ตอนที่แล้วบทที่ 89: จี้ทมิฬเอ๋ยจงใจเย็น!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 91: อสูรเวทโจมตีเมือง!

บทที่ 90: สัญญาณ!


ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ

Facebook Fanpage กดเลย

••••••••••••••••••••

นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล

สารบัญ ARK [จบแล้ว]

สารบัญ จอมมารสะท้านภพ (เรื่องใหม่)

สารบัญ ราชันเทพเก้าสุริยัน

สารบัญ โกลาหลแห่งอสนีบาต

••••••••••••••••••••

บทที่ 90: สัญญาณ!

นอกจากนี้บ่อน้ำพุศักดิ์สิทธิ์นี้ยังช่วยให้นักเวทระดับมัชฌิมสามารถสร้างความเสถียรในพลังของตนเองได้เป็นอย่างดี ถ้าหากไม่ใช่เพราะเหตุผลนี้นักเวทระดับมัชฌิมจะยอมลงมาอยู่ใต้ดินเช่นนี้ได้อย่างไรกัน? แม้ว่าจะมีประตูที่หนาแน่นปิดกั้นมันไว้ก้ตาม แต่พลังของมันก็ยังแอบเล็ดลอดออกมาให้เขาได้ชื่นใจกับมันอยู่เสมอ

“กัปตันเหลียง ตอนนี้เราได้พบอุโมงค์ที่หนูตายักษ์มันขุดไว้แล้วล่ะ ซึ่งมันลึกมาก… มากจนพวกเราไม่กล้าที่จะเข้าไปสำรวจ” หญิงสาวสวมเครื่องแบบผู้พิทักษ์เดินเข้ามารายงานพร้อมด้วยใบหน้าที่หวาดหวั่น

หญิงสาวดวงตากลมโตสวยงามคนนั้นอยู่ในชุดเครื่องแบบที่น่าเกรงขามทำให้เธอดูมีเสน่ห์ยิ่งกว่าผู้ใด…

“อ่า รองกัปตันหลินหยูซิน คุณคิดมากเกินไปหรือเปล่า หนูตายักษ์นั้นเป็นสิ่งที่พบเจอได้ทั่วไปในเมืองแห่งนี้ เป็นเรื่องธรรมดาที่เราจะพบเจอกับท่อที่มันขุดขึ้น มันก็แค่เรื่องทั่วไปเท่านั้นแหละ” ผู้พิทักษ์หวังทงเหลียนกล่าวออกมาอย่างสบายๆ

หลินหยูซินขมวดคิ้วแน่น เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ชอบที่หวางทงเหลียนละหลวมเช่นนี้

“สมาคมเวทมนตร์ได้ส่งคนมาตรวจสอบเรื่องนี้แล้ว มันไม่มีอะไรน่าสนใจหรอก จะดีมากถ้าหากว่าเธอหยุดกังวลกับเรื่องไร้สาระพวกนี้น่ะ” กัปตันเหลียงกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มจาง

แม้ว่าหลินหยูซินจะพยักหน้ารับ แต่เธอก็ไม่ได้เห็นด้วยและรู้สึกสบายใจขึ้นมาแม้แต่น้อย

“ฉันจะออกไปสำรวจด้านนอก” หลังจากที่เธอกล่าวจบ เธอนำผู้พิทักษ์อีกสี่ออกไปด้านนอกทันที

ทุกคนที่มองหลินหยูซินที่กำลังเดินออกไปนั้นได้แต่ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ ร่างกายของเธอมันน่าดึงดูดซะจริง!

“นับตั้งแต่ที่น้องสาวของเธอหายตัวไป ก็ไม่ปรากฏรอยยิ้มบนใบหน้าของเธออีกเลย เฮ้อ แม้แต่โครงกระดูกก็ยังไม่มีผู้ใดได้เห็น! โรงเรียนมัธยมที่ยอดเยี่ยมเช่นนั้นไม่สามารถให้คำตอบอะไรกับเธอได้เลย!” เหลียงปิงถอนหายใจยาวออกมา

“ฉันได้ยินมาว่ามันเป็นฝีมือของหนูตายักษ์ใช่ไหม?”

“ก็นะ… ใครจะไปรู้ล่ะ?”

หลังจากที่รองกัปตันหลินหยูซินเดินออกมาจากชั้นใต้ดิน ภายในหัวใจของเธอเต็มไปด้วยความกังวล

หลังจากที่น้องสาวของเธอได้หายตัวไปเมื่อปีก่อน เธอพยายามค้นหาหนูตายักษ์เสมอมา เธอค้นหาในทุกรูระบายน้ำที่พวกมันได้ขุดไว้ทั่วทั้งเมืองบ่อแล้วแต่ก็ยังไม่ค้นพบมัน!

แม้แต่สมาคมเวทมนตร์ที่ส่งคนมาตรวจสอบแล้วก็ยังไม่ได้รับความคืบหน้าใดๆแม้แต่น้อย

เธอนั้นไม่สามารถยอมรับเรื่องเหล่านี้ได้ น้องสาวสุดที่รักของเธอได้หายไปจากโลกนี้โดยไม่เหลือแม้แต่กระดูกทิ้งไว้งั้นหรือ?

เมื่อวานนี้หลินหยูซินพบสิ่งผิดปกติภายในท่อระบายน้ำที่หนูตายักษ์ได้ขุดทิ้งไว้

มันมีน้ำอยู่ด้านใน…

แน่นอนว่าการมีน้ำภายในท่อระบายน้ำนั้นเป็นเรื่องปกติอย่างมาก ถ้าหากว่าคนอื่นได้พบเห็นเช่นเดียวกับเธอ แน่นอนว่าพวกเขาย่อมไม่สงสัยสิ่งใด แต่อย่างไรก็ตามในสายตาของนักเวทนั้นน้ำเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องปกติ เธอมั่นใจอย่างมากว่ามันคือน้ำของบ่อน้ำพุศักดิ์สิทธิ์!

ทำไมน้ำศักดิ์สิทธิ์นั้นถึงได้เล็ดรอดออกมาอยู่ในท่อระบายน้ำได้ล่ะ?

เรื่องราวที่เกิดเช่นนี้นั้นไม่น่าเชื่อได้อีกต่อไป น้ำทุกหยดภายในบ่อน้ำพุล้วนแต่เป็นสมบัติล้ำค่า มันไม่มีควรที่จะเล็ดลอดออกมาด้านนอกเพื่อให้หนูและแมลงสาปที่น่าแขยงเหล่านี้ดื่มด่ำ!

ด้วยความสงสัยของหลินหยูซิน… เธอนำน้ำที่ตรวจพบนี้ไปมอบให้กับสมาคมเวทมนตร์เพื่อให้พวกเขาตรวจสอบว่ามันคืออะไร ซึ่งทางสมาคมบอกว่าจะให้กับคำตอบกับเธอภายในวันนี้

ในตอนนี้หลินหยูซินเดินออกมาด้านนอก เธอเงยหน้ามองท้องฟ้าที่ว่างเปล่าและก้มมองนาฬิกา เห็นว่ามันใกล้เวลาที่นัดหมาย เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อต่อสายตรงหาสมาคมเวทมนตร์ในทันที

“ฉันอยากรู้ว่าผลลัพธ์เป็นอย่างไรบ้าง?” หลินหยูซินเปิดประเด็นเกี่ยวกับสิ่งที่ตนสงสัยทันที

“มันไม่ใช่น้ำจากบ่อน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ใต้ดิน” นักวิจัยตอบกลับมาอย่างสุภาพ

“อืม ขอบคุณมาก” หลินหยูซินพยักหน้ารับ ดูเหมือนว่าเธอจะคิดมากเกินไปจริงๆ

“อย่างไรก็ตามแม้ว่ามันจะไม่มีพลัง แต่คุณสมบัติอื่นๆของมันนั้นคล้ายคลึงกับน้ำในบ่อน้ำพุศักดิ์สิทธิ์อย่างมาก” ปลายสายกล่าวต่ออย่างใจเย็น

“หมายความว่าอย่างไรกัน? คุณกำลังจะบอกว่ามันอาจจะมีแหล่งกำเนิดบ่อน้ำพุศักดิ์สิทธิ์แห่งที่สองภายในโลกนี้งั้นเหรอ?” หลินหยูซินงงงวยในทันที

“บ่อน้ำพุศักดิ์สิทธิ์นั้นผุดขึ้นมากจากใต้ภิภพซึ่งมันเป็นสมบัติแห่งสวรรค์ มันคือน้ำพิสุทธิ์ที่เป็นประโยชน์แก่อสูรเวทและนักเวทอย่างมาก น้ำที่คล้ายคลึงกับน้ำในบ่อน้ำพุศักดิ์สิทธิ์นี้คงจะเป็นผลมาจากสิ่งแวดล้อมโดยรอบ อย่างไรก็ตามผลกระทบของมันนั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง น้ำที่คุณได้ค้นพบและส่งมาให้กับเรานั้นสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับอสูรเวทและผู้ฝึกตนได้ในระยะเวลาสั้นๆ นี่เป็นข้อแตกต่างเพียงอย่างเดียวของมัน สิ่งมีชีวิตที่ดูดซับหรือดื่มกินมันเข้าไปจะกลายเป็นบ้าคลั่งและอาละวาดอย่างไร้เหตุผลน่ะ” นักวิจัยปลายสายตอบกลับอย่างจริงจัง

หลินหยูซินตกใจกับประโยคที่ได้ยินอย่างมาก เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะมีเรื่องแบบนี้บนโลกใบนี้ด้วย

มันเป็นไปได้ไหมว่าหนูตายักษ์ได้ดื่มกินน้ำพวกนี้เข้าไปแล้วจึงหายจากโรคขี้ขลาดตาขาวแล้ววิ่งพล่านออกมาไล่ล่ามนุษย์?

“อืม ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง… แต่ฉันคิดว่าฉันคงจะคิดมากเกินไป…” ทันใดนั้นเสียงปลายสายได้กล่าวออกมาอย่างกังวล

“เรื่องอะไร?”

“ถ้าหากไม่ได้ดื่มน้ำโสโครกนี้เข้าไปโดยตรง คุณจะไม่มีทางรู้ได้เลยว่ามันคือน้ำจากบ่อน้ำพุหรือไม่ มันไม่สามารถแยกออกได้ทันที ต้องใช้เวลาสองถึงสามวันสำหรับการคัดกรองมัน! ใช่ มันเหมือนกันอย่างมากถ้าหากมองด้วยตาเปล่า…”

ประโยคนี้ทำให้สันหลังของหลินหยูซินเย็นวาบขึ้นมาทันที

เราไม่ทางรู้เลยงั้นเหรอว่ามันคือของปลอม?

น้ำเหล่านี้ผุดขึ้นมาจากอุโมงค์ของหนูตายักษ์พวกนั้น เมื่อปีที่แล้วพวกมันขุดมาจนเกือบจะถึงบ่อน้ำพุศักดิ์สิทธิ์… เหตุการณ์เช่นนี้มันบังเอิญเกินไปหรือไม่?

“มันอาจจะเป็นเพียงเรื่องบังเอิญ…” หลินหยูซินฝืนยิ้มอย่างไม่เต็มใจ

“อ่า ฉันก็หวังว่ามันจะเป็นเช่นนั้น… ตอนนี้ฝนกำลังจะตกหนักแล้ว ฉันกำลังจะไปที่ศูนย์การค้าเหรียญเงินเพื่อไปรับคุณ ฉันเกรงว่าคุณจะเปียกฝนซะก่อน” ปลายสายกล่าวต่อ

“ฉันเป็นนักเวทธาตุน้ำ ทำไมฉันต้องกางร่มด้วยล่ะ?” หลินหยูซินกล่าวตอบ

“อ่า… เอาล่ะ คืนนี้เราไปทานข้าวกันสักหน่อยไหม?”

“ฉันไม่ว่างน่ะ ต้องเฝ้าบ่อน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ใต้ดิน!”

“อืม… ก็ได้”

หลินหยูซินวางโทรศัพท์พร้อมกับคิ้วที่ขมวดติดกันอย่างแน่นหนา เกิดคำถามมากมายขึ้นภายในใจของเธออย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง…

——

รถกระบะสีขาวคันหนึ่งถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นสีโคลนในขณะที่มันกำลังวิ่งขึ้นไปยังสถานียอดเขาหิมะ

มันจอดลงเมื่อขึ้นมาถึงสถานี จากนั้นฝนที่กระหน่ำลงมาราวกับโกรธพิภพได้ยึดครองภูเขาลูกนี้ไว้ภายในเสี้ยววินาที เม็ดฝนสีส้มปรากฏขึ้นมาบนยอดเขาที่ห่างไกลออกไปเป็นภาพที่ชวนขนลุก

“เฮ้อ สินค้าเกือบจะเสียหายซะแล้ว โชคดีที่ฉันมาถึงที่นี่ได้ทันเวลา!” โม่เซี่ยจิงกระโดดออกมาจากรถพร้อมกับมองฝนที่กระหน่ำลงมาอย่างโล่งใจ

“ทำไมฝนถึงมีสีล่ะ? แปลกชะมัด!” ทหารผู้หนึ่งตั้งข้อสงสัย

“ใช่ มันดูเหมือนฉี่ของสวรรค์เลยงั้นแหละ ฮ่าฮ่าฮ่า!” ทหารอีกคนหนึ่งกล่าวออกมาพร้อมหัวเราะ

โม่เซี่ยจิงยิ้มให้กับบุคคลเหล่านั้นด้วยท่าทีเป็นมิตร จากนั้นเขาได้ยินเหล่าทหารพูดคุยกันจึงมองไปที่หยาดฝนโปรยปรายลงมา

‘อืม… ฝนแบบนี้มันแปลกจริงๆ…’

ทุกอย่างในสถานีแห่งนี้เป็นไปอย่างปกติ วันนี้ผู้ที่อยู่เวรยามทางทิศเหนือคือว่านหวังเฟิงซึ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของจ้านคงโดยตรง

ว่านหวังเฟิงนั้นเป็นผู้พิทักษ์ที่เก่งกาจ เขามีลูกน้องใต้บังคับบัญชากว่าพันคน อีกทั้งเขาเป็นนักเวทธาตุดินระดับมัชฌิมด้วย ในด้านของการป้องกันนั้นในเมืองบ่อแห่งนี้ไม่มีใครเทียบเขาได้เลย

ว่านหวังเฟิงนั้นสวมเสื้อกันฝนหนัง เขายืนอยู่ท่ามกลางสายฝนที่แปลกประหลาดนี้อย่างสง่าและเขร่งขรึม

สายตาของเขาจับจ้องไปที่ผืนป่าตรงหน้าที่ถูกล้อมไปด้วยหยาดฝน ทันใดนั้นสายตาของเขาเหลือบไปจับจ้องกับที่ด้านหลังภูเขา ลูกบอลสีเหลืองได้พุ่งออกมาท่ามกลางฝนกระหน่ำเหล่านั้น ในท้องฟ้าที่มืดมิดมันเปล่งแสงอ่อนๆออกมา

“ลำแสงพิสุทธิ์?” ว่านหวังเฟิงเบิกตากว้างทันทีที่ได้เห็นมัน

ลำแสงพิสุทธิ์นั้นเป็นเวทแรกเริ่มสำหรับนักเวทธาตุแสง ซึ่งนักเวทธาตุแสงนั้นมีบทบาทสำคัญอย่างมากต่อกองทัพซึ่งพวกเขามีความสามารถในการบอกตำแหน่งและสามารถส่งข้อมูลระยะไกลได้

แสงชนิดนี้นั้นเป็นเวทเริ่มต้น แต่ทว่าเหล่าอสูรเวทจะไม่รับรู้ถึงมัน สัญญาณเหล่านี้คล้ายกับระเบิดทันทีถ้าหากเหล่าอสูรจ้องมอง ดวงตาของพวกมันจะได้รับความเสียหายอย่างหนักทันที

ถ้าหากทหารจำเป็นจะต้องใช้การส่งสัญญาณ นี่เป็นทางเลือกที่ยอดเยี่ยมที่สุด เพราะถ้าหากพวกเขาใช้เทคโนโลยีล่ะก็มันเปรียบเสมือนการตำแหน่งของตนเองให้กับอสูรเวทเหล่านั้นโดยตรง เช่นนี้นักเวทธาตุแสงจึงมีความสำคัญต่อภารกิจทางกองทัพอย่างยิ่ง

“ผู้นำว่าน นั่นมัน… นั่นมันสัญญาณเตือน! ทำไมกลุ่มสามจึงส่งสัญญาณเตือนให้กับเรา? เป็นไปได้ไหมว่ามีอสูรเวทหนีรอดไปได้?” ทหารด้านข้างกล่าวขึ้นมาอย่างตื่นตระหนก

ทันใดที่เขากล่าวจบ ลำแสงพิสุทธิ์ถูกยิงขึ้นมาอีกครั้งท่ามกลางพายุฝนที่กำลังโหมกระหน่ำ

เหตุการณ์เช่นนี้ทำให้ผู้พิทักษ์ทุกคนล้วนแต่ยืนมองมันด้วยความตกใจ!

ลำแสงพิสุทธิ์สองครั้ง!

สัญญาณอันตราย?

••••••••••••••••••••

Facebook Fanpage กดเลย

••••••••••••••••••••

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด