ตอนที่แล้วบทที่ 338 - วันสิ้นโลก (14) [15-06-2020]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 340 - พระเจ้า (1) [19-06-2020]

บทที่ 339 - วันสิ้นโลก (15) [17-06-2020]


บทที่ 339 - วันสิ้นโลก (15)

ยูอิลฮานได้ใช้วัตถุดิบทั้งหมดที่เขามีไปหมดแล้ว ในที่สุดเขาก็ได้กลับมาคิดกับตัวเองว่าเขาได้สร้างความสำเร็จที่น่าอัศจรรย์ขึ้นมาแล้ว นับตั้งแต่ที่เขาได้ถูกยอมรับให้เป็นพระเจ้าจากบันทึกเทพเจ้า เขาก็รู้ได้ว่าพลังของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลภายในพื้นที่ของเขา ความสามารถในการตีเหล็กของยูอิลฮานก็วิวัฒนาการขึ้นมาเหมือนกับของนายูนาเช่นกัน

"เสร็จแล้ว! มีทรายตกลงมาจากนาฬิกาทรายมากแค่ไหนแล้ว?"

เขาได้ตัดสินใจว่าจะไม่แค่ติดอาวุธให้กับสมาชิกหลักเท่านั้น แต่ยังติดอาวุธให้กับกองทัพรองและประชากรคนอื่นๆเพื่อเป็นกองกำลังไว้สำหรับโลกใบนี้ด้วย ยูอิลฮานได้เก็บอาร์ติแฟคทั้งหมดลงไปในช่องเก็บของและเงยหน้าขึ้นหลังจากที่นั่งทำงานมานาน

"ประมาณหนึ่งในสิบ"

"หนึ่งในสิบแล้ว!? อ้าว เอิลต้าเองหรอ"

"นี่นายไม่รู้เลยหรอว่าฉันอยู่ที่นี่น่ะ"

"ใช่สิ สมาธิฉันอยู่กับสกิลการสร้างตลอดเวลา แต่ถึงแบบนั้นตอนนี้มันเพิ่งจะเลเวล 5 เอง"

"นายใช้สกิลมาเป็นเวลาหนึ่งปีเต็มๆแล้วมันเพิ่งจะเลเวล 5 เนี้ยนะ!?"

"ผ่านมาหนึ่งปีแล้วหรอ!?"

ทั้งสองคนต่างก็มองกันอย่างตกตะลึง ถึงยูอิลฮานจะกลับมาเป็นปกติได้อย่างรวดเร็ว แต่สำหรับเอิลต้าแล้วเธอได้แสดงสีหน้างุนงงต่อให้เวลาจะผ่านไปสักพัก

"นี่นายไม่รู้เลยหรอว่าผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว นายไม่หิวเลยหรือไงกัน นายไม่อยากจะไปห้องน้ำหน่อยหรอ ทำไมนายถึงได้ยังสภาพดีแบบนี้ทั้งๆที่ไม่ได้อาบน้ำเลยทั้งปี?"

"ฉันได้ก้าวข้ามกิจวัตประจำวันของมนุษย์ปกติมาซักพักแล้ว"

ยูอิลฮานได้ตอบไปอย่างที่เขาคิด หนี่งปีเท่ากับหนึ่งในสิบของทรายในนาฬิกาทราย นี่หมายความว่ายังมีเวลาเหลืออยู่อีก 9 ปี นี่มันค่อนข้างจะนานเลย... อารมณ์ของยูอิลฮานได้เติบโตขึ้นแล้ว

"โอ้ ถ้ามีใครเบื่อก็ส่งพวกเขาออกไปสักหน่อยก็ได้นะ ฉันสามารถจะวาปพวกเขาไปที่โลกอื่นแล้วค่อยเรียกกลับมาทีหลังก็ได้"

"การได้เวลาสิบปีเป็นสิทธิที่พิเศษากเลยนะ หากฉันไปถามคนอื่นๆก็คงไม่มีใครอยากจะออกไปแน่นอน"

สำหรับยูอิลฮานแล้ว 10 ปีก็ไม่ได้นานนักเลยเพราะเขาเคยถูกทิ้งมาพันปีแล้ว คนอื่นๆก็คงจะรู้สึกคล้ายๆกับเขาล่ะมั้ง ยูอิลฮานได้หยักไหล่ออกมาและเปลื่ยนเรื่อง

"แล้วความคืบหน้าเวทย์ของเธอล่ะ?"

"ไม่!"

เลียร่าได้ตะโกนออกมาทันที น้ำเสียงของเธอได้เต็มไปด้วยความอึดอัดใจ

"คังมิเรย์น่ะ เธอคนนั้นคืออัจฉริยะ! เธอได้ไปถึงระดีบที่ฉันไปไม่ถึงต่อให้ฉันจะฝึกพันปีก็ตาม เธอคนนั้นได้ไปถึงระดับนั้นภายในเวลาแค่ยี่สิบสามสิบปีเท่านั้น! นี่มันไม่ธุติธรรมเลยสักนิด! ฉันไม่เข้าใจเรื่องที่เธอพูดไม่ถึงครึ่งเลย!"

"อย่ามาโกรธฉันสิ ฉันกลัวแล้วนะ"

ดูเหมือนว่าเธอจะอึดอัดใจมากจนมาระบายกับยูอิลฮาน แต่ว่าเขากลับทำงานโดยไม่เหลือบตามามองเธอด้วยซ้ำ ยูอิลฮานได้คิดว่าเขาได้เหยียบกับระเบิดเข้าให้แล้วและลูบหลังปลอบใจเธอ

"เธอทำได้สิ ถึงตำแหน่งบันทึกเทพเจ้าจะไม่ว่างแล้วเพราะคังมิเรย์อยู่ในจุดนั้นก็เถอะนะ"

"นี่ไม่ช่วยอะไรเลยสักนิด!"

เอิลต้าได้ตะโกนออกมาพร้อมหน้ามุ่ย แต่ดูเหมือนว่าการปลอบเธอจะพอได้ผล ยูอิลฮานคิดว่าเธอเป็นคนที่เรียบง่ายมาก แต่ว่าเขาก็ไม่ได้พูดออกมา

"ดีแล้วที่ตอนนี้เธอมาที่นี่ ฉันกำลังคิดจะเริ่มค้นคว้าเรื่องเร็กน่าระดับสูงอยู่เลย"

"ตะกี้นายเพิ่งจะบอกว่าเสร็จงานเองนะ นายนี่มีความสามารถในการสรรหางานมาทำเลยจริงๆ"

ยูอิลฮานได้หัวเราะขึ้นและหยิบเอาร่างเร็กน่าระดับสูงหลายตัวออกมา ก่อนหน้านี้เขาไม่อาจจะได้รับข้อมูลจำนวนมากจากร่างเร็กน่า แต่ในตอนนี้มันต่างไปล้ว

เขาได้ค้นพบข้อมูงเล็กๆน้อยๆเรื่องที่โกเลมเร็กน่าได้ถูกทำขึ้นมาจากสิ่งที่เรียกตัวเองว่าพระเจ้าผู้ที่พยายามทำตัวเป็นผู้สร้าง

"อืมถ้างั้นนับจากนี้เจ้านี่ต้องเป็น..."

ยังไงก็ตามเมื่อยูอิลฮานได้เริ่มวางมือวิเคราะห์เร็กน่าระดับสูง เขาก็ได้สังหรณ์ใจถึงสิ่งหนึ่ง

"เจ้าพวกนี้ พวกมันคือบันทึกในสิ่งอื่นที่ไม่ใช่บันทึกนภา"

บันทึกนภาคือตัวตนที่มีอยู่ในทุกๆจักรวาลที่ได้เก็บบันทึกข้อมูลทุกๆอย่างลงไป ยูอิลฮานไม่รู้ว่ามันมีรูปร่างเป็นยังไง แต่ว่านั่นมันก็ไม่ใช่สิ่งที่สำคัญ ตัวตนของมันเป็นไปตามที่ยูอิลฮานรับรู้และความหมายของมันก็ขึ้นอยู่กับเขา

ยังไงก็ตามเหมือนจะมีอยู่คนหนึ่งที่ไม่ได้คิดแบบนั้น

"พระเจ้าคิดว่าบันทึกนภาเป็นอุปสรรค"

"อิลฮาน นายหมายความว่ายังไง?"

"ถ้าเธอคิดเกี่ยวกับมันมันก็ชัดเจนมากแล้วนะ ฉันน่าจะเริ่มจากการถามหาเหตุผลที่ทำให้เขาปฏิเสธมานาก่อน"

เมื่อเกิดมหาภัยพิบัติจะมีการเปลื่ยนแปลงที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงสองอย่างเกิดขึ้นมา หนึ่งก็คือมานาและอีกหนึ่งก็คือบันทึกนภา

ที่ไหนก็ตามที่มีมานาก็จะมีบันทึกนภาเช่นกัน และที่ไหนที่มีบันทึกนภาก็จะมีมานาเช่นกัน เพราะงั้นการปฏิเสธในมานาก็หมายถึงการปฏิเสธบันทึกนภาเช่นกัน การหลีกหนีจากมานาจำเป็นจะต้องหลีกหนีบันทึกนภาด้วย

"ยูอิลฮาน ฉันเพิ่งไปเรียนรู้เรื่องเวทย์ที่ไม่เข้าใจมาเองนะ แล้วนี่นายกำลังจะอธิบายถึงเรื่องบันทึกนภาที่ฉันไม่อาจจะเข้าใจอีกงั้นหรอ? ถ้านายทำนายโดนดีแน่ ถ้านายอยากลองดีก็เอาเลย!"

"ฉันทั้งดีใจแล้วก็เสียใจนะที่เธอรุกหนักขนาดนี้ทั้งๆที่ฉันไม่ได้รู้อะไรเลย..."

ยูอิลฮานได้อธิบายออกมาง่ายๆเพื่อให้เธอได้เข้าใจ

"โรงเรียนมัธยมก็ต้องมีเครื่องแบบใช่ไหมล่ะ?"

"ใช่แล้ว"

"เครื่องแบบของบันทึกนภาก็คือมานานั่นแหละ หากว่าไม่มีโรงเรียนอื่นอยู่ใกล้ๆอีกแล้วอยากเปลื่ยนเครื่องแบบเธอต้องทำยังไงล่ะ?"

"สร้างโรงเรียนใหม่ขึ้นมา"

"นั่นแหละคือสิ่งที่พระเจ้ากำลังพยายามทำ เขาได้พยายามที่จะสร้างบันทึกใหม่ขึ้นมาแทนที่บันทึกนภา"

"..."

เอิลต้าพูดไม่ออกแล้ว ในท้ายที่สุดเธอก็ถามออกมาตรงๆ

"มันเป็นไปได้หรอ?"

"ดูศพเร็กน่าระดับสูงนี้สิ เจ้าพวกนี้สามารถจะปฏิเสธในมานาได้อย่างสมบูรณ์ไหมล่ะ"

"พวกมันยังทำไม่ได้"

"ถูกแล้ว เพราะงั้นเขาจึงล้มเหลวไงล่ะ"

แต่ว่ามันก็ไม่ใช่จะล้มเหลวไปซะหมด พวกเร็กน่าพวกนี้มีความต้านทานมานาที่สูงมากอยู่ดี

ยังไงก็ตามมันก็เท่านั้นแหละ พระเจ้าได้พยายามสร้างบันทึกเก็บข้อมูลอันใหม่ แต่ว่าสุดท้ายบันทึกนั้นก็จบลงด้วยการรวมเข้ากับบันทึกนภา ช่างน่าเศร้าจริงๆ

"นอกไปจากนี้ วิธีที่เขาได้พยายามสร้างที่เก็บข้อมูลใหม่คือ... โอ้"

ยูอิลฮานได้รู้ถึงอีกเรื่องหนึ่งหลังจากวิเคราะห์ต่อไปและครางออกมา หนึ่งในชิ้นส่วนจิ๊กซอว์ได้เข้าสู่ตำแหน่งของมันแล้ว

ในที่สุดแล้วยูอิลฮานก็เข้าใจว่าทำไมในตอนนั้นเขาถึงได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง ทำไมพวกนั้นถึงบอกว่ายูอิลฮานคือผู้ปลดปล่อย รวมไปถึงว่าทำไมถึงได้อวยพรให้กับยูอิลฮานและคนรอบตัวเขา

"บันทึกเทพเจ้า..."

"แล้วทำไมพวกเขาถึงอยู่ที่นี่ล่ะ? ไม่ใช่นายปลดปล่อยพวกเขาทั้งหมดไปแล้วหรอ?"

"ฉันปลดปล่อยพวกเขาด้วยความช่วยเหลือจากมิเรย์ไปแล้ว เพราะงั้น..."

ยูอิลฮานได้พูดออกมาด้วยสีหน้าจริงจัง

"ในตอนนี้ฉันขอเรียกคืนฉายาจ้าวแห่งภัยแฝง ฉันคือผู้ที่สร้างและทำลายภัยแฝงพวกนั้น!"

เอิลต้าได้เลียริมฝีปากและกำลังที่จะเริ่มการโจมตียูอิลฮาน

"ยูอิลฮาน ทำไมตอนนี้นายถึงมาพูดชื่อลูกในอนาคตของเรา..."

"อ่า ฉันจะบอกว่า ฉันได้ลบมันออกไปหมดแล้วน่ะ!"

ยูอิลฮานได้รีบดันหน้าเอิลต้าที่ยืนเข้ามาออกไปและตะโกนขึ้น เธอดูจริงจังมากจนน่ากลัวแล้ว

"ที่เก็บข้อมูลที่พระเจ้าพยายามจะสร้าง! ฉันได้ลบมันออกไปแล้ว!"

"ด้วยวิถีแห่งจักรวาลที่คังมิเรย์ใช้ในตอนแรกน่ะหรอ?"

"แล้วก็ด้วยเพลิงพิฆาติที่ฉันปล่อยออกมาทั้งหมดนั่นแหละ! ฉันไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่ามันทำให้จบลง..."

"เดี๋ยวสินายกำลังจะบอกว่า"

เอิลต้าได้เข้าใจถึงสิ่งที่เขากำลังจะบอกและตะโกนออกมา

"พระเจ้าแห่งสวรรค์ได้กักขังบันทึกเทพเจ้าเอาไว้เพื่อที่จะสร้างที่เก็บข้อมูลมาแทนที่บันทึกนภางั้นหรอ!?"

"คำว่า 'บันทึกเทพเจ้า' มันไม่ถูกแต่แรกแล้ว พวกเขาคือผู้ที่ได้ก้าวข้ามขีดจำกัดและอยู่เหนือกว่าบันทึก เพราะแบบนี้พระเจ้าก็เลยได้พยายามจะสร้างระบบบันทึกใหม่ที่อยู่นอกเหนือบันทึกนภาด้วยการรวบรวมผู้ที่ก้าวข้ามบันทึกนภามา..."

"ฉันยังไม่เข้าใจ แต่นี่มันหมายความว่า..."

เป็นการกระทำโหดร้ายจนน่าสะพรึง ทรนง และน่าตกตะลึง เอิลต้ารู้สึกเหมือนกับถูกทุบด้วยค้อนอย่างแรง

"ตลอดระยะเวลานี้ ช่วงระยะเวลาในช่วงอายุของเราที่รวมเข้าดวยกันยังเทียบกับพวกเขาไม่ได้เลย พวกเขา..."

"นี่มันหมายความว่าพระเจ้าได้พยายามที่จะเอาชนะมานาด้วยบันทึกที่มีตัวตนที่ก้าวข้ามขอบเขตมานาไปและไม่อาจบันทึกได้ ใช้พวกเขาเป็นเครื่องยนต์และใช้วิญญาณที่พังทลายยับเยินเป็นเชื้อเพลิง"

บันทึกเทพเจ้าได้ต่อต้านแล้วแต่ในท้ายที่สุดก็ถูกพระเจ้าจับเอาไว้ พวกเขาได้ถูกกักขังเอาไว้ในโลกที่ไม่มีใครหาเจอ และได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของที่เก็บข้อมูลใหม่ที่พระเจ้าตั้งใจเอาไว้

ยังไงก็ตามความเข้าใจผิดของพระเจ้าได้เริ่มที่ตรงนี้ แค่การก้าวข้ามบันทึกก็ไม่ได้หมายความว่าแยกมาจากบันทึกนภาอย่างสิ้นเชิง!

พวกเขาได้อวยพรให้กับคนที่เข้าใกล้กับระดับความเชี่ยวชาญของพวกเขาผ่านบันทึกนภา และคนๆนั้นก็จะเติบโตอย่างรวดเร็ซผ่านพรที่พวกเขามอบให้และกลายเป็นศัตรูกับพระเจ้า แน่นอนว่าพระเจ้าก็รู้เรื่องนี้ พระเจ้าได้กัดฟันสาปแช่งเหล่าบันทึกเทพเจ้า และกระทั่งอยากจะซ้อมพวกเขาจนตายด้วยซ้ำ แต่พระเจ้าก็ไม่อาจจะทำได้ง่ายๆเพราะเหล่าบันทึกเทพเจ้าเป็นส่วนสำคัญในการบรรลุเป้าหมายของเขา

ในท้ายที่สุดเขาก็ได้แต่ทำตามแผนที่วางไว้ กาลเวลาไปผ่านไปและยูอิลฮานได้โผล่ขึ้นมา พระเจ้าที่คิดว่ายูอิลฮานเติบโตเร็วเกินไปก็ได้สร้างเร็กน่ากับเร็กน่าระดับสูงขึ้นมาจากที่เก็บบันทึกข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์ และได้เริ่มกวาดล้างโลกอื่นๆพร้อมกันกับซาตาน

ยังไงก็ตามสุดท้ายที่เก็บบันทึกข้อมูลที่พระเจ้าได้ทำขึ้นก็ได้เชื่มต่อเข้ากับดาเรย์จากประตูมิติที่คังมิเรย์สร้างขึ้นมาผ่านวิถีแห่งจักรวาล

ในตอนนั้นยูอิลฮานไม่ได้มีเบาะแสอะไรเรื่องบันทึกเก็บข้อมูลอะไรนี้เลย เขาก็แค่บังเอิญพบมันและจัดการทำลายมันจนหมดด้วยเพลิงพิฆาตของเขาเท่านั้นเอง!

ตอนนี้พระเจ้าไม่อาจจะสร้างเร็กน่าได้ตามต้องการอีกแล้ว หรือต่อให้พระเจ้าจอยากสร้างที่เก็บบันทึกข้อมูลใหม่ขึ้นมาก็ไม่มีโลกไหนไว้ใช้ซ่อนมันได้อีก แถมยังไม่มีเป้าหมายให้จับกุมมากักขังอีกด้วย ที่พระเจ้าทำได้ในตอนนี้มีแต่มาปรากฏตัวต่อหน้ายูอิลฮานและจัดการเขาไปก่อนที่พระเจ้าจะตายอย่างน่าเศร้าซะเอง

เป็นเรื่องที่น่าเศร้ามาก มันก็เหมือนกับคนที่ได้เห็นว่ามีโอกาสล้มเหลวแค่ 1% แต่แล้วมันกลับมาล้มเหลวลงต่อหน้าทั้งแบบนี้!

"ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมนายถึงเรียกตัวเองว่าจ้าวแห่งภัยแฝง นายได้ลบอาวุธที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของบอสสุดท้ายไปในตอนที่นายได้รับรู้แค่เศาเสี้ยวเล็กน้อยของเขา!?"

"ถูกแล้ว ตอนนี้ฉันนี่แหละคือหายนะ โครตมหาหายนะ.."

เพราะอะไรบางอย่างเสียงของยูอิลฮานฟังดูห่างเหิน เอิลต้าที่ไม่รู้จะตอบกลับยังไงได้แต่เงียบลงไป

นี่คือการที่เป้าหมายสุดท้ายของบอสสุดท้ายได้ถูกทำลายไปก่อนที่จะเกิดการต่อสู้กันซะอีก! ในจุดนี้ไม่ว่าใครต่างก็เห็นใจต่อให้คนๆนั้นจะไม่คู่ควรกับความเห็นใจก็ตาม

ยูอิลฮานได้คิดถึงสิ่งที่เขาได้ทำไปและท้ายที่สุดก็ผ่อนไหล่พูดออกมา

"...ฉันคิดว่าตอนนี้ฉันสามารถจะเอาบาเรียออกไปได้แล้ว"

"อ่า นายกำลังทำสีหน้าที่รำคาญทุกๆอย่างอยู่นะ!"

"ตอนนี้เรากระโดดไปบทส่งท้ายเลยได้ป่ะ?"

"ช่วยห้ามตัวเองหน่อยเถอะนะ"

ยูอิลฮานได้โบกมือรวมร่างเร็กน่าระดับสูงทั้งหมดให้กลายเป็นก้อนเดียว พวกมันได้กลายมาเป็นก้อนสีขาวที่ดูเหมือนโลหะ ไม้ ดินเหนียว เมฆ และแม้กระทั่งของหวานในเวลาเดียวกัน

"เจ้านี่มีแค่หนึ่งเดียว"

"หนึ่งเดียวยังไงล่ะ?"

"สิ่งที่ไม่ได้บันทึก และไม่อาจจะบันทึกได้ ที่เก็บบันทึกข้อมูลได้ถูกทำลายไปแล้วและบันทึกนภาก็ไม่ได้ยอมรับมัน เพราะงั้นก้อนนี่.... เป็นสิ่งที่มีความขัดแย้งในตัวมันเอง"

"ฉันเข้าใจแล้วว่านายกำลังจะทำอะไร"

เอิลต้าได้ยิ้มออกมาและถามขึ้น

"นี่มันคือวัตถุดิบที่ดีมากๆเลยใช่ไหมล่ะ?"

"ใช่แล้ว ฉันเพิ่งกำลังมองหาวัตถุดิบสำหรับ 'กระสุนปืนใหญ่' อยู่เลย... ฉันคิดว่าฉันคงหาอะไรที่ดีกว่านี้ไม่ได้แลว"

"อ่าแน่นอน... กระสุนปืนใหญ่"

เอิลต้าได้หัวเราะออกมา

"แล้วนายมี'ปืนใหญ่'ที่ยอดเยี่ยมแล้วงั้นหรอ?"

"เอาล่ะ งั้นมาทำงานของฉันให้เสร็จกันดีกว่า"

ยูอิลฮานได้เปิดใช้สกิลการสร้างแล้ว หลังจากได้รู้ว่ามีบันทึกเก็บข้อมูลที่แยกจากบันทึกนภา ความเข้าใจในการสร้างของเขาก็เพิ่มขึ้นและเพราะแบบนี้เขาจึงสามารถจะจัดการกับก้อนนี้ได้ต่อให้จะเป็นวัตถุดิบที่ไม่มีข้อมูลก็ตาม

แน่นอนว่าเขาไม่อาจจะเพิ่มหรือดึงอะไรออกมาจากมันได้ แต่ว่ารูปร่างที่เป็นอยู่ในตอนนี้ก็เพียงพอแล้ว มันมีทุกๆอย่างที่กระสุนปืนใหญ่ควรมีแล้ว

"เยี่ยม"

ยูอิลฮานได้โยนกระสุนปืนใหญ่ที่มีเพียงหนึ่งในโลกออกไปและออกจากที่ทำงานพร้อมกับเอิลต้า ในตอนนี้เองมิคาเอล สมิธสันที่กำลังวิ่งอยู่มุมหนึ่งก็ได้วิ่งเข้ามาจับยูอิลฮานในทันที

"คุณผู้ยิ่งใหญ่"

"ฉันเกลียดชื่อนี้เพราะงั้นเรียกฉันว่ายูอิลฮานนะ แล้วมีอะไรล่ะ?"

"คาริน่า! คะ คาริน่ากำลังจะคลอดลูกแล้ว!"

"...ว้าว"

ในทันทีได้ยินคำนี้หัวของยูอิลฮานได้ว่างเปล่าไปทันที ไม่ว่าเวลาในบาเรียจะนานแค่ไหนแต่กระทั่งมีเด็กเกิดมา! แต่มิเชล สมิธสันไม่ได้มาที่นี่เพื่อจะอวด

"ฉันหาคุณอยู่เลย! คุณเป็นทูนหัวของลูกฉันได้ไหม?" (พ่อทูนหัวในทีนี้คือตามประเพณีของศาสนาคริสต์จะต้องมีบาทหัวทำพิธีล้างบาปให้กับเด็กเกิดใหม่ซึ่งเรียกบาทหลวงคนนั้นว่าพ่อทูนหัวนั่นเองครับ)

"ฉัน!?"

มิเชล สมิธสันได้หยักหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง

"หากว่าเจ้าของโลกอย่างคุณได้กลายมาเป็นพ่อทูนหัวให้ลูกของฉัน ถ้างั้นก็ไม่มีอะไรจะดีไปกว่านี้แล้ว"

"..."

พอมาคิดดูแล้วการเจอกับมิเชล สมิธสันเป็นเรื่องน่าตลกและลี้ลับที่สุด พวกเขาจะไปรู้ได้ยังไงกันว่ามันจะเป็นแบบนี้?

มิเชล สมิธสันคือชายที่ทำในสิ่งที่เห็นแก่ตัวได้หมดเพื่อผลประโยชน์ของกลุ่มที่เขาอยู่ บางทีเขาอาจคล้ายยูอิลฮานในด้านนี้ การปะทะกันของพวกเขาไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ และยูอิลฮานคิดว่าหากมิเชล สมิธสันสร้างอะไรน่ารำคาญให้เขา เขาก็คงจะฆ่ามิเชล สมิธสันแน่ ในเวลาเดียวกันมิเชล สมิธสันก็ยังตัดสินใจจะฆ่ายูอิลฮานในตอนที่เจอกันอีกครั้ง

ยังไงก็ตามสถานการณ์กลับไม่ได้เป็นแบบนั้น ยูอิลฮานได้แกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเขาได้ขอให้มิเชล สมิธสันมาเข้าร่วมการปกป้องโลกแทนที่จะสู้กัน

ในเวลาเดียวกันมิเชล สมิธสันก็ได้โตขึ้นจนรู้จักเริ่มคิดถึงการปกป้องตัวเอง คนในกลุ่มของเขา และคนที่มีค่ากับเขา เขาได้ตกหลุมรักหัวหน้ากลุ่มอื่น และล้มเลิกความเป็นศัตรูกับยูอิลฮาน

หลังจากนั้นเวลาก็ได้ผ่านไปนานก่อนที่ทั้งสองจะได้กลายมามีความสัมพันธ์แบบหัวหน้ากับสมาชิกของกองกำลังระดับสูงในชื่อดราก้อนเนส แม้ว่าทั้งสองคนจะไม่นับว่าเป็นเพื่อนสนิทกัน แต่ว่าในจุดยืนของพวกเขาก็สามารถจะเข้าใจกันและกันได้ในระดับหนึ่งและให้กำลังใจกันได้

บางทีเขาก็อาจจะมีความสัมพันธ์แบบนี้กับคนอื่นๆได้เช่นกัน - ยูอิลฮานได้คิดแบบนี้ก่อนที่จะส่ายหัวออกมา สมิธสัน การเสียใจกับอดีตมีแต่ทำให้เขาต้องถอนหายใจออกมา หากว่าเขาจะได้อะไรจากอดีตก็คงจะเป็นการใช้อดีตเป็นพื้นฐานในการก้าวไปข้างหน้า

ยูอิลฮานได้ถามออกมา

"...นายรู้ไหมว่าฉันล้างบาปไม่เป็น"

"ไม่เป็นไรหรอก นายคือเจ้าโลกใบนี้เชียวนะ"

"ถ้างั้นโอเค ฉันจะทำหน้าที่เป็นพ่อทูนหัวเอง"

มิเชล สมิธกับยูอิลฮายได้ยิ้มกันออกมา เสียงร้องที่เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวาได้ดังออกมาจากมุมหนี่งของป้อมปราการลอยฟ้า

ผมสีทองสดใสและนัยน์ตาสีมรกต... มังกรได้ถือกำเนิดขึ้นมาแล้ว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด