ตอนที่แล้วRe-new ตอนที่ 85 รับศิษย์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปRe-new ตอนที่ 87 ปลาหมัก

Re-new ตอนที่ 86 ล่อปลา


ตอนที่ 86 ล่อปลา

ใช่ ! นางรู้วิธีทำปลาหมักที่ต้องใช้แค่ปลาตัวเล็กทั่ว ๆ ไปอยู่นี่ มีหนองน้ำอยู่หลังบ้านที่มีทรัพยากรมากมายที่นางสามารถใช้ประโยชน์ได้อยู่ !

นางจำได้ว่าเฉียนหวู่กับฉีโตวจับปลาตะเพียนขนาดเท่าฝ่ามือได้หลายตัวและเอามันกลับมาทำซุป ปลาตะเพียนมีก้างเล็ก ๆ เยอะเป็นอย่างมากแต่ถ้าทำเป็นปลาหมัก ก้างก็จะนิ่มเคี้ยวกินได้เลย ใช่แล้ว ! อันนี้แหละ !

“แต่...มีวิธีจับปลาตัวเล็กให้ได้เยอะ ๆ หรือไม่นะ ?” หยูเสี่ยวเฉากังวลขึ้นมาอีกครา ทันใดนั้น เสียงร้องอย่างร่าเริงของฉีโตวก็ดังขึ้นข้าง ๆ หูของนาง “ดูนั่นเร็ว ! มีนกป่ามากินน้ำจากถังน้ำของพวกเราด้วย !”

เสี่ยวเฉาเงยหน้าขึ้นและเห็นนกสีขาวเหมือนหิมะขาเรียวยาวยืนอยู่บนขอบถังน้ำและก้มลงมากินน้ำในถัง ตอนต้นฤดูใบไม้ผลิอากาศค่อย ๆ อุ่นขึ้นแล้ว ช่วงสองสามวันมานี้มีนกที่ไม่รู้จักมาเยี่ยมเยียนบ้านของพวกเขาเพื่อดื่มน้ำในถังอยู่ตลอด

หินศักดิ์สิทธิ์บอกนางอย่างภาคภูมิใจว่านกป่าคงถูกพลังวิญญาณในน้ำอาบของมันดึงดูดมา  ไม่ว่าจะเป็นสัตว์หรือพืช พลังวิญญาณเป็นอาหารที่ดีสำหรับพวกมัน แต่ถ้าความเข้มข้นของพลังสูงเกินไปและสิ่งมีชีวิตนั้นยังเด็กเกินไปมันก็จะระเบิดได้...

ตาของหยูเสี่ยวเฉาเป็นประกายขึ้นมาทันที นี่หมายความว่าถ้านางใช้หินศักดิ์สิทธิ์เป็นเหยื่อล่อ นางก็จะสามารถล่อปลาตัวเล็กมาได้ทั้งฝูงเลยมิใช่รึ

[ เจ้านายนิสัยมิดี ! จะใช้ข้าเป็นเหยื่ออีกแล้ว ข้าจะมิยกโทษให้เจ้าเป็นแน่ ! ] อยู่ ๆ เจ้าลูกแมวสีทองก็โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้ มันกระโดดขึ้นมาบนบ่าของเสี่ยวเฉาและขู่ฟ่ออย่างเกรี้ยวกราด

หลังจากมันยอมรับนางเป็นเจ้านายแล้ว จิตของเสี่ยวเฉากับหินศักดิ์สิทธิ์ก็เชื่อมต่อกัน  ดังนั้นเจ้าแมวน้อยตัวนี้จึงรู้ถึงความคิดของนางได้ในทันที

[ ก็ได้ ก็ได้ ! มิใช้เจ้าเป็นเหยื่ออีกก็ได้ ] เสี่ยวเฉารีบปลอบเจ้าลูกแมวที่กำลังโกรธ [ แต่เสี่ยวทังหยวน เจ้าจะต้องช่วยข้าคิดหาวิธีล่อปลามาติดกับด้วยนะ ]

หินศักดิ์สิทธิ์ร้อง หึ ! ออกมาและเอ่ยว่า [ หินศักดิ์สิทธิ์อย่างข้ามิจำเป็นต้องลงมือเองสักหน่อย น้ำอาบของข้ามิใช่เหยื่อล่อที่ดีที่สุดรึเยี่ยงไรกัน ? ส่วนจะใช้เยี่ยงไรนั้น เจ้าจะต้องให้ข้าตอบคำถามโง่ ๆ เช่นนั้นด้วยรึ ? ]

หลังจากได้ยินคำกล่าวของหินศักดิ์สิทธิ์ หยูเสี่ยวเฉาจึงยัดเงิน 200 อีแปะเข้ากระเป๋าทันทีและบอกนางหลิวให้เก็บไว้ให้ดี ๆ เงินที่เหลือทิ้งไว้ให้เป็นค่าใช้จ่ายของครอบครัว  หลังจากนั้นนางก็ดึงฉีโตวเข้าไปในครัวและเอาน้ำอาบของหินศักดิ์สิทธิ์ใส่เหยือก  จากนั้นก็ไปถามหยูไห่ว่า “ท่านพ่อเจ้าคะ ที่บ้านของเรามีตาข่ายจับปลาหรือไม่เจ้าคะ ?”

“ตาข่ายจับปลางั้นรึ ? มิมีหรอก ! เจ้าจะเอาไปทำอันใดรึ ?” หยูไห่เอาหัวหมูแช่ในน้ำ น้ำจากถังน้ำใหญ่มีพลังวิญญาณจากหินศักดิ์สิทธิ์ที่ช่วยเสริมรสชาติของหัวหมูตุ๋น

เสี่ยวเฉายิ้มอย่างมีเลศนัยและเอ่ยว่า “ก็ต้องเอาไปใช้น่ะสิเจ้าคะ ข้าแค่คิดหาวิธีทำเงินได้อีกแล้ว ท่านพ่อรอดูก็แล้วกัน !”

หยูไห่ยื่นมือที่จับหัวหมูออกมาจะบีบจมูกของนาง แต่เสี่ยวเฉาหลบทัน นางยิ้มแล้วเอ่ยว่า  “อยากได้แบบไหนล่ะ ? พ่อสามารถทำให้เจ้าได้ตอนนี้เลย !”

หยูไห่ไม่มีอะไรทำมากนัก เขาจึงช่วยพวกชาวบ้านถักแหจับปลาอยู่บ่อย ๆ ดังนั้นครอบครัวของพวกเขาย่อมไม่ขาดแคลนตาข่ายอย่างแน่นอน เสี่ยวเฉาจึงบอกให้เขาใช้ความร้อนดัดไม้ไผ่จนมันกลายเป็นวงกลมแล้วติดลงบนเสาไม้ไผ่ หลังจากนั้นก็ติดตาข่ายลงบนแถบไม้ไผ่วงกลมทำเป็นรูปกระเป๋า เพียงเท่านี้ก็ได้ตาข่ายจับปลาแบบง่าย ๆ แล้ว

“ลูกสองคนจะไปจับปลารึ ? จับปลาตัวใหญ่ในสระหลังบ้านค่อนข้างยากมากนะ ระวังอย่าให้ตกลงไปล่ะ...อยากให้พ่อไปด้วยหรือไม่ ?” หยูไห่เห็นเด็ก ๆ ออกไปจากลานหลังบ้านจึงอดเตือนด้วยความเป็นห่วงไม่ได้

“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ พวกเราแค่ไปทดลองดูก่อน ถ้าสำเร็จพวกเราจะขอให้ท่านพ่อช่วยนะเจ้าคะ...” เสี่ยวเฉาส่งเสียงมาจากหลังบ้านขณะที่ฉีโตวก็ร้องออกมาอย่างร่าเริงเช่นกัน

เมื่อสองพี่น้องมาถึงหนองน้ำ เฉียนหวู่ที่คอยต้อนเป็ดอยู่ริมหนองก็เห็นพวกเขาและวิ่งเข้ามาทักทันที เขาถามว่า “เสี่ยวเฉา เสี่ยวเฉา ! วันนี้มีเวลามาเล่นที่ริมหนองด้วยรึ ?”

ฉีโตวน้อยทำท่าทางราวกับว่าตนเองเป็นผู้ใหญ่และตอบกลับไปว่า “ไป ๆ ๆ ! คิดว่าพวกเราเหมือนเจ้ารึ สนใจแต่จะเล่นอย่างเดียว ! พวกเรามาทำธุระจริงจังกันต่างหากเล่า เจ้าออกไปเลย ! อย่ามาขวางทางทำให้พวกเราจับปลาช้าสิ !”

“จับปลารึ ? ข้าจับปลาเก่งมากนะ ! ให้ข้าช่วยด้วยนะ !” เฉียนหวู่ลืมหน้าที่ดูแลเป็ดของตนเองไปทันทีและยืนกรานที่จะช่วยอย่างหน้าไม่อาย

เสี่ยวเฉากังวลว่าคนอื่นจะรู้ความลับของนาง นางจึงยิ้มและปฏิเสธ “เสี่ยวหวู่ ถ้าท่านป้าเฉียนเห็นเจ้าทิ้งเป็ดไว้แล้วหนีไปเล่น เจ้าได้ถูกดึงหูเป็นแน่ เจ้ากลับไปดูแลเป็ดของครอบครัวเจ้าเถอะ”

เฉียนหวู่แตะหูแล้วทำหน้ามุ่ย จากนั้นก็นั่งลงที่ริมฝั่งอย่างเสียใจ เขาเอาไม้ไผ่ตีน้ำเพื่อระบายความโกรธ ทำให้พวกเป็ดกลัวจนหนีกระเจิดกระเจิง นางเหมาเห็นภาพนั้นเข้าจึงร้องออกมาเสียงดังว่า  “ไอหยา ! ไอ้ลูกเหลือขอคนนี้นี่ แม่บอกให้มาดูแลเป็ดมิใช่ทำให้เป็ดหนี ! ถ้าพวกเป็ดกลัวจนมิวางไข่ เจ้าจะโดนตีก้น !”

เฉียนหวู่เอามือจับก้นแล้วมองไปทางสองพี่น้องที่เดินห่างออกไปอย่างไม่เต็มใจ เขาถอนใจแรง ๆ แล้วยอมรับชะตากรรมที่ต้องดูแลเป็ดต่อไป

เสี่ยวเฉาเลือกบริเวณที่ลับตาคน นางวางเหยือกลงไปในน้ำและมองผิวน้ำอย่างใจจดใจจ่อ เหยือกนี้เป็นสถานที่ที่หินศักดิ์สิทธิ์อาบน้ำอยู่บ่อย ๆ ดังนั้นมันจึงสะสมพลังวิญญาณเอาไว้เป็นจำนวนมาก

หลังจากเหยือกถูกวางลงในน้ำ พลังวิญญาณด้านในก็ค่อย ๆ ไหลออกมา ไม่นานนักระลอกคลื่นก็เริ่มปรากฏขึ้นที่ผิวน้ำ...

“พี่สาม ดูเร็ว ! ปลาตัวเล็ก ๆ ว่ายมาเต็มเลย ! สุดยอดไปเลย ในเหยือกมีเหยื่อแบบไหนรึ ? ใช้ได้ผลดีมากจริง ๆ !” ฉีโตวพยายามระงับความยินดีในน้ำเสียงและกระซิบกระซาบถามพี่สาวของเขา

เสียงของเขาไม่ได้ทำให้ฝูงปลากลัวจนหนีไป ตรงกันข้ามพวกปลาตัวเล็กตัวน้อยกำลังมารวมกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ทุกตัวว่ายตรงไปที่ปากเหยือกอย่างต่อเนื่อง

ตอนที่เสี่ยวเฉาวางเหยือกลงไปในน้ำ นางจุ่มส่วนที่เป็นช่องเล็ก ๆ ลงไปเท่านั้น ดังนั้นแม้ว่าพวกปลาจะตามพลังวิญญาณมา แต่พวกมันก็ไม่สามารถเข้าไปข้างในได้ พวกมันทำได้เพียงแค่โบกหางว่ายอยู่รอบ ๆ เหยือกเท่านั้น

เมื่อปลามารวมตัวกันมากขึ้น ปลาที่อยู่รอบ ๆ เหยือกก็หนาแน่นมากขึ้น เสี่ยวเฉายกตาข่ายในมือขึ้นมาและค่อย ๆ ตักไปตรงที่มีปลามากที่สุด ถ้าเป็นแต่ก่อนปลาเหล่านี้ก็คงจะกระจัดกระจายไปตัวละทิศละทางเสียแล้ว แต่ตอนนี้พวกมันถูกดึงดูดมาโดยพลังวิญญาณและไม่สนใจอันตรายใด ๆ ทั้งสิ้น พวกมันอ้าปากราวกับต้องการดูดพลังงานบริสุทธิ์ให้มากขึ้น

เสี่ยวเฉายกตาข่ายขึ้นช้า ๆ ในตาข่ายที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางราว 10 ชุ่นมีปลาเล็ก ๆ อยู่หลายสิบตัว ทั้งปลาเฉา, ปลาตะเพียน และปลาสังกะวาด...แต่ส่วนใหญ่เป็นปลาเฉากับปลาตะเพียน พวกตัวใหญ่ ๆ หนักราวครึ่งชั่ง ส่วนตัวเล็ก ๆ มีขนาดเท่าฝ่ามือของฉีโตวเท่านั้น

“ไอหยา ! เพียงแค่ครู่เดียวจับปลาได้เยอะเลย ! นี้มันมิง่ายเกินไปหน่อยรึพี่สาม พี่สาม  ให้ข้าลองบ้างสิ” ฉีโตวเอาถังมารับปลาที่เสี่ยวเฉาจับได้และอยากจะลองจับบ้าง

เสี่ยวเฉาวางตาข่ายลงในมือของเด็กน้อยแล้วหัวเราะ “ตอนช้อนปลาขยับช้า ๆ นะ ข้าจะไปเอาถังมาอีกใบ ถ้าเราจับปลาได้มาก เราจะมีของขายยามเว่ยของวันพรุ่งนี้ด้วย”

ฉีโตวยกตาข่ายขึ้นอย่างกระตือรือร้นและเคลื่อนไปทางฝูงปลาอย่างระมัดระวัง เขาจึงเอ่ยถามเสียงเบาว่า “พี่สาม ปลาพวกนี้มีก้างเยอะมากนะ ข้ากลัวว่าเหล่าคนงานจะเห็นว่ามันกินลำบากแล้วมันจะขายมิดี !”

“เจ้ามิต้องห่วง ข้าได้วางแผนเอาไว้แล้ว !” เสี่ยวเฉามองฉีโตวด้วยสายตาที่ราวกับต้องการจะบอกว่า ‘เชื่อใจข้าสิ’ และจากไปพร้อมกับรอยยิ้ม

พอนางกลับมาอีกครา ในถังก็มีปลาอยู่เกินครึ่งถังแล้ว น้ำในถังก็มาจากถังน้ำใหญ่ดังนั้นมันจึงมีพลังวิญญาณเช่นกัน ปลาเหล่านั้นจึงยังคงมีชีวิตชีวาอยู่มากทั้ง ๆ ที่เบียดกันอยู่ในพื้นที่แคบ ๆ เยี่ยงนั้น

สองพี่น้องจับปลาได้เต็มถัง 2 ถังในเวลาไม่ถึง 1 ชั่วยาม ระหว่างนั้นมีปลาที่ยาวถึงครึ่งศอกปรากฏออกมาด้วย โชคร้ายที่ตาข่ายของพวกเขาเล็กเกินไป พวกเขาจับหางปลาแต่มันก็สะบัดหางหนีไปได้ สองพี่น้องรู้สึกเสียดายเป็นอย่างมากเนื่องจากถ้าพวกเขาจับปลาตัวนั้นได้ ก็คงจะมีอาหารอันโอชะเพิ่มในมื้อเย็นนี้เป็นแน่

พอพวกเขากลับมาถึงบ้าน สองสามีภรรยากับเสี่ยวเหลียนก็ได้ล้างหัวหมูกับไส้หมูเสร็จแล้ว นางหลิวชี้ไปที่หม้อเลือดหมูแล้วถามว่า “พวกเรามิรู้ว่าต้องทำเยี่ยงไรกับมัน ก็เลยมิกล้าแตะ...”

ส่วนหยูไห่นั้น เขามองสองพี่น้องด้วยความตกตะลึงแล้วอุทานออกมาอย่างตื่นเต้นว่า  “ไอหยา ! เยอะมากถึงเพียงนี้เลยรึ ! จับมาได้เท่าใดกัน ? ไหนให้พ่อดูหน่อยสิ พวกนี้เราจะกินเป็นมื้อเย็นรึ ?”

ฉีโตวตอบกลับเขาไปว่า “พวกเรามิได้จะกินปลาพวกนี้เองหรอกขอรับ พวกเราจะขายมันต่างหาก พี่สามบอกข้าว่านางสามารถแก้ปัญหาเรื่องก้างปลาเยอะ ๆ ได้ ! ท่านพ่อดูสิ  ข้ากับพี่สามจับปลาได้เยอะมาก ๆ เลย !”

หยูไห่เดินไปดูแล้วเห็นว่าเป็นความจริง ตอนแรกเขาคิดว่าพวกเด็ก ๆ แค่ไปเล่นกันตอนที่ขอให้เขาทำตาข่ายจับปลาให้ ไม่คิดเลยว่าอีก 1 ชั่วยามต่อมาพวกเขาจะเอาปลากลับมาถึง 2 ถังเต็ม ๆ ดูจากความหนาแน่นของปลาในถังแล้ว ด้านในต้องมีปลาอยู่เยอะมาก ๆ เป็นแน่

“ไอหยา ! เยอะมากจริง ๆ ด้วย ! พวกลูกจับมันได้เยี่ยงไรรึ ?” หยูไห่ตกตะลึง ต่อให้เขาเป็นคนจับก็ยังไม่สามารถจับปลามาได้มากถึงเพียงนี้ในเวลาสั้น ๆ เช่นนี้ แต่พวกเด็ก ๆ ทำได้เยี่ยงไรกัน ?

ฉีโตวตอบทันทีว่า “เป็นพี่สาม ! พี่สามทำเหยื่อล่อแบบใหม่ที่ล่อพวกปลามาได้หมดเลย  ที่พวกเราต้องทำก็แค่เอาตาข่ายช้อนปลาอยู่บนฝั่งแค่นั้นขอรับ”

หยูไห่มองลูกสาวด้วยสายตาซับซ้อน ลูกสาวของเขาเก่งกาจมากขึ้นทุกวัน ๆ ในฐานะที่เขาเป็นพ่อ เขารู้สึกทั้งภูมิใจและละอายใจ

เสี่ยวเฉามองท้องฟ้าแล้วเอ่ยว่า “เหตุใดพวกเรามิทำความสะอาดปลาก่อน ? พวกเราอาจจะไปขายมันที่ท่าเรือได้ก่อนอาหารเย็น แล้วค่อยจัดการกับหัวหมูและไส้หมูกันตอนเย็นก็ยังมิสายไปมิใช่รึ”

ทั้งครอบครัวช่วยกันทำงานขูดเหงือก, เอาไส้ปลาออก และทำความสะอาดปลา งานนี้ฉีโตวทำมิได้ เขาจึงใช้กะละมังเล็ก ๆ ตักน้ำมาช่วยพวกเขาล้างปลา

อ่า ! ครานี้พวกเขาจับปลาได้มากจริง ๆ ! แต่เสี่ยวเฉาไม่มีเวลามาดีใจเรื่องนี้ นางต้องจัดการหมักปลาที่ทำความสะอาดแล้วด้วยเกลือ

“แล้วต้องทำอันใดต่อ ?” ในที่สุดเสี่ยวเหลียนก็มีเวลาหายใจหายคอขึ้นมาบ้าง นางถามด้วยสีหน้ายิ้มแย้มราวกับว่ามีความสุขเสียเต็มประดา

“มันต้องหมักประมาณ 2 เค่อแล้วค่อยเอามาทอด !” เสี่ยวเฉาได้กลิ่นคาวปลาบนมือจึงรีบวิ่งไปล้าง หลังจากยุ่งมาตลอดทั้งวันนางจึงรู้สึกหิวขึ้นมา นางเอามันเผาร้อน ๆ ออกมาจากใต้เตาซึ่งเตรียมไว้ให้นางเป็นพิเศษทุกวัน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด