ตอนที่แล้วRe-new ตอนที่ 82 รสชาติใหม่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปRe-new ตอนที่ 84 คนตะกละ

Re-new ตอนที่ 83 บัณฑิตผู้มีชื่อเสียง


ตอนที่ 83 บัณฑิตผู้มีชื่อเสียง

ที่ท่าเรือมีกลุ่มขนสินค้าอยู่อย่างน้อย 10 กลุ่ม กลุ่มที่ใหญ่ที่สุดดำเนินการโดยหัวหน้าคนงานซุนและเฒ่าหก หัวหน้าคนงานทั้งสองคนนี้มีคนงานอยู่ในอาณัติอย่างน้อย 100 คนหรือมากกว่านั้น พวกเขาสามารถขนถ่ายสินค้าของเรือ 5 - 6 ลำได้ในเวลาเดียวกัน

ดังนั้นบรรดาลูกค้ารายใหญ่ ๆ จึงถูกผูกขาดโดยสองคนนี้ เป็นเรื่องปกติที่สองคนนี้จะมองอีกฝ่ายเป็นคู่แข่ง การต่อสู้ของพวกเขาไม่ได้เปิดเผยอย่างโจ่งแจ้งนัก แต่เป็นการต่อสู้กันอยู่เบื้องหลัง หัวหน้าคนงานซุนได้กิจการของลูกค้ารายใหญ่ 2 รายติดต่อกันในช่วงสองวันนี้ด้วยความช่วยเหลือจากอาหารของเสี่ยวเฉา เขามีความสุขมากและเริ่มคิดว่าเขาควรจะดึงเด็กหญิงคนนี้มาเป็นพวกของเขาด้วย

พวกคนงานท่าเรือก็ทำงานกันเหมือนกับคนบ้า เดิมทีต้องใช้เวลาขนถ่ายสินค้ากันประมาณ 1ชั่วยาม แต่วันนี้พวกเขาทำเสร็จกันภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วยามเสียด้วยซ้ำ เจ้าของสินค้ารู้สึกตื่นตะลึงเป็นอย่างมากและคิดว่ากลุ่มนี้ทำงานได้มีประสิทธิภาพมากกว่ากลุ่มอื่น ด้วยเหตุนี้เขาจึงตัดสินใจที่จะใช้บริการของกลุ่มนี้อีกในคราวหน้า เสี่ยวเฉาได้ช่วยเหลือหัวหน้าคนงานซุนรักษาลูกค้าเอาไว้ได้อีกรายโดยไม่ได้ตั้งใจ

“เสี่ยวเฉา เอาเนื้อให้ลุง 2 ห่อ เมื่อวานลุงเอาอาหารตุ๋นของเจ้ากลับบ้าน แล้วลูกทั้ง 2 คนของลุงก็ชอบมันมาก ภรรยาของลุงถึงกับบ่นว่าเหตุใดมิซื้อมาให้มากกว่านี้” เฒ่าห่าวลูกค้าคนแรกของนางจากเมื่อวานได้วิ่งเข้ามาทักทายนางทันที ตัวเขาเต็มไปด้วยเหงื่อแต่ก็ไม่คิดที่จะเช็ดมันออก

“ได้เจ้าค่ะ ! เนื้อตุ๋น 2 ห่อ ฉีโตวรับเงิน !” เสี่ยวเฉาเห็นว่าด้านหลังของเฒ่าห่าวมีผู้คนพากันวิ่งเข้ามาหานาง จึงรีบสั่งงานให้น้องชายทำแทน

“ลุงห่าวขอรับ เนื้อตุ๋น 2 ห่อ 2 อีแปะขอรับ” ฉีโตวแบมือและยิ้มกว้างจนตาหยี เขาดูเหมือนเด็กชายตัวน้อย ๆ ที่นำโชคลาภมาให้

เฒ่าห่าวจ่ายเงินแล้วรับห่อเนื้อตุ๋น 2 ห่อมาจากพวกเขา จากนั้นก็ไปซื้อหมั่นโถว 2 ลูกและใส่เนื้อตุ๋นลงไป จากนั้นก็กัดเข้าไปคำใหญ่ ตอนที่เขาเปิดห่อออกก็พบว่าอาหารตุ๋นวันนี้ต่างจากเมื่อวาน อันที่จริงแล้วอาหารวันนี้อร่อยกว่าเมื่อวานเสียด้วยซ้ำ เขาจึงได้รู้สึกเสียใจขึ้นมา เมื่อกี้เขาน่าจะซื้อเพิ่มอีกสักห่อ...

เมื่อเขาหันกลับไปมองตรงที่สองพี่น้องกำลังขายอาหารตุ๋น ตอนนี้ร่างเล็ก ๆ ของเด็กน้อยทั้งสองกำลังถูกผู้คนจำนวนมากรุมล้อม ถ้าเขาเบียดเข้าไปตอนนี้ก็ไม่น่าเป็นไปได้ที่จะซื้อเพิ่มได้อีก เฒ่าห่าวถอนหายใจแล้วเริ่มกินอย่างช้า ๆ ราวกับกลัวว่าหากกินเร็วเกินไปจะพลาดรสชาติอันแสนอร่อยของมัน...

“เสี่ยวเฉา ข้าขอห่อหนึ่ง...”

“ฉีโตว ฉีโตว ! รับเงินข้าไปก่อนเลยนะ ฮ่า ๆ...เจ้าถือเงิน 2 อีแปะนั่นเอาไว้ให้ดี ๆ นะ”

“ข้าเอา 3 ห่อ 3 ห่อนะ ! ไอ้พวกตะกละ อย่าเอาไปหมดสิโว้ย เมื่อวานข้ายังมิได้ลองกินเลย...”

“ข้าจ่ายเงินแล้ว ขอ 1 ห่อ...เฮ้ ! หูสืออย่าผลักสิวะ เจ้าเกือบจะทำเด็กล้มแล้วนะ !”

ฉีโตวรับเงินจนปวดมือ เขารู้สึกเหมือนมีมือนับไม่ถ้วนแย่งกันส่งเงินมาให้เขา หลังจากนั้นเขาก็บอกไม่ได้แล้วว่าใครให้เงินเขามาบ้าง เขาขมวดคิ้วทำแก้มตุ่ยด้วยความกลุ้มใจ

โชคดีที่พวกคนงานส่วนใหญ่รู้วิถีของโลกดี ไม่มีใครสนเรื่องเงิน 1 - 2 อีแปะมากนัก จึงไม่มีคนก่อปัญหาให้เด็กทั้งสอง

วันนี้พวกเขาเตรียมอาหารตุ๋นมามากกว่าเมื่อวาน หลังจากพวกคนงานซื้อเสร็จแล้ว ก็ยังเหลืออาหารตุ๋นอีกประมาณ 10 ห่อในตะกร้า ห่ออาหารในวันนี้เล็กกว่าเมื่อวานนิดหน่อย แต่ก็ยังมากพอที่จะใส่ถ้วยเล็ก ๆ ได้ครึ่งถ้วยและมากพอสำหรับคนหนึ่งคนที่จะกินกับหมั่นโถว

เรือโดยสารเข้ามาเทียบท่าแล้ว ถึงยังไงบริเวณนี้ก็อยู่ใกล้กับเมืองกับตลาด ผู้โดยสารที่ลงจากเรือมองไปรอบ ๆ ด้วยความอยากรู้อยากเห็น

“ไอหยา ? คนไปมุงอะไรกันตรงนั้น เกิดอันใดขึ้นเยี่ยงนั้นรึ ? หยุ่นซี ไปตรวจดูสถานการณ์เสียหน่อยสิ...”

คนที่เอ่ยเป็นชายชราที่มีผมสีขาวทั้งหัวและผิวออกแดงอย่างคนแข็งแรงสุขภาพดี  ใบหน้าเต็มด้วยหนวดเครา ดวงตาฉายแววฉลาดเฉลียว ทุกการเคลื่อนไหวดูสง่างามแสดงให้เห็นถึงความเป็นบัณฑิตของเขา แต่บัดนี้ดูเหมือนชายชราผู้นี้จะมีความอยากรู้เรื่องซุบซิบนินทาซึ่งขัดกับรูปลักษณ์ภายนอกของเขามากเสียทีเดียว

คนที่เขาเรียกว่า ‘หยุ่นซี’ เป็นเด็กชายอายุประมาณ 10 ปี เขาสวมชุดสีขาวยาว เสื้อนอกสีฟ้า หน้าตาน่ารัก มองแวบแรกอาจจะดูไม่ออกว่าเป็นชายหรือหญิง ริมฝีปากเม้มเป็นเส้นตรงราวกับรู้สึกจนปัญญากับการชอบเรื่องซุบซิบนินทาของปู่ของเขา

แม้ว่าโดยส่วนตัวเขาจะไม่อยากเบียดพวกคนงานเข้าไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เขาก็รู้นิสัยของท่านปู่ดี ถ้าเขาหาไม่ได้ว่าเกิดอันใดขึ้น ท่านปู่ของเขาจะไม่ยอมเลิกราจนกว่าจะรู้รายละเอียดทั้งหมด เด็กน้อยอายุ 10 ขวบเดินตรงไปทางฝูงชนด้วยความเร็วที่ไม่ช้าไม่เร็ว

“อาจารย์หยวนเดินทางมาไกลคงเหนื่อยมากยิ่งนัก เชิญทางนี้เถอะขอรับ มีรถม้าอยู่ตรงนั้น...” ชายผู้หนึ่งเดินเข้ามา เขาแต่งกายด้วยเสื้อผ้าหรูหราตั้งแต่หัวจรดเท้าราวกับอยากทำให้ทุกคนรอบตัวรู้ว่าเขามีเงินอยู่มากโข

หยวนซือเหนียนเป็นบัณฑิตที่มีชื่อเสียงจากราชวงศ์ก่อน ความจริงแล้วฮ่องเต้องค์สุดท้ายของราชวงศ์หยวนยกย่องเขาในด้านวิชาการเป็นอย่างมากและได้เชิญเขาไปที่วังหลวงหลายคราเพื่อให้สอนเหล่าองค์ชายในราชวงศ์ แต่คำเชิญพวกนั้นก็ถูกปฏิเสธอย่างสุภาพด้วยข้ออ้างเรื่องสุขภาพ ต่อมาเมื่อประเทศเกิดความโกลาหลวุ่นวายและอนาคตก็ไม่แน่นอน เขาจึงพาครอบครัวไปอยู่อย่างสันโดษในภูเขาลึกและหลบซ่อนตัวอยู่สองสามปี

หลังจากราชวงศ์หมิงถูกก่อตั้งขึ้นมา ฮ่องเต้องค์ก่อนชื่นชมความสามารถของเขาและได้ขอให้เขาออกจากภูเขามาเป็นขุนนางหลายต่อหลายครั้ง แต่ชายชราก็ได้ปฏิเสธไป สุดท้ายเขาก็เกิดประทับใจในลูกตื้อและความจริงใจของฮ่องเต้ เขาจึงแนะนำหยวนกั๋วอานลูกชายที่มีความรู้และประสบการณ์ที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าเขาให้ และต่อมาเขาก็ได้กลายเป็นคนที่คอยสะสางเรื่องยุ่งยากให้แก่ฮ่องเต้องค์ก่อนอยู่เบื้องหลัง จนได้เป็นอัครมหาเสนาบดีที่อยู่ใต้คนเพียงคนเดียวแต่อยู่เหนือผู้คนนับหมื่น

ตอนที่ราชวงศ์หมิงถูกก่อตั้งขึ้นมาแรก ๆ นั้น ฮ่องเต้องค์ก่อนที่ยังคงดำรงเป็นฮ่องเต้อยู่ในเวลานั้นก็หมกมุ่นอยู่กับการทำสงครามที่ชายแดน ถ้าเขาไม่มีมหาเสนาบดีเป็นมือซ้ายให้แก่เขาและมีราชครูเป็นมือขวา ราชวงศ์หมิงก็คงล่มสลายไปแล้ว !

หลังจากที่ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันขึ้นครองราชย์ อัครมหาเสนาบดีหยวนก็ได้ยศเป็นกั๋วกง  พร้อมด้วยสิทธิในการสืบทอดตำแหน่งต่อไปยังทายาท เขากลายเป็นขุนนางที่ได้รับความโปรดปรานมากที่สุดโดยปราศจากคู่แข่ง

ในทางกลับกัน หยวนซือเหนียน บัณฑิตชื่อดังที่เพิ่งอายุเข้า 70 ปี เคยชินกับการใช้ชีวิตสบาย ๆ มานาน เขาได้ก่อตั้งโรงเรียนหรงซวนขึ้น ตอนแรกเขาก็สอนนักเรียนทุกวัน  ดูแลสวน และใช้ชีวิตแบบสบาย ๆ ไปเรื่อย ๆ

ต่อมาคุณภาพในการสอนของเขาก็แพร่กระจายออกไป นักเรียนจึงมาสมัครกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ขุนนางระดับสูงมากมายจากเมืองหลวงทำทุกวิธีที่ทำได้เพื่อใช้เส้นสายให้ลูก ๆ ของพวกเขาได้เข้าโรงเรียน เมื่อจำนวนนักเรียนเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ การดำเนินงานก็ใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ เช่นกัน นอกจากนี้บัณฑิตที่มีชื่อเสียงมากมายต่างก็แนะนำตัวเองให้กับโรงเรียนนี้เพื่อที่จะได้กลายเป็นครูที่นี่ และในจำนวนนั้นก็จะมีศิษย์เก่าของเขาอยู่ด้วย...

เมื่อมหาบัณฑิตหยวนเห็นว่าโรงเรียนหรงซวนเกือบจะเปลี่ยนไปจากความคิดเดิมของเขา  เขาก็ได้ตั้งข้อกำหนดในการเข้าเป็นนักเรียนอย่างเข้มงวด ถ้าอยากเข้าเรียน มันเป็นไปได้อยู่แล้ว แต่ต้องผ่านการสอบยาก ๆ หรือมีพรสวรรค์และศักยภาพที่สะดุดตาเขาเท่านั้น  ไม่งั้นต่อให้จะมีตำแหน่งหรือสถานะอะไรหรือมีเงินมากแค่ไหน ชายชราผู้นี้ก็ไม่ยอมให้เข้าเรียนเป็นอันขาด...

แม้ว่าภายนอกหยวนซือเหนียนจะเป็นบัณฑิตที่มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบ แต่ภายในเขาคือเด็กโข่งจอมซน เขามีความอยากรู้อยากเห็นไม่รู้จบและชอบตามข่าวซุบซิบต่าง ๆ อีกทั้งยังชอบกินอาหารดี ๆ น้อยคนนักที่จะรู้จักมุมนี้ของเขา ไม่งั้นพวกผู้ปกครองที่อยากให้ลูกหลานได้เข้าเรียนคงพากันหาอาหารอันโอชะจากทั่วทุกซอกมุมมาล่อลวงเขาแล้ว มันคงจะวุ่นวายอย่างแน่นอน !

พวกผู้ปกครองที่คิดหาทุกวิธีที่เป็นไปได้มาประจบมหาบัณฑิตหยวนเพื่ออนาคตของลูกหลานนั้นสามารถพบเห็นได้ทั่วทุกแห่ง ตัวอย่างเช่นชายอ้วนที่แต่งตัวหรูหราที่ท่าเรือก็เป็นหนึ่งในจำนวนนั้น

มหาบัณฑิตหยวนขมวดคิ้วและแอบกรอกตา เขาเอ่ยอย่างเย็นชาว่า “ข้าบอกเจ้าแล้วมิใช่รึว่ามิอยากให้ผู้ใดมาพบข้าที่ท่าเรือ ? ท่านเจ้าของร้านจิน ตอนนี้ท่านกำลังขัดใจข้าอยู่ !”

ในใจเขากำลังด่าชายอ้วนผู้นั้น ‘เจ้าโง่ นึกเยี่ยงไรเอาทองมาทำเป็นชุด ข้ายิ่งตามิดีอยู่ด้วย จะเอาทองทั้งตัวมาทำให้ข้าตาบอดหรือเยี่ยงไรกัน ? ’

ความพยายามในการประจบสอพลอของเจ้าของร้านจินกลับได้ผลตรงกันข้าม เหงื่อเริ่มไหลลงมาตามใบหน้าที่อ้วนกลมของเขาทันที ตระกูลจินเป็นพ่อค้ากันมา 6 รุ่นแล้ว  แม้ว่าพวกเขาจะร่ำรวยมากแต่ก็ยังนับว่าอยู่ในชนชั้นพลเมืองที่ต่ำที่สุดจากสี่ชนชั้น บัณฑิต, ชาวนา, ช่างฝีมือ และพ่อค้า

หลังจากที่ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันขึ้นครองราชย์ เขาได้ออกพระราชโองการปรับปรุงสถานะทางสังคมของพ่อค้า ลูก ๆ ของเหล่าพ่อค้าสามารถเข้าร่วมการสอบจอหงวนได้ เจ้าของร้านจินจึงดีใจเป็นอย่างมากกับข่าวดีที่ไม่คาดคิดนี้และอยากจ้างครูที่ดีที่สุดให้กับลูกชายของเขาซึ่งเป็นคนฉลาดมาตั้งแต่เด็กแล้ว เขาจะได้หลุดพ้นออกจากชะตาชีวิตของพ่อค้าได้เสียที

เขาได้ยินมาว่าเมืองถังกู่มีโรงเรียนหรงซวนที่ก่อตั้งโดยมหาบัณฑิตจากราชวงศ์ก่อนผู้ฉลาดเฉลียวและรอบรู้ในสิ่งต่าง ๆ ทั้งอดีตและปัจจุบัน นอกจากนี้ยังเป็นคนเลี้ยงดูให้ความรู้การศึกษาแก่อัครมหาเสนาบดีของราชวงศ์องค์ปัจจุบันอีกด้วย เจ้าของร้านจินจึงพาลูกชายเดินทางไกลมาจนถึงเมืองถังกู่ ลูกชายของเขาผ่านการสอบเข้าโรงเรียนได้ในการสอบแค่ครั้งเดียวและกลายเป็นนักเรียนอย่างเป็นทางการ

แต่เรื่องเลวร้ายก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เจ้าของร้านจินรู้สึกว่าลูกชายต้องอยู่ห่างจากบ้านและจะอยู่อย่างลำบาก เขากลัวว่าลูกจะรู้สึกเสียใจเพราะเป็นครั้งแรกที่ต้องออกจากบ้านมา ดังนั้นเขาจึงทำห้องพักที่โรงเรียนของลูกชายใหม่ให้เต็มไปด้วยของประดับตกแต่งที่หรูหราราคาแพง ทุกอย่างถูกเปลี่ยนให้เป็นของที่ดีที่สุดที่เงินจะหาซื้อมาได้ แม้กระทั่งหินฝนหมึกและพู่กันก็เป็นของโบราณราคาแพง มีเพียงไม่กี่คนในโรงเรียนที่เคยเห็นของพวกนั้น

เมื่ออาจารย์หยวนรู้เรื่องเข้า เขาก็ได้ไล่ลูกชายของเจ้าของร้านจินออกพร้อมกับกล่าวว่า  ‘โรงเรียนเป็นสถานที่สำหรับการศึกษาและเรียนรู้ มิใช่สถานที่พักผ่อน ถ้าเจ้ากลัวว่าลูกชายจะทนความลำบากมิได้ ก็พาเขากลับบ้านไปใช้ชีวิตให้สุขสบายเสียเถิด ! ”

เจ้าของร้านจินเมื่อได้ฟังก็ตกตะลึงยิ่ง เขาคาดหวังให้ลูกชายนำเกียรติยศและความรุ่งโรจน์มาให้ตระกูล แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากเข้าโรงเรียนได้เพียงไม่กี่วัน โอกาสของลูกชายของเขาก็ถูกทำลายด้วยความผิดพลาดของตัวเขาเอง ! ลูกชายของเขาโกรธมากเสียจนไม่กินไม่ดื่มอยู่หลายวันและเอาแต่นอนอยู่บนเตียง เจ้าของร้านจินรู้สึกเสียใจมากในความผิดพลาดของเขาครานี้จนทำให้ผมของเขาเปลี่ยนเป็นสีขาวไปครึ่งหัวในเวลาเพียงชั่วข้ามคืน เพื่อไม่ให้ตัวเขาต้องกลายเป็นสาเหตุของความพินาศของลูกชาย เจ้าของร้านจินจึงมารอพบเขาทุกวันเพื่อแก้ไขข้อผิดพลาด

แต่ถึงอย่างนั้นโอกาสพบอาจารย์หยวนก็มีน้อยมากยิ่งนัก ก่อนหน้านี้สองสามวัน  โรงเรียนได้หยุดประจำปี อาจารย์หยวนจึงพาหลานชายกลับบ้านเพื่อไปเยี่ยมครอบครัว  แต่เจ้าของร้านจินไม่อยากยอมแพ้จึงไม่ยอมกลับบ้านไปฉลองปีใหม่กับครอบครัว เขาอยู่ที่เมืองถังกู่ด้วยความหวังว่าจะสามารถหาโอกาสชดใช้ความผิดได้

เขาจึงได้พักอยู่ที่ท่าเรือถังกู่ตลอดเดือนแรก เขารอและหวังว่าอาจารย์หยวนจะเห็นถึงความจริงใจและให้โอกาสลูกชายของเขาอีกครั้ง ในที่สุดเขาก็มีโอกาส แต่เขาไม่คิดเลยว่า...เขาจะทำให้บัณฑิตหยวนไม่พอใจอีกครั้ง

เจ้าของร้านจินร้อนใจมากจนอยากกระโดดไปรอบ ๆ เขาไม่รู้ว่าจะแก้ไขสถานการณ์ได้เยี่ยงไร ขณะที่เขากำลังวิตกกังวลอยู่นั้น หยวนหยุ่นซีหลานชายของอาจารย์หยวนก็กลับมาและเอ่ยกับท่านปู่ของเขาว่า “มิมีอันใดหรอกขอรับ แค่คนขายของที่เรียกว่า ‘อาหารตุ๋น’ น่ะขอรับ...”

“อาหารตุ๋นรึ ? เป็นอาหารชนิดหนึ่งรึ ? ข้ามิเคยได้ยินมาก่อน มันอร่อยหรือไม่ ? มีคนรอซื้อมากขนาดนี้ต้องอร่อยอย่างแน่นอน !” หยวนซือเหนียนตาเป็นประกายด้วยความตื่นเต้นขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินว่ามีอาหารแบบใหม่ให้ลอง ภาพลักษณ์ความสง่างามแบบบัณฑิตของเขาพังพินาศในพริบตาและได้แสดงภาพลักษณ์ของคนตระกละขึ้นมาแทนที่

เจ้าของร้านจินที่กำลังกังวลว่าจะทำเยี่ยงไรให้มหาบัณฑิตหยวนชอบเขาได้ จึงรีบเอ่ยขึ้นมาทันทีว่า “ท่านอาจารย์หยวน เชิญหาที่นั่งพักก่อนเถิด ประเดี๋ยวข้าจะไปดูให้เอง...”

ร่างอ้วน ๆ ของเขาดูเหมือนลูกบอลสีทองพุ่งเข้าไปที่ด้านข้างของเสี่ยวเฉาอย่างรวดเร็ว  เขาเอ่ยว่า “แม่หนูน้อย อาหารตุ๋นที่เจ้าขายอยู่ตอนนี้ ข้าจะเหมาที่เหลือทั้งหมดเลย...”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด