ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0374 [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0376 [อ่านฟรี]

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0375 [อ่านฟรี]


ตอนที่ 375 : ซ่อมแซมอักขระ

หงเมิ่งจูพอได้ยินว่าไม่อาจซ่อมแซม นางเผยความโศกออกมา

เชี่ยวเย่ว์เหม่ยบุ้ยปาก “ท่านผู้จัดการ ไม่มีทางอื่นเลยอย่างนั้นหรือ? ท่านเป็นถึงผู้จัดการสาขา ดังนั้นย่อมต้องรู้จักอาจารย์จารึกเก่งกาจมากมาย ขอให้พวกเขาช่วยเหลือ เป็นนางใช้จ่ายไปหลายล้านเหรียญม่วงเพื่อกระบี่เล่มนี้!”

มู่เฟิงหัวเราะ “เอาอย่างนี้เป็นไร ให้ข้าหยิบยืมกระบี่นี้ เพื่อจะได้คัดลอกอักขระจันทรา”

“ทุกหนึ่งชั่วยาม ข้ายินดีจ่ายที่ห้าแสนเหรียญม่วง เท่ากับว่าสองชั่วยามได้รับหนึ่งล้านเหรียญม่วง คิดเห็นเช่นไร? นี่น่าจะพอให้ถมสิ่งที่สูญเสียไปได้บ้าง”

“ตกลงตามนี้!” หงเมิ่งจูพยักหน้ารับ

“เช่นนั้นรบกวนอดทนรอที่นี่แล้ว ข้าจะจัดแจงคนมาดูแลการกินอยู่ให้!” มู่เฟิงยิ้มขณะบอกต่อชายชรา ให้เรียกหญิงรับใช้นำอาหารยกเข้ามา

พอได้เห็นอาหาร ดวงตาเชี่ยวเย่ว์เหม่ยเป็นประกายโดยทันที

มู่เฟิงยิ้มรับ จากนั้นจึงนำกระบี่จันทร์ลี้ลับออกไป กลับเข้าห้องลับเพื่อทำการคัดลอกอักขระจันทรา

เชี่ยวเย่ว์เหม่ยหาได้สนใจอื่นไม่ เพียงแต่กินแล้วก็กิน

“พี่สาวหมูฝันเฟื่องไม่กินงั้นหรือ? นี่ถือเป็นของสมนาคุณนะ!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยเอ่ยถาม

“ไม่มีอารมณ์กิน!” หงเมิ่งจูเม้มริมฝีปากทั้งยังถอนหายใจ

“งั้นให้ข้ากินเผื่อก็แล้วกัน...” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยหาได้สนใจอีก เพียงหยิบผลไม้ขึ้นมา สายตาตอนนี้มองฉินหยุนพร้อมเอ่ยคำ “พี่ชาย ท่านทำอย่างนี้ได้อย่างไร? กินไม่ว่า แต่นี่กลับเก็บเข้ามิติเก็บของ! ท่านโลภมากกว่าข้าแล้ว!”

หงเมิ่งจูยอมรับสองพี่น้องคู่นี้จากใจ ทางหนึ่งก็กินอาหารไม่ลืมหูลืมตา อีกคนหนึ่งก็นำใส่มิติเก็บของไม่หยุด ราวกับทั้งคู่ไม่เคยได้กินอาหารชั้นดีในช่วงชีวิตนี้มาก่อน

ฉินหยุนคิดว่าในเมื่อนี่ไม่มีค่าใช้จ่าย ดังนั้นปล่อยไว้ก็เสียของ ทั้งนี้ ยังมีของทานเล่นและผลไม้หลายอย่างที่อร่อยเลิศ

ดังนั้นเขาจึงกักตุนเอาไว้เผื่อให้โมโมได้กินบ้าง!

“ตำหนักจารึกเทวะร่ำรวย มากกว่านี้ยังไม่เป็นไรด้วยซ้ำ เจ้าคิดว่าผู้จัดการจะต่อว่าข้าเพราะของกินพวกนี้หรือ?” ฉินหยุนหัวเราะ

เชี่ยวเย่ว์เหม่ยหัวเราะตาม “ก็จริง!” จบคำ นางจึงกินลูกพีชขนาดใหญ่ในมืออย่างไม่สนสายตาผู้อื่น

หงเมิ่งจูนำเอาบัตรผลึกออกมา และเอ่ยคำกับฉินหยุน “น้องชายเชี่ยว ข้ามอบให้เจ้าห้าแสนเหรียญม่วงแล้วกัน! หากไม่ใช่เพราะเจ้า ข้าคงไม่มีทางได้รับเหรียญม่วงเหล่านี้มาแน่ มีแต่จะโดนพวกมันลวงหลอกเอาไป!”

“นอกจากนี้แล้ว หากเจ้าไม่เห็นอักขระจันทรานั่นเสียก่อน ผู้จัดการคงไม่มีทางหยิบยืมกระบี่ของข้าอย่างแน่นอน!”

เชี่ยวเย่ว์เหม่ยเข้ามาใกล้ฉินหยุน หัวเราะคิกคักก่อนจะผลักให้เขาออกไปรับไว้

ฉินหยุนคิดอยู่ครู่ ก่อนจะทราบว่าตอนนี้ตนเองก็ยากจนไม่น้อย

แม้เขามีหลายล้านเหรียญม่วง แต่เหล่านั้นเอาไว้ใช้สำหรับซื้อหาหญ้าลึกล้ำเยือกแข็งม่วง

ดังนั้นเขาจึงนำเอาบัตรผลึกออกมา รับห้าแสนเหรียญม่วงเอาไว้

หงเมิ่งจูเชื่อว่าฉินหยุนเป็นพี่ชายของเชี่ยวเย่ว์เหม่ย ดังนั้นจึงเรียกหาเขาเป็น “น้องชายเชี่ยว”

“น้องชายเชี่ยว คิดว่าผู้จัดการจะใช้เวลาอีกนานหรือไม่?” หงเมิ่งจูถามด้วยความสงสัย “ต้องใช้เวลามากกว่าสี่ชั่วโมงเลยหรือ?”

“อักขระจันทรามีความซับซ้อนอย่างยิ่ง และเท่าที่เห็นก็มีจำนวนไม่น้อย หากคิดคัดลอก เพื่อให้ความแม่นยำเป็นไปอย่างถูกต้อง ก็จำเป็นต้องกระทำอย่างเชื่องช้า อย่างน้อยคงต้องใช้เวลาสักสี่ถึงห้าชั่วยาม” ฉินหยุนคิดอยู่ครู่ค่อยตอบกลับ

เชี่ยวเย่ว์เหม่ยหัวเราะ “สี่ถึงห้าชั่วยามเลยหรือ? นานเอาเรื่อง หมายความว่าตลอดห้าชั่วยามนี้พวกเรากินได้ไม่อั้น!”

“ถึงกับทำให้ข้าได้รับสองถึงสามล้านเหรียญม่วง วิเศษนัก!” หงเมิ่งจูค่อยอารมณ์ดีขึ้น นางยิ้มขณะยกแก้วน้ำผลไม้ขึ้นดื่ม

ฉินหยุนเอ่ยคำ “ก็แค่สองถึงสามล้านเหรียญม่วงไม่ใช่หรือ? หากเรื่องราวของกระบี่จันทร์ลี้ลับถูกแพร่ออกไป ที่ท่านต้องทำก็เพียงแค่เปิดบริการเช่าต่ออาจารย์จารึกที่สนใจ เรียกหาราคาสักชั่วยามละห้าแสนเหรียญม่วง ถึงตอนนั้นก็มีเหรียญม่วงล้นฟ้าแล้ว ฮ่าฮ่า!”

เชี่ยวเย่ว์เหม่ยพอได้ยินดังนี้ ดวงตางดงามของนางถึงกับเป็นประกาย “พี่ชายช่างปราดเปรื่อง!”

ได้ยินเช่นนี้เข้า หงเมิ่งจูจึงเผยรอยยิ้ม “จริงด้วย! ถึงตอนนั้น พวกอาจารย์จารึกย่อมดมกลิ่นตามมายังตำหนักข้า! อันที่จริงข้าไม่คิดเลยว่าอาจารย์จารึกระดับนั้นจะเป็นพวกโง่เง่า กระทั่งว่าเป็นอักขระจันทรายังไม่ทราบ!”

“น้องชายเชี่ยว เจ้ายอดเยี่ยมนัก ถึงขั้นทราบว่าเป็นอักขระจันทรา! พวกเจ้าสองพี่น้องมีพื้นเพเช่นไรกันแน่?”

เชี่ยวเย่ว์เหม่ยหัวเราะ “เขาหาได้ใช่พี่ชายโดยสายเลือดของข้าไม่ แต่กระนั้นกลับดูแลข้าดียิ่งกว่าพี่ชายโดยสายเลือด! เขาเป็นพี่เขยของข้าเอง!”

แม้หงเมิ่งจูเกิดความสงสัย นางก็ไม่คิดถามออก นางทราบแค่ว่าฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์เหม่ยคิดปิดบังตัวตนเอาไว้

ผ่านไปสี่ชั่วยาม มู่เฟิงค่อยเดินอารมณ์ยินดีกลับมาที่ห้อง ส่งมอบกระบี่จันทร์ลี้ลับกลับคืนแก่หงเมิ่งจู พร้อมมอบให้นางสองล้านเหรียญม่วง

“องค์หญิงลำดับที่เก้า ข้ามีเรื่องร้องขอ... หากผู้อื่นต้องการหยิบยืมกระบี่เล่มนี้ ข้าหวังว่าท่านจะไม่ให้พวกเราหยิบยืม!” มู่เฟิงยิ้มกล่าว

“เพราะอะไรกัน? หากข้าให้หยิบยืม เช่นนั้นย่อมได้รับเหรียญม่วงเพิ่มขึ้นอีก! เป็นข้าสูญเสียไปมาก ตอนนี้ถือเป็นโอกาสได้รับมันกลับคืนแล้ว!” หงเมิ่งจูขมวดคิ้ว

มู่เฟิงหัวเราะกระดากใจ “เรื่องนั้น... เรียกว่าข้าเห็นแก่ตัวก็ได้! เพราะวิธีการนั้น จะทำให้ข้าเป็นเพียงผู้เดียวที่ได้ศึกษา หากท่านให้ผู้อื่นหยิบยืมไป ก็ไม่ถือว่าข้าครอบครองแต่เพียงผู้เดียวแล้ว!”

เชี่ยวเย่ว์เหม่ยหัวเราะ “เข้าใจแล้ว หากผู้จัดการต้องการเช่นนี้ ย่อมหมายความถึงภายหน้า ผู้จัดการจะนำเอาอักขระจันทรานี้ไปคุยฟุ้งได้ หากผู้อื่นมี เช่นนั้นท่านก็คุยโอ้อวดไม่ได้แล้ว!”

มู่เฟิงยิ้มรับ “สาวน้อย เจ้าช่างเป็นคนพูดตรงนัก เป็นเช่นนั้นแหละ! เอาอย่างนี้เป็นไร องค์หญิงลำดับที่เก้า ข้ายินดีมอบให้อีกหนึ่งล้านเหรียญม่วง ท่านอย่าได้ให้ผู้อื่นหยิบยืมกระบี่เล่มนี้ ตกลงหรือไม่?”

หงเมิ่งจูครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง หันมองทางฉินหยุน จากนั้นจึงกล่าว “ผู้จัดการ ข้าสามารถให้สหายผู้นี้หยิบยืมได้หรือไม่?”

“ในเมื่อเป็นสหายขององค์หญิง ย่อมไม่มีปัญหา!” มู่เฟิงยิ้มให้ “หากท่านต้องการความช่วยเหลือในภายหน้า ข้ายินดีช่วยอย่างเต็มที่!”

การได้ผู้จัดการสาขาตำหนักจารึกเทวะติดค้างสักครั้งหนึ่ง ถือเป็นเรื่องดีอย่างยิ่ง

หงเมิ่งจูใช้ชีวิตในพระราชตำหนักมานานนัก นางเคยพบอาจารย์จารึกในพระราชวังหลวงมามาก นางย่อมทราบดีว่าสิ่งนี้หมายความถึงอะไร

เพราะการฝึกฝนของนางต่ำต้อย นางจึงไม่ค่อยได้รับการต้อนรับ แต่หากเป็นพี่ชายของนางที่อยู่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ อาจารย์จารึกเหล่านั้นจะอ้าแขนต้อนรับอย่างยินดีล้นพ้น

ตอนนี้ได้เห็นมู่เฟิง แสดงท่าทีจริงใจออกมาเพียงนี้ นางคิดว่ารับไว้ย่อมเป็นเรื่องคุ้มค่า

หงเมิ่งจูพิจารณาผลได้ผลเสียเรียบร้อยจึงพยักหน้ารับ “เช่นนั้นหากข้าต้องการสิ่งใดจากผู้จัดการ ก็หวังว่าท่านจะไม่ขับไล่ข้า!”

มู่เฟิงหัวเราะ “ย่อมไม่อยู่แล้ว! ได้พบกับเช่นนี้ก็ถือเป็นโชคชะตาประการหนึ่ง ได้รู้เห็นอักขระจันทราจากองค์หญิง ย่อมทำให้ข้าก้าวสู่วิถีจารึกแห่งเต๋าไปอีกก้าวหนึ่งเช่นกัน! ถือว่าองค์หญิงก็ช่วยข้าเอาไว้ไม่ใช่น้อย!”

หงเมิ่งจูพยักหน้า ตกลงรับหนึ่งล้านเหรียญม่วงที่มู่เฟิงตกลงว่าจะมอบให้

“ผู้จัดการ พี่ชายและข้าสามารถพักอาศัยในตำหนักจารึกเทวะภายหน้าโดยไม่มีค่าใช้จ่ายได้หรือไม่?” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยคุ้นเคยกับตำหนักจารึกเทวะมากนัก ย้อนกลับไปตอนอยู่นครหลวงเทียนฉิน นางและเชี่ยวเสวียนฉินก็พักอาศัยในตำหนักจารึกเทวะมาช่วงเวลาหนึ่ง

“ย่อมได้!” มู่เฟิงยิ้มพร้อมลูบศีรษะเชี่ยวเย่ว์เหม่ย “ภายหน้าพวกเจ้าย่อมกลับมาได้เสมอ!”

“จริงด้วย พี่ชายเจ้าน่าทึ่งนัก อักขระจันทราที่เขาวาดขึ้นแม่นยำอย่างยิ่ง ทั้งที่ข้าคิดว่าน่าจะเพิ่งเห็นไม่นานมานี้หากเข้าใจไม่ผิด!”

ฉินหยุนพยักหน้ารับ “ผู้จัดการ ข้าคิดอยากซื้อหาหญ้าลึกล้ำเยือกแข็งม่วง ท่านพอจะสอบถามช่วยเหลือข้าได้หรือไม่ขอรับ?”

หงเมิ่งจูเผยความประหลาดใจ “หญ้าลึกล้ำเยือกแข็งม่วงหรือ? นั่นถือเป็นสมุนไพรโอสถระดับลึกล้ำ มูลค่าหลายล้านเหรียญม่วง ทั้งยังหาได้ยากยิ่ง!”

“ให้ข้าส่งคนไปรับช่วงต่อแล้วกัน สมุนไพรโอสถชนิดนี้ไม่ใช่ง่ายได้รับ อาจต้องใช้เวลาสักระยะ!” มู่เฟิงยิ้มขณะเรียกชายชราให้มารับช่วงไปจัดการต่อ

“เช่นนั้นขอรบกวนท่านผู้จัดการแล้วขอรับ!” ฉินหยุนกล่าวจากใจ

“เรื่องเล็กน้อย! ข้าขอตัวไปทำธุระอื่นก่อน พวกเจ้าสามารถไปเดินเล่นรับชมที่นี่ได้!” มู่เฟิงหลังกล่าวคำจบ จึงเร่งรีบออกจากห้องไป เขาย่อมคิดไปศึกษาอักขระจันทราที่เพิ่งได้รับอย่างแน่นอน

ฉินหยุนและคณะเลือกเข้าพักในห้องชุดหรูหรา ประกอบด้วยหลายห้องย่อย ทั้งยังมีห้องลับ ห้องน้ำแยกห้องอาบน้ำ เครื่องประดับทุกอย่างภายในห้องล้วนตกแต่งอย่างหรูหรา

หลังเชี่ยวเย่ว์เหม่ยที่ตามหลังปิดประตูเรียบร้อย ฉินหยุนจึงเอ่ยคำขึ้น “องค์หญิงลำดับที่เก้า รบกวนขอชมกระบี่ท่านได้หรือไม่? ข้ายังไม่มีโอกาสได้สัมผัสมันเลย!”

กล่าวได้ว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ เป็นฉินหยุนช่วยเหลือหงเมิ่งจูไว้อย่างมหาศาล เป็นปกติที่นางย่อมไม่คิดอะไรมากความ เร่งรีบส่งกระบี่ให้

“กระบี่เล่มนี้ดีไม่ใช่น้อย! เป็นอุปกรณ์ลึกล้ำโบราณ จนกระทั่งถึงตอนนี้ สภาพนี้ถือว่าดีมาก!” ฉินหยุนกล่าวชมขณะลูบที่ลำกระบี่สีแดง มันดูไปคล้ายทับทิม กระนั้นก็แหลมคมยิ่ง

“ส่วนโค้งของลำกระบี่ ที่ต้องโค้ง ก็น่าจะเพราะให้สอดรับกับอักขระจันทรา!” ฉินหยุนพิจารณาด้ามกระบี่ “สงสัยนักว่าด้ามจับนี้ใช้วัสดุอะไร ค่อนข้างเย็นมาก!”

หงเมิ่งจูถอนหายใจเบา “ข้าได้รับกระบี่นี้จากภายในผลึกแก้วหยกอักขระชีวิตก้อนที่ใหญ่มาก”

“แท้จริงสิ่งนี้ได้จากภายในก้อนหยกงั้นหรือ? ไม่แปลกใจเลยที่ยังรักษาสภาพเอาไว้ได้ดีเพียงนี้!” ฉินหยุนลอบถอนใจ เขาพบว่ามันเป็นเรื่องยากจะเชื่อ ภายในผลึกแก้วหยกอักขระชีวิต ถึงกับมีวัตถุโบราณอย่างยิ่งเช่นนี้คงอยู่

เชี่ยวเย่ว์เหม่ยเดินไปที่ด้านหลังหงเมิ่งจู คิดเล่นผมหางม้านางสักคราหนึ่ง

เพราะกระบี่จันทร์ลี้ลับไม่อาจซ่อมแซม หงเมิ่งจูจึงผิดหวังไม่น้อย ทั้งยังปล่อยให้เชี่ยวเย่ว์เหม่ยละเล่นเส้นผมนาง

ฉินหยุนกล่าวคำ “ข้าน่าจะซ่อมมันได้!”

“นี่เป็นเรื่องจริง?” หงเมิ่งจูลุกพรวดขึ้นถามโดยทันที

“พี่ชาย ผู้จัดการบอกว่าไม่อาจซ่อมแซม แต่ท่านทำได้หรือ?” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยเผยความประหลาดใจออก

ฉินหยุนยิ้ม “อย่างน้อยก็ได้ลอง ข้าย่อมมีวิธีการของตัวเอง! กระนั้น องค์หญิงลำดับที่เก้า ท่านต้องสัญญาต่อข้า หากข้าสามารถซ่อมแซมมันได้จริง ท่านต้องห้ามบอกต่อผู้อื่นถึงเรื่องนี้!”

หงเมิ่งจูคิดมาตลอดว่าฉินหยุนเป็นบุคคลที่เชื่อถือได้ ดังนั้นนางจึงเร่งรีบพยักหน้ารับ “ไม่มีปัญหา!”

“หากเจ้าสามารถซ่อมแซมมันได้จริง ข้ายินดีใช้ทรัพยากรทั้งหมดที่มี ช่วยเหลือเจ้าค้นหาหญ้าลึกล้ำเยือกแข็งม่วง!”

หงเมิ่งจูคือองค์หญิงลำดับที่เก้า ดังนั้นนางย่อมมีเส้นสายไม่ใช่น้อย

“ตกลงตามนี้ รอข้าที่นี่!” ฉินหยุนถือกระบี่ในมือ เข้าห้องลับที่เงียบงันไป

เมื่ออยู่ในห้องแล้ว เขาจึงปล่อยโมโมออกมาและสอบถาม “โมโม เจ้าสามารถซ่อมแซมอักขระจันทรานี้ได้หรือไม่?”

“ย่อมได้!” โมโมตอบรับรวดเร็ว

“วิเศษนัก! จริงด้วย ตอนที่ซ่อมแซม ให้คัดลอกเส้นมืดของมันออกมาด้วย อักขระจันทราชุดนี้ สมควรเป็นอักขระจันทราระดับวิญญาณ!” ฉินหยุนกล่าว “มันค่อนข้างธรรมดากว่าที่ข้าได้รับจากประตูจารึก กระนั้นก็ถือว่าเหมาะสมที่จะใช้เริ่มต้นในการศึกษา!”

โมโมตอบ “ข้าคงต้องใช้ไข่ผลึกแก้วมังกรอสูรจำนวนมาก ถึงตอนนั้น คงเหลือเพียงแค่หนึ่งฟองแล้ว..”

“ไม่เป็นไร!” เหตุผลว่าทำไมฉินหยุนถึงเก็บไข่ผลึกแก้วมังกรอสูรเอาไว้ ก็เพราะเผื่อเอาไว้ใช้ในเหตุการณ์เช่นตอนนี้

ไม่นาน โมโมเริ่มส่องแสงออก พร้อมลงมือทำการซ่อมแซมอักขระจันทราที่ได้รับความเสียหายของตัวกระบี่จันทร์ลี้ลับ พร้อมกันนี้ ก็ได้ทำการคัดลอกอักขระจันทราที่ซ่อมแซมเสร็จเรียบร้อยไปด้วย

ฉินหยุนมองภูติน้อยที่ส่องแสงราวผลึกแก้วเป็นประกาย เขาอดไม่ได้ที่จะชื่นชมต่อภูติน้อยงดงามตนนี้ แม้ถูกเรียกว่าเป็นภูติอสูร กระนั้นกลับไม่มีออร่าของอสูรร้ายแต่อย่างใด

โมโมเป็นพระแม่ของภูติอสูร นางจึงครอบครองความสามารถชวนตะลึงและน่าทึ่ง!

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด