ตอนที่แล้วตอนที่ 383 ให้แขกรับประทานก่อน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 385 สงครามทลายฟ้า

ตอนที่ 384 ศิษย์แห่งหอคอยโอสถ


* นิยายเรื่องนี้เป็นลิขสิทธิ์ของ Novel Kingdom (หจก.โนเวล คิงด้อม) *

**ไม่อนุญาตให้ดัดแปลง แก้ไขหรือเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืนทาง หจก. จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด**

ทางด้านผู้ที่วิ่งเข้าไปหานกมายาขนม่วงเองก็พบเจอกับสถานการณ์ย่ำแย่ไม่แตกต่างจากผู้คนที่หวังจะชิงสมบัติจากสัตว์ร้ายแห่งวายุมากนัก เมื่อพวกเขาไปถึงตัวนกมายาขนาดยักษ์ได้เพียงครู่เดียว ก็ถูกปีกของมันฟาดลงมาอย่างรุนแรง พลังอันน่าหวาดกลัวนั้น ส่งผลให้คนกลุ่มนั้นกลายเป็นเนื้อบดไปในทันที ในขณะนี้บริเวณพื้นที่ที่เคยเป็นสนามปะลองของสัตว์มายาระดับห้าขนาดใหญ่ก็เริ่มเต็มไปด้วยเสียงกรีดร้อง และเลือดที่สาดกระเซ็น

  

“ทุกคนไม่ต้องกลัว นี่เป็นการดิ้นรนเฮือกสุดท้าย เดี๋ยวพวกมันก็ตายแล้ว ต้องมาดูแล้วว่าใครจะมีโชคมากกว่ากัน” ภายใต้ความโกลาหนที่เกิดขึ้น ทันใดนั้นก็มีเสียงหนึ่งตะโกนออกมา

  

หลงเฉินที่เฝ้าดูอยู่จากระยะไกล มองเห็นผู้ที่ตะโกนนั้นอย่างชัดเจน กลุ่มของคนผู้นั้น แท้จริงแล้วยังไม่มีผู้ใดลงมือ ทำเพียงยืนอยู่โดยรอบพวกมัน และเฝ้าดูอย่างระมัดระวัง พวกเขารักษาระยะห่างจากสัตว์มายาทั้งสองไว้เพื่อความปลอดภัยของตนเอง

  

“ดูท่าคนผู้นี้คงจะร้ายกาจพอๆกับหลงเฉินเลยนะ” ลู่ฟางเอ๋ออดไม่ได้ที่จะแสดงความคิดเห็นออกมา พร้อมรอยยิ้ม

  

สัตว์มายาระดับห้ามีพลังชีวิตที่แข็งแกร่ง แถมมีความสามารถป้องกันตัวและระวังภัยที่สูงเทียมฟ้า พวกผู้อยู่เหนือขอบเขต และศิษย์สายตรงธรรมดาเหล่านั้น มีหรือจะสามารถสังหารพวกมันได้โดยง่าย

ที่คนผู้นั้นตะโกนออกไปเช่นนั้น ก็มีเจตนาเพียงเพื่อต้องการจะปลุกระดมความโลภของผู้คนเท่านั้น เขาต้องการทำให้ศิษย์คนอื่นๆในที่แห่งนั้นเกิดความหึกเหิมขึ้นมา ส่งพลังมุ่งโจมตีไปยังสัตว์มายาอย่างบ้าคลั่ง และนั่นก็จะทำให้ให้สัตว์มายาทั้งสองโจมตีโต้ตอบพวกเขาจนพวกมันหมดพลังลงไปเอง เห็นได้ชัดแล้วว่าเขามีเจตนาหลอกใช้ผู้คนอย่างชัดเจน หลอกล่อให้พวกปลายแถวเหล่านั้นให้เริ่มก่อน แล้วยืนสบายๆรอเก็บผลประโยชน์ในตอนท้าย

  

ศิษย์ฝ่ายธรรมะและอธรรมจำนวนเกือบร้อย เห็นสัตว์มายาระดับห้าสองตัวที่ใกล้จะตาย ก็ไม่มีใครสามารถปกปิดความโลภภายในใจของตนเองได้

เป็นที่ทราบกันดีว่า ทุกส่วนในร่างกายของสัตว์มายาขั้นห้านั้นมีค่าทั้งหมด ไม่ว่าจะผิวหนัง เนื้อ กระดูก เลือด หรือขน ล้วนล้ำค่าจนมิอาจหาสิ่งใดมาเปรียบเทียบได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโอสถภายในของพวกมันนับเป็นสมบัติที่ล้ำค่ามากที่สุด

  

ในเวลานี้ทุกคนล้วนตาแดงกล่ำด้วยความโลภ คนเหล่านั้นกำลังส่งพลังโจมตีเข้าใส่สัตว์มายาทั้งสองตัวอย่างบ้าคลั่ง ยกเว้นแต่เพียงผู้ที่ตะโกนยั่วเย้าอารมณ์คนอื่นผู้นั้น ที่ยังคงยืนนิ่งดูชมอย่างสนุกสนาน และรอคอยโอกาสในการฉกฉวยผลประโยชน์ในขณะที่เกิดความชุลมุนนี้

“พรวด พรวด พรวด...”

ถึงแม้พลังของสัตว์มายาทั้งสองตัวจะสูญสิ้นไปแล้ว แต่ร่างกายใหญ่โตของพวกมันก็ไม่หยุดกลิ้งเกลือก และบดขยี้ผู้คนให้บี้แบน ล้มตายไปไม่น้อย ผ่านไปไม่ถึงช่วงหนึ่งก้านธูป ก็มีศพเกือบร้อยศพกองอยู่ที่พื้น คนเหล่านั้นโดยส่วนใหญ่ล้วนเป็นเหล่าศิษย์สายตรงที่เป็นพวกปลายแถว แต่ทว่าในจำนวนนั้นก็มีพวกผู้อยู่เหนือขอบเขตอยู่ไม่น้อยเช่นกัน

  

“พวกเราไปกันเถอะ เพลิงแห่งจิตวิญญาณของสัตว์มายาสองตัวนั้น ใกล้จะมอดดับไปเต็มทีแล้ว” ม่งฉีกล่าวเสียงเบา ผู้ฝึกสัตว์มายาเช่นม่งฉีและลู่ฟางเอ๋อนั้นย่อมรู้เรื่องราวเกี่ยวกับสัตว์มายาทุกอย่างเป็นอย่างดีอยู่แล้ว สภาวะทางร่างกายและสภาวะพลังของสัตว์มายาที่เปลี่ยนเปลงไปแม้เพียงเล็กน้อยพวกนางก็สามารถรับรู้ได้ ยิ่งไปกว่านั้นแล้วแม้แต่จิตใจของสัตว์มายา ก็ไม่มีผู้ใดเข้าใจดีไปกว่าผู้ฝึกสัตว์มายาอีกแล้ว

  

ทั้งสี่คนจึงกระโดดออกมาจากรังนกขนาดยักษ์นั้น แล้วเริ่มมุ่งหน้าไปยังจุดที่เป็นสนามประลองของสัตว์มายาทั้งสอง และในตอนที่หลงเฉินมาถึง ก็พบว่ายอดฝีมือที่มีพลังระดับสูง ที่แข็งแกร่งจำนวนไม่น้อย กำลังเริ่มลงมือโจมตีสัตว์มายาทั้งสองตัวนั้นแล้ว

  

“หลบไป!”

  

ทันทีที่หลงเฉินที่เดินเข้าไปใกล้ ก็มีเสียงของผู้มีพรสวรรค์ชั้นเลิศฝ่ายอธรรมคนหนึ่ง กล่าวไล่ในทันทีแล้วซัดหอกส่งพลังโจมตีพุ่งเข้าใส่ เขาเห็นว่าหลงเฉินนั้นเป็นเพียงผู้ฝึกยุทธ์ในขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นตอนต้น จนลงมืออย่างไม่ลังเล

  

“เปรี๊ยะ”

  

หลงเฉินคว้าจับด้ามหอกด้วยมือข้างเดียว แล้วออกแรงผลักส่งหอกพุ่งกลับไปอย่างรวดเร็ว

  

“พรวด!”

  

ชั่วพริบตา ผู้มีพรสวรรค์ชั้นเลิศฝ่ายอธรรมผู้นั้น ก็ถูกหอกของตัวเองแทงเข้ากลางอก ยังไม่ทันที่เขาจะได้ตกใจ พลังอันมหาศาลราวกับมหาสมุทร ก็ซัดเข้าใส่ ทำลายร่างของเขาไปในพริบตา

“หลงเฉิน อย่าไปยุ่งกับคนพวกนั้นเลย เจ้าไปจัดการนกมายาขนม่วงนั่นเถอะ พวกเราจะจัดการสัตว์ร้ายแห่งวายุเอง” ม่งฉีกล่าว พลางใช้พลังแห่งจิตวิญญาณสังหาร ผู้ที่แอบลอบทำร้ายตนไปด้วย คนผู้นั้นตายไปในทันที  

“ตกลง แต่พวกเจ้าระวังตัวด้วย”

  

หลงเฉินพบว่า แม้พื้นที่บริเวณใกล้ร่างของสัตว์ร้ายแห่งวายุจะมีผู้คนอยู่จำนวนมาก แต่ผู้ที่มีพลังที่แข็งแกร่ง กลับมีเพียงไม่กี่คน ในขณะที่บริเวณที่นกมายาขนม่วงนอนอยู่ มียอดฝีมือที่มีพลังฝีมือที่แข็งแกร่งจนน่าหวาดกล้วมากถึงสามคนล้อมอยู่โดยรอบ เช่นนั้นแล้วเขาจึงวางใจทิ้งหญิงสาวทั้งสามให้จัดการกับสัตว์ร้ายแห่งวายุ และมุ่งหน้าเข้าไปใกล้นกมายาขนม่วง ที่ตรงนั้นมีคนสิบกว่าคนกำลังล้อมรอบโจมตีนกมายาขนาดยักษ์ตัวนั้นอยู่  

ทว่าก็เห็นได้ชัดเจนว่า คนกลุ่มนั้นกลับไม่ค่อยยอมออกแรงส่งพลังเข้าใส่นกมายาขนม่วงซักเท่าไหร่ แต่ละคนต่างไม่อยากต่อสู้นกไฟที่น่าหวาดกลัวตัวนี้ พวกเขาล้วนอยากจะรอให้มันทนไม่ไหวและตายไปเอง แล้วค่อยฉวยโอกาสชิงร่างมันไป

  

“ตูม”

  

ในที่สุดพลังชีวิตของนกมายาขนม่วงก็หมดลง มันทรุดตัวนอนแผ่ลงไปบนพื้น และแน่นิ่งไปในทันที ทันใดนั้นความโกลาหลอีกระลอกหนึ่งก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อผู้คนเริ่มต่อสู้แย่งชิงกัน และในครั้งนี้ดูจะชุลมุนมากเสียยิ่งกว่าในครั้งที่ต้องโจมตีสัตว์มายาเลยด้วยซ้ำ

  

“ไสหัวไปซะ! สัตว์มายาตัวนี้เป็นของข้าแล้ว” ยอดฝีมือผู้หนึ่งกล่าวขึ้นมาอย่างเย็นชา บุรุษผู้นั้นมีใบหน้าที่หล่อเหลา สวมอาภรณ์ยาวสีแดงเพลิง ผมยาวสีเข้ม เขาคือผู้ที่มาถึงร่างของนกมายาขนม่วงก่อนเป็นคนแรก และต้องการเอามันกลับไปให้ได้

  

“ตายซะ!”

  

ทันใดนั้นเอง ก็มีขุมพลังที่รุนแรงสองสายพุ่งเข้ามาจากทางด้านหลังของเขาอย่างรวดเร็ว หากบุรุษผมยาวผู้นั้นจะเอาร่างของนกมายาขนม่วงไป ก็ต้องรับการพลังการโจมตีสองสายนี้ได้

แต่ที่ทำให้หลงเฉินตกตะลึงก็คือ พลังสองสายนั้นเต็มไปด้วยแรงกดดันหนักหน่วงมหาศาล และมันเป็นการโจมตีของยอดฝีมือที่แข็งอย่างยิ่งสองคน สภาวะพลังของพวกเขาน่าหวาดกลัวเป็นยิ่งนัก การโจมตีของพวกเขา แทบจะไม่ด้อยไปกว่ายินหวงซูเลยแม้แต่น้อย ---- สองคนนั้นเป็นผู้มีพรสวรรค์ชั้นเลิศฝ่ายอธรรม

“ไสหัวไป!”

  

บุรุษผมยาวผู้นั้นเบี่ยงตัวหลบรอดจากการโจมตีที่รุนแรงนั้นไปได้ เขาแผดเสียงคำรามก้อง ตวัดดาบเพลิงในมือ สวนแทงไปยังยอดฝีมือสองคนนั้นอย่างโกรธแค้น

  

“เพลิงโอสถ!”

  

หลงเฉินใจเต้นตูมตามขึ้นมา นับตั้งแต่เข้าสู่ขอบแขตแดนลับนพเก้า นี่เป็นครั้งแรกที่ได้พบเจอผู้ใช้เพลิงของวิถีโอสถ

เพลิงโอสถแตกต่างจากไฟธรรมดา มีเพียงผู้หลอมโอสถเท่านั้น ที่จะสามารถใช้เพลิงเช่นนี้ได้ หากไม่มีทักษะที่สามารถใช้เพลิงธรรมชาติได้อย่างชำนาญ พวกเขาก็ไม่มีทางที่จะหลอมโอสถได้

ทันทีที่ดาบเพลิงนั้นปรากฎ หลงเฉินก็รู้ได้ทันทีว่า คนผู้นั้นอยู่ในวิถีโอสถเช่นเดียวกันกับเขา อีกทั้งยังเข้าใจสัตว์เพลิงเป็นอย่างดี ช่างแข็งแกร่งยิ่งนัก เพลิงกาฬที่เขาใช้ คาดว่าจะเป็นเพลิงของสัตว์เพลิงในลำดับยี่สิบกว่า

  

“ตูม”

  

อาวุธอันแข็งแกร่งทั้งสามปะทะกันอย่างรุนแรง เปลวเพลิงที่รุนแรงแผ่กระจายออกไป ผู้คนที่อยู่โดยรอบ ต่างก็รู้สึกได้ถึงคลื่นความร้อนสูงจากไฟที่ร้อนแรงนั้น พวกเขาก็รีบก้าวถอยหลังออกไปทันที

  

“นกมายาขนม่วงตัวนี้ เป็นของข้า ใครริอ่านจะแย่งชิง ข้า ‘ฮั่วอู๋ฟาง’ ผู้นี้จะฆ่าให้หมด!” บุรุษผู้อยู่ในวิถีโอสถนั้น ใช้ปลายดาบเพลิงชี้ไปยังยอดฝีมือสองคนที่โจมตีเขา พร้อมกับข่มขู่เสียงดังลั่น จากนั้นก็ตวัดดาบซัดพลังเพลิงเขาใส่ศัตรูอย่างรวดเร็ว

  

“ซูม”

  

ทว่าในระหว่างที่ฮั่วอู๋ฟางทุ่มสมาธิโจมตียอดฝีมือฝ่ายอธรรมที่แข็งแกร่งทั้งสองคนอยู่นั้น ก็มีเงาร่างคนสายหนึ่ง พุ่งทะลุผ่านเปลวไฟของเขา กระโจนเข้าไปหาร่างไร้วิญญาณของนกมายาขนม่วงในทันที

“หาที่ตาย!”

  

ฮั่วอู๋ฟางคำรามอย่างเกรี้ยวกราด หอกเพลิงขนาดใหญ่ปรากฎขึ้นในมือของเขา พุ่งทะยานไปยังผู้ที่บังอาจเข้าใกล้นกมายาขนม่วงตัวนั้นอย่างรวดเร็ว พลังเพลิงกาฬที่ฮั่วอู๋ฟางปลดปล่อยออกมานั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก จนทำให้คนทั้งหมดในที่นั้นถึงกับถอยต้องออกไปอีกหลายก้าว

เงาร่างนั้นก็คือหลงเฉินนั่นเอง เขาฉวยโอกาสใช้ช่วงเวลาที่ฮั่วอู๋ฟางกำลังต่อสู้กันกับสุดยอดฝีมืออีกสองคน ใช้เพลิงโอสถคุ้มครองร่างกาย พุ่งผ่านเปลวไฟของฮั่วอู๋ฟางพุ่งไปยังร่างของนกมายาขนม่วง พร้อมกับยื่นมือไป หมายจะเก็บเอาร่างไร้วิญญาณของนกมายาตนนั้น

แต่ทว่าในขณะที่มือของหลงเฉิน กำลังจะแตะถูกร่างของนกมายาขนม่วง ก็มีหอกเพลิงที่มีพลังรุนแรงอันน่าหวาดกลัวพุ่งตรงเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว

  

พื้นดินที่หอกเพลิงพุ่งผ่านถูกเผาไหม้ อากาศโดยรอบร้อนระอุราวเตาไฟ พลังอันน่าหวาดกลัวนั้น ทำให้หลงเฉินรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดในจิตวิญญาณอย่างร้าวลึก

  

“แข็งแกร่งมาก!”

  

หลงเฉินตกตะลึง เขารีบชักมือกลับ เรียกทลายมารออกมา ดาบทลายมารเปล่งเเสงสีทองเจิดจ้า หลงเฉินตวัดดาบเข้าปัดป้องหอกนั้นในทันที

ทลายมารและหอกเพลิงปะทะกันอย่างรุนแรงจนเกิดเสียงดังกึกก้อง อานุภาพแรงปะทะของรุนแรงมากเสียจนทำให้มือและแขนข้างที่ถือทลายมารเอาไว้ของหลงเฉินชาหนึบจนไร้ความรู้สึกไป อีกทั้งแรงปะทะนั้นยังส่งให้เขากระเด็นถอยหลังออกไปไกลอีกด้วย

  

หอกเพลิงนั้น ถูกหลงเฉินตัดกระจาย กลายเป็นเปลวเพลิงขนาดใหญ่พุ่งสูงขึ้นไปบนท้องฟ้า

หลงเฉินตกตะลึงไม่น้อย เขาไม่คาดคิดว่าคนตรงหน้าจะเป็นผู้หลอมโอสถที่แข็งเเกร่งมากถึงเพียงนี้ จากการโจมตีเมื่อสักครู่ ก็ทำให้หลงเฉินรู้สึกได้ว่าคนผู้นี้อาจจะแข็งเเกร่ง เทียบเท่ากับหยินหลอเลยก็ว่าได้

หลังจากฮั่วฮู๋ฟาง ทำให้หลงเฉินกระเด็นถอยห่างออกจากนกมายาขนม่วงได้แล้ว ก็หมุนตัวจะวิ่งเข้าหานกมายาขนม่วงนั้น แต่ทว่ายังไม่ทันที่เขาจะเข้าไปใกล้ร่างนกมายาตนนั้น เขาก็ต้องพบว่าผู้มีพรสวรรค์ชั้นเลิศฝ่ายอธรรมสองคนนั้น พุ่งตัวเขาไปใกล้นกมายาขนม่วงอย่างรวดเร็วอีกครั้งแล้ว

สุดยอดฝีมือฝ่ายอธรรมสองคนนี้ มีความเฉลียวฉลาดอย่างมาก พวกเขาวิ่งแยกกันไปสองฝั่ง เพราะทราบดีว่าฮั่วอู๋ฟาง จะสามารถขัดขวางได้เพียงแค่คนเดียวเท่านั้น ในตอนนี้ ก็ต้องมาดูว่าโชคจะตกอยู่ที่ผู้ใด

  

“ตายซะ!”

  

ฮั่วอู๋ฟางเกิดโทสะถึงขีดสุดแล้ว ซัดดาบเพลิงในมือให้พุ่งทยานออกไปอย่างโหดเหี้ยม ตรงเข้าใส่ผู้มีพรสวรรค์ชั้นเลิศฝ่ายอธรรมผู้หนึ่ง คนผู้นั้น เมื่อมองเห็น ดาบของฮั่วอู๋ฟาง พุ่งเข้ามาสกัดกั้นเส้นทางของเขา ก็อวดครวญในความโชคร้ายของตนเองขึ้นมาในใจ ชายแขนเสื้อทั้งสองข้างคนผู้นั้นถูกเผาไหม้จนขาดวิ่น ทว่าจู่ๆบนแขนทั้งสองข้างของเขานั้นก็เกิดลวดลายประหลาดขึ้น พร้อมกับขยายใหญ่ขึ้นในทันที แขนขนาดใหญ่ปลดปล่อยพลังสภาวะที่รุนแรงออกมา เห็นได้ชัดว่าในตอนนี้เขาได้ใช้ทักษะลับบางอย่างออกมาแล้ว

  

“ตูม”

  

ฮั่วอู๋ฟางและยอดฝีมือฝ่ายอธรรมคนนั้นปะทะกัน เกิดระเบิดขึ้นมาระลอกใหญ่ ไฟร้อนแรงแผ่กระจายไปทั่วทั้งฟ้า ร่างของนกมายาขนม่วงไดถูกผลจากแรงระเบิด ซัดจนลอยกระเด็นออกไปทางผู้มีพรสวรรค์ชั้นเลิศฝ่ายอธรรมอีกคน

  

ยอดฝีมือฝ่ายอธรรมผู้นั้นอดไมได้ที่จะดีใจระคนตื่นตะลึง เวลานี้วาสนาตกใส่มือของเขาแล้ว จึงเตรียมพร้อมที่จะยื่นมือออกไปรับ แต่ทว่าทันใดนั้นก็มีเงาร่างของคนผู้หนึ่งปรากฎขึ้นตรงหน้าเขาอย่างรวดเร็ว พร้อมกับคมดาบยาวสีทองมุ่งตรงเข้ามา หมายจะฟันเข้ากลางลำตัวของเขา

  

เขารู้สึกได้ถึงความน่าหวาดกลัวของดาบยาวสีทองเล่มนั้น จึงต้องยอมปล่อยร่างของนกมายาขนม่วงไปและชักอาวุธออกมาต้านดาบของหลงเฉินไว้

  

แม้จะสามารถปัดป้องดาบของหลงเฉินได้ แต่ทว่ายอดฝีมือฝ่ายอธรรมผู้นั้นก็ไม่สามารถต้านทานแรงปะทะอันหนักหน่วงจากพลังอันมหาศาลที่ดูราวกับไม่มีที่สิ้นสุดนั้นได้ ร่างกายของเขาถูกแรงนั้นซัดจนกระเด็นถอยหลังออกไปไกล และอานุภาพของขุมพลังมหาศาลนั้น ก็ทำให้ร่างของนกมายาขนม่วง กระเด็นลอยขึ้นไปในอากาศอีกครั้ง

  

“ฮ่าฮ่าฮ่า นกมายาขนม่วงเป็นของข้าแล้ว”

  

ทันใดนั้นก็มีเงาร่างคนผู้หนึ่งพุ่งทยานไปยังร่างของนกมายาขนม่วง ---- คนผู้นั้นคือ ฮั่วอู๋ฟาง

  

หลังจากที่เขาทำให้คู่ต่อสู้ถอยออกไปได้ ก็หันกลับมามองหาร่างของนกมายาขนม่วงตัวนั้นอีกครั้ง และเขาก็พบว่าร่างกายที่ใหญ่โตของสัตว์มายาธาตุไฟตัวนั้น กำลังลอยขึ้นไปกลางอากาศ จึงรีบทะยานเข้าไปทันที หมายจะแย่งชิงร่างนั้นมาให้ได้

  

และในขณะที่ ฮั่วอู๋ฟาง กำลังเอื้อมมือเข้าไปรับนกมายาขนม่วงอยู่นั้น หลงเฉินเองก็ทะยานตัวขึ้นไปหาร่างของนกมายาขนม่วงด้วยเช่นกัน

แต่ทว่า ความเร็วของหลงเฉินนั้นยังช้ากว่าฮั่วอู๋ฟางไปหลายส่วน ส่วนผู้มีพรสวรรค์ชั้นเลิศอีกสองคนที่เพิ่งจะถูกปะทะจนกระเด็นถอยออกไปนั้นก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ไม่สามารถเข้ามาแย่งชิงร่างกายล้ำค่านั้นได้ทันอย่างแน่นอน

ฮั่วอู๋ฟาง เองเมื่อเห็นว่าหลงเฉินช้ากว่าเขามาก ใบหน้าหล่อเหลาก็เต็มไปด้วยแววเยาะเย้ย ด้วยระดับความเร็วเพียงเท่านี้ของหลงเฉิน ในสายตาของฮั่วอู๋ฟางเขาก็ช่างเปล่าประโยชน์ยิ่งนัก

  

“ฮ่าฮ่าฮ่า!รับได้แล้ว”

ฮั่วอู๋ฟาง จับปีกใหญ่ของนกมายาขนม่วง พร้อมทั้งเตรียมนำร่างใหญ่นี้เก็บไว้ภายในแหวนมิติ

  

“ทะลวงจิตวิญญาณ!”

  

ในตอนนั้นเองก็เกิดระลอกคลื่นพลังบางอย่างแพร่ออกมาจากหน้าผากของหลงเฉิน คลื่นพลังนั้นเข้มข้นรุนแรง และแผ่กระจายออกไปทุกทิศทาง

  

จิตใจของฮั่วอู๋ฟางว่างเปล่าไปชั่วขณะ เขาพยายามรวบรวมพลังทางจิตวิญญาณเพื่อต่อต้านการโจมตีของหลังเฉิน แต่กว่าจะเขาจะฟื้นคืนมาจากการโจมตีทางจิตวิญญาณนั้นได้ นกมายาขนม่วงที่อยู่ในมือก็หายไปแล้ว หลงเหลือไว้เพียงภาพรอยยิ้มอย่างพึงพอใจของหลงเฉิน

  

‘ทะลวงจิตวิญญาณ’ เป็นสิ่งที่ม่งฉีสอนเขาก่อนหน้านี้ แม้ว่าทักษะที่ลึกลับนี้หลงเฉินจะยังไม่เชี่ยวชาญนัก แต่การที่เขาสามารถใช้พลังแห่งจิตวิญญาณเพื่อก่อกวนศัตรูได้ ก็ทำให้เขาพึงพอใจไม่น้อย ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นก็คือ การโจมตีด้วยทักษะทางวิญญาณนี้เป็นการโจมตีแบบรอบทิศทาง นั่นคือพลังที่พุ่งเข้าใส่จะมาจากทั่วทุกทิศพร้อมกัน จึงไม่ต้องกลัวว่าจะพลาดเป้าหมาย และผลลัพธ์คือหลงเฉินประสบความสำเร็จ แม้ว่าจะลงมือช้าไปซักหน่อย แต่ว่าท้ายที่สุดก็สามารถนำร่างของเจ้านกมายาขนม่วงมาเก็บไว้ในแหวนมิติของตนเองได้สำเร็จ

  

หลังจากเก็บร่างของนกมายาขนม่วงเสร็จแล้ว หลงเฉินก็รู้สึกโล่งใจอย่างมาก ถ้าหากถูกแย่งชิงไปแล้ว เขาต้องเจ็บปวดจากการสูญเสียอย่างมากแน่นอน

  

“คืนนกมายาขนม่วงให้ข้าเดี๋ยวนี้นะ หรือเจ้าอยากจะตาย” ฮั่วอู๋ฟางโกรธเกรี้ยวอย่างหนักหน่วง เขาใช้ปลายดาบเพลิงชี้หน้าหลงเฉิน พลางตะโกนด่าทออย่างดุเดือด

  

ผู้มีพรสวรรค์ชั้นเลิศฝ่ายอธรรมสองคนนั้น เห็นว่าหลงเฉินได้นกมายาขนม่วงไปครอบครองแล้ว ก็เกิดความลังเลขึ้นมา ท้ายที่สุดก็ตัดสินใจถอยห่างออกไป ไม่เข้าร่วมการต่อสู้ในครั้งนี้อีกต่อไปแล้ว

  

ผู้มีพรสวรรค์ชั้นเลิศอีกคนซึ่งเป็นฝ่ายธรรมะนั้น เขามองเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดตั้งแต่ต้นแต่ไม่มีโอกาสลงมือเลยแม้แต่น้อย เขาจ้องมองไปที่หลงเฉินและฮั่วอู๋ฟางชั่วครู่ ก็สะดุดตาเข้ากับลวดลายบนชายชุดยาวของฮั่วอู๋ฟาง ที่ปักเป็นรูปหอคอยสูงใหญ่อลังการ ลวดลายนั้นถูกปักด้วยความปราณีตงดงาม ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนสีทันที ดวงตาของเขาหลุบมองต่ำลง และรีบเร่งหนีออกจากที่แห่งนี้ทันที

“ซูม”

ทันใดนั้นก็มีเงาร่างกลุ่มหนึ่งพุ่งเข้ามาใกล้ นำพาเอากลิ่นหอมอบอวนแพร่กระจายออกไปทั่วอากาศ ม่งฉี ฉู่เหยาและลู่ฟางเอ๋อ ทั้งสามลงมาจากหลังของเสี่ยวเสว่ยและสิงโตแดงเพลิง เดินเข้ามาหยุดยืนอยู่ข้างๆหลงเฉิน

  

“พวกข้าทำสำเร็จ แล้วทางเจ้าล่ะ หลงเฉิน” ม่งฉีเอ่ยถามเสียงใสกังวาน

  

“พวกเจ้าดูหน้าของคนตรงหน้าเจ้าสิ คิดว่าคงจะได้คำตอบนะ” หลงเฉินกล่าวออกมาพร้อมหัวเราะร่า การร่วมมือกันของพวกเขาทั้งสี่ประสบผลสำเร็จอย่างงดงาม แต่ดูเหมือนเวลานี้จะยังไม่ใช่เวลาที่สมควรจะฉลอง

  

ม่งฉียิ้มพร้อมพยักหน้ารับ แต่เมื่อนางมองไปที่ฮั่วอู๋ฟางสีหน้าของนางก็เปลี่ยนไปทันที โดยเฉพาะเมื่อได้เห็นรูปปักหอคอยงดงามบนแขนเสื้อของเขา

“หอคอยโอสถ”

.

.

.

* นิยายเรื่องนี้เป็นลิขสิทธิ์ของ Novel Kingdom (หจก.โนเวล คิงด้อม) *

**ไม่อนุญาตให้ดัดแปลง แก้ไขหรือเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืนทาง หจก. จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด**

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด