ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0397 [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0399 [อ่านฟรี]

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0398 [อ่านฟรี]


ตอนที่ 398 : นครราชันจารึก

ฉินหยุนขณะนี้ยังไม่อาจหลอมอุปกรณ์วิญญาณระดับราชัน ก่อนหน้านี้ ตอนที่เขาขัดเกลาอาวุธวิญญาณชั้นเลิศ เขาพบว่าตนยังค่อนข้างขาดอะไรบางอย่าง จึงไม่สามารถเข้าถึงการขัดเกลาอาวุธวิญญาณระดับราชัน

กระนั้น หากเป็นยันต์วิญญาณระดับราชัน ถือว่าไม่มีปัญหาอะไร

ตัวเขาสามารถขัดเกลายันต์วิญญาณชั้นเลิศได้นานแล้ว ตอนนี้อยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋า จึงไม่ใช่เรื่องยากหากคิดทำยันต์วิญญาณระดับราชัน

“อุปกรณ์ยันต์ชั้นเลิศ น่าจะแข็งแกร่งไม่ใช่น้อย!” ฉินหยุนนำเอากระบี่ออกมา สิ่งนี้คืออุปกรณ์วิญญาณชั้นเลิศ ที่เขาเพิ่งหลอมขึ้นระหว่างการทดสอบ

ตอนนี้ เขาคิดอยากแปรเปลี่ยนกระบี่เล่มนี้ ให้กลายเป็นอุปกรณ์ยันต์!

กระบี่เล่มนี้เขาหลอมขึ้นด้วยตนเอง ดังนั้นจึงทราบโครงสร้างภายในอย่างกระจ่างชัด การดัดแปลงมัน สมควรลื่นไหลไม่มีปัญหาอันใด

ที่เขาต้องทำ ก็เพียงแค่ใส่หินวิญญาณว่างเปล่าเข้าไปในตัวคมกระบี่ สร้างเป็นมิติเก็บของขนาดเล็กขึ้น ถัดจากนั้น ค่อยใส่ผังวิญญาณเพิ่มเติม เพื่อให้มิติเก็บของสามารถปลดปล่อยยันต์วิญญาณออกมาได้ตามต้องการ

หลังจากดัดแปลงกระบี่เรียบร้อยแล้ว เขาค่อยขัดเกลายันต์วิญญาณระดับราชันขึ้นมา!

ตอนนี้เขายังคิดไม่ออก ว่าควรตั้งชื่อมันว่าอะไรดี เพราะสิ่งนี้เป็นการคัดลอกจากร่างกายสื่อชิงเฉิงมาอีกต่อหนึ่ง

แม้ว่าอักขระวิญญาณระดับราชันทั้งสองจะค่อนข้างซับซ้อน แต่ฉินหยุนก็มีพลังจิตที่แกร่งกล้า นอกจากนี้ เขายังสามารถดัดแปลงดวงตาตนเองด้วยพลังพิเศษ ที่ทำให้เขาสามารถมองความซับซ้อนและยุ่งเหยิงของอักขระวิญญาณไปอย่างเป็นระเบียบได้

รวมเข้ากับพรสวรรค์ของเขา ย่อมทำการแกะสลักอักขระวิญญาณชั้นเลิศได้อย่างลื่นไหลบนกระดาษยันต์

เพียงหนึ่งวัน เขาก็สามารถทำยันต์วิญญาณระดับราชันได้สำเร็จ

และเมื่อเขาก้าวออกจากห้องลับ ก็เป็นตอนที่ทำเสร็จสิ้นไปแล้วถึงหกแผ่น

ด้านนอกอาคารทองแดงโบราณ สื่อชิงเฉิงสวมใส่ชุดสีม่วง ด้วยเส้นผมสีดำยาวจนถึงเอว ทำให้นางทั้งดูงดงามและสง่างาม ชุดสวมใส่สีม่วง มันยิ่งขับเน้นให้ร่างกายของนางเผยเสน่ห์ดึงดูดมากล้นออกมา

สื่อชิงเฉิงขณะนี้ กำลังเหม่อมองฝนวิญญาณรุ้งเก้าสีที่ตกลงมาใส่สวนสมุนไพร ดวงตาของนางเปี่ยมด้วยปณิธานแรงกล้า

“พี่สาวซาลาเปานึ่ง!” ฉินหยุนเดินถึงข้างกายนาง ค่อยรับชมใบหน้างดงามเหม่อลอยของนางอีกคราหนึ่ง

สื่อชิงเฉิงขณะนี้รู้ตัวก็ตอนฉินหยุนสัมผัสแตะตัวแล้ว ดังนั้นนางจึงไม่กล่าวอันใดออก เพียงรับชมหยวนหยานหยิงละเล่นท่ามกลางสายฝนของสวนสมุนไพร

“เจ้าหนู สวนสมุนไพรนี้เป็นอย่างไรกันแน่? หากเจ้ายินดี บอกความลับนี้ต่อข้าได้หรือไม่!” สื่อชิงเฉิงมองทางฉินหยุนพร้อมเอ่ยถามด้วยความสงสัย

“เป็นค่ายอาคมธง! ฝนที่ตกลงมา คือพลังวิญญาณที่ควบแน่น!” ฉินหยุนยิ้ม “เป็นข้าทำมันเอง!”

เดิมที จ้าวสำนักและบรรดาผู้อาวุโสคิดเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ

ทว่า เว่ยจงเจิ้งขณะนี้เป็นราชันยุทธ์แล้ว ความลับนี้ไม่จำเป็นต้องเก็บงำแต่อย่างใดอีก นอกจากนี้ เขายังคิดอยากให้ผู้อื่นได้ทราบ ว่าประตูลึกล้ำเก้าสมบูรณ์เรืองอำนาจเพียงใด

สื่อชิงเฉิงอึ้งไปวูบ สีหน้าของนางขณะนี้บ่งบอกว่าไม่เชื่อ

ฉินหยุนที่ได้เห็นสีหน้าประหลาดใจของนาง เขาพบว่าเรื่องนี้แปลกใหม่ อดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปลูบสัมผัสใบหน้ากลมของนาง

“พี่สาวซาลาเปานึ่ง เป็นอะไรไปแล้ว?” ขณะที่มือฉินหยุนสัมผัสใบหน้าสื่อชิงเฉิง เขารู้สึกเหมือนไม่อยากปล่อยมือนี้ออกจากใบหน้า

สื่อชิงเฉิงพลันคว้ามือฉินหยุนเอาไว้ เอ่ยถามด้วยความประหลาดใจอย่างยิ่ง “เป็นเจ้าทำมันขึ้นมาหรือ? อาคมธงเช่นนี้ มีแต่สำนักระดับราชันจึงครอบครอง!”

ฉินหยุนยิ้ม “ตอนนี้ประตูลึกล้ำเก้าสมบูรณ์ของพวกเราก็มีแล้ว! จ้าวสำนักของพวกเราก็เป็นราชันยุทธ์ ดังนั้นพวกเราขณะนี้ อีกเพียงครึ่งก้าวก็จะถึงสำนักระดับราชันแล้ว!”

“เจ้า... นี่เจ้าเป็นคนทำมันขึ้นมาจริงหรือ?” สื่อชิงเฉิงยังคงไม่เชื่อ

“หากท่านไม่เชื่อ เช่นนั้นก็ไม่เชื่อต่อไป!” ฉินหยุนแลบลิ้นให้

สื่อชิงเฉิงก้มหน้า เอ่ยคำเสียงเบา “เจ้าพอที่จะ... ช่วยเหลือหุบเขาลึกล้ำจันทรา จัดสร้างพวกมันให้สักชุดได้หรือไม่?”

ฉินหยุนยิ้มกว้าง “แน่นอนว่าข้าทำได้ ทว่า การติดตั้งค่ายอาคมธงออกจะเป็นเรื่องยุ่งยาก ดังนั้นท่านต้องมีอะไรมาแลกเปลี่ยนกับข้าด้วย!”

“ไม่มีปัญหา ข้าจะกลับไป พูดคุยกับบรรดาผู้อาวุโสของหุบเขาลึกล้ำจันทรา ให้พวกนางมาที่นี่เพื่อสนทนากับเจ้า อย่างนี้คิดว่าเป็นอย่างไร?” สื่อชิงเฉิงขณะนี้น้ำเสียงยินดีปิดไม่มิด “การตัดสินใจใหญ่เช่นนี้ข้าไม่อาจทำด้วยตัวเองได้!”

นางเป็นกังวลว่าฉินหยุนจะไม่ยอมรับต่อเรื่องนี้ ทว่านางก็เชื่อ ว่าตราบเท่าที่ฉินหยุนยินดีช่วยเหลือจัดแจงค่ายอาคมนี้ให้ หุบเขาลึกล้ำจันทราย่อมยินดีเจรจาด้วย

“แต่ว่า เรื่องนี้อย่าได้บอกต่อภายนอก ตราบเท่าที่บรรดาผู้อาวุโสและจ้าวสำนักของพวกเราตกลงกันได้ ย่อมไม่มีปัญหาอะไร!” ฉินหยุนกล่าว “หลังท่านกลับไป บอกพวกนางให้หาเวลามาที่นี่ เพื่อเจรจากับข้า!”

“ย่อมเป็นเช่นนั้น!” สื่อชิงเฉิงขณะนี้รู้สึกวางใจขึ้นมาก ถึงขั้นยอมให้ฉินหยุนหยิกใบหน้าได้เลยด้วยซ้ำ หากนางสามารถนำค่ายอาคมใหญ่เช่นนี้สู่หุบเขาลึกล้ำจันทรา เท่ากับนางสร้างความดีความชอบครั้งใหญ่

ฉินหยุนนำเอากระบี่ออกมาและเอ่ยถาม “พี่สาวซาลาเปานึ่ง ท่านยังจำอักขระวิญญาณระดับราชันทั้งสองที่ตีตราบนกายท่านได้หรือไม่?”

ใบหน้าสื่อชิงเฉิงพลันแดงก่ำขณะพยักหน้ารับ “เหตุใดหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมา? ไม่ใช่เจ้าบอกหรือว่าภายหน้าจะไม่เอ่ยถึงมันอีก?”

ฉินหยุนพอได้เห็นสื่อชิงเฉงใบหน้าแดงก่ำ ก็อดไม่ได้ที่จะหยิกไปอีกคราหนึ่ง กระนั้น เขาก็ทำไม่สำเร็จ เพราะมือตนเองโดนนางคว้าเอาไว้ก่อน

“เจ้าหนู ข้าขอบอก! ภายหน้า หากเจ้าลูบใบหน้าข้าพร้อมนึกถึงเรื่องราวเก่าก่อน เท่ากับเจ้ากำลังทำให้ข้าอับอาย!” สื่อชิงเฉิงบุ้ยปากเป็นการท้วงติง

ฉินหยุนกล่าว “พี่สาวซาลาเปานึ่ง เมื่อข้าหลอมอุปกรณ์ยันต์ ข้าจะสามารถทำให้ผังวิญญาณพวกนั้น ทำการประทับตราลงบนร่างของผู้อื่นได้ในระหว่างการต่อสู้!”

“หลังจากโดนประทับตราที่ร่างแล้ว มันจะก่อเกิดอันใดขึ้นหรือ? ข้าอยากทราบให้ชัดเจนกว่านี้!”

สื่อชิงเฉิงกลายเป็นตื่นตระหนกอยู่ภายในยามได้ยินสิ่งที่ฉินหยุนกล่าว นางไม่คาดคิด ว่าฉินหยุนจะคิดสร้างมันรวดเร็วเพียงนี้ นางกล่าวตอบ “ล่าสุดที่ข้าโดน การโคจรพลังในร่างเป็นไปอย่างติดขัด นอกจากนี้ มันยังทำให้เกิดความรู้สึกไม่สบายทั่วทั้งร่าง ราวกับผิวหนังมีอะไรติดอยู่ เป็นความรู้สึกที่ทั้งขยะแขยงและเจ็บปวด!”

“โดยสรุป หากข้าถูกอุปกณณ์ยันต์นั่นโจมตีเข้าตอนต่อสู้ มันจะส่งผลไม่น้อยเลยทีเดียว!” สื่อชิงเฉิงกล่าวตอบ “ส่วนสำคัญที่สุดของอุปกรณ์ยันต์ก็คือ มันสามารถเมินเฉยเกราะป้องกัน สามารถประทับตราโดยตรงไปยังผิวหนังของเป้าหมายได้!”

ฉินหยุนพยักหน้ารับเป็นการเข้าใจ “ถึงขั้นทะลุชุดเกราะและประทับลงบนผิวหนังโดยตรง... โอ้ จริงด้วยสิ พี่สาวซาลาเปานึ่ง ผิวท่านนั้นยอดเยี่ยม ยังทำให้ข้ารู้สึกถึงความนุ่มลื่นยามสัมผัส นับว่าเป็นของดีประการหนึ่ง!”

“วาจาที่ไร้สาระ!” สื่อชิงเฉิงกระทืบเท้าโกรธเคือง

ขณะฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ชายชราในชุดขาวพลันปรากฏตัว เป็นเว่ยจงเจิ้ง

เมื่อเขาเข้าสู่สวนสมุนไพร จึงได้เห็นสื่อชิงเฉิงกำลังหยอกล้อกับฉินหยุนจึงตระหนักได้ “นั่นไม่ใช่แม่หนูน้อยชิงเฉิงหรอกหรือ? มาที่นี่ได้อย่างไรกัน?”

สื่อชิงเฉิงมือขณะนี้ดึงที่ใบหน้าหล่อเหลาของฉินหยุน ยามได้เห็นเว่ยจงเจิ้งเดินเข้ามา นางเร่งรีบดึงมือกลับ ร้องตอบด้วยความสุภาพ “ยินดีที่ได้พบท่านปู่เว่ย! ข้าไม่คิดว่าท่านปู่เว่ยจะยังจดจำข้าได้!”

เว่ยจงเจิ้งหัวเราะ “แน่นอนว่าต้องจำได้! ย้อนกลับไปครั้งเจ้ายังเป็นโฉมงามอันดับหนึ่งแห่งแดนเหนือ บ่อยครั้งมักอยู่เคียงข้างแม่เฒ่าตู้ ภายหลัง เจ้าได้ก่อปัญหาไม่ใช่น้อย จึงถูกขับไล่ออกจากหุบเขาลึกล้ำจันทรา!”

“จริงด้วย ข้ายังจดจำนามนั้นของเจ้าได้เป็นอย่างดี เรียกว่านางมารสีม่วงพราวเสน่ห์ใช่หรือไม่?”

สื่อชิงเฉิงพยักหน้ารับอย่างเขินอาย “ท่านปู่เว่ย ความจำท่านดีเกินไปแล้ว!”

“จ้าวสำนัก นางเป็นโฉมงามอันดับหนึ่งแห่งแดนเหนือจริงหรือ? ข้าไม่อาจเชื่อ!” ฉินหยุนพิจารณามองสื่อชิงเฉิงด้วยความสงสัยจึงเอ่ยถาม “จ้าวสำนัก เหตุใดครั้งนั้นนางจึงถูกขับไล่?”

“ก่อปัญหามากเกินไป!” เว่ยจงเจิ้งหัวเราะดัง “ย้อนกลับไปเวลานั้น อัจฉริยะหนุ่มหลายคน โดนเสน่ห์ของนางดึงดูด จนกระทั่งหลายถูกนางสังหารตายตก ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะรู้จักนางด้วย!”

ฉินหยุนพอได้ยินดังนี้ เขาเร่งรีบถอยหนีห่างจากสื่อชิงเฉิง “พี่สาวซาลาเปานึ่ง แท้จริงท่านเป็นถึงนางมารร้ายแล้ว!”

“เจ้าหนู ได้รู้แล้วสิว่าข้าแข็งแกร่งเพียงใด? หากผู้อื่นรังแกข้าดังที่เจ้าทำ พวกมันสมควรตายนับพันครั้งแล้ว!” สื่อชิงเฉิงแค่นเสียงเบาตอบกลับ

“จ้าวสำนักขอรับ ข้าคิดช่วยเหลือหุบเขาลึกล้ำจันทรา ทำการติดตั้งค่ายอาคมฝนวิญญาณรุ้งเก้าสีขอรับ!” ฉินหยุนออกปาก

สื่อชิงเฉิงเอ่ยคำ “ท่านปู่เว่ย ข้าจะให้ท่านยายตู้มาที่นี่ เพื่อได้เจรจากับเจ้าหนูน้อยผู้นี้ หุบเขาลึกล้ำจันทรา ย่อมไม่เอารัดเอาเปรียบต่อเขา พวกเราจะหาทางที่เขาพึงพอใจที่สุดเอง!”

เว่ยจงเจิ้งยิ้มรับ “ย่อมได้! ข้าไม่ได้พบแม่เฒ่าตู้มานานพอควรแล้ว จะได้มีเวลาพูดคุยเรื่องราวทางโลกกันบ้าง!”

“เสี่ยวหยุน อีกไม่กี่วันจะมีเรื่องการจัดงานขึ้น เจ้าคิดอยากร่วมทางไปรับชมหรือแสดงฝีมือหรือไม่? ด้วยเพราะเป็นนครราชันจารึก ความปลอดภัยย่อไม่น่าห่วงแต่อย่างใด!”

สื่อชิงเฉิงกล่าวคำขึ้น “ข้าเกือบลืมเลือน นี่ก็จะได้เวลาที่อันดับจะมีการปรับเปลี่ยนในทุกหนึ่งร้อยปีแล้ว ทั้งหมดก็มี อันดับของอาจารย์จารึก อันดับสาวงาม อันดับผู้แข็งแกร่ง ทั้งหมดเหล่านี้จะมีการปรับเปลี่ยนตามกาลเวลา”

“ด้วยใบหน้าของข้า สมควรเป็นบุรุษหล่อเหลาอันดับหนึ่งแห่งแดนเหนือใช่หรือไม่?” ฉินหยุนเอ่ยถามด้วยความสนใจ

“ฝันเฟื่องนัก!” สื่อชิงเฉิงไม่ไว้หน้า

เว่ยจงเจิ้งหัวเราะ “เสี่ยวหยุน เจ้าสามารถไปทดสอบพละกำลังตนเองได้ ย่อมมีการจัดอันดับผู้ฝึกตนวัยเยาว์ที่สุด หากอันดับของเจ้าได้หนึ่งในแปดอันดับแรก รางวัลถือว่าดีไม่น้อย!”

“อันดับหนึ่งเล่าขอรับ?” ฉินหยุนเร่งรีบเอ่ยถาม

“สมควรเป็นเม็ดยาลึกล้ำชั้นเลิศ เม็ดยาลึกล้ำทะยานฟ้า! กล่าวได้ว่าสามารถทำให้วิญญาณยุทธ์วิวัฒนาการและแข็งแกร่งขึ้นได้! ปกติแล้ว ผู้ฝึกตนเยาว์วัยจะมีกันอยู่หลายระดับ แต่ส่วนใหญ่ก็ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สองหรือสาม” สื่อชิงเฉิงเอ่ยคำ

ฉินหยุนยิ้มรับ “เช่นนั้นให้ข้าได้ลอง มาดูกันว่าสามารถได้รับอันดับหนึ่งได้หรือไม่! พี่สาวซาลาเปานึ่ง คิดร่วมทางไปด้วยกันหรือไม่?”

“ไม่ ข้าต้องกลับหุบเขาลึกล้ำจันทราก่อน!” นางกล่าวตอบ

ด้วยเหตุนี้ นางจึงจากไปพร้อมล่ำลาหยวนหยานหยิง และตามเว่ยจงเจิ้งออกไปจากสวนสมุนไพร

ฉินหยุนพูดคุยกับหยวนหยานหยิงอยู่พักหนึ่ง เขาได้ทราบว่าสื่อชิงเฉิงส่งต่อเคล็ดวิชาบางส่วนแก่นาง ทำให้นางสามารถรู้และเข้าใจอะไรเพิ่มขึ้น นับเป็นการช่วยเหลือนางครั้งใหญ่

เมื่อเว่ยจงเจิ้งกลับมาแล้ว เขาจึงพาฉินหยุนออกจากประตูลึกล้ำเก้าสมบูรณ์ มุ่งหน้าสู่นครราชันจารึก

ราชันยุทธ์อัคคีสวรรค์ขณะนี้ ถูกเว่ยจงเจิ้งสังหารเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ศีรษะของอีกฝ่ายถูกตัดออก แขวนเอาไว้ที่ด้านนอกให้เห็นกันอย่างเด่นชัด ตราบเท่าที่ผู้อื่นเข้ามาใกล้ประตูลึกล้ำเก้าสมบูรณ์มากพอ ย่อมสามารถมองเห็นศีรษะของราชันยุทธ์อัคคีสวรรค์ได้

นี่ถือเป็นการข่มขวัญและเหยียดหยามอย่างรุนแรง!

แน่นอนว่า สำนักราชันอัคคีย่อมต้องมีโทสะล้นพ้นต่อเรื่องนี้!

ยอดฝีมือขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำอีกหลายคนของขุนเขาลึกล้ำดาบยังถูกสังหาร ขณะนี้พวกเขาคิดร่วมมือกับสำนักราชันอัคคี ตั้งตัวเป็นศัตรูอย่างเต็มอัตราศึก

สำนักทั้งสองร่วมมือกัน ประกาศต่อโลกภายนอก ว่านี่คือการประกาศสงครามอย่างเป็นทางการต่อประตูลึกล้ำเก้าสมบูรณ์!

นอกจากนี้ พวกเขายังบอกกล่าวต่อเหล่าศิษย์ ตราบเท่าที่พบเจอศิษย์ของประตูลึกล้ำเก้าสมบูรณ์ ให้สามารถลงมือสังหารได้ทันทีโดยไม่ต้องไต่ถาม!

ตราบเท่าที่สังหารศิษย์ของประตูลึกล้ำเก้าสมบูรณ์ ย่อมได้รับรางวัลหนึ่งล้านเหรียญม่วง!

เว่ยจงเจิ้งขณะนี้คือราชันยุทธ์ และค่ายอาคมใหญ่เก้าสมบูรณ์ก็แข็งแกร่งมหาศาล กระทั่งราชันยุทธ์ก็ไม่อาจบุกฝ่า ดังนั้นในช่วงเวลานี้ จึงไม่มีเรื่องอันใดให้ต้องกังวล

แม้ว่าราชันยุทธ์อัคคีสวรรค์สิ้นชีพแล้ว สำนักราชันอัคคีก็ยังมีราชันยุทธ์ผู้อื่นคงอยู่ เป็นปกติที่พวกเขาคิดล้างแค้นต่อผู้ที่หยามเหยียดต่อสำนัก พวกเขาต้องทำทุกหนทาง เพื่อไม่ให้บารมีสำนักราชันของตนเองต้องมัวหมอง!

ทว่า ที่ฉินหยุนเป็นกังวลที่สุด ยังคงเป็นตำหนักโทเทม...

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด