ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0385
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0387

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0386


ตอนที่ 386 : สวนโบราณ

อาคมธงที่ฉินหยุนสร้างขึ้น ไม่เพียงแต่ช่วยให้หยวนหยานหยิงรดน้ำต้นไม้ง่ายขึ้น แต่มันยังสร้างผลประโยชน์ครั้งใหญ่ให้แก่ประตูลึกล้ำเก้าสมบูรณ์!

ผู้อาวุโสที่สองกล่าวคำ “อีกไม่ช้าจ้าวสำนักก็จะฟื้นฟูเต็มที่แล้ว ถึงตอนนั้นเขาต้องยินดีมากแน่! ตลอดช่วงเวลาหลายปีมานี้ เขาคาดหวังมาโดยตลอดว่าข้าจะสามารถจัดทำอาคมเช่นนี้ขึ้นมาได้”

“เป็นข้าไม่เคยคาดคิดเลย ว่าสิ่งที่ข้าคิดอยู่นาน กลายเป็นเสี่ยวหยุนทำได้สำเร็จ ทั้งที่เจ้าเพิ่งเข้าร่วมประตูลึกล้ำเก้าสมบูรณ์ แต่กลับทำมันออกมาได้ ช่างวิเศษวิ่งนัก!”

ผู้อาวุโสที่สองรู้สึกว่า การรับฉินหยุนเป็นศิษย์ ไม่ต่างอะไรกับหยิบจับสมบัติก้อนโตขึ้นมาชิ้นหนึ่ง

ฉินหยุนยิ้ม “จ้าวสำนักเป็นอาจารย์แปรธาตุ เช่นนั้นเขาอยู่ระดับใดหรือขอรับ?”

“เป็นอาจารย์โอสถ! ทรัพยากรมากมายในประตูลึกล้ำเก้าสมบูรณ์ของพวกเรา ล้วนรวบรวมผ่านน้ำพักน้ำแรงโดยการปรุงยา! เป็นเพราะผู้อาวุโสทั้งหมดของพวกเราโรยรา จึงไม่มีกำลังมากล้นเหมือนอย่างแต่ก่อน” ผู้อาวุโสที่สองกล่าวด้วยความละอาย

อาจารย์โอสถ ก็เป็นเช่นเดียวกับอาจารย์จารึก เป็นตัวตนที่สำคัญอย่างยิ่งในสำนักระดับลึกล้ำ

ผู้อาวุโสที่สองมีระดับการฝึกฝนอยู่ที่ขีดสุดของขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ และยังเป็นอาจารย์จารึกลึกล้ำระดับกลาง เพียงเท่านี้ก็นับว่าน่าประทับใจมากแล้ว

หยวนหยานหยิงเดินอยู่ในแปลงสมุนไพร รับชมดอกไม้และพืชพรรณที่ถูกปกคลุมด้วยพลังวิญญาณหลากสี เป็นนางยินดีไม่ใช่น้อย

อย่างกะทันหัน นกสีขาวงดงามตัวหนึ่งพลันบินมาทางหยวนหยานหยิงและร้องเจี้อยแจ้ว

หยวนหยานหยิงยื่นมือรับนกน้อยเอาไว้ คิ้วขมวดออกและกล่าวคำ “ผู้อาวุโสที่สอง มีพิราบวิญญาณจากภายนอก น่าจะมาที่นี่เพื่อส่งสาร!”

“เข้าใจละ เดี๋ยวข้าออกไปรับจดหมายที่พิราบวิญญาณส่งมาเอง” ผู้อาวุโสที่สองเร่งรีบจากไป

อีกทางหนึ่ง ฉินหยุนเดินสำรวจค่ายอาคม พร้อมสอนให้หยวนหยานหยิงใช้งานมัน

หลังเรียนรู้วิธีการใช้ค่ายอาคมธง หยวนหยานหยิงจึงไปทำความสะอาดขนนกที่เปรอะเปื้อน

“หยานหยิง วิญญาณยุทธ์เจ้าคืออะไรหรือ?” ฉินหยุนเอ่ยถามด้วยความสงสัย

“ข้าเองก็ไม่ทราบ! วิญญาณยุทธ์ของข้าเป็นสีแดง แต่มันทำให้ข้าสามารถฝึกฝนกำลังภายในที่แข็งแกร่ง แม้ว่าพลังเต๋าของข้าแข็งแกร่งมาก ก็ยังไม่ทราบว่ามันเป็นพลังเต๋าอะไรกันแน่!” หยวนหยานหยิงส่ายศีรษะ

“เพราะวิญญาณยุทธ์ของเจ้า จึงทำให้สามารถสื่อสารกับพวกนกและสัตว์ได้ใช่หรือไม่?” ฉินหยุนถามอีกครั้งด้วยความสงสัย

“น่าจะเป็นเช่นนั้น! วิญญาณยุทธ์ของข้าตอนแรกไม่ได้เป็นเช่นนี้ เมื่อเวลาผ่านไป มันค่อยเปลี่ยนแปลงเป็นเช่นนี้” หยวนหยานหยิงยังรู้สึกสงสัยต่อเรื่องนี้ไม่น้อย

ฉินหยุนนึกถึงวิญญาณยุทธ์กล้วยไม้แดงของเฟิงหงหลัน นั่นก็เป็นสีแดงเช่นเดียวกัน

หากสีของวิญญาณยุทธ์ไม่เป็นปกติ เช่นนั้นก็สมควรเป็นวิญญาณยุทธ์แปรสภาพ

“ให้ข้าตรวจสอบดูหน่อย!” ฉินหยุนยื่นมือไปตรงหน้าท้องของหยวนหยานหยิงและทำการตรวจสอบ ไม่ช้าเขาจึงได้เห็นกลุ่มก้อนวิญญาณยุทธ์สีแดงในตันเถียน

เขาเอ่ยขึ้นด้วยความประหลาดใจ “ออร่าของมันเป็นไฟ แต่เหมือนจะโดนสะกดเอาไว้!”

“จริงหรือ? เช่นนั้นมีความเป็นไปได้ที่ข้าจะควบแน่นมันขึ้นเป็นเปลวไฟ?” หยวนหยานหยิงอุทานออกด้วยความประหลาดใจ

“น่าจะเป็นไปได้!” ฉินหยุนพยักหน้ารับ

หยวนหยานหยิงยิ้มรับยินดี “จ้าวสำนักบอกว่าข้ามีพรสวรรค์ในการทำให้พืชพรรณเติบโต ทั้งยังเป็นข้ารู้สึกพิเศษต่อพืชพรรณ จึงเหมาะสมที่จะขัดเกลายาวิเศษขึ้น แต่ข้าไม่มีวิญญาณยุทธ์ไฟ จึงเป็นเรื่องน่าเสียดายนัก ไม่เช่นนั้นข้าคงได้เรียนวิถีแปรธาตุจากเขาแล้ว!”

ฉินหยุนรู้สึกว่า หากใช้เคล็ดวิชาขัดเกลาวิญญาณ เขาจะสามารถขัดเกลาวิญญาณยุทธ์ไฟ ให้ผสานรวมเข้าไปในร่างกายของหยวนหยานหยิง นั่นจะช่วยเติมเต็มให้แก่นางได้

กระนั้น เขาก็คิดเช่นกัน ว่าวิญญาณยุทธ์ของหยวนหยานหยิงพิเศษไม่น้อย มันยังอยู่ระหว่างกระบวนการเติบโต หากเขากระทำการอะไรบุ่มบ่ามไป จะกลายเป็นส่งผลกระทบกับนาง

ผู้อาวุโสที่สองกลับมาพร้อมกระดาษแผ่นหนึ่ง เขาส่งมันให้แก่ฉินหยุน “เสี่ยวหยุน เป็นข้อความถึงเจ้า!”

ฉินหยุนรับมา เมื่อได้อ่านก็ต้องเผยความประหลาดใจไม่น้อย

ผู้ส่งสารนี้มา แท้จริงคือหงเหยียน องค์ชายลำดับที่เก้าแห่งแคว้นยุทธ์หง!

หงเหยียนได้เข้าร่วมสำนักระดับราชัน สำนักราชันอัคคี ภายในหนึ่งเดือน จะมีงานเลี้ยงฉลองครั้งใหญ่ที่ตำหนักยุทธ์หง!

นอกจากนี้แล้ว สำนักราชันอัคคี ยังจะจัดการแข่งขันปรุงยาขึ้น แต่หากคิดเข้าร่วม ก็ต้องเป็นอาจารย์โอสถลึกล้ำ

หงเหยียนยังบอก ว่าหากเว่ยจงเจิ้งหายดีแล้ว เขาสามารถเข้าร่วมการแข่งขันปรุงยา รางวัลที่ตระเตรียมเอาไว้ นับว่าดีอย่างยิ่ง

“ยังมีเวลาอีกเดือนหนึ่ง จ้าวสำนักน่าจะฟื้นตัวทันกระมัง?” ฉินหยุนหันมองทางผู้อาวุโสที่สองและเอ่ยถาม

“น่าจะทันเวลา! กล่าวได้ว่าเด็กน้อยหงเหยียนผู้นั้นมีความสามารถยิ่งนัก ถึงขั้นได้เป็นศิษย์ของสำนักราชันอัคคี!” ผู้อาวุโสที่สองยิ้ม “เจ้าควรทราบ ว่าการจะเข้าร่วมสำนักระดับราชัน หนึ่งคือจำเป็นต้องก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่ห้า จากนั้นจึงค่อยมีสิทธิ์แข่งขันกับศิษย์ของสำนักระดับลึกล้ำทั้งหลาย จึงค่อยมีโอกาสได้เข้าสำนัก”

หยวนหยานหยิงเอ่ยถาม “มีข้อจำกัดด้านอายุหรือไม่?”

“อายุต้องไม่เกินห้าสิบปี และต้องอยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่ห้า!” ผู้อาวุโสที่สองยิ้ม “พวกเจ้าหากพยายามให้มากขึ้น ย่อมสามารถเข้าร่วมสำนักระดับราชัน เช่นนั้นพวกเราจะได้มีผู้หนุนหลัง!”

“เหตุผลว่าเพราะอะไรขุนเขาลึกล้ำดาบทรงอำนาจ ก็เพราะพวกเขามีศิษย์สองคนจากสำนักระดับราชัน ศิษย์ทั้งสองคนนั้น อยู่ขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำ ดังนั้นพวกเขาจึงเข้าร่วมกับสำนักราชันมาเนิ่นนานยิ่งแล้ว รากที่หยั่งไว้ย่อมมีไม่ใช่น้อย!”

ฉินหยุนก่อนหน้านี้ ได้ทราบจากหงเหยียน ว่าหากเข้าร่วมสำนักระดับราชันได้ สำนักที่เข้าร่วม จะช่วยสนับสนุนเขาซึ่งทรัพยากรหลากหลาย

นี่ก็เพราะ การแข่งขันกันเองระหว่างสำนักระดับราชันถือว่าโหดร้าย หากคิดอยากยืนหยัดคงอยู่ ก็จำเป็นต้องมีสำนักให้ความสนับสนุน

ด้วยเหตุนี้ การเข้าร่วมสำนักระดับราชัน จึงมีเรื่องให้ต้องทำมากมายกว่าสำนักระดับลึกล้ำ

“เมื่อถึงเวลา ข้าจะเดินทางไปยังพระราชวังหลวงยุทธ์หง!” ฉินหยุนยังคงต้องการไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูร บุคคลที่หงเมิ่งจูส่งไปซื้อหายังไม่ได้เดินทางกลับมา

ผู้อาวุโสที่สองพยักหน้ารับ “เรื่องนี้ไว้ถึงเวลาค่อยพูดกล่าวกันอีกครั้ง ข้าขอตัวกลับไปจัดการธุระของตนเองก่อน!”

เขายังมีหลายเรื่องที่ต้องทำ อย่างการขัดเกลาอุปกรณ์ให้แก่บรรดาศิษย์

ทางด้านฉินหยุน เขามุ่งหน้าไปยังหอสมุดของประตูลึกล้ำเก้าสมบูรณ์ เพื่อตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติม

หอสมุดของประตูลึกล้ำเก้าสมบูรณ์ไม่เล็ก เป็นหอคอยหลายชั้นแห่งหนึ่ง

พวกมัน แทบบันทึกเอาทุกสิ่งอย่างที่เกิดขึ้นภายในแดนยุทธ์อ้างว้าง รวมทั้งตำนานที่มีชื่อเสียง

แม้ฉินหยุนให้ความสนใจ แต่หากคิดอ่านบันทึกเหล่านั้นทั้งหมด ก็ยังต้องใช้เวลามหาศาล และตำราที่เขาคิดมาหาวันนี้ ก็เพื่อแก้ปัญหาบางอย่างที่ติดค้างอยู่

หลังเดินวนรอบชั้นที่หนึ่ง เขาค่อยพบว่ามีชายชราเป็นคนจัดการเรื่องราวหอสมุดแห่งนี้ เป็นเขาโผล่มาจากที่ใดไม่ทราบ

“ท่านปู่ขอรับ เคยได้ยินนามสวนโบราณหรือไม่? มีตำราใดที่เกี่ยวข้องให้ข้าได้อ่านบ้างหรือไม่?” ฉินหยุนเอ่ยถาม เขาได้รับตั๋วเข้าสวนโบราณจากคัมภีร์โอสถ ซึ่งเป็นสิ่งเดียวที่คงอยู่ภายในไข่มุกเม็ดที่สองของวิญญาณเทวะเก้าตะวัน

ชายชราพอได้ยินคำถาม ดวงตานั้นเบิกกว้างและกล่าวตอบ “สวนยุคโบราณงั้นหรือ? นั่นเป็นสถานที่ต้องห้ามและน่าสะพรึงอย่างยิ่ง! มันอยู่ใกล้เส้นทางหนามปีศาจ!”

“ครั้งโบราณกาล แดนปีศาจอ้างว้าง แดนสัตว์อ้างว้าง และแดนยุทธ์อ้างว้าง มีสิ่งมีชีวิตทรงอำนาจทั้งสามจากแต่ละแดนอ้างว้าง พวกเขาได้ร่วมกันก่อสร้าง พื้นที่ซึ่งทรงพลัง ประกอบด้วยเส้นชีพจรของแดนอ้างว้างทั้งสาม เพราะเหตุนั้น สถานที่ดังกล่าวจึงมีสมุนไพรโอสถนานาชนิด รวมทั้งมีสัตว์ที่แข็งแกร่งอยู่อาศัย”

“แต่ภายหลัง สิ่งมีชีวิตทรงอำนาจทั้งสามจากแดนอ้างว้างที่ยิ่งใหญ่ ได้ต่อสู้กันภายในนั้น ทำลายสรรพสิ่งด้านในไม่หลงเหลือ! ด้วยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น ยอดฝีมือของแดนวิญญาณอ้างว้าง จึงเข้าผนึกสวนโบราณเอาไว้!”

ฉินหยุนคิ้วขมวด “แดนวิญญาณอ้างว้าง?”

ชายชราพยักหน้ารับ “ตำนานกล่าวเอาไว้ ว่าดินแดนแห่งเก้าดวงตะวัน ประกอบด้วยเก้าแดนอ้างว้างอันยิ่งใหญ่! ที่อ่อนแอที่สุด คือแดนยุทธ์ แดนปีศาจ และแดนสัตว์”

“เหนือกว่าแดนอ้างว้างที่อ่อนแอทั้งสาม คือแดนวิญญาณอ้างว้าง และแดนอสูรอ้างว้าง! ภายหลัง มีสัตว์อสูรได้เข้าสู่แดนสัตว์อ้างว้าง และทำการยึดครองแดนสัตว์อ้างว้าง แดนสัตว์อ้างว้างจึงกลายเป็นแดนสัตว์อสูรอ้างว้าง ตอนนี้มันถือเป็นส่วนหนึ่งของแดนอสูรอ้างว้าง!”

ฉินหยุนพอได้ยินดังนี้ เขาค่อยเข้าใจ ว่าทำไมถึงมีสัตว์อสูรในแดนสัตว์อ้างว้าง มันเป็นเพราะแดนอสูรได้เข้ายึดครองพวกเขาไปนี่เอง

ตอนนี้ กระทั่งว่าเขาทราบเรื่องราวของสวนยุคโบราณ เขาก็ยังไม่ทราบว่าควรใช้ตั๋วที่ได้รับมาอย่างไร

“หมายความว่า สวนโบราณดังกล่าว ยังมีตัวตนอยู่หรือขอรับ?” ฉินหยุนเอ่ยถาม

“ยังมีอยู่ ทว่าถูกผนึกเอาไว้ สำหรับวิธีการเข้าไปด้านใน ข้าไม่อาจทราบ” ชายชราส่ายศีรษะและหัวเราะ “เรื่องนี้ข้าก็ได้ยินมาจากผู้อาวุโสอีกทีหนึ่ง!”

“ขอบคุณขอรับท่านปู่!” ฉินหยุนกล่าวขอบคุณอีกฝ่าย ก่อนเร่งรีบกลับสวนสมุนไพร

หยวนหยานหยิงฝึกฝนอยู่ในห้องลับ ฉินหยุนจึงไม่คิดเข้ารบกวน

เขาเข้าห้องลับเช่นกัน ทว่าไม่ใช่เพื่อฝึกฝน กลับเป็นการนำเอาคัมภีร์โอสถลึกล้ำออกมากางอ่าน

“หากคิดอยากทำเม็ดยา เราก็จำเป็นต้องมีอุปกรณ์!” ฉินหยุนครุ่นคิดขณะมองพิมพ์เขียวอุปกรณ์เล่นแร่แปรธาตุ ที่บันทึกเอาไว้ภายในคัมภีร์โอสถลึกล้ำ

เพื่อขัดเกลาเม็ดยาขึ้น สิ่งหนึ่งที่จำเป็นคือชุดอุปกรณ์ที่ดี

“หากเราสามารถหลอมอุปกรณ์เหล่านี้ขึ้นมา ต่อให้เป็นหยานหยิง ก็ใช้พวกมันเพื่อปรุงยาขึ้นได้!” ฉินหยุนนึกย้อนถึงสิ่งที่ผู้อาวุโสเคยบอกกล่าวเอาไว้ ว่าการแปรธาตุและปรุงยา คือสิ่งที่เกี่ยวข้องใกล้ชิดกับวิถีจารึกแห่งเต๋า

ขณะมองพิมพ์เขียว เขารู้สึกว่าส่วนที่ยากในการทำอุปกรณ์เล่นแร่แปรธาตุขึ้นมา ก็คือการแกะสลักอักขระดวงดาว!

“หากเราสามารถทำของพวกนี้ขึ้นได้ เราก็น่าจะเป็นอาจารย์แปรธาตุได้เช่นเดียวกัน!” ฉินหยุนยินดีขึ้นมาวูบ

อุปกรณ์ปรุงยาแบ่งออกเป็นสองประเภท หนึ่งเพื่อขัดเกลายาผง และขัดเกลายาเหลว!

ฉินหยุนที่รับชมพิมพ์เขียว พบว่าพวกมันล้วนอยู่ในรูปลักษณ์เหยือกทั้งสิ้น

ตราบเท่าที่นำสมุนไพรวางในเหยือก ผสมผสานพลังภายในเข้าไป ตัวเหยือกจะขัดเกลาสมุนไพรออกเป็นผง หรือขัดเกลาเป็นยาน้ำ!

“หากคิดปรุงยาขึ้น เช่นนั้นก็ต้องผสมยาผงและยาเหลวลงในถ้วยตามสูตร จากนั้นค่อยนำพวกมันเข้าเตาหลอม ควบคุมอัคคีเพลิง ทำให้มันแห้งตัว และควบแน่น ผสมผสานพวกมันเกิดขึ้นเป็นเม็ดยา! กระบวนการอบแห้งและแข็งตัวของยาเหลวและยาผง จำเป็นต้องใช้พลังงานใส่เข้าไปอย่างต่อเนื่อง”

หลังจากอ่านข้อมูลวัตถุเหล่านี้และพิจารณา ฉินหยุนค่อยเข้าใจกระบวนการขัดเกลาเม็ดยาโดยคร่าว

อาจารย์แปรธาตุ ส่งคำร้องต่ออาจารย์จารึก เพื่อให้ช่วยสร้างอุปกรณ์ และคุณภาพของอุปกรณ์เหล่านั้น จะเป็นตัวกำหนดคุณภาพของเม็ดยา

“อุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับเม็ดยาทั้งหมดที่ขายในตลาด ล้วนแล้วแต่เป็นผังจารึกทั่วไป!”

ฉินหยุนมองคัมภีร์โอสถลึกล้ำในมือ อักขระแปรธาตุที่มันบันทึกเอาไว้ ทั้งหมดล้วนเป็นอักขระดวงดาวและอักขระจันทรา!

“ส่วนที่ยาก คือการแกะสลักอักขระดวงดาว! เราต้องเรียนรู้อักขระดวงดาวเสียก่อน!” ฉินหยุนนำเอากระดาษออกมากองหนึ่ง เริ่มทำการควบคุมพลังจิตวิญญาณโลหิต ผสานเข้ากับปากกาลึกล้ำสะท้อนจิต ทำการแกะสลักอักขระดวงดาวลงบนกระดาษ

ตอนนี้ อักขระดวงดาวที่เขาแกะสลัก คืออักขระดวงดาวแปรธาตุระดับวิญญาณ จำเป็นต้องใช้ความแม่นยำอย่างมหาศาล

อักขระดวงดาวแปรธาตุ หากมองครู่แรกมันยุ่งเหยิง ราวกับเป็นกระดาษที่เด็กซึ่งเพิ่งได้รับปากกาขีดเขียนเล่น หรือไม่ก็เป็นไก่เหยียบย่ำบนกระดาษมีแต่รอยเท้าเต็มไปหมด หาได้ใกล้เคียงกับสิ่งที่เรียกว่าอักขระแม้สักนิด

เพราะเหตุนั้น เมื่อเห็นมันวูบแรก ไม่ว่าใครก็ต้องปวดหัว!

กระทั่งว่าเป็นอักขระวิญญาณระดับสูง หรืออักขระลึกล้ำ พวกมันยังมีรูปร่างตัวอักขระอย่างสังเกตเห็นได้ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องง่ายที่จะศึกษาเรียนรู้

ทว่าสำหรับอักขระดวงดาวและจันทรา พวกมันล้วนยุ่งเหยิง หากเขาวาดเส้นสว่างและเส้นมืด และนำพวกมันไปแสดงให้อาจารย์จารึกวิญญาณได้เห็น ย่อมต้องโดนหัวเราะ กล่าวหาว่าเป็นอักขระมรณะอย่างแน่นอน

กระทั่งว่าเป็นแดนยุทธ์อ้างว้าง ผู้ที่รู้จักอักขระดวงดาวและจันทรา ถือว่าหาได้ยากยิ่ง

ก่อนหน้านี้ ฉินหยุนได้พบอาจารย์จารึกลึกล้ำในตำหนักจารึกเทวะ อีกฝ่ายล้วนไม่ทราบและเข้าใจอักขระจันทราแม้เพียงนิด

ฉินหยุนเดิมคิดว่าเป็นเรื่องยากในการจับหลักอักขระดวงดาว แต่เมื่อได้มีสัมพันธ์กับกระดาษและปากกา เขาคล้ายค้นพบอะไรบางอย่าง การวาดพวกมันขึ้น กลายเป็นเรื่องง่ายดายเหลือเชื่อ

ด้วยเพราะอะไรไม่ทราบ เขาสามารถวาดอักขระดวงดาวได้อย่างลื่นไหล!

“อักขระดวงดาวระดับวิญญาณ เหมือนจะจับหลักได้ง่ายกว่าอักขระวิญญาณระดับราชัน หรือเป็นเพราะเราฝึกฝนวิถีหัวใจตะวันดารากันนะ?” ฉินหยุนพลันนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาได้

เขาผ่านการทดสอบของประตูจารึกก่อนหน้านี้ ก็เป็นวิถีหัวใจตะวันดาราที่รับหน้าที่ใหญ่ในการทดสอบดังกล่าว!

คล้ายกับเห็นได้อย่างชัดเจน ว่าหลังจากเชี่ยวชาญวิถีหัวใจตะวันดารา การศึกษาอักขระดวงดาวและจันทรา มันถึงกับง่ายดายขึ้น!

แม้ไม่แน่ใจ ทว่าฉินหยุนยินดีกับเรื่องนี้ เขาเริ่มนำเอาวัสดุออกมา คิดหลอมอุปกรณ์ขึ้นมาสักชุดหนึ่ง

5 2 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด