ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0382
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0384

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0383


ตอนที่ 383 : อาจารย์จารึกวิญญาณ

มู่เฟิงทราบว่าฉินหยุนเป็นอาจารย์จารึก กระนั้นเขาไม่คิดว่าฉินหยุน จะเป็นถึงอาจารย์จารึกระดับสูง

“เรื่องนี้... ด้วยอายุเพียงเท่านี้และได้เป็นอาจารย์จารึกระดับสูง ถือเป็นเรื่องหาได้ยากยิ่ง! ยกตัวอย่าง ที่ตำหนักใหญ่ของแดนยุทธ์อ้างว้าง ไม่มีอาจารย์จารึกระดับสูงผู้ใดที่อายุน้อยกว่ายี่สิบ! มีแต่ในบันทึกที่ปรากฏเมื่อหลายปีก่อนเท่านั้น” มู่เฟิงกล่าวขณะครุ่นคิดตาม

ฉินหยุนเอ่ยถาม “ผู้จัดการ หากต้องการเลื่อนสู่ระดับวิญญาณ ข้าต้องผ่านการทดสอบอันใดบ้าง?”

มู่เฟิงและหงเมิ่งจูพอได้ยินดังนี้ พวกเขาล้วนหันควับมองฉินหยุนอย่างแตกตื่น!

ฉินหยุนถึงขั้นมีใจคิดอยากเลื่อนสู่ระดับวิญญาณแล้ว!

มู่เฟิงกล่าว “ตราบเท่าที่เจ้าสามารถทำยันต์วิญญาณชั้นเลิศ จะได้เป็นอาจารย์จารึกวิญญาณระดับต้น หากสามารถขัดเกลาอุปกรณ์วิญญาณชั้นเลิศ จะได้เป็นอาจารย์จารึกวิญญาณระดับกลาง หากสามารถติดตั้งค่ายอาคมวิญญาณชั้นเลิศ ก็จะได้เป็นอาจารย์จารึกวิญญาณระดับสูง!”

ฉินหยุนตอนนี้สะท้านไปวูบ

“พี่หยุน คิดกลัวแล้วหรือ? การเป็นอาจารย์จารึกวิญญาณ ย่อมไม่ใช่เรื่องง่ายดายอยู่แล้ว!” หงเมิ่งจูยิ้มกล่าวคำ “ด้วยฐานะอาจารย์จารึกระดับสูงตอนนี้ ก็ถือว่าดีมากแล้ว!”

“เด็กหนุ่มเอ๋ย พรสวรรค์ของเจ้ามิใช่ชั่ว ยิ่งกว่านั้น ยังมีใจคิดอยากก้าวสู่อาจารย์จารึกวิญญาณ ภายหน้าย่อมต้องก้าวเดินเข้ามาได้อย่างแน่นอน!” มู่เฟิงยิ้มและพยักหน้าให้

ฉินหยุนกล่าวตอบ “อาจารย์จารึกวิญญาณถึงกับเป็นได้ง่ายดายเพียงนี้!”

หงเมิ่งจูและมู่เฟิง ต่างมองหน้ากันเองด้วยความตื่นตะลึง! สำหรับฉินหยุน การทดสอบอาจารย์จารึกวิญญาณ กลับกลายเป็นเรื่องง่ายเสียอย่างนั้น!

ฉินหยุนนำเอาเหรียญตราทองคำออกมา ส่งให้แก่มู่เฟิง เขายิ้มกล่าว “ผู้จัดการ ข้าคิดขอรับการทดสอบอาจารย์จารึกวิญญาณ เริ่มเมื่อใดดี!”

หงเมิ่งจูโพล่งออกด้วยความตื่นตกใจ “นี่เอาจริงหรือ?”

ฉินหยุนยิ้มรับคำ “ข้าสามารถทำยันต์วิญญาณชั้นเลิศได้นานแล้ว! อุปกรณ์วิญญาณชั้นเลิศก็ไม่มีปัญหา ส่วนทางด้านค่ายอาคมวิญญาณชั้นเลิศ... เป็นข้ายังไม่เคยลอง แต่คิดว่าก็น่าไม่ยากแต่อย่างใด!”

ก่อนหน้านี้ เป็นเพราะการฝึกฝนของเขามีขีดจำกัด ทำให้พลังจิตมีข้อจำกัดไม่อาจเพิ่มขึ้นได้อีก เพราะเหตุนั้นเขาจึงไม่เคยได้ขัดเกลาอุปกรณ์วิญญาณชั้นเลิศ

ทว่าตอนนี้ เขาคือผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สอง การเลื่อนระดับเป็นอาจารย์จารึกวิญญาณ สำหรับเขาไม่ต่างอะไรกับปลอกกล้วย

มู่เฟิงรับชมเหรียญตราของฉินหยุนด้วยความประหลาดใจ ยามเมื่อมองที่เหรียญตรา เขาค่อยตระหนักอะไรขึ้นได้!

“นี่เจ้ามาจากที่ใดกัน?” มู่เฟิงคิดว่าฉินหยุนเป็นบุตรหลานของตระกูลโบราณที่สูงศักดิ์สักแห่งของแดนยุทธ์อ้างว้าง กระนั้นจากเหรียญตราที่เห็น ชัดเจนว่าเป็นสิ่งที่ตำหนักจารึกเทวะเป็นผู้จัดทำขึ้น

ฉินหยุนหาได้ตอบไม่ “ผู้จัดการ ข้าคิดอยากเข้าทดสอบอาจารย์จารึกวิญญาณ หากข้าได้เป็นอาจารย์จารึกวิญญาณ การดูแลที่ได้รับย่อมดีกว่านี้ใช่หรือไม่?”

“สำหรับอาจารย์จารึกวิญญาณระดับต้นและกลาง หาได้มีการดูแลใดเป็นพิเศษไม่ กระนั้นหากเป็นอาจารย์จารึกวิญญาณระดับสูง การดูแลจะถือว่าไม่เลว!”

“ยกตัวอย่าง เจ้าสามารถหยิบยืมสองล้านเหรียญม่วงจากตำหนักจารึกเทวะได้ หากเจ้าต้องการวัสดุเพื่อขัดเกลา ตราบเท่าที่พวกเรามีอยู่ในคลัง ย่อมมอบให้เจ้าไปใช้งานก่อนได้ การชำระเงินสามารถล่าช้าได้นานนับปี!”

“เช่นกัน สิทธิ์การเข้าร่วมการสัมมนาที่จัดขึ้นโดยตำหนักจารึกเทวะย่อมไม่มีพลาด การสัมมนาเหล่านั้น จะมีอาจารย์จารึกลึกล้ำเป็นผู้บรรยาย บางครั้งก็จะมีการสัมมนาโดยอาจารย์จารึกลึกล้ำระดับสูงด้วยเช่นเดียวกัน”

“นอกเหนือจากนั้น หากพวกเขามีเวลา เจ้าสามารถสอบถามการชี้แนะได้”

มู่เฟิงมองที่หงเมิ่งจูและกล่าว “ราชวังหลวงบางแห่ง หากเป็นอาจารย์จารึกวิญญาณ ก็จะมีการดูแลเป็นพิเศษระดับหนึ่ง โดยสรุปแล้ว มันจะช่วยอำนวยความสะดวกให้ได้มากขึ้น!”

หงเมิ่งจูไหวหวั่นเล็กน้อยขณะเอ่ยถาม “พี่หยุน หากท่านสามารถได้เป็นอาจารย์จารึกวิญญาณระดับสูง ข้าย่อมจัดจ้างให้ท่านเป็นแขกของตำหนักจารึกแคว้นยุทธ์หงของพวกเรา เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน เพียงช่วยเหลือพวกเขาขัดเกลาอะไรบ้างตามกำหนดเล็กน้อยเท่านั้น!”

“ถึงตอนนั้น ขุนเขาลึกล้ำดาบ จะไม่กล้าหาเรื่องท่านโดยง่ายอีก!”

มู่เฟิงยิ้ม “หากเจ้าเป็นอาจารย์จารึกวิญญาณระดับสูง เช่นนั้นขุนเขาลึกล้ำดาบ ยังต้องคิดหลายครั้งคราหากต้องการสังหารเจ้า!”

“ถึงตอนนั้น สำนักระดับลึกล้ำทั้งหลายจะเริ่มให้ความสนใจแก่เจ้า! ด้วยอายุยังไม่ถึงยี่สิบปี แต่ได้เป็นอาจารย์จารึกวิญญาณระดับสูง หมายความถึงเจ้ามีโอกาสเป็นอาจารย์จารึกลึกล้ำในเวลาอันสั้น อนาคตอันไกลออกไป ย่อมมีโอกาสที่จะได้เป็นอาจารย์จารึกเต๋า!”

ที่น่าสะพรึงก็คือ อาจารย์จารึกเต๋าส่วนใหญ่ ล้วนแล้วแต่ทรงอำนาจ! สำนักระดับราชัน ราชอาณาจักรยุทธ์ พวกเขาล้วนมีอาจารย์จารึกเต๋าในครอบครอง ทั้งยังหวงแหนยิ่ง ไม่เช่นนั้น พวกเขาคงไม่อาจคงสภาพอำนาจระดับราชันเอาไว้ได้!

กระทั่งว่าพวกเขาเป็นราชอาณาจักรยุทธ์หรือสำนักระดับราชัน ก็ยังต้องมีอาจารย์จารึกเต๋าไว้เพื่อเป็นกองกำลังหลัก!

ด้วยเหตุนี้ สำนักระดับลึกล้ำหลายแห่ง ที่ไม่อาจว่าจ้างหรือซื้อใจอาจารย์จารึกเต๋าให้แก่สำนัก ย่อมไม่อาจที่จะเลื่อนสู่สำนักระดับราชัน!

“เช่นนั้นเริ่มกันเลยดีกว่า!” ฉินหยุนไม่คิดเสียเวลาอีก ช่วงนี้เวลาของเขาทุกนาทีล้วนมีคุณค่า

“อย่าได้ห่วง หากเจ้ามีศักยภาพของจริง ตำหนักของเราย่อมช่วยเหลือในเงามืด!” มู่เฟิงยิ้มกล่าว

โดยทันที หงเมิ่งจูคว้าข้อมือของมู่เฟิงเอาไว้ “ผู้จัดการ ข้าคิดอยากรับชมการทดสอบ เรื่องนี้เป็นไปได้หรือไม่?”

ฉินหยุนกล่าว “แท้จริงแล้วหาได้มีอันใดให้ดูไม่ จะเป็นการน่าเบื่อเสียด้วยซ้ำ ทั้งยังใช้ระยะเวลายาวนานยิ่ง!”

“แต่สำหรับพวกเราอาจารย์จารึก กลับน่าสนใจอย่างไม่ต้องสงสัย! ทว่าสำหรับผู้ที่ไม่เข้าใจการจารึก จะกลายเป็นเพียงรับชมการแสดงที่น่าเบื่อฉากหนึ่ง” มู่เฟิงยิ้มกล่าว

“ข้าคิดอยากเป็นสักขีพยาน ถึงการกำเนิดอาจารย์จารึกวิญญาณที่อายุน้อยที่สุด!” หงเมิ่งจูหัวเราะเบา “ไม่ว่าจะน่าเบื่อเพียงใด ข้ายังคิดอยากรับชม ต่อให้ชีวิตข้าต้องตกอยู่ในอันตราย ก็ยังคิดอยู่รอดูจนถึงที่สุด!”

“ย่อมได้ เช่นนั้นตามข้ามา!” มู่เฟิงส่ายศีรษะยิ้มรับ

ฉินหยุนและคณะเคลื่อนย้ายไปยังห้องหินโบราณกว้างขวาง ห้องแห่งนี้สว่างไสว มีการแกะสลักบนผนังกำแพงประหลาดมากมาย ทำให้ห้องหินแห่งนี้ยิ่งดูลึกลับ

ครั้งนี้ เป็นผู้จัดการเองที่รับหน้าที่ทดสอบอาจารย์จารึกวิญญาณ

โดยปกติ จะมีคนเพียงน้อยนิดที่คิดเข้ารับการทดสอบ ดังนั้น มู่เฟิงจึงเพียงเข้าห้องหินมารับชมเรื่องราวเป็นครั้งคราว

“อันดับแรก ให้ขัดเกลายันต์วิญญาณชั้นเลิศ!” มู่เฟิงเอ่ยคำ “ยันต์วิญญาณชั้นเลิศ ประกอบด้วยผังวิญญาณระดับสูงจำนวนมาก หรือไม่ก็ผังวิญญาณชั้นเลิศผสานกับผังวิญญาณระดับกลาง!”

ฉินหยุนพยักหน้ารับ เขาไม่มีผังวิญญาณชั้นเลิศมากนัก ที่มีก็ค่อนข้างพิเศษ เป็นเรื่องยากที่จะใช้งานพวกมันในการทดสอบ

ตามปกติ ผู้คนจะเลือกผังวิญญาณน้ำหรือไฟเพื่อทำการทดสอบ นี่ก็เพราะมันสามารถทำได้อย่างแม่นยำ ไม่ต้องสิ้นเปลืองพลังมากเพื่อให้ผ่านข้อกำหนดพื้นฐานของยันต์วิญญาณชั้นเลิศ เพียงแค่มันควบแน่นเปลวเพลิงและมวลน้ำออกมาก็ใช้ได้แล้ว

ฉินหยุนมีผังวิญญาณไฟระดับสูง ดังนั้นเขาจึงคิดทำยันต์วิญญาณอัคคีชั้นเลิศ

หากเขามีผังวิญญาณไฟชั้นเลิศ เพียงแค่แกะสลักชุดอักขระดังกล่าว ทางด้านอักขระตัวอื่นที่เสริมประกอบนั้น เขาเพียงแค่แกะสลักอักขระวิญญาณไฟชั้นเลิศเพิ่มขึ้นสักชุดผังหนึ่งก็เรียบร้อยแล้ว

ฉินหยุนที่ไม่มีผังวิญญาณไฟชั้นเลิศ ดังนั้นหากคิดทำให้สำเร็จ ก็ต้องแกะสลักผังวิญญาณไฟระดับสูงอย่างน้อยสามชุดขึ้นไป

ระหว่างการทดสอบ เขาต้องใช้งานอุปกรณ์ที่นำมาเอง

ฉินหยุนครอบครองมีดแกะสลักระดับลึกล้ำ ปากกาลึกล้ำสะท้อนจิต รวมถึงเตาหลอมที่ตอนนี้เปลี่ยนมาใช้เป็นหม้อราชสีห์สวรรค์สะกดมังกรแทน

“เจ้าใช้หม้อราชสีห์สวรรค์สะกดมังกรเป็นเตาหลอม น่ากลัวเกินไปแล้ว! กระทั่งอาจารย์จารึกเต๋าแห่งแดนยุทธ์อ้างว้าง ยังไม่มีเตาหลอมวิเศษเพียงนี้!”

ด้วยฐานะผู้จัดการ มู่เฟิงมองหม้อราชสีห์สวรรค์สะกดมังกรด้วยสายตาร้อนผ่าว

ด้วยระดับการฝึกฝนของฉินหยุนในปัจจุบัน เขาไม่อาจใช้หม้อราชสีห์สวรรค์สะกดมังกรในการต่อสู้ กระนั้น หากเป็นการใช้งานเพื่อเผาไหม้วัตถุ ถือเป็นความวิเศษประการหนึ่ง

ทางด้านหงเมิ่งจู นางนั่งที่เก้าอี้นุ่มสบาย รับชมอย่างเงียบงัน เป็นนางไม่ทราบเรื่องราวด้านนี้ กระนั้นก็หาได้ถามออกไปเพื่อเป็นการรบกวนไม่

ฉินหยุนนำเอาแผ่นหนังสัตว์ระดับวิญญาณออกมา โยนเข้าใส่หม้อสามขา จากนั้นจึงใส่เปลวเพลิงเข้าสู่หูจับหัวราชสีห์ทั้งสองของหม้อสามขา

หม้อสามขานี้ ไม่ช้าเริ่มเผาไหม้สรรพสิ่งที่อยู่ในอำนาจของมัน

หูจับทั้งสองของหม้อสามขาเป็นหัวราชสีห์สวรรค์ ขาทั้งสามของหม้อ ก็มีการแกะสลักหัวราชสีห์สวรรค์เอาไว้ พวกมันล้วนมีหน้าที่เพื่อใส่เปลวเพลิงเข้าไป

หม้อสามขานี้ ประกอบด้วยอักขระลึกลับมหาศาลที่ส่งเสริมความรุนแรงของเปลวเพลิง เพียงวูบเดียว แผ่นหนังสัตว์ระดับวิญญาณก็หลอมละลายแล้ว

ฉินหยุนนำหนังสัตว์ที่หลอมแล้วออกมา ก่อนจะผสมกระดูกเหล็กกล้า และทำการขัดเกลา

ผ่านไปครึ่งชั่วยาม เขาค่อยได้รับแผ่นกระดาษยันต์บาง

จากนั้น จึงเป็นขั้นตอนการแกะสลักผังวิญญาณน้ำระดับสูง

สำหรับแดนยุทธ์อ้างว้าง ผังวิญญาณระดับสูง ไม่ใช่สิ่งที่หายากแต่อย่างใด จะมีก็แต่ผังวิญญาณประเภทหาพบได้ยากเท่านั้นจึงเรียกว่าหายาก

ยกตัวอย่าง ผังจารึกธาตุแสง ผังจารึกสะกดกาย และผังจารึกแปรธาตุ ทั้งหมดนี้คือผังวิญญาณที่หาพบได้ยากยิ่ง

สำหรับผังจารึกธาตุอย่าง น้ำ ไฟ ลม สายฟ้า น้ำแข็ง เหล่านี้ถือว่าเป็นสิ่งทั่วไป

ฉินหยุนแกะสลักผังวิญญาณน้ำระดับสูงสี่ชุด และอีกสี่ชุดจึงเป็นผังวิญญาณน้ำระดับกลาง!

ทั้งสิ้นใช้เวลาไปสี่ชั่วยาม ระดับนี้ถือว่ารวดเร็วยิ่ง!

แม้เวลาผ่านไปสี่ชั่วยาม หงเมิ่งจูก็ยังรับชมด้วยความสนอกสนใจ นางหาได้กล่าวคำใดระหว่างกระบวนการ เพียงแต่นั่งนิ่ง ตั้งใจรับชมจากด้านข้าง ไม่ทราบเช่นกันว่านางรับชมอันใด

มู่เฟิงยิ้ม “ผังวิญญาณระดับสูงสี่ชุด และผังวิญญาณระดับกลางอีกสี่ชุด นี่ก็เพื่อให้คงเสถียรภาพเอาไว้ใช่หรือไม่? จากที่เห็น ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร!”

“ระดับความแม่นยำการจารึกของเจ้า นับว่าสูงเอาการ!”

เขาตอนนี้กำลังพิจารณารับชม ยันต์วิญญาณชั้นเลิศที่ฉินหยุนจัดทำขึ้น ถึงขั้นอดไม่ได้ที่จะต้องทึ่ง โดยเฉพาะยามได้เห็นอักขระที่แกะสลัก เขาแทบบอกได้ทันที ว่าระดับความวิจิตรต้องสูงล้ำ

มู่เฟิงนำอุปกรณ์ออกมาตรวจสอบ แทบในทันที เขาโพล่งร้องตะโกนออก “ความวิจิตรระดับที่หก!”

ฉินหยุนหาได้ประหลาดใจที่ความวิจิตรเพิ่มขึ้น เป็นเขารู้สึกได้เด่นชัด ทั้งหมดก็เพราะพลังจิตที่เพิ่มมากขึ้น

หลังผ่านเหตุการณ์รุนแรงหลายครั้งครา จิตวิญญาณผลึกแก้วดวงดาวของเขาได้แปรเปลี่ยนเป็นสีเงิน พลังจิตของเขาเพิ่มพูนขึ้นอย่างมหาศาล

หงเมิ่งจูอดไม่ได้ ที่จะถามออกคราวนี้ยามได้เห็นสีหน้าตื่นตะลึงของมู่เฟิง “ผู้จัดการ มันคืออะไรหรือ?”

“หมายความถึง ระดับความวิจิตรของเขา เทียบเท่าอาจารย์จารึกลึกล้ำ!” มู่เฟิงกล่าวตอบ “ข้าเป็นอาจารย์จารึกลึกล้ำ! ระดับความวิจิตรของข้า มากที่สุดก็ระดับที่เจ็ด และอาจารย์จารึกลึกล้ำส่วนใหญ่ มากสุดก็อยู่กันระดับที่หก มีเพียงน้อยนิดเท่านั้นที่จะก้าวมาถึงระดับที่เจ็ดได้! ความแม่นยำระดับที่สูงขึ้นจากอาจารย์จารึกเต๋า อย่างมากก็ระดับที่เจ็ดหรือแปด!”

“เป็นเพราะอักขระลึกล้ำบางตัว รวมถึงอักขระเต๋า หากไม่อาจขัดเกลาขึ้นด้วยศักยภาพระดับหนึ่ง มันจะไม่อาจทำงาน เช่นนั้นพวกมันจะกลายเป็นอักขระมรณะ!”

กล่าวคำจบ เขาจึงทดสอบยันต์วิญญาณน้ำชั้นเลิศ โดยการนำไหออกมาจำนวนหนึ่ง จากนั้นจึงสั่งให้ยันต์รวบรวมน้ำทำงาน

ยันต์รวบรวมน้ำ ทำการควบแน่นน้ำจากพลังวิญญาณ เพียงไม่นาน ไหเหล่านั้นจึงเต็มไปด้วยน้ำ จากนั้นจึงค่อยทำการสับเปลี่ยนไหอีกใบหนึ่งแทนที่

ได้ทั้งสิ้นเจ็ดไห ยันต์รวบรวมน้ำของฉินหยุนทำได้ถึงเพียงนี้ หมายความถึงเขาผ่านการทดสอบอาจารย์จารึกวิญญาณระดับต้นแล้ว!

“ยินดีด้วย เจ้าได้เป็นอาจารย์จารึกวิญญาณแล้ว!” มู่เฟิงกล่าวแสดงความยินดี

“ถัดไป ข้าคิดรับการทดสอบอาจารย์จารึกวิญญาณระดับกลาง!” ฉินหยุนยิ้ม “เป็นการหลอมใช่หรือไม่?”

หงเมิ่งจูเอ่ยถาม “พี่หยุน ไม่คิดพักก่อนหรือ?”

“ย่อมไม่ ข้ายังมีพลังเต็มเปี่ยม!” ฉินหยุนนำเอากระดูกเหล็กกล้าชั้นเลิศออกมา ตระเตรียมเริ่มงานโดยทันที

“ตามนี้ เริ่มได้เลย!” มู่เฟิงสามารถบอกได้จากรอยยิ้มของฉินหยุน ว่าระดับการแกะสลักของเขาสูงมาตั้งแต่เริ่ม ความแม่นยำและวิจิตรระดับนี้ คือสิ่งสำคัญที่ทำให้เขาสามารถเลื่อนระดับสู่อาจารย์จารึกวิญญาณได้

อุปกรณ์วิญญาณชั้นเลิศที่ฉินหยุนเตรียมหลอม เป็นกระบี่เล่มหนึ่ง

หากหลอมกระบี่ เขาไม่คิดว่ามันเป็นความกดดันแต่อย่างใด ตั้งแต่กระบวนการหลอมขัดเกลาวัสดุจนถึงขั้นตอนสุดท้าย ทุกอย่างเป็นไปอย่างลื่นไหล

ความยากอยู่ที่การแกะสลักผังวิญญาณ หากเป็นเมื่อก่อน จะเป็นเขาติดปัญหาที่ตรงนี้

ทว่าตอนนี้ เขาหาได้มีข้อจำกัดเรื่องพลังให้เป็นปัญหาอีกต่อไป!

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด