ตอนที่แล้วตอนที่ 378 แบ่งผลประโยชน์โดยมิชอบธรรม
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 380 นกมายาขนม่วง

ตอนที่ 379 ปัญหาที่แก้ยาก


* นิยายเรื่องนี้เป็นลิขสิทธิ์ของ Novel Kingdom (หจก.โนเวล คิงด้อม) *

**ไม่อนุญาตให้ดัดแปลง แก้ไขหรือเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืนทาง หจก. จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด**

ไม่หรอกมั้ง

หลงเฉินมองผลกิเลนในเตาหลอมโอสถ ด้วยสีหน้าที่ผิดหวังเป็นอย่างมาก ในเวลานี้ผลกิเลนถูกหลอมจนเหนียวข้น จนไม่สามารถที่จะทำให้กลายเป็นผงได้อีก

  

ก่อนหน้านี้เขาและหญิงสาวทั้งสามคนขณะที่อยู่ภายในถ้ำที่เงียบสงบแห่งหนึ่ง หลงเฉินได้นำผลกิเลนไปให้ทุกคนได้ดู ทำให้ทุกคนที่เห็นถึงกลับเปล่งเสียงอุทานออกมา

 

นับว่าเป็นโชคดีของหลงเฉินที่เขาสามารถหาผลกิเลนจนพบได้ ในขณะเดียวกันก็ทำให้หยินหลอเกิดความรู้สึกเสียดายและเคียดแค้นขึ้นมาเป็นอย่างมาก เนื่องจากเขาได้พลาดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกชนิดนี้ ไปเสียแล้ว

หลงเฉินใช้เวลาตลอดทั้งวัน กว่าจะทำให้จิตใจสงบลงจากความตื่นเต้นได้ และวันนี้เขาก็เพิ่งจะเริ่มลงมือหลอมโอสถแปรแสง

เนื่องจากวัตถุดิบส่วนผสมต่างๆของโอสถแปรแสงนั้นอยู่ในการช่วยเหลือของผู้อาวุโสซุน ซึ่งเป็นผู้จัดเตรียม ผู้อาวุโสซุนก็ได้มีการเตรียมการรวบรวมวัตถุดิบเหล่านั้นและได้หลอมจนกลายเป็นผงยาที่บริสุทธิ์แล้ว เหลือก็เพียงแต่ผลกิเลนเท่านั้น

ขณะที่หลอมผลกิเลนอยู่นั้น ได้เกิดเหตุการณ์ที่สร้างความประหลาดใจให้แก่หลงเฉินเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากผลกิเลนที่อยู่ในเตาหลอมโอสถนั้น ไม่มีทีท่าว่าจะละลายหรือแตกตัวเลยแม้แต่น้อย

  

“พลังเพลิงโอสถอ่อนกำลังเกินไป หากเป็นเช่นนี้ต่อไปแย่แน่ จะทำให้ความบริสุทธิ์ของผลกิเลนสูญเสียไปหลายส่วน เช่นนั้นก็เท่ากับว่าเสียของ” หลงเฉินดับเพลิงโอสถที่เตาโอสถ พร้อมทั้งนำผลกิเลนส่วนหนึ่งที่ละลายแล้วบรรจุลงไปในขวดหยก   

ม่งฉี ฉู่เหยาและลู่ฟางเอ๋อ ที่รออยู่ภายนอกถ้ำก็ได้มองหาพื้นที่ว่าง พร้อมกับปูเสื่อไว้สำหรับนั่งรอหลงเฉิน ข้างบนเสื่อยังเต็มไปด้วยผลไม้แห้ง พวกนางต่างก็กินไปพลางพูดคุยไปพลาง ส่งเสียงหัวเราะดังกึกก้องราวกับเสียงระฆังก็มิปาน

  

เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของพวกนาง ก็ทำให้อารมณ์ของหลงเฉินก็ผ่อนคลายลง เขาไม่ได้เข้าไปขัดจังหวะของพวกนาง เพียงแต่แอบมองพวกนางคุยกันอยู่เงียบๆ

เขามองดูรอยยิ้มของพวกนางที่มีสีสันราวกับดอกไม้ ช่างสดใสเบิกบานจนทำให้ภายในหัวใจ ของหลงเฉินเต็มไปด้วยความสงบ สำหรับหลงเฉินความรู้สึกแบบนี้นั้นเป็นสิ่งที่เขาแทบจะไม่ได้พบเจอได้เลย เขาจึงต้องเก็บเกี่ยวช่วงเวลานี้เอาไว้ให้มากที่สุด

  

“ตูม”

ขณะที่หลงเฉินกำลังมองไปที่พวกนางอยู่นั้น ทันใดนั้นภายในร่างกายก็เกิดเสียงปะทุขึ้น สภาวะอากาศก็เริ่มสั่นไหวขึ้นมา เสียงนั้นดังกึกก้องจนทำให้บริเวณโดยรอบสั่นไหวไปทั่ว รวมถึงมีแสงที่ทอประกายเจิดจ้าขึ้นมา

  

“เลื่อนระดับแล้ว!”

หลงเฉินตื่นเต้นยินดีกับสภาวะที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วนี้ ในวันนี้เขาได้เลื่อนระดับมาจนถึงขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นขั้นที่สามแล้ว เขารู้สึกถึงพลังสภาวะภายในร่างกายนั้นได้พัฒนาขึ้นเป็นอย่างมาก ในเวลาเดียวกันหลงเฉินก็พบว่าเส้นเอ็นของตัวเองทวีความหนาแน่นมากยิ่งขึ้น 

“หลงเฉิน เจ้าเลื่อนระดับแล้ว?”

พวกนางทั้งสามมองหลงเฉินอยู่ไกลๆ ด้วยใบหน้าที่ตกตะลึงอย่างมาก หลงเฉินที่ยืนอยู่ปากทางเข้าถ้ำ เขาไม่ได้มีการเตรียมการสำหรับการทะลวงพลังแต่อย่างใด การเลื่อนระดับเช่นนี้ ทำให้ผู้คนทั่วไปประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง  

“ฮู่ว”

หลงเฉินโบกมือขึ้นมาเล็กน้อย ภายใต้พลังที่น่าหวาดกลัว แม้แต่ภายในอากาศก็ยังสั่นไหวไม่หยุด ราวกับรับพลังรุนแรงอย่างบ้าคลั่งนี้ไว้ไม่ไหว และยังคงเป็นเช่นนั้นต่อไปไม่หยุด

  

“อือ ข้าเลื่อนระดับแล้ว” หลงเฉินฉีกยิ้มเล็กน้อย พวกนางทั้งสามมาเข้ามายืนอยูตรงหน้า พร้อมกับสงสัยว่าทำไมเขาถึงไปนั่งอยู่ตรงพื้นหญ้านั้นได้

“นี่ ทำไมเจ้าไม่มานั่งข้างบนนี้ด้วยกันล่ะ ที่พื้นมันสกปรกจะตาย” ฉู่เหยาถาม

“ไม่เป็นไร เสื้อของข้าก็ไม่ได้สะอาดไปกว่าพื้นเท่าไหร่หรอก” หลงเฉินยิ้มตอบ

  

“พวกข้านั่งบนเสื่อ แต่เจ้ากลับไปนั่งอยู่ตรงพื้นมันดูแปลกๆ รีบขึ้นมานั่งนี่เถอะ” ม่งฉีอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาเล็กน้อย

  

“แค๊กแค๊ก ที่จริงแล้วก็คือว่า..เท้าข้าเหม็นน่ะ” หลงเฉินพูดออกมาอย่างลำบากใจ

  

“……”

พวกนางทั้งสามล้วนพากันถอดรองเท้านั่งอยู่บนเสื่อ จึงทำให้หลงเฉินรู้สึกเกรงใจที่จะต้อง ถอดรองเท้าไปนั่งรวมกับพวกนางด้วย หลายวันมาแล้วที่เขาไม่ได้ล้างเท้าเลย

และจากการต่อสู้ที่ผ่านมานับครั้งไม่ถ้วน ถ้าหากเขาถอดรองเท้าจะต้องมีกลิ่นเหม็นคลุ้งแน่ๆ รวมถึงตัวเขาเองก็คงทนกลิ่นไม่ไหวเช่นกัน

เมื่อกล่าวถึงเท้าเปล่า ทั้งสามนางก็หน้าแดงขึ้นมา ต่างรีบซ่อนเท้าตัวเองไว้ใต้อาภรณ์ ทำให้หลงเฉินเกิดรู้สึกเสียดายที่ยังไม่ได้ชื่นชมให้เต็มตา

  

“จริงสิ หลงเฉินเจ้าต้องไปหลอมโอสถมิใช่หรือ ทำไมถึงออกมาเร็วนัก หรือว่าเกิดความผิดพลาดขึ้น?” ทันใดนั้นม่งฉีก็ถามขึ้นมาเพื่อเปลี่ยนหัวข้อสนทนา

พวกนางนั้นรู้ว่าหลงเฉินกำลังหลอมโอสถ จะต้องใช้เวลาสักพักใหญ่ถึงจะสามารถออกมาได้ พวกนางจึงนั่งถอดรองเท้าเล่น ไม่เช่นนั้นคงไม่ต้องรู้สึกละอายเช่นนี้

“ไม่ได้เกิดความผิดพลาด แต่ก็ไม่ถือว่าสำเร็จเช่นกัน เพราะว่าพลังเพลิงโอสถไม่เพียงพอ ทำให้ไม่สามารถหลอมเอาความบริสุทธิ์ของผลกิเลนได้ จึงต้องหยุดไปก่อน” หลงเฉินกล่าว

  

เมื่อเห็นหลงเฉินเกิดความเศร้าใจพวกนางก็อดที่จะหดหู่ตามไปด้วยไม่ได้ แม้ว่าหลงเฉินจะไม่ได้บอกว่าเขากำลังหลอมโอสถอะไร

แต่ว่าพวกนางก็อดแสดงความตื่นเต้นต่อหน้าหลงเฉินไม่ได้ พวกนางมองออกได้อย่างชัดเจน ว่าโอสถที่หลงเฉินหลอมนั้นจะต้องสำคัญกับเขาเป็นอย่างมากแน่นอน

“หลงเฉิน......” ม่งฉีอยากจะพูดปลอบใจ แต่กลับไม่รู้ว่าจะเอ่ยวาจาใดออกไป  

หลงเฉินหัวเราะพร้อมกับกล่าวว่า “ข้าไม่เป็นไร ตอนนี้เพียงแค่ยังไม่มีเพลิงปราณที่เหมาะสม รอให้เจอที่เหมาะสมก่อนก็คงจะหลอมได้แล้ว”  

"หลงเฉิน ข้าขอโทษ...... ข้าไม่รู้ว่า......” ลู่ฟางเอ๋อกล่าวขอโทษ 

ลู่ฟางเอ๋อเพิ่งจะนึกขึ้นมาได้ว่า สิงโตแดงอัคคีมีพลังเพลิงกาฬมหาศาลเป็นสิ่งที่เขาต้องการพอดี

  

แต่ในขณะนี้สิงโตแดงอัคคีได้กลายเป็นสัตว์มายาของนางแล้ว จึงไม่ใช่สัตว์มายาธรรมดาๆอีกต่อไป แต่เป็นสหายข้างกาย นางจึงไม่สมารถยกให้หลงเฉินได้

  

“ฟางเอ๋อเจี่ย มองข้าเป็นคนเช่นนั้นไปเสียได้ ผลกิเลนนั้นมีความพิเศษอยู่ หากเป็นสัตว์มายาเพลิงระดับสูง จะต้องสามารถทำให้ผลกิเลนบริสุทธิ์ได้แน่นอน พวกเรายังมีเวลาอีกมาก ที่จะไปหาสัตว์มายาเพลิงที่เหมาะสมกว่านี้ได้” หลงเฉินกล่าวพร้อมรอยยิ้ม

  

ยิ่งหลงเฉินพูดเช่นนี้ ก็ยิ่งทำให้ภายในใจของลู่ฟางเอ๋อยิ่งโศกเศร้า แต่นางก็ไม่รู้จะทำเช่นไร ทันใดนั้นน้ำตาก็ไหลอาบลงมา

“เอาเถิด ฟางเอ๋อไม่ต้องร้องไห้ ตอนนี้พวกเราก็มาช่วยหลงเฉินตามหาสัตว์เพลิง รวมไปถึงหาสัตว์เลี้ยงของข้าด้วย ดูสิว่าจะสามารถหาสัตว์ทรงพลังได้หรือไม่” ม่งฉีกล่าวปลอบใจเบาๆ

  

หลงเฉินรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก เมื่อเห็นทั้งสามเก็บของกันอย่างรวดเร็ว เขาก็ทำได้เพียงออกเดินทางไปพร้อมกัน

  

“ในป่าพงไพรแห่งความมืด มีภูเขา ต้นไม้สูงใหญ่ จะต้องมีสัตว์ป่าอยู่มากเป็นแน่ พวกเราต้องหาได้อย่างแน่นอน” ม่งฉีกล่าว

หลงเฉินยิ้มพร้อมกล่าวปลอบโยนลู่ฟางเอ๋ออีกสองสามคำ พร้อมกับเรียกเสี่ยวเสว่ยออกมา ม่งฉีก็กระโดดขึ้นไปนั่งบนหลังของเสี่ยวเสว่ย

  

ทางฉู่เหยาก็ขึ้นหลังสิงโตแดงอัคคีไปพร้อมกับลู่ฟางเอ๋อ ในขณะที่ออกเดินทางนั้น ก็มีการหันมายิ้มและขยิบตาให้กับหลงเฉิน ท่าทางแบบนั้นทำให้ม่งฉีมีใบหน้าแดงก่ำ ลู่ฟางเอ๋อและฉู่เหยาตั้งใจให้สิงโตอัคคีนำหน้าไปก่อน เพื่อเปิดโอกาสให้หลงเฉินและม่งฉี ที่ตามหลังมาห่างๆ ได้อยู่กันตามลำพัง

  

ในตอนแรกม่งฉีมีอาการประหม่าไม่น้อย หลงเฉินจึงถามนางเกี่ยวกับทักษะจิตวิญญาณ ทำให้นางค่อยๆผ่อนคลายลง

  

“หลงเฉิน อย่างไรก็ต้องขอบคุณเจ้าจริงๆที่ฝากโอสถบำรุงวิญญาณมาให้ ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ข้ากำลังจะพัฒนาจิตวิญญาณ

โอสถบำรุงวิญญาณของเจ้านั้น ทำให้พลังขั้นพื้นฐานของข้าแข็งแกร่งขึ้น แม้แต่ท่านอาจารย์ยังกล่าวว่าความหนาแน่นของจิตวิญญาณของข้าไปถึงขั้นสุดแล้ว” ใบหน้าของม่งฉี เต็มไปด้วยคำขอบคุณ ดวงตาคู่งามจ้องมองไปยังหลงเฉินพร้อมกับกล่าวด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา

  

“ระหว่างเรานั้น ไม่ใช่คนอื่นคนไกลแล้ว ข้าเคยบอกไปแล้วว่าจะตั้งใจจีบเจ้ามาให้จงได้ แล้วจะไม่ให้ข้าลงทุนได้อย่างไรกันเล่า” หลงเฉินกล่าวพร้อมกับหัวเราะขึ้น

  

ยิ่งทำให้ใบหน้าของม่งฉีแดงก่ำ พร้อมดุกลับไปว่า “อย่ามาพูดจาเหลวไหล”  

เมื่อเห็นม่งฉีไม่เล่นด้วยหลงเฉินก็รีบเปลี่ยนเรื่องถามไปว่า “ท่านอาจารย์ของเจ้าดีต่อเจ้าหรือไม่”

  

ได้ยินหลงเฉินถามเช่นนี้ ใบหน้าก็แสดงถึงความกลัดกลุ้มขึ้นมาแต่เพียงครู่เดียวก็ถูกปกปิดพร้อมกล่าวขึ้น “ท่านอาจารย์ดีกับข้ามาก ข้าสามารถใช้สิ่งที่อยู่ในหมู่ตึกจิตวายุได้ทั้งหมดเลย”

สายตาหลงเฉินที่กำลังมองม่งฉี ทำให้มงฉีที่ไม่สามารถควบคุมหัวใจที่สั่นไหวได้ ถูกหลงเฉินมองเห็นถึงความลับที่อยู่ภายในใจยากจะปิดบัง

เห็นหลงเฉินเป็นคนเช่นไรกัน? เขาไม่ใช่จะไร้เดียงสา ทำไมจะดูท่าทางของม่งฉีไม่ออก

ถึงไม่ได้คุยกับลู่ฟางเอ๋อมาก่อน เขาก็สามารถสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของมงฉี หากมงฉีไม่พูด เขาเองก็ไม่คะยั้นคะยอถามนาง

หลงเฉินค่อยๆจัดผมของม่งฉีที่ถูกลมพัดจนยุ่งเหยิงอย่างเบามือ พร้อมกับพูดว่า “ถ้าหากอยู่ในหมู่ตึกจิตวายุแล้วไม่มีความสุขก็บอกข้ามา ข้าจะไปรับเจ้า แม้ว่าจะให้อะไรเจ้าได้ไม่มาก แต่ข้าให้เจ้าได้ทั้งหมดที่ข้ามี แม้ว่าข้าจะยังไม่แข็งแกร่งพอ แต่ข้าจะใช้ทั้งชีวิตของข้าปกป้องเจ้าไม่ให้เจ้าถูกใครรังแก”  

“หลงเฉิน......”

  

เมื่อได้สัมผัสถึงท่าทางที่อ่อนโยนรวมไปถึงน้ำเสียงที่อบอุ่นของหลงเฉิน ม่งฉีก็อดที่จะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ร้องไห้เบาๆอยู่ในอ้อมแขนของหลงเฉิน

ในใจของหลงเฉินนั้นเต็มไปด้วยความเห็นใจ กอดม่งฉีไว้แน่นภายใต้อ้อมกอดของเขา 

“เมื่อเสร็จสิ้นเขตแดนลับครั้งนี้แล้ว เจ้าไปหมู่ตึกพลิกสวรรค์กับข้าเถิด แม้ว่าที่หมู่ตึกของข้าจะไม่ใช่ที่ที่สมบูรณ์แบบ แต่อย่างน้อยที่นั่นก็มีคนที่ไว้วางใจได้มากมายเลยล่ะ” หลงเฉินกล่าว

  

มงฉีคลายอ้อมกอดลงพร้อมกับพยักหน้า “ให้เวลาข้าหน่อยเถอะ ข้าต้องไปบอกลากับท่านอาจารย์ เป็นคนต้องรู้จักไปมาลาไหว้ หมู่ตึกจิตวายุนั้นก็อบรมสั่งสอนข้ามาเป็นเวลานาน ข้าไม่สามารถที่จะหายไปโดยไม่บอกกล่าวได้”

หลงเฉินพยักหน้า แม้ว่าในการฝึกยุทธ์ทุกวันนี้ทุกคนจะมีอิสระในการเลือก แต่ถ้าไปโดยไม่บอกลาก็ไม่ต่างจากการทรยศสำนัก หลงเฉินไม่อยากเห็นมงฉีต้องถูกตราหน้าว่าเป็นคนทรยศ

เมื่อเห็นหลงเฉินพยักหน้า ม่งฉีอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาพร้อมกับกล่าวเบาๆ “ขอบคุณนะ”

ใบหน้าผุดผ่องราวกับหยก ที่เต็มไปด้วยหยดน้ำตา มันงดงามดั่งหยดน้ำฝนที่ตกลงบนดอกไม้

  

“ม่งฉีเจ้าช่างงดงามเสียจริง”

  

หลงเฉินกล่าวจบก็รู้สึกอยากจะคืนคำพูด อยากตบปากตัวเองเสียจริง คำพูดนี้พูดไปนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว เปลี่ยนคำอื่นไม่ได้หรืออย่างไรกัน?  

 

แต่ความงามทำให้ชวนมองของม่งฉีนั้น ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะแอบดมกลิ่นหอมของม่งฉี หลงเฉินรู้สึกได้ว่าตนเองนั้นถูกตรึงไว้ด้วยมนต์สะกดแห่งความงามของนางเสียแล้ว  

ใบหน้าของม่งฉีแดงก่ำขึ้นมา ไม่มีท่าทางกลัดกลุ้ม ภายในดวงตาเต็มไปด้วยความเบิกบาน

  

“เจ้ามักจะหลอกหญิงสาวเช่นนี้เสมอ ใช่หรือไม่” จู่ๆใบหน้าของม่งฉีก็เต็มไปด้วยท่าทางขบขัน ดวงตาคู่งามจ้องมองไปยังหลงเฉิน  

“ไม่มี ไม่มีแน่นอน” หลงเฉินรีบกล่าว

  

เรื่องแบบนี้ตีให้ตายก็ไม่สามารถยอมรับได้ แต่เขาก็ไม่ได้โกหกนางจริงๆ เพราะตอนที่หลอกหญิงอื่นหลงเฉินก็ไม่ได้ใช้วิธีซื่อบื้อเช่นนี้

  

เห็นใบหน้าที่แสดงถึงความลนลานของหลงเฉิน ทำให้ม่งฉีก็ยิ้มพร้อมกับกล่าวขึ้น “เหตุใดต้องตกใจถึงเพียงนั้นกัน ข้าแค่ได้ยินมาจากเหยาเม่ย ตอนเจ้าอยู่ในหมู่ตึกมีผู้หญิงชื่อถังหว่านเอ๋อใช่หรือไม่”

หลงเฉินสะดุ้งตกใจ เหตุใดฉู่เหยาถึงได้เอาเรื่องนี้ไปบอกม่งฉีได้ ทว่าในเรื่องนี้ฉู่เหยาก็ถือว่า ทำเพื่อหลงเฉินอย่างแท้จริง ฉู่เหย่าบอกม่งฉีไปเพียงเล็กน้อย เพื่อให้ม่งฉีได้เตรียมใจไว้บ้าง ในขณะเดียวกันก็เพื่อช่วยให้หลงเฉินบอกความในใจได้ง่ายขึ้น

  

ถ้าหากม่งฉีไม่พอใจ ฉู่เหยาก็คงจะบอกเป็นนัยๆให้เขารู้บ้างแล้ว แต่ในเมื่อฉู่เหยาไม่ได้เอ่ยเรื่องนี้กับหลงเฉิน ก็แสดงว่าทุกอย่างเป็นไปในทางที่ดี

  

“แค๊กแค๊ก....” หลงเฉินไอออกมาแก้อาการเขินอาย

ในขณะเดียวกันก็ให้เวลาตนเองรวบรวมคำพูด เพื่อให้ทำร้ายจิตใจฝ่ายตรงข้ามน้อยที่สุด 

“ตึง”

  

ขณะที่หลงเฉินกำลังจะอ้าปากพูด ทันใดนั้นท้องฟ้าก็มืดลง พร้อมทั้งมีเงาร่างขนาดใหญ่ พุ่งทะยานเข้ามาหาหลงเฉินอย่างรวดเร็ว

* นิยายเรื่องนี้เป็นลิขสิทธิ์ของ Novel Kingdom (หจก.โนเวล คิงด้อม) *

**ไม่อนุญาตให้ดัดแปลง แก้ไขหรือเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืนทาง หจก. จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด**

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด