ตอนที่แล้วตอนที่ 9 บางทีฉันอาจเรียนมหาลัยปลอม...
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 11 แม้แต่อัจฉริยะก็ยังมีข้อบกพร่อง

ตอนที่ 10 ฉันมีแฟนสองคน


ตอนที่ 10 ฉันมีแฟนสองคน

ณ หอพักชาย ห้อง 201

หลิวรุ่ยกำลังฝึกแก้โจทย์ภายใต้แสงไฟ แต่แล้วจู่ๆเขาก็หยุดปากกาแล้วหันไปดูประตูห้อง เขาถามแบบส่งๆ "ทำไมโจวยังไม่กลับมา?"

หวงกวงหมิงกำลังนั่งเล่นเกมโซลฮันเตอร์อยู่บนเตียง เขาตอบโดยไม่เงยหน้าขึ้นด้วยซ้ำ "ฉันไม่รู้ ทำไมนายถึงสนใจหมอนี่มากนักล่ะ? นายเป็นเกย์เหรอ? น่ารังเกียจ!"

"ลงมาเลย! ฉันจะเตะตูดนาย!"

หลิวรุ่ยคำราม เขาจับบันไดแล้วเขย่าเตียงจนถึงขั้นหวงกวงหมิงดูหน้าจอโทรศัพท์ได้ไม่ชัด เขารีบจับราวเตียงแล้วร้องขอความเมตตา

"พี่หลิว! พี่หลิว! ฉันผิดไปแล้ว ฉันผิดไปแล้ว! เลิกเขย่าเถอะ! ฉันจะตายแล้ว! อ้ากกก~"

อันที่จริงไม่มีทางที่เขาจะตายได้เลย โครงสร้างเตียงมันเชื่อมต่อกัน แถมยังมีหนังสือและเสื้อผ้ามากมายในตู้ที่รองรับไว้ แม้ว่าหลิวรุ่ยจะทิ้งน้ำหนักทั้งตัวลงบันได แต่เขาก็ไม่อาจพลิกวัตถุรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดใหญ่แบบนี้ได้

เสียงเอะอะโวยวายของทั้งสองได้กลายเป็นกิจวัตรประจำวันของห้อง 201 ไปแล้ว

สือช่างกำลังอ่านหนังสือภาษาอังกฤษ แต่จู่ๆเขาก็เงยหน้าขึ้นแล้วกล่าวอย่างเย็นชา "พอพูดถึงเรื่องนี้ ช่วงนี้โจวไม่ได้ทำงานพาร์ทไทม์เลย นอกจากนี้เขายังเลิกเล่นลีคตอนกลางคืนด้วย เขาใช้เวลาทั้งวันในห้องสมุด บางที..."

"บางที?" หลิวรุ่ยเงี่ยหูฟัง

"บางทีเขากำลังมีเดท?" สือช่างกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจ

หลิวรุ่ย "..."

หวงกวงหมิง "..."

"เอ่อ...ทำไมพวกนายถึงเงียบ?" สือช่างกล่าวอย่างอิหลักอิเหลือเมื่อตระหนักว่าทั้งห้องเงียบ

หลิวรุ่ยและหวงกวงหมิงมองหน้ากันเองก่อนจะหันไปมองสือช่าง

หลิวรุ่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง "นายบ้ารึเปล่า?"

"เชี่ย นายบอกว่าฉันบ้า นายดูสิ่งที่เกิดขึ้นสิ!"

หวงกวงหมิงกล่าวอย่างจริงจัง "นายบ้าไปแล้ว เราเอกคณิตนะ"

"..."

ตรรกะนี้สมบูรณ์เหลือเกิน สือช่างถึงกับพูดไม่ออก น้ำตาเขาแทบไหลอาบแก้ม

อัตราส่วนของชายโสดในเอกคณิตศาสตร์ถูกจัดอับดับให้เป็นอันดับหนึ่งในมหาลัยจินหลิง ในคณะอื่นๆยังหาสาวๆสวยๆได้บ้าง แต่สำหรับพวกเขาแล้ว...ถ้าพวกเขาอยากหาสาวสวย พวกเขาต้องหว่านล้อมให้ผู้ชายมาแต่งหญิงแล้วแหละ

ส่วนคนจากคณะอื่น ถ้าพวกเขาบอกอีกฝ่ายไปว่าพวกเขาเป็นคนเอกคณิตศาสตร์ ปฏิกิริยาแรกของอีกฝ่ายคือ 'เคยมีแฟนไหม?' 'ไม่เคยมีแฟนใช่มั้ย?' ปกติแล้ว สาวๆจะไม่ชอบผู้ชายที่ไม่โรแมนติก มันจึงหายากมากที่จะหาคู่

ไม่งั้นคนที่ทั้งสูง หล่อ เล่นบาสและมีระดับเดียวกับรุคาว่า คาเอเดะอย่างฉันยังโสดได้อย่างไร?

เฮ้อ...ความจริงช่างโหดร้าย

สือช่างแหงนมองท้องฟ้า

ในเวลานี้ลู่โจวกลับมาหอพักแล้ว เขาเปิดประตูมาพร้อมกับเสียงหัวเราะ

"พวกนายพูดอะไรกันอยู่? ฉันได้ยินพวกนายกรีดร้องแต่ไกลเลย ไปหาแฟนเองเลย ถ้าพวกนายไม่หามันจะสายเกินไปนะ"

หวงกวงหมิงกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง "โจว ฉันอยากถามนายหน่อย มันเป็นคำถามจริงจังมาก นายต้องตอบตรงๆ"

"อะไรเหรอ...?"

สือช่างถามอย่างจริงจัง "นายมีแฟนใช่ไหม?"

ลู่โจวกล่าวอย่างร้อนใจ "แน่นอนสิ ฉันมีสอง! อิจฉาเหรอ? อยากยืมไหม?"

"ไสหัวไปเลย!" มันเป็นคำตอบจากทั้งสามคน

ลู่โจวชะงัก เขาประหลาดใจกับความพร้อมเพรียงของพวกเขา แต่จู่ๆเขาก็ตระหนักถึงอะไรบางอย่าง เขาหัวเราะแล้วกล่าว "พวกนายกำลังคิดอะไรอยู่? ฉันกำลังพูดถึงจำนวนประกอบสองหลัก ฉันจดมันไว้แล้ว ถ้าอยากอ่านก็เอาไปเลย แค่จำไว้ว่าเอามาคืนด้วย"

"..."

"..."

"..."

เอ่อ

ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง

.....

ตอนเช้า ลู่โจวตื่นแต่เช้าตามปกติ เขาล้างหน้าแปรงฟันแล้วมุ่งหน้าไปโรงอาหารพร้อมกับโน๊ตบุ๊ค

โรงอาหารพึ่งเปิด ดังนั้นโรงอาหารจึงดูว่างมาก

เมื่อลู่โจวเดินเข้าไป เขาก็ได้กลิ่นซาลาเปานึ่งเสร็จใหม่แต่ไกลเลย

"คุณป้า ผมขอซาลาเปาสามลูกกับนมถั่วเหลืองแก้วนึงไหม?"

"ได้เลยพ่อหนุ่ม! เธอมาแต่เช้าเลย เดี๋ยวป้าจะเอาซาลาเปาลูกใหญ่ๆให้"

"ขอบคุณครับ!"

มันไม่สำคัญว่าจะเป็นเพื่อนร่วมชั้น อาจารย์หรือคนแปลกหน้า ลู่โจวมักจะสุภาพมากเสมอ

พ่อเขาสอนเขาให้ดีกับคนอื่นเพราะเขาจะไม่มีทางถูกหลอก

แน่นอนว่ามันไม่มีอะไรแน่นอน พ่อเขาทำงานที่โรงงานแปรรูปโลหะมาหลายปีและทุกข์ทรมาณกับคำดูถูกมามากมายปปปปปปปปปปปปปป ในทางกลับกันแม้ว่าลู่โจวจะจำบทเรียนที่พ่อสอนเขาได้ แต่เขาก็ยังไม่อาจควบคุมตัวเองได้แล้วสบถก่นด่าออกมาเป็นบางครั้ง

เมื่อซาลาเปาถูกห่อแล้ว ลู่โจวก็หยิบบัตรทานอาหารออกมาแล้วกดมันลงบนเครื่อง

วินาทีต่อมา เขาก็รู้สึกอับอาย

[บัตรถูกปฏิเสธ]

คุณป้าโรงอาหารเห็นสีหน้าอายๆของลู่โจวแล้วหัวเราะก่อนจะกล่าวอย่างใจดี "ไม่เป็นไร เงินสดก็ได้ ป้าจะเปลี่ยนมันให้"

ลู่โจวล้วงในกระเป๋าและจะหยิบเงินออกมา แต่เขาก็รู้สึกอับอายยิ่งขึ้น

กระเป๋าตังเขาโล่งโจ้ง มันมีแต่บัตรเดบิต ส่วนโทรศัพท์เสี่ยวมี่เขา เขาชาร์จแบตทิ้งไว้ในห้อง เขาเลยสแกนคิวอาร์โค้ดจ่ายเงินไม่ได้

โรงอาหารนี้อาจจะไม่รับบัตรเดบิตใช่ไหม?

ระบบ...

มาเจรจากันหน่อย ฉันขอเอาแต้มทั่วไปแลกเป็นเงินได้ไหม?

ลู่โจวพูดในใจ เมื่อระบบไม่ตอบอะไร เขาก็เสียใจมาก

ในเวลานั้นเองเสียงเครื่องอ่านบัตรก็ดังขึ้น

ลู่โจวมองไปด้านหลังทันทีแล้วเห็นผู้หญิงไว้ผมทรงหน้าม้า เธอยืนมองเขาด้วยรอยยิ้มและโบกบัตรทานอาหารไปมา

"เฮ้ อรุณสวัสดิ์"

"อรุณสวัสดิ์..." ลู่โจวพยักหน้า เขารู้สึกอึ้งๆ

คนๆนี้...

ใครกัน?

"นายกล้าดียังไง! นายจำฉันไม่ได้ด้วยซ้ำ!" เฉินยู่ซานกล่าว เธอรู้ทันทีว่าลู่โจวจำเธอไม่ได้ ริมฝีปากเธอเผยอด้วยความโกรธ

"โอ้ ขอโทษ...ขอบคุณนะ เอางี้ไหม? ผมจะแอดวีแชทคุณแล้วคืนเงินให้"

"ไม่เป็นไร มันก็แค่สองเหรียญห้าสิบ ฉันไม่ได้จนขนาดนั้น นอกจากนี้เรายังแอดวีแชทกันไปแล้ว!" เฉินยู่ซานกล่าวขณะสะบัดผมแล้วยิ้ม เธอยื่นมือขวาออกมาแล้วกล่าว "ฉันแนะนำตัวเองก่อน ฉันชื่อเฉินยู่ซาน ฉันอยู่คณะบริหารธุรกิจ รุ่นน้องเล็ก นายเรียกฉันพี่สาวได้นะ"

ลู่โจวไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงเน้นย้ำคำว่า'รุ่นน้อง'หรือทำไมเธอถึงเสริมคำว่า'เล็ก'ต่อท้ายด้วย เขาไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงรู้ว่าเขาอายุน้อยกว่า อย่างไรก็ตามหลังจากได้ยินเธอพูดเรื่องแอดวีแชทเขา เขาก็พลันนึกได้ว่าเธอเป็นใคร

เดี๋ยวนะ...

หน้าตาเธอเปลี่ยนไปมาก!

เธอสวมกางเกงยีนสั้นและรองเท้าแตะ เขาไม่รู้ว่าเขาควรจ้องมองขาเรียวยาวเซ็กซี่ของเธอไหม เธอสวมเสื้อเชิ้ตตัวเล็กที่เห็นส่วนเว้าส่วนโค้งชัดมาก เธอแต่งหน้าเล็กน้อย เธอทาลิปกลอสสีแดงสด ที่สำคัญที่สุดก็คือเธอถอดแว่นตาออก หรือเธออาจใส่คอนแทคเลนส์?

เฉินยู่ซานสังเกตว่าลู่โจวพูดไม่ออก เธอจึงลอบมีความสุข เพื่อนร่วมห้องลากเธอไปแปลงโฉมซึ่งทำให้เธอรำคาญมาก อย่างไรก็ตามตอนนี้เธอรู้สึกว่าความพยายามนั้นมันคุ้มค่า

แน่นอนร่างกายของเธอมีเสน่ห์ แต่เธอแค่ไม่ค่อยใส่ใจ

คนปกติต่อให้พยายามก็ไม่ได้ครึ่งของเธอ

"ทำไม? รุ่นน้องน้อย" เฉินยู่ซานสะบัดผมยาวสลวยแล้วบุ้ยปากก่อนจะหัวเราะใส่ลู่โจวอย่างซุกซน เธอส่งสัญญาณทางแววตา "นายจะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอ?"

ลู่โจวชะงักไปชั่วครู่แล้วมองเฉินยู่ซาน เขาพิจารณาว่าเขาควรพูดอะไร สุดท้ายเขาก็บอกกล่าวอย่างมีน้ำใจ "แอร์ในห้องสมุดเย็นมาก สวมเสื้อผ้าแบบนี้ คุณจะหนาวเอานะ"

"..."

เฉินยู่ซานรู้สึกโง่งมที่คาดหวังคำตอบของเขา

ลู่โจวทานซาลาเปาไปลูกนึงแล้วเอาซาลาเปาที่เหลือในถุงพลาสติกยัดใส่ในกระเป๋า เฉินยู่ซานทานบะหมี่ เธอมองเขาและไม่ได้พูดอะไร เธอแค่คิดว่ามันน่านับถือที่เขาไม่ทิ้งอาหาร

ทั้งคู่ทานข้าวเสร็จพร้อมกันแล้วเริ่มเดินตรงไปยังห้องสมุด

ในที่นั่งจุดเดิม เฉินยู่ซานนั่งข้างลู่โจว เธอหยิบหนังสือแบบฝึกหัดออกมาอ่าน เธอแปลงโฉมเพื่อลองประสบการณ์ใหม่ๆและทำให้เพื่อนร่วมห้องพึงพอใจ แต่มันไม่ได้เปลี่ยนจังหวะในการเรียนของเธอ

ในทางกลับกันลู่โจวหยิบโน๊ตบุ๊คออกมาแล้วเริ่มแก้ไขวิทยานิพนธ์

วิธีคำนวณที่ศาสตราจารย์ถังแสดงให้เขาเห็นเมื่อวานมันเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาวิทยานิพนธ์ของเขา ด้วยความทรงจำที่ยังสดใหม่ในใจ เขาตัดสินใจเลือกส่วนสำคัญที่สุดของวิทยานิพนธ์มาเขียน

หลังจากนั้นมันก็มีเหลือเพียงสามส่วนเท่านั้นที่ยากจะทำความเข้าใจ ถ้าเขาผลักดันตัวเอง เขาอาจพยายามทำวิทยานิพนธ์ให้เสร็จได้ในสิ้นเดือน!

กระบวนการตรวจสอบของวารสารวิทยาศาสตร์นั้นช้ามาก มันมักใช้เวลาสามเดือน แม้แต่วารสารกากๆอย่าง AMC มันยังช้าเลย เขาไม่อยากใช้เวลาครึ่งปีเพื่อทำภารกิจให้สำเร็จ

เวลาไหลผ่านไปอย่างรวดเร็วและมันก็เที่ยงแล้ว

เฉินยู่ซานใช้เวลาตลอดทั้งเช้าเพื่อฝึกทำโจทย์ จากนั้นเธอก็มองลู่โจวแล้วสะกิดแขนเขาเบาๆ

"รุ่นน้องน้อย รุ่นน้องน้อย เราไปกินข้าวเที่ยงด้วยกันไหม?"

เธอแทบเสพติดการเรียกเขาว่ารุ่นน้องน้อยจนเธอต้องเรียกถึงสองครั้ง

ลู่โจวรู้สึกลังเลแล้วส่ายหน้า "ไม่เป็นไร ผมไม่หิว คุณไปก่อนเลย"

วันนี้เป็นวันอาทิตย์ เคาน์เตอร์เติมเงินเข้าบัตรทานอาหารนั้นปิด แถมเขายังทิ้งโทรศัพท์ไว้บนหออีก เขาจะปล่อยให้เธอเลี้ยงเขาอีกได้ยังไง?

"นายแน่ใจเหรอ? ฉันจะเลี้ยงเอง" เฉินยู่ซานกล่าว

ลู่โจวน้ำลายไหลเมื่อนึกถึงบีบิมบับของโรงอาหาร

สุดท้ายความเย้ายวนของอาหารก็ชนะเหตุผล เขากล่าวเชิงขอโทษ "โอ้...งั้นไปกันเถอะ ครั้งหน้าผมจะเลี้ยงคุณเอง"

ซาลาเปาเขาเย็นไปแล้ว ต่อให้เขาเก็บไว้กินเป็นมื้อเย็น รสชาติของมันก็ไม่เปลี่ยน

"อ๊ะ ฉันจะจำที่นายพูดเอาไว้ งั้นไปกันเถอะ ถ้าเราไม่รีบไปคนมันจะเยอะเอา" เฉินยู่ซานกล่าว เธอลุกขึ้นยืนแล้วหันหลังกลับด้วยความมั่นใจ

ใครจะสนว่านายมีไอคิวสูงแค่ไหน? นายก็ยังพ่ายแพ้ต่อรูปร่างหน้าตาราวกับเทพธิดาที่งามสง่าของฉันอยู่ดี!

ในขณะเดียวกันลู่โจวก็กำลังเดินข้างเธอและไม่ได้สังเกตเห็นความพึงพอใจของเธอ นี่เป็นเพราะเขากำลังติดปัญหาที่สำคัญมากในใจ

ฉันควรกินรสยี่หร่าดีไหม?

หรือรสพริกไทยดำดี?

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด