั้น มีเพียงยอดฝีมือที่เข้าสู่ขอบเขตเชื่อมชีพจรแล้วเท่านั้นที่จะสามารถหลอมมันได้ หรือแม้แต่เป็นผู้มีพรสวรรค์ชั้นเลิศ ก็ยังต้องเข้าสู่ขอบเขตปรือกระดูกตอนปลายจึงจะสามารถทำได้

ทว่าหลงเฉินที่เป็นเพียงยอดฝีมือในขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นตอนต้น กลับทำได้สำเร็จ ก็นับว่าความเก่งกาจของเขานั้น ช่างน่าหวาดกลัวมากเกินไปแล้ว ในตอนนี้ ความกังวลที่มีอยู่แต่เดิมของฉู่เหยาก็สูญสลายไปจนหมดสิ้น

“ว้าย......”

ทันใดนั้นหญิงสาวทั้งสามก็ส่งเสียงร้องออกมา พวกนางต่างก็รีบหันหน้าหนีไปทางอื่น ยกมือมาปิดหน้าตนเอง ไม่กล้ามองหลงเฉิน

“หลงเฉิน รีบใส่เสื้อผ้าซะ น่าอายจริงๆ” ม่งฉีร้องเสียงหลง

หลงเฉินที่กำลังอยู่ในอารมณ์ตื่นเต้นดีใจ เมื่อเห็นหญิงสาวทั้งสามเข้ามาหา ก็กำลังจะเอ่ยปากพูดกับพวกนาง ทว่ายังไม่ทันได้เอ่ยวาจาใดๆ ก็เห็นพวกนางแสดงท่าทางแปลกประหลาด และทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงม่งฉีร้องเตือน เขาจึงรีบก้มลงมองตัวเอง

 

หลงเฉินดีใจอย่างมาก จนลืมไปว่าอุณภูมิที่สูงจนน่ากลัวนั้น ทำให้เสื้อผ้าของเขาถูกเผาไหม้กลายเป็นขี้เถ้าไปแล้ว เมื่อนึกขึ้นได้ดังนั้น ใบหน้าของเขาก็ร้อนฉ่าขึ้นมา หลงเฉินเก็บเพลิงกาฬกลับไปอย่างรวดเร็วและรีบสวมเสื้อผ้าทันที

 

หลังจากที่สวมเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว หลงเฉินก็ยังคงรู้สึกถึงความอับอายกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ แท้จริงแล้วเขาเองก็ไม่ใช่คนขี้อาย และออกจะหน้าด้านมากกว่าคนทั่วไปด้วยซ้ำ แต่กระนั้น ในสถานการณ์เช่นนี้เขาก็รู้สึกไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่

“แค่กแค่ก เอ่อ พวกเจ้ามาแล้วหรอ” หลงเฉินพูดด้วยน้ำเสียงเก้อๆ เขาไม่สามารถหาวาจาใดๆที่ดีกว่านี้มาพูดได้แล้ว

“อืม”

หญิงสาวทั้งสามตอบกลับมาเพียงสั้นๆ ยังคงไม่กล้าที่จะหันกลับมามองหลงเฉิน เสียงเต้นของหัวใจที่ดังอยู่นั้น แม้แต่หลงเฉินเองก็ได้ยินอย่างชัดเจน

“แค่กแค่ก....เอ่อ คือว่า ลูกนกมายาขนม่วงของพวกเจ้าล่ะ ฟักออกมาแล้วหรือยัง?” หลงเฉินเปลี่ยนหัวข้อสนทนา ในที่สุดเขาก็สรรหาคำพูดที่ดีได้แล้ว

เมื่อได้ยินคำถามนี้ หญิงสาวทั้งสามก็รู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที แม้ว่าใบหน้าของพวกนางจะยังคงแดงเป็นริ้ว แต่ดวงตาก็มีแววตื่นเต้นที่ปิดไม่มิด

“ซูม ซูม ซูม ซูม”

  

หญิงสาวทั้งสามคนยื่นมือออกมาตรงหน้า กระตุ้นพลังแห่งจิตวิญญาณขึ้นมา ทันใดนั้นก็ปรากฎร่างของสัตว์มายาสี่ตัวตรงหน้าหลงเฉิน พวกมันมีร่างกายที่ใหญ่โต สูงมากกว่าหนึ่งจั้ง

หลงเฉินมองสำรวจสัตว์มายาเหล่านั้น แล้วก็อดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าผิดหวังออกมา “นี่คือนกมายาขนม่วงจริงน่ะหรือ ? เหตุใดถึงดูแล้วคล้ายลูกเจี๊ยบเช่นนี้กัน”

 

สัตว์มายาทั้งสี่นั้นมีขนาดใหญ่มาก แต่ทว่ากลับมีรูปร่างหน้าตาคล้ายลูกไก่ตัวเล็กๆ เป็นลูกไก่ที่ไร้ขน ในเวลานี้ขนของพวกมันยังไม่งอกออกมา จึงมองเห็นผิวหนังสีม่วงของมันอย่างชัดเจน มองดูแล้วคล้ายกับลูกเจี๊ยบยักษ์สีม่วง ช่างอัปลักษณ์ยิ่งนัก

“หลงเฉิน หยุดพูดจาเหลวไหลเดี๋ยวนี้เลยนะ พวกมันพึ่งฟักออกมาได้ไม่นาน รอให้ขนมันงอกออกมาก่อน เจ้าพวกนี้เป็นสายพันธุ์ที่ดีมากพันธุ์หนึ่งเลยล่ะ” ลู่ฟางเอ๋อเอ่ยขัดวาจาของเฉิน พลางยื่นมือไปลูบหัวนกมายาขนม่วงของนาง

“ใช่ พวกมันยังเล็กอยู่มาก เจ้าไม่คิดว่ามันน่ารักบ้างเลยหรือ” ฉู่เหยาเอ่ยถาม

เจ้านกน้อยทั้งสี่ตัว ใช้หัวของมันเปลือยเปล่าไร้ขนของมัน ถูไถไปมาตามเนื้อตัวของหญิงสาวทั้งสาม

“หวังว่าพวกมันคงไม่ต้องกินนมหรอกนะ” หลงเฉินมองดูพวกมันถูหัวไปมาตรงหน้าอกของพวกนาง อดไม่ได้ที่จะถามด้วยความสงสัย

“ร้ายกาจเกินไปแล้วนะหลงเฉิน เจ้าม่วงน้อยไปกัดเขาซะ” สามสาวหน้าแดงด้วยความเขินอายกับสิ่งที่หลงเฉินเอ่ยออกมา ลู่ฟางเอ๋ออดไม่ได้ต่อว่าเขาด้วยใบหน้าแดงก่ำ ลูกนกตัวหนึ่งที่กำลังอ้อนนางอยู่นั้น ได้ยินที่สิ่งที่นางบอกก็ตรงเข้าไปกัดหลงเฉินทันที

 

แต่ทว่า การเคลื่อนไหวของมันนั้นก็ช่างไม่เอาไหนเลย แม้แต่เดินก็ยังโซซัดโซเซไม่ตรงทาง หลงเฉินเห็นแล้วก็อดจะนึกขำพวกมันไม่ได้ มองท่าทางเช่นนั้นแล้วหัวเราะอย่างขบขันขึ้นมา

ลูกนกตัวนั้นเห็นหลงเฉินหัวเราะเยาะเย้ย ก็โมโหขึ้นมา มันอ้าปากพ่นไฟใส่เขา

หลงเฉินเห็นเช่นนั้นก็ตกใจ เตรียมตัวที่จะกระโดดหลบ แต่เขากลับพบว่าเจ้าลูกนกมายาขนม่วงทำได้เพียงอ้าปากส่งคลื่นความร้อนออกมา แต่ไม่มีเปลวไฟน่าอันน่าหวาดกลัวของเพลิงกาฬสีม่วงออกมาด้วย นั่นเองที่ทำให้เขาได้รู้ว่า ในตอนนี้พลังของมันยังไม่พัฒนาจนถึงระดับที่จะสามารถสร้างเพลิงสัตว์ได้

“ฮ่าฮ่า ดุร้ายเสียจริง” หลงเฉินหัวเราะเสียงดังยิ่งขึ้น

“คนร้ายกาจ นี่เจ้าแอบหลอกด่าพวกข้าอย่างนั้นหรือ ?” ม่งฉีถามด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง

จงอย่าได้คิดต่อปากต่อคำกับสตรี ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถเอาชนะพวกนางได้ หลงเฉินทราบความจริงข้อนี้ดี จึงทำเพียงแค่ยิ้มพร้อมกับถามไถ่หญิงสาวทั้งสามเกี่ยวกับสถานการณ์ในช่วงนี้ของพวกนาง

 

หลังจากดูดซับพลังส่วนหนึ่งจากแกนพฤษาเจ็ดดวงใจแล้ว พลังของฉู่เหยาในตอนนี้ก็ฟื้นฟูกลับมาเป็นเช่นเดิมได้อย่างสมบูรณ์

ฉู่เหยาบอกหลงเฉินด้วยความดีใจ แกนพฤกษาเจ็ดดวงใจนั้นมีพลังมหาศาลเกินกว่าจะคาดคิดได้ ในเวลานี้พลังแห่งธาตุไม้ของฉู่เหยา ก็ได้เริ่มพัฒนาจนแข็งแกร่งมากขึ้นแล้ว

ฉู่เหยาเล่าว่า ในตอนนี้นางอยู่ในช่วงที่กำลังดูดซับพลังจากแกนต้นไม้อยู่ และตอนนี้ก็ยังคงดูดซับได้ไม่ถึงหนึ่งในสิบส่วน หากดูดซับพลังของแกนไม้จนเสร็จสมบูรณ์ พลังในร่างกายของนางก็จะเพิ่มมากขึ้น และสามารถพัฒนาไปสู่ระดับที่สูงขึ้นได้

 

และนี่เองก็ทำให้หลงเฉินดีใจเป็นอย่างมาก หากพลังแห่งธาตุไม้ของฉู่เหยาพัฒนามากขึ้นได้ การป้องกันของฉู่เหยาก็จะยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นด้วย ถึงเวลานั้นก็คงเปรียบได้กับกำแพงเหล็กกล้าขนาดใหญ่ ในช่วงเวลาของการต่อสู้ หากมีฉู่เหยาคอยสนับสนุน ก็นับว่ามีความแข็งแกร่งจนแทบจะไร้ที่เปรียบ สามารถที่จะปกป้องทั้งกลุ่มจากอันตรายพร้อมกันทั้งหมดได้

มีความสามารถในการโจมตีคู่ต่อสู้ มีความสามารถในการป้องกันพลังของฝ่ายตรงข้าม และยังสามารถช่วยเยียวยารักษาคนในกลุ่มได้ มีผู้ฝึกยุทธ์ธาตุไม้อยู่ในกลุ่มถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างมาก การต่อสู้ของกลุ่มนั้นก็จะแข็งแกร่งทรงพลังเป็นอย่างยิ่งเลยทีเดียว

ม่งฉีและลู่ฟางเอ๋อเองก็รู้สึกดีใจไม่ต่างกัน แม้ว่านกมายาขนม่วงในตอนนี้จะยังพึ่งฟักออกมา เป็นเพียงลูกนกที่ไม่มีพลังโจมตีใดๆ แต่พวกนางที่เป็นผู้ฝึกสัตว์ มีเคล็ดวิชาลับที่สามารถทำให้พวกมันเติบโตได้อย่างรวดเร็ว

แค่เพียงให้พวกมันฝึกฝนการต่อสู้กับคู่ต่อสู้ที่มีพลังน้อยกว่า เพื่อให้พวกมันเรียนรู้วิธีที่จะเอาชนะไปเรื่อยๆ พร้อมกับก็ให้ยาโอสถที่ช่วยในการบำรุงร่างกายและพัฒนาพลัง ใช้เวลาเพียงไม่กี่เดือน ก็จะสามารถทำให้พวกมันเติบโตได้อย่างรวดเร็วแล้ว

  

คนทั้งสี่นั่งสนทนากันอยู่ครู่ใหญ่ หลงเฉินก็ขอตัวพักสายตาอีกครั้ง ปล่อยให้หญิงสาวทั้งสามคนทำกิจกรรมอื่นๆกันต่อไป

หญิงสาวทั้งสามนางอยู่ด้วยกัน มีสัตว์มายาระดับสี่หนึ่งตัวคอยคุ้มครอง อีกทั้งหนึ่งในนั้นยังมีฉู่เหยา ที่เป็นผู้ฝึกยุทธุ์ธาตุไม้ที่แข็งแกร่งอยู่ด้วย หากไม่พบเจอกับหยินหลอหรือยอดฝีมือระดับสูง ก็ไม่มีสิ่งใดต้องหวาดกลัว

ฉู่เหยามีแกนต้นไม้แล้ว แต่ยังต้องการดูดซับพลังจากแกนต้นไม้เพิ่มขึ้นอีก เพื่อที่จะให้พลังเพิ่มมากยิ่งขึ้น ส่วนหน้าที่สำคัญของม่งฉีและลู่ฟางเอ๋อนั้นก็คือหาสัตว์ที่เหมาะสมเพิ่มเติม เพื่อมาเป็นคู่ต่อสู้ให้แก่นกมายาขนม่วง เช่นนี้ก็จะทำให้พวกมันเติบโตขึ้นได้อย่างรวดเร็ว

ส่วนหลงเฉินนั้นก็ต้องการที่จะหลอมโอสถ เพื่อเบิกดาราแปรแสง ดังนั้นหากทุกคนอยู่ร่วมกัน มีแต่จะทำให้เสียเวลาสู้แยกกันดีกว่า ขอบเขตแดนลับนพเจ้าแม้ว่าจะอันตราย แต่ก็มีวาสนามากมายรอคอยอยู่ และมีโอกาสมากมายที่จะได้รับโชค

แท้จริงแล้ว หญิงสาวทั้งสามต่างเห็นพ้องต้องกันว่าพวกเขาสมควรที่จะแยกย้ายแบ่งหน้าที่ เพียงแต่ไม่อยากบอกเรื่องนี้กับหลงเฉิน เห็นหลงเฉินเป็นคนซื่อตรงและเปิดเผยเช่นนี้ ก็ทำให้พวกนางอดที่จะดีใจไม่ได้

หลังจากที่สามสาวเดินห่างออกไปแล้ว หลงเฉินก็ไม่อาจรอให้เสียเวลาต่อไปได้ จึงวิ่งไปยังถ้ำที่พวกเขารวมตัวกัน นำเตาหลอมโอสถออกมา

“ซูม”

  

เพลิงกาฬสีม่วง ปรากฎออกมาบนมือของหลงเฉิน ใจของเขาเต้นรัว บังคับควบคุมให้เพลิงกาฬนั้นวิ่งวนไปมาบนฝ่ามือ จากนิ้วโป้งกระโดดไปยังนิ้วก้อย จากนิ้วก้อยกระโดดมายังนิ้วโป้ง

หลงเฉินใช้เวลาจำนวนมากไปกับการฝึกฝนการใช้เพลิงกาฬ เขาสูญเสียเวลาไปกว่าครึ่งเดือนถึงจะสามารถลดกำลังของเปลวไฟลงได้ แล้วค่อยๆบังคับควบคุมมัน

สูญเสียเวลาไปมากแล้ว หลังจากที่หลอมรวมโอสถได้แล้ว ก็ไม่ควรจะปล่อยเวลาให้ล่วงเลยไปมากกว่านี้

หลงเฉินนำโอสถเพลิงวางไว้บนเตาโอสถ กระตุ้นเพลิงกาฬออกมา แล้วบังคับควบคุมจนอุณหภูมิของเปลวไฟอยู่ในระดับต่ำที่สุด การอุ่นเตาหลอมนั้นไม่จำเป็นที่ต้องใช้อุณหภูมิสูง มิเช่นนั้นจะกระทบกับอายุขัยของเตาได้ อีกทั้งยังเพิ่มอตราเสี่ยงที่จะทำให้เตาเกิดการระเบิดได้

ก่อนหน้านี้ที่เขาหลอมโอสถขนาดยักษ์ให้กับเสี่ยวเสว่ยนั้น ก็ทำให้เตาหลอมโอสถของเขาระเบิดไป ดังนั้นก่อนที่หลงเฉินเข้าไปยังขอบเขตแดนลับ เขาจึงต้องไปแลกเตาหลอมอันใหม่มาจากหมู่ตึก

ในครั้งนั้นเขาแลกมานับสิบเตาเลยทีเดียว แต่นี่ก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ เพราะภายในหมู่ตึกนั้นไม่มีเตาหลอมโอสถที่มีคุณภาพดีอยู่เลย เตาโอสถที่หลงเฉินแลกมาได้นั้น ไม่รู้ว่าถูกเก็บให้ฝุ่นเกาะมานานเท่าไรแล้ว ดังนั้นเพื่อความปลอดภัย หลงเฉินจึงนำเตาโอสถที่มีนั้นอยู่มาทั้งหมด เช่นนี้แล้วหากเตาหลอมโอสถระเบิดอีกก็ยังมีเตาอันอื่นสำรองให้ได้ใช้

 

“ซูม”

หลงเฉินนำผลกิเลนใส่ลงไปในเตาโอสถ แล้วค่อยๆเพิ่มอุณหภูมิของไฟทีละน้อย ผลกิเลนค่อยๆหลอมละลาย และกระจายตัวออกช้าๆ แล้วตกผลึกกลายเป็นผง ก่อนหลอมรวมกันกลายเม็ดเล็กๆ หากนำเม็ดเหล่านั้นมาดูแล้ว ก็เหมือนกับเม็ดไข่มุกเล็กๆ ที่อุดมไปด้วยสรรพคุณทางยามากมายอัดแน่นอยู่ภายใน

เพลิงโอสถจากกิ้งก่าอัคคีที่หลงเฉินใช้ก่อนหน้านี้นั้น ไม่สามารถที่จะหลอมรวมจนทำให้เกิดเม็ดเล็กๆเหล่านี้ได้ และยาโอสถที่ได้ก็จะไม่มีความบริสุทธิ์ ดังนั้นการหลอมโอสถที่แข็งแกร่ง จำเป็นต้องมีเพลิงโอสถที่แข็งแกร่งถึงจะหลอมสำเร็จ

“ดีจริงๆ สร้างตัวยาได้เร็วระดับนี้” หลงเฉินอดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมาอย่างตื่นเต้นยินดี

ด้วยเพลิงกาฬของนกมายาสีม่วงนั้น หากใช้หลอมผลกิเลนหนึ่งผล ต้องการเวลาเพียงแค่ไม่กี่อึดใจก็สามารถทำได้สำเร็จแล้ว แต่หากเทียบกับเมื่อก่อนที่หลงเฉินยังใช้เพลิงสีฟ้าจากกิ้งก่าอัคคีนั้น เขาจำเป็นต้องใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วยาม จึงจะสามารถหลอมโอสถได้สำเร็จ

 

ในตอนนี้หลงเฉินรู้สึกราวกับเป็น ‘ยาจกที่เปลี่ยนเป็นราชา’ เมื่อทำการเปรียบเทียบเพลิงสีม่วงของนกมายาขนม่วงกับเพลิงสีฟ้าของกิ้งก่าอัคคีแล้ว ก็เป็นเสมือนภูเขาหินกับฝุ่นละอองขนาดเล็กเลยก็ทีเดียว

 

แต่ที่น่าเสียดายก็คือ ความทรงจำจักรพรรดิโอสถของหลงเฉินนั้นไม่สมบูรณ์ มีเพียงสูตรของการหลอมโอสถ และประสบการณ์การรวบรวมสมุนไพร รวมไปถึงฝีมือในการหลอมโอสถเท่านั้น

 

นอกจากวิถีโอสถเช่นนี้แล้ว หลงเฉินแทบไม่หลงเหลือความทรงจำเกี่ยวกับเรื่องอื่นๆอีกเลย และนี่ก็ทำให้หลงเฉินถอนหายใจอย่างเสียดาย ก่อนหน้านี้ที่ต่อสู้กับฮั่วอู๋ฟาง เขารับรู้ได้ถึงพลังที่แกร่งกล้าอันน่าหวั่นเกรง

เขาได้รู้ถึงความแข็งแกร่งของฮั่วอู๋ฟาง สัตว์เพลิงที่เขาใช้และพลังเพลิงของเขา และที่สำคัญที่สุดก็คือความชำนาญในการควบคุมไฟของเขาในการต่อสู้

ทักษะในการควบคุมไฟในความทรงจำของหลงเฉินนั้น ล้วนใช้เพื่อหลอมโอสถเพียงเท่านั้น แต่ไม่เคยมีการนำไปใช้ในการต่อสู้ ปรากฎอยู่ในความทรงจำนั้นของเขามาก่อน เมื่อมาคิดดูแล้ว หลงเฉินก็ตัดสินใจว่า เขาคงต้องลองใช้ทักษะการควบคุมไฟ และพลังเพลิงในการประลองบ้างแล้ว

หลังจากหลอมผลกิเลนสำเร็จแล้ว หลงเฉินก็รวบรวมสมาธิขั้นสูงสุด แล้วผสมวัสถุดิบอื่นๆลงไปในเตาหลอม

ตอนที่ใส่วัสถุดิบต่างๆนั้น ก็ต้องปรับอุณหภูมิของเตาหลอมไปด้วย แม้ว่าจะมีความทรงจำจักรพรรดิโอสถ ทว่า แม้แต่เหล่าทวยเทพก็ไม่กล้าที่จะรับประกันว่าการหลอมโอสถนั้นจะไม่มีข้อผิดพลาดเลย

ทว่าความผิดพลาดแม้เพียงเล็กน้อยครั้งหนึ่ง ก็สามารถที่จะทำให้การหลอมโอสถนั้นล้มเหลวลงไปได้ และวัตถุดิบหรือตัวยาต่างๆก็จะสูญเสียสรรพคุณหรือร้ายแรงที่สุดก็คือสูญสลายไป และความพยายามที่แสนเหนื่อยยากทั้งหมดก็จะสูญเปล่าไปด้วย ในตอนนี้ผลกิเลนที่มีอยู่ก็มีเพียงน้อยนิด เขาไม่อาจที่จะเสียผลกิเลนที่มีค่าไปได้เลยแม้แต่ผลเดียว ดังนั้นเขาจึงต้องระวังมากเป็นพิเศษ

หลังจากผ่านอีกไปครึ่งชั่วยาม วัตถุดิบทั้งหมด็ถูกเติมลงไปจนครบแล้ว หลงเฉินปิดฝาเตา หลังจากนั้นก็เพิ่มเพลิงกาฬ เร่งความร้อนของไฟให้อุณหภูมิภายในเตาเพิ่มสูงขึ้น

 

หลงเฉินค่อยๆเพิ่มความแรงของเพลิงกาฬให้แรงขึ้นทีละน้อย หากเข้าใจและสามารถควบคุมไฟได้อย่างชำนาญ ก็จะสามารถทำให้ความบริสุทธิ์ของยาโอสถมีเพิ่มมากขึ้น และสามารถดึงเอาสรรพคุณของวัตถุดิบทั้งหมดออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ แล้วเก็บกักสรรพคุณนั้นไว้ภายในยาโอสถได้

  

“ตูม”

หลังจากหนึ่งชั่วยามผ่านไป เตาโอสถก็เกิดเสียงปะทุขึ้น แม้เตาจะยังไม่ถูกเปิดออก แต่ก็ได้กลิ่นของยาโอสถที่แสนบริสุทธิ์ลอยออกมา

“หึหึ ทำสำเร็จแล้ว”

หลงเฉินแย้มรอยยิ้ม พร้อมกับเอามือปาดเหงื่อบนหน้าผาก แล้วค่อยๆเปิดฝาเตาออกมา

.

.

.

* นิยายเรื่องนี้เป็นลิขสิทธิ์ของ Novel Kingdom (หจก.โนเวล คิงด้อม) *

**ไม่อนุญาตให้ดัดแปลง แก้ไขหรือเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืนทาง หจก. จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด**

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด