ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0376
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0378

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0377


ตอนที่ 377 : เฟิงหงหลัน

หงเมิ่งจูเองก็เผยความประหลาดใจ โดยทันที นางเร่งรีบควบคุมกระเรียนวิญญาณหันกลับ ติดตามกลุ่มคนไป

กระเรียนวิญญาณของนางแข็งแกร่ง ความเร็วถือว่ามากล้ำ แทบพริบตาก็สามารถติดตามกลุ่มคนด้านหน้าได้ทันแล้ว

เมื่อไล่ตามทัน นางจึงเอ่ยถามชายชราด้านหน้า “ผู้อาวุโส เร่งรีบไปที่ใดหรือ?”

ชายชราหันมองกลับมา เมื่อพบว่าเป็นหงเมิ่งจู เขาเร่งร้อนอุทาน “เป็นองค์หญิงลำดับที่เก้า! ท่านไม่ทราบเรื่องหรือ? ที่เทือกเขาหยกโบราณ เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ขึ้น ภูเขาหยกขนาดใหญ่หลายลูกพังทลายลงมาเพราะเรื่องนี้ ผู้คนล้วนคิดไปหยิบฉวยก้อนแร่กัน!”

“จริงหรือนี่? วิเศษนัก เช่นนั้นพวกเราไปด้วยกัน!” หงเมิ่งจูกลายเป็นยินดี นางเร่งรีบควบคุมกระเรียนวิญญาณ เร่งความเร็วขึ้น บินพุ่งไปยังประตูเมือง

ภายในเมืองลึกล้ำหยก หากคิดบินก็ต้องใช้กระเรียนวิญญาณ หากบินด้วยพลังยุทธ์ตนเอง จะกลายเป็นฝ่าฝืนต่อกฎและต้องถูกลงโทษ หงเมิ่งจูก็ไม่เว้น!

กระเรียนวิญญาณของหงเมิ่งจูว่องไวมหาศาล เพียงพริบตาก็บินถึงประตูเมืองแล้ว

หลังจากฉินหยุนและนางออกพ้นจากเมือง นางจึงนำเอาวัตถุทรงกระบอกขนาดใหญ่ออกมา ส่วนหัวของมันค่อนข้างแหลมคม ดูไปคล้ายจะงอยปากของสัตว์

“นี่เป็นกระสวยบินได้ ความเร็วถือว่ามหาศาล!” หงเมิ่งจูเปิดประตูด้านหลังกระสวย เข้าไปด้านในพร้อมฉินหยุน

ฉินหยุนคิดว่า บุคคลระดับนาง จะมีอุปกรณ์บินได้ไม่ใช่เรื่องแปลก

ภายในกระสวยค่อนข้างใหญ่ ดังนั้นฉินหยุนและหงเมิ่งจูจึงสามารถนั่งอย่างสุขสบายที่ภายใน

“ไปกัน!” หงเมิ่งจูควบคุมกระสวยออกบิน มุ่งหน้าทะยานผ่านอากาศออกไปเร็วรี่

กระสวยบินได้ ขับเคลื่อนด้วยเหรียญม่วง ฉินหยุนได้เห็นหงเมิ่งจูใส่เหรียญม่วงไปมากที่ส่วนเก็บของภายในตัวกระสวย

“เทือกเขาหยกโบราณ ตอนนี้สมควรเป็นสถานที่อันตรายไม่น้อย!” ฉินหยุนกล่าวอย่างเป็นกังวล

“ย่อมไม่! ด้วยผู้คนมากมายเข้าไป จึงแทบไม่มีสัตว์ใดหลงเหลือ ตราบเท่าที่พวกเราไม่เข้าไปลึกจนเกินไปนัก อย่างไรก็ปลอดภัย!” หงเมิ่งจูหัวเราะ “อย่าได้ห่วง ข้าปกป้องเจ้าได้!”

เมื่อนางยืนกราน ฉินหยุนก็ได้แต่ติดตามไป

กระสวยบินได้ ความเร็วถือว่ามากล้ำ กระนั้นผู้คนด้านในกลับไม่รู้สึกแต่อย่างใดว่ามันกำลังบิน

จากด้านใน ฉินหยุนยังสามารถมองสู่ภายนอก

ตรงหน้าพวกเขาตอนนี้ ประกอบด้วยภูเขาสูงจำนวนมาก ภูเขาสูงเหล่านี้คล้ายจะเป็นภูเขาหินทั้งลูก

ภายในภูเขาหินเหล่านั้น เต็มเปี่ยมไปด้วยก้อนแร่หยก

เมืองลึกล้ำหยกอยู่ใกล้เทือกเขาหยกโบราณ กระสวยบินได้ถือว่ารวดเร็ว เพียงไม่นานก็พาพวกเขาถึงที่หมายปลายทางแล้ว

ใช้เวลาไปทั้งสิ้นเพียงแค่ครึ่งชั่วยามเท่านั้นเอง

“สงสัยนักว่าแผ่นดินไหวนี่เกิดขึ้นได้อย่างไรกัน!” หงเมิ่งจูควบคุมกระสวยบินได้ทะยานผ่านอากาศ จากนั้นจึงเปิดประตูด้านบนของตัวกระสวย ก้าวเดินออกขึ้นไปยืนด้านบน

ฉินหยุนเดินตามออกมา สิ่งที่เขาได้เห็น คือภูเขาหินน้อยใหญ่มหาศาลอยู่ตรงหน้า พวกมันทับซ้อน เรียงกัน และซ้อนกันไปมา ราวกับท้องทะเลภูเขาก็ไม่ปาน

“เทือกเขาหยกโบราณกว้างใหญ่นัก!” ฉินหยุนอดไม่ได้จนต้องอุทานออก

“พื้นที่แถบนี้อยู่ภายใต้อำนาจแคว้นยุทธ์หงของพวกเรา แคว้นอื่นนั้นคิดอยากครอบครองพวกมันมาโดยตลอด!” หงเมิ่งจูกล่าวด้วยความภาคภูมิไม่น้อย “ลงไปดูข้างล่างกันดีกว่า หาตัวคนแล้วสอบถามว่าแผ่นดินไหวเกิดขึ้นที่ตรงไหน!”

ทันทีเมื่อพวกเขาลงถึงพื้นด้านล่าง ฉินหยุนสัมผัสออร่าอันคุ้นเคยได้!

นี่เป็นพลังอำนาจของเต๋าแห่งการสั่นไหว!

วิญญาณยุทธ์สั่นไหวของเขา ย่อมจดจำพลังเต๋าชนิดนี้ได้อย่างแม่นยำ!

ออร่าของพลังเต๋านี้แกร่งกล้า มันมาจากทิศทางหนึ่ง

ฉินหยุนมองไปและออกปาก “ข้าสัมผัสถึงความผันแปรของออร่าจากทางด้านนั้นได้!”

“จริงหรือ? เช่นนั้นไปดูกัน! เข้าไปในกระสวยเร็วเข้า!” หงเมิ่งจูเร่งรีบผลักเขาเข้าไป

หลังจากทั้งคู่เข้ามาในกระสวยเรียบร้อย จึงเริ่มออกบินด้วยความเร็วสูง มุ่งหน้าไปยังทิศทางที่ฉินหยุนเอ่ยถึงเมื่อครู่!

เพียงวูบเดียว กระสวยก็บินผ่านเทือกเขาหยกโบราณเข้ามาไกล

ฉินหยุนออกปาก “เมิ่งจู ข้าไม่อาจสัมผัสออร่าใดที่นี่ได้ ลงไปที่พื้นจะดีกว่า แบบนั้นจะสามารถหาตำแหน่งที่แม่นยำกว่านี้ได้”

“เข้าใจแล้ว!” หงเมิ่งจูเร่งรีบควบคุม กระสวยบินได้ทำการร่อนลงจนกระทั่งหยุดที่พื้น

เทือกเขาหยกโบราณ เต็มไปด้วยต้นไม้ และต้นไม้เหล่านี้ก็ทั้งแปลกประหลาดและแข็งแกร่งยิ่ง

บางต้นมีใบไม้ที่งดงามราวกับหยก

ฉินหยุนเมื่อถึงพื้นเรียบร้อย เขาสามารถรู้สึกถึงพลังเต๋าแห่งการสั่นไหวได้โดยทันที!

“ทางนั้น!” ฉินหยุนชี้ทิศทางพร้อมออกวิ่ง

“ให้ข้าออกนำ!” หงเมิ่งจูเพิ่มความเร็ว นำเอากระบี่จันทร์ลี้ลับออกมาเตรียมพร้อม

แม้ที่นี่มีสัตว์ไม่มาก กระนั้นตระเตรียมไว้ก่อนย่อมดีกว่า

ขณะออกวิ่ง ท้องฟ้ากลับกลายเป็นมืดลงอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ใกล้เวลาพลบค่ำแล้ว

อย่างกะทันหัน หงเมิ่งจูหยุดฝีเท้าพร้อมคิ้วขมวด “มีออร่าจำนวนมาก! เหมือนจะมีคนอยู่ที่นี่มานานพอสมควรแล้ว!”

“แผ่นดินไหวนี่เป็นฝีมือมนุษย์?” ฉินหยุนเอ่ยถาม

“เรื่องนี้ไม่อาจมั่นใจ หากอีกฝ่ายสามารถทำลายภูเขาได้มากมายเพียงนี้ ก็ย่อมต้องเป็นการประลองกันระหว่างราชันยุทธ์แล้ว! ภูเขาเหล่านี้แข็งแกร่งมหาศาล กระทั่งขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำต่อสู้กันเต็มที่ พวกมันก็แทบจะไม่สะดุ้งสะเทือนเลยด้วยซ้ำ!” หงเมิ่งจูกล่าว “ที่นี่มีคนไม่น้อย ทั้งหมดอยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋า!”

ฉินหยุนตอบกลับ “อย่างนั้นระวังตัวให้มาก เข้าไปและดูลาดเลาก่อน”

หงเมิ่งจูพยักหน้ารับ จากนั้น นางสูดเอาอากาศเข้าปอด ถอดถอนออร่าออกจนสิ้น

ฉินหยุนปิดผนึกออร่าของตนเองไว้อยู่ก่อนแล้ว

ท้องฟ้าเริ่มหม่นแสงลง ทั้งสองคนกำลังรุกคืบเข้าภายในป่าด้วยความระแวดระวัง

ผ่านภูเขาหยกค่อนข้างเตี้ยไปสองลูก พวกเขาจึงได้เห็นกระโจมจำนวนมากในพื้นที่กว้างตรงตีนเขา

ได้เห็นกระโจมหรูหราเช่นนั้น ก็บ่งบอกได้ว่าบุคคลที่อยู่เบื้องล่าง ย่อมมีตัวตนสูงส่ง ล้วนเป็นผู้ลากมากดี!

ฉินหยุนเร่งรีบนำหน้ากากออกมาสวมใส่ เขาเกรงว่าจะถูกผู้อื่นจดจำตนเองได้ หลายคนเคยเห็นเขาที่ลานประลองตรงตีนขุนเขาเต่าดำมาก่อน

ได้เห็นอีกฝ่ายสวมใส่หน้ากาก กระนั้นหงเมิ่งจูก็หาได้สอบถามอันใดไม่ นางเพียงเอ่ยปาก “คนพวกนี้มาจากสำนักที่มีชื่อเสียง ลงไปสอบถามพวกเขาดูว่าสถานการณ์นี้เป็นอย่างไร”

“ได้!” ฉินหยุนตามนางสู่เบื้องล่าง

หงเมิ่งจูคือธิดาแห่งราชันยุทธ์ ตัวตนของนางถือว่าสูงล้ำ ย่อมไม่หวั่นเกรงสำนักใหญ่คิดรังแก

ทันทีเมื่อออกพ้นป่า กลุ่มคนในกระโจมจึงสัมผัสพวกเขาได้ ต่างออกกันมารับชมเรื่องราว

“ไม่ใช่หงเมิ่งจู องค์หญิงลำดับที่เก้าแห่งยุทธ์หงหรือนั่น?” ชายหนุ่มหล่อเหลาผิวขาวผู้หนึ่ง ก้าวเดินออกจากกระโจมสีทอง

“เย่ว์อี้ องค์ชายลำดับที่เก้าสิบแห่งแคว้นยุทธ์เย่ว์? นี่ก็หลายปีแล้ว เจ้ายังอยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สี่อยู่อีก ไม่คิดเลื่อนระดับพลังเลยหรือไร!” หงเมิ่งจูกล่าวเสียงเย็น

พร้อมกันนี้ ผู้อื่นจากกระโจมหลังอื่น ต่างก็ออกมากล่าวทักทายกับหงเมิ่งจู

ฉินหยุนไม่กล่าวคำใด เขาคิดทำตัวเป็นผู้ติดตามหงเมิ่งจู ดังนั้นเคลื่อนไหวให้น้อยเข้าไว้ย่อมดีกว่า

ฝูงชนออกมาแลกเปลี่ยนทักทายกันและกัน กลิ่นหอมอ่อนจางตอนนี้เองพลันลอยเข้าเตะจมูก!

ผู้คนต่างสูดเอากลิ่นหอมนี้ราวบ้าคลั่งเข้าไป

ในความมืด มีหมอกแสงสีแดงอ่อนลอยล่องอยู่

กลิ่นหอมนี้มาจากหมอกสีแดงอ่อนดังกล่าว

“เฟิงหงหลัน นี่คือวิญญาณยุทธ์ในตำนาน กล้วยไม้แดงสองยาม?” หงเมิ่งจูเผยความตื่นตะลึงไม่น้อย ขณะมองไปยังทิศทางที่ออร่าพัดผ่าน

ผู้คนล้วนหันมองทั้งสิ้น!

ถัดจากนั้น เย่ว์อี้และคณะเด็กหนุ่มเร่งรีบเดินเข้าไป

เด็กหนุ่มเหล่านี้ล้วนแข็งแกร่ง พวกเขาต่างก็อยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สามเป็นอย่างน้อย นอกจากนี้ ตัวตนของพวกเขายังนับได้ว่าเป็นชนชั้นสูง

“แม่นางหงหลัน นี่ก็หลายเดือนแล้วตั้งแต่ล่าสุดที่พวกเราได้พบกัน กระนั้นความงดงามของเจ้ากลับมีแต่เพิ่มมากขึ้น! ต่อให้เป็นภูติแห่งขุนเขาสวรรค์ ก็ไม่อาจทัดเทียมได้!” เด็กหนุ่มในชุดแดงหัวเราะ

“ราชันเหยี่ยวน้อยกล่าววาจาล้อเล่นแล้ว ข้าหงหลันไม่กล้ารับคำชมนี้ไว้!” เฟิงหงหลันหัวเราะเสียงเบา

ราชันเหยี่ยวน้อย เป็นศิษย์รุ่นเยาว์ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าจากสำนักเหยี่ยวเดียวดาย เขาคือตัวตนที่มีชื่อเสียง เพราะปู่ของเขาคือจ้าวสำนัก

แม้อยู่ไกล ฉินหยุนที่มองตามไปยังต้องอึ้งต่อความงดงามนี้!

เฟิงหงหลันอายุราวยี่สิบ สวมใส่ชุดสีแดงสุกสว่าง เสน่ห์ของนางถือว่าเหนือล้ำ ดวงตาเป็นประกายงดงามราวดวงดาวบนฟากฟ้ายามราตรี นางตอนนี้กำลังเดินแช่มช้อยเข้ามาใกล้ ทั้งร่างปกคลุมด้วยหมอกสีแดงอ่อนอ่อนสุกสว่าง มันยิ่งขับเน้นให้นางราวกับเป็นภาพวาดภูติอันศักดิ์สิทธิ์ผืนหนึ่ง

“แม่นางหงหลัน เจ้าเป็นทั้งศิษย์ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าที่แข็งแกร่งและเยาว์วัยที่สุดของขุนเขาลึกล้ำเซียนเสียง ถือเป็นความงดงามลำดับที่หนึ่งแห่งภูมิภาคทางตอนเหนือ เหตุใดจึงไม่กล้ารับคำกล่าวชม?” เย่ว์อี้หัวเราะออก “แม่นางหงหลัน สาวงามลำดับที่หนึ่งแห่งแดนเหนือ นอกจากเจ้าแล้ว ข้าไม่อาจนึกถึงผู้อื่นได้!”

“แม่นางหงหลัน! นามข้าคือหู่เฮ่าจวิน เป็นหลานชายของจ้าวเกาะแห่งหนึ่ง ได้ยินความงามที่เลื่องลือของแม่นางหงหลันมานาน วันนี้ได้พบเห็นกับตาตัวเอง นับเป็นเกียรติ สมแล้วที่จะเป็นความงดงามระดับตำนาน!” หู่เฮ่าจวินเป็นชายใบหน้ากลมอ้วนท้วน ดูไปคล้ายน้ำเต้าลูกหนึ่ง

“นายน้อยหู่ หากจำไม่ผิดอายุสามสิบปี อยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สาม หงหลันได้ยินนามอันเลื่องลือของนายน้อยมานานแล้วเช่นกัน!” เฟิงหงหลันยิ้มมีเสน่ห์ ค่อยก้าวเดินเข้ามาหาหงเมิ่งจู

ตอนนี้เอง เด็กหนุ่มหลายคนกำลังโต้เถียงกัน ว่าผู้ใดจะสามารถทัดเทียมความงามอันดับหนึ่งของเฟิงหงหลันได้

กระนั้นกลับมีคนบ้าดีเดือด กล้ากล่าวเสียงเบาออกมา “หงเมิ่งจูออกจะเล็กไปบ้าง สวมใส่ชุดเช่นนี้ยิ่งทำให้นางดูแก่ขึ้น แล้วยิ่งผมหางม้าสองข้างนั่นอีก พยายามทำตัวเสมือนเด็กสาวผู้หนึ่ง หากเทียบกับแม่นางหงหลันแล้ว ก็ไม่ต่างอะไรกับดอกไม้ริมทาง!”

“พอมาคิดว่าองค์หญิงกลับเป็นเช่นนี้ ก็ไม่คล้ายว่าจะรูปลักษณ์สมกับเป็นองค์หญิงเลยสักนิด!”

“จริงด้วย! ดูผู้ติดตามคนนั้นสิ กระทั่งสวมใส่หน้ากาก ย่อมคิดทำตัวให้ดูลึกลับ จากออร่าที่สัมผัสได้ ก็ทราบแล้วว่าอยู่แค่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สอง”

“หงเมิ่งจูมาผิดเวลายิ่งนัก ไม่ว่าจะทางใด เฟิงหงหลันก็เอาชนะนางได้ทุกตรง!”

หงเมิ่งจูกราดเกรี้ยว คิดอยากเข้าไปคว้าคอกลุ่มคนฝีปากกล้า ทุบตีจนตายตกสักคราหนึ่ง

“หงหลันแสดงความนับถือต่อองค์หญิงลำดับที่เก้า!” เฟิงหงหลันเดินมาหยุดตรงหน้าหงเมิ่งจู กล่าวทักทายอย่างสุภาพ

“ยินดีแล้ว!” หงเมิ่งจูกล่าวเสียงเบา นางไม่คิดเผยความริษยาออกไปตอนนี้ ไม่เช่นนั้นผู้อื่นจะมีแต่มองเหยียดหยามนางยิ่งขึ้น

ฉินหยุนพบว่าเรื่องนี้ชวนหัว หงเมิ่งจูไม่ต่างอะไรกับองค์ชายหงเหยียน บ่อยครั้งมักโดนผู้คนดูถูกเหยียดหยามกันไม่เว้น

“พี่หยุน ไปกัน พวกเรายังมีเรื่องสำคัญต้องไปทำ!” หงเมิ่งจูตบไหล่ฉินหยุนเดินนำออกไป

เฟิงหงหลันทราบ ว่าหงเมิ่งจูอารมณ์ตอนนี้ไม่ดียิ่ง กระนั้นนางอย่างไรก็เป็นถึงองค์หญิงลำดับที่เก้า ต่อหน้าผู้คนมากมาย ย่อมไม่อาจเปิดเผยความรู้สึกออกมาทางตรง

รูปลักษณ์ของหงเมิ่งจู แท้จริงหาได้เลวร้าย ควรกล่าวได้ว่านางน่ารักยิ่ง ทั้งยังเป็นคนเปิดเผยตรงไปตรงมา นางหาได้สวมใส่ที่ภายนอกอย่างหรูหรา จึงไม่คล้ายองค์หญิงอย่างที่ผู้คนวาดฝัน

หากเทียบกับความงามวิจิตรอย่างเฟิงหงหลัน ก็เป็นนางด้อยกว่าจริง!

“องค์หญิงลำดับที่เก้า โปรดรอสักครู่ หงหลันมีเรื่องคิดอยากหารือกับท่าน!” เฟิงหงหลันเร่งรีบกล่าวคำเสียงเบา “พวกเราคุยกันแบบส่วนตัวได้หรือไม่?”

หงเมิ่งจูนำเอากระสวยบินได้ออกมา ออกปากรับคำ “หากไม่ว่าที่ข้าดูธรรมดา กับกระสวยซอมซ่อนี่ เข้าไปด้านในแล้วค่อยพูดคุยหลังออกบินแล้ว!”

เฟิงหงหลันยิ้มหวานรับ “องค์หญิงลำดับที่เก้า กระสวยบินได้ของท่านเป็นอุปกรณ์วิญญาณระดับราชัน เป็นอาจารย์จารึกที่มีชื่อเสียงสร้างให้ ย่อมไม่เรียกว่าซอมซ่อแล้ว”

หงเมิ่งจูพอได้ยินดังนี้ อารมณ์ของนางค่อยดีขึ้นบ้าง

เฟิงหงหลันเดินเข้าไปก่อน

“พี่หยุน เข้าไปได้แล้ว!” หงเมิ่งจูดันหลังฉินหยุนเข้ากระสวยก่อนตนเองจะตามเข้าไป

ตึง!

ประตูกระสวยบินได้พลันปิดลงรุนแรง ผู้คนล้วนกายแข็งทื่อมึนงง!

พวกเขาริษยาแทบตายต่อผู้ติดตามที่ถูกเรียกเป็น “พี่หยุน” พอคิดว่าอีกฝ่ายได้อยู่ในสถานที่คับแคบ ร่วมกับหญิงงามลำดับที่หนึ่งแห่งแดนเหนือ มันทำเอาพวกเขาอิจฉาแทบตายตกแล้ว!

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด