ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0361 [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0363 [อ่านฟรี]

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0362 [อ่านฟรี]


ตอนที่ 362 : พิษซ่อนเร้น

ใยแมงมุมทั้งหมดบนลานประลองยุทธ์ตอนนี้ กลับกลายเป็นเพียงเถ้าถ่านในพริบตา

จู่หู่โดนเผาทั้งใยแมงมุมและร่างกาย ทั่วทั้งร่างกลับกลายเป็นสีดำมะเมื่อม

เขานอนกองที่พื้น เผยสีหน้าหวาดกลัวมองฉินหยุน เสียงสั่นเครือกล่าวออก “ข้ายอมแพ้!”

ฉินหยุนปรบมือให้อีกฝ่าย หลังค่ายอาคมใหญ่ถูกถอนกลับ เขาค่อยออกจากลานประลองยุทธ์ไป

ก่อนหน้านี้เขานึกว่าฉินหยุนเป็นหม้อยาเคลื่อนที่ แต่แล้วยามโดนความร้อนเผาไหม้บนลานประลองยุทธ์ เขากล้าพูดอย่างเต็มปาก ว่ากำลังภายในของฉินหยุนสุดจะหยั่ง!

ด้วยความบริสุทธิ์ของกำลังภายในที่น่าสะพรึงเพียงนี้ ย่อมไม่ใช่หม้อยาเคลื่อนที่ดังที่ผู้คนกล่าว!

บรรดาผู้อาวุโสของสำนักระดับลึกล้ำ ล้วนเผยความเสียดาย เพราะพวกเขาพลาดเมล็ดพันธุ์ชั้นดีไปต่อหน้าต่อตา!

เปลวเพลิงร้อนแรงของฉินหยุน ประโยชน์ถือว่าสารพัด เขาสามารถนำมาใช้ได้กับทั้งหนทางแห่งการแปรธาตุ และหนทางแห่งการจารึก

จู่หู่ถูกแบกหามลงมา เพราะเป็นแมงมุมมีพิษ ย่อมหวาดกลัวเปลวเพลิงเป็นที่สุด

เดิมเขาคิดว่าสามารถชนะโดยง่าย กระนั้นเรื่องราวกลับไม่ใช่ดังที่คิด ก่อนเขาจะได้ปลดปล่อยพิษออก ก็ถูกเผาไหม้จนแทบตายตกแล้ว

หงเหยียนหาได้ประหลาดใจไม่ เขาย่อมทราบถึงพละกำลังของฉินหยุน ทราบว่าเขาแทบทัดเทียมกับอีกฝ่ายในด้านนี้

“ยอดเยี่ยมนักเสี่ยวหยุน ไม่คิดเลยว่าเปลวเพลิงเจ้าจะร้อนแรงได้ปานนี้!” เว่ยจงเจิ้งหัวเราะ “เจ้าสามารถช่วยข้าขัดเกลายาในภายหน้าได้ หากเจ้าฝึกฝนสักหลายปี เปลวเพลิงนี้ย่อมแข็งแกร่งขึ้นอีกแน่!”

เว่ยจงเจิ้ง แท้จริงเป็นอาจารย์แปรธาตุ!

ฉินหยุนเดิมสนใจวิถีการแปรธาตุและยาอยู่ก่อนแล้ว ดังนั้นย่อมยินดีที่จะได้มีอาจารย์ทางด้านนี้สอนสั่ง

นัดประลองถัดจากนั้น ทั้งหมดล้วนตึงเครียด

ผู้แพ้บาดเจ็บสาหัสเสียส่วนใหญ่

โดยเฉพาะกับผู้ที่ประลองกับฉิงเฟยเก๋อ ผู้ซึ่งโหดเหี้ยมขนาดแทบทำคู่ประลองพิการ แต่เพราะมีปู่ขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำ ผู้อื่นล้วนไม่กล้าต่อว่าเขา

การประลองทั้งแปดนัดจบลงอย่างรวดเร็ว รอบที่สองจะเริ่มในช่วงบ่าย เป็นการแพ้คัดออกจากแปดเหลือสี่

ทุกคนมีระยะเวลาให้พักหนึ่งชั่วยามก่อนรอบที่สองจะเริ่มขึ้น

รอบที่สองยังคงเป็นการเสี่ยงโชคเลือกคู่ประลอง

ฉินหยุนได้ขึ้นเป็นคู่แรก!

คู่ประลองของเขา เป็นชายหนุ่มอายุราวสามสิบ อีกฝ่ายเป็นชายร่างใหญ่สูงเกือบสองเมตร กระนั้นยามพูดจากลับสุภาพอย่างยิ่ง

ครั้งฉินหยุนประมือกับผู้อื่น เขาก็มีโอกาสได้รับชมฝีมือคู่ประลอง

ชายหนุ่มที่ประลองกับเขาในรอบนี้ หาได้ใช่ผู้ที่ก่อการต่ำช้าทำร้ายอีกฝ่ายรุนแรงไม่ ด้วยเหตุนี้พวกเขาทั้งสองจึงประมือกันอย่างค่อยเป็นค่อยไป

การประมือกันเช่นนี้ในการประลองยุทธ์ โจมตีเพื่อชี้จุดอ่อนแก่คู่ต่อสู้ ถือว่าได้รับประโยชน์ร่วมกันทั้งคู่

ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงประมือกันอยู่นานนัก

ท้ายที่สุด ฉินหยุนใช้วิชาหานซาน ทำการสะกดข่มร่างใหญ่โตของอีกฝ่าย

ชายหนุ่มที่ประมือกับฉินหยุนมานาน ค่อยทราบว่าพละกำลังของตนด้อยกว่าฉินหยุน ด้วยเหตุนี้หลังล้มลงแล้ว เขาจึงตะโกนขอยอมแพ้อย่างเร่งรีบ

ส่วนการประลองสองคู่ถัดจากนั้นค่อนข้างเป็นไปอย่างรวดเร็ว ผลลัพธ์ของทั้งสองคู่ตัดสินกันเร็วมาก

คู่ประลองที่สี่ คือเจียงจื้อหู่กับฉิงเฟยเก๋อ!

ตอนนี้เกือบจะพลบค่ำแล้ว

หลังเจียงจื้อหู่เดินขึ้นบนลานประลอง ใบหน้าของเขาเคร่งเครียด เขาทราบว่าฉิงเฟยเก๋อเป็นคนโฉดชั่ว ยามเมื่อปีนป่ายขึ้นขุนเขา เป็นเขาฉวยโอกาสลงมือต่อฉินหยุนและผู้ฝึกตนจำนวนมาก ทำให้พวกเขาตกลงมาจนเป็นฝ่ายล้าหลัง

“เจ้าและฉินหยุนเหมือนจะเป็นสหายกัน เช่นนั้นคงรู้เรื่องข้าดีแล้ว!” อีกฝ่ายวันนี้สวมใส่ชุดสีเขียว ร่างผอมสูง ใบหน้าก็ค่อนข้างผ่ายผอม เผยออร่าชั่วช้าเด่นชัด ทำเอาผู้คนทราบว่านี่ต้องไม่ใช่คนดีอย่างแน่นอน

เจียงจื้อหู่มีโทสะ ไม่เพียงแต่ฉิงเฟยเก๋อไร้ซึ่งหัวใจ แต่กลับภาคภูมิใจกับสิ่งที่ก่อกรรมไว้!

“บุคคลชั่วช้าเช่นเจ้า ยามปีนป่ายขึ้นขุนเขา ถึงกับทำน้องหยุนร่วงหล่นลงมา เรื่องนี้ไม่อาจปล่อยไปได้!” เจียงจื้อหู่โพล่งโทสะออก

ฉิงเฟยเก๋อหัวเราะดัง “ทำได้ก็ลองดู!”

เจียงจื้อหู่กราดเกรี้ยววิ่งเข้าใส่ คิดระบายโทสะสุมแน่นในการประลองกับฉิงเฟยเก๋อ

ก่อนขึ้นลานประลอง ฉินหยุนได้กล่าวเตือนเจียงจื้อหู่ให้ระวังอยู่ก่อนแล้ว เขาเป็นกังวลอย่างยิ่ง ว่าฉิงเฟยเก๋อจะมีวิธีการต่ำช้าซุกซ่อนเอาไว้ใช้จัดการเจียงจื้อหู่

เจียงจื้อหู่แข็งแกร่ง สามารถทัดเทียมได้กับฉิงเฟยเก๋อ เพียงเรื่องนี้ก็ทำเอาผู้คนต่างรับชมชายซื่อตรงร่างใหญ่ด้วยความนับถือ

เป็นที่ทราบกันดีว่าฉิงเฟยเก๋อเป็นหลานชายของผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำ เขาเติบโตขึ้นในเมืองระดับลึกล้ำตั้งแต่ยังเยาว์ จุดเริ่มต้นทางวิถียุทธ์ของเขา ถือว่าเหนือล้ำกว่าผู้คนทั่วไป

แต่แล้วชั่วขณะนี้ เจียงจื้อหู่ผู้มีภูมิหลังธรรมดา กลับมีพละกำลังทัดเทียมฉิงเฟยเก๋อ!

ฉินหยุนรับชมการประลองพร้อมหรี่ตา โดยเฉพาะเมื่อใบหน้าของฉิงเฟยเก๋อเผยโทสะออก

ทันใดนี้เอง เมื่อฉิงเฟยเก๋อสะบัดฝ่ามือวูบ ปรากฏวัตถุขนาดเล็กพุ่งเข้าหาเจียงจื้อหู่!

“พี่หู่ เป็นอาวุธลับ!” ฉินหยุนตะโกน

ฉินหยุนยังทราบ ดังนั้นผู้อาวุโสที่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณย่อมทราบ!

ทั่วทั้งร่างเจียงจื้อหู่เจ็บปวดเพราะโดนเข้าโจมตีโดยอาวุธลับ ฉิงเฟยเก๋อขณะนี้เร่งรีบทะยานกายเข้าหาเจียงจื้อหู่ คิดทุบตีอีกฝ่ายจนสาหัส!

ค่ายอาคมใหญ่พลันปิดตัวลง ใบหน้าของแม่เฒ่าเยี่ยกราดเกรี้ยวขณะเข้าคุ้มกันเจียงจื้อหู่

“ฉิงเฟยเก๋อ เจ้าขัดต่อกฎใช้งานอาวุธลับงั้นหรือ!” แม่เฒ่าเยี่ยตะโกนกราดเกรี้ยว

“นั่นคือวิญญาณยุทธ์เจ็ดดาบของข้า เป็นข้าก่อร่างดาบขนาดเล็กยิ่งขึ้นมา พวกมันจะนับเป็นอาวุธลับได้อย่างไร?” ฉิงเฟยเก๋อหัวเราะเสียงเย็น “หากไม่เชื่อ ลองดูที่ร่างของอีกฝ่าย ดูว่าท่านพบเจออาวุธลับอันใดหรือไม่”

ชายชราจากขุนเขาลึกล้ำดาบเองก็ก้าวเดินออก กล่าวทั้งใบหน้ายิ้มแย้ม “แม่เฒ่าเยี่ย วิญญาณยุทธ์ของเขาเป็นวิญญาณยุทธ์เจ็ดดาบจริง หาได้ใช่อาวุธลับไม่!”

แม่เฒ่าเยี่ยยังตรวจสอบร่างกายเจี้ยงจื้อหู่ พบว่ามีบาดแผลขนาดเล็กจำนวนหนึ่ง พวกมันเกิดขึ้นเพราะการทิ่มแทงจากอะไรบางอย่างที่คมกริบ นางพิจารณาถี่ถ้วนก่อนจะพบว่าไม่มีอะไรหลงเหลือ

“พี่หู่ ยังไหวใช่หรือไม่?” ฉินหยุนเร่งรีบเอ่ยถาม

“ข้ายังสบาย ชายคนนี้ชั่วช้านัก!” แม้เจียงจื้อหู่โดนต่อยไปหลายครั้ง แต่ด้วยร่างกายแข็งแกร่ง พร้อมวิญญาณยุทธ์ไม้ในร่าง ทั้งหมดคือปราการปกป้องเขาจากอันตราย

“แม่เฒ่าเยี่ย เฟยเก๋อชนะการประลองนัดนี้ใช่หรือไม่?” ชายชราจากขุนเขาลึกล้ำดาบกล่าวถาม

“ฉิงเฟยเก๋อชนะ!” แม้แม่เฒ่าเยี่ยไม่ยินดี แต่นางก็ทำได้แค่ประกาศ เพราะนางไม่อาจหาหลักฐานที่ฉิงเฟยเก๋อใช้อาวุธลับ

ฉินหยุนเดินไปข้างกายเว่ยจงเจิ้งและเอ่ยคำ “ฉิงเฟยเก๋อผู้นั้นมีลูกไม้ในแขนเสื้อเก็บไว้เยอะนัก! ตอนข้าอยู่บนภูเขา เป็นมันต่อยข้าทีเผลอจนร่วงหล่นลงมา!”

หงเหยียนกล่าว “ชายคนนี้ เพื่อให้ได้รับอันดับหนึ่ง น่าจะพร้อมทำทุกวิถีทาง! รางวัลของอันดับหนึ่งถือว่าดีอย่างยิ่ง ตราบเท่าที่ชนะ เขาจะได้ยกระดับพลัง กระทั่งข้ายังเสียดายที่ไม่ได้เข้าร่วมการคัดเลือกด้วย!”

หงเหยียนอยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่หนึ่ง เป็นเรื่องยากสำหรับเขาเช่นกันที่จะเลื่อนระดับสู่ระดับที่สอง

เว่ยจงเจิ้งขมวดคิ้วกล่าว “เสี่ยวหยุน หากเจ้าพบเจอคนเช่นนี้ ต้องระวังเอาไว้ให้ดี! วิญญาณยุทธ์ของเขาคือวิญญาณยุทธ์เจ็ดดาบของจริง แต่สิ่งที่เขาเพิ่งใช้เมื่อครู่ เป็นอาวุธลับอย่างแน่นอน กระนั้นมันหายเข้าร่างกายไปได้! นับเป็นอาวุธลับที่คิดมาอย่างปราดเปรื่องนัก!”

“ขอรับ ข้าจะระวังไว้!” ฉินหยุนพยักหน้ารับ

แม้เป็นการประลองยุทธ์ แต่พอฟ้าใกล้มืดก็ต้องหยุดพัก

ราตรีกาลมาเยือน ผู้คนเริ่มกลับกระโจมของตนเองไปพักผ่อน

เมื่อฟ้าสางวันใหม่ พวกเขาค่อยเดินออกจากกระโจม

ช่วงเวลานี้เอง พวกเขาได้ทราบว่าผู้อาวุโสขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำจำนวนหนึ่งมาถึงแล้ว

วันนี้คือการประลองเฟ้นหาอันดับหนึ่ง ดังนั้นผู้อาวุโสขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำจะต้องมา เพื่อร่วมมือกันสร้างอักขระชีวิตให้แก่ผู้ชนะ เพื่อให้ผู้ชนะเลิศได้ก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สอง!

การประลองยุทธ์ในรอบที่สาม จัดขึ้นที่เดิมแต่เช้าตรู่ รอบนี้จะเป็นการคัดออกจากสี่เหลือสอง

คู่ต่อสู้ของฉินหยุน เป็นหญิงมากล้นเสน่ห์นามเหยียนหลีลู่

การประลองคู่แรก คือฉินหยุนและเหยียนหลีลู่!

ผู้คนต่างรวมตัวรอบลานประลองยุทธ์อย่างรวดเร็ว

เหยียนหลีลู่สวมใส่ชุดสีชมพูบาง นางยืนบนลานประลองยุทธ์ขณะหรี่ดวงตาเย้าเสน่ห์มองฉินหยุน สายตาของนางเปรียบดั่งแพรไหมที่เรียบเนียน มันเป็นการดึงดูดและเชื้อเชิญ

ฉินหยุนมองที่ดวงตาของเหยียนหลีลู่เช่นเดียวกัน โดยไม่ทราบ เขารู้สึกว่าร่างกายร้อนรุ่มขึ้นมา!

“การประลองยุทธ์เริ่มได้!” แม่เฒ่าเยี่ยประกาศดัง

หลังสิ้นเสียงประกาศ แสงสว่างวูบปรากฏตรงหน้าฉินหยุน ที่เขาได้เห็นคือเหยียนหลีลู่ในชุดสีชมพู กลับกลายแปรเปลี่ยนเป็นหมอกสีชมพูฟุ้งทั่ว!

หมอกนี้ค่อนข้างอ่อนจางจึงมองเห็น ร่างกายขาวนวลเย้าเสน่ห์เห็นคลุมเครือ นับเป็นการปลุกกระตุ้นชั้นดี

ฉินหยุนตระหนัก พร้อมกันนี้ เขารู้สึกได้ว่าฝ่ามือของเหยียนหลีลู่ประทับเข้าที่ตัวเองแล้ว!

“หญิงผู้นี้... ใช้พลังจิตทำให้เราสับสนงั้นหรือ!”

พลังจิตของฉินหยุนแข็งแกร่ง เขาสามารถตอบสนองได้โดยทันที!

อย่างรวดเร็ว เขาผลักฝ่ามือพันอาชาออก ใช้งานพลังของมหาวิถีแห่งเต๋าโจมตีเข้าใส่ฝ่ามือขาวนวลของเหยียนหลีลู่!

“อ๊า!” เหยียนหลีลู่ร้องอุทานดัง

นางไม่คาดคิด ว่าฉินหยุนจะตื่นขึ้นจากมนต์เสน่ห์ของนาง ทั้งยังปล่อยฝ่ามือตอบโต้นางอย่างไม่ยั้งมือ

“ข้ายอมแพ้!” รอยแดงเด่นชัดปรากฏที่ฝ่ามือของเหยียนหลีลู่

นางมองที่ฉินหยุนด้วยความไม่พอใจขณะเดินลงจากลานประลองไป

ฉินหยุนลอบตระหนักนึกย้อน แม้อีกฝ่ายเป็นโฉมงามร่างกายอ้อนแอ้น กระนั้นพลังป้องกันกลับเหนือล้ำ แรงปะทะโดยฝ่ามือพันอาชา เพียงทำให้นางถอยไปสองก้าว ฝ่ามือเพียงแค่แปรเปลี่ยนเป็นสีแดง

เหยียนหลีลู่ทราบว่ามนต์เสน่ห์ของนางไม่อาจใช้งานกับฉินหยุน หลังโดนซัดฝ่ามือไปคราหนึ่ง นางทราบดีกว่าใครว่าไม่อาจทัดเทียมอีกฝ่าย ดังนั้นจึงตัดสินใจประกาศยอมแพ้ หากยังดื้อรั้น จะกลายเป็นนางที่ได้รับบาดเจ็บ

ด้วยเหตุนี้ ฉินหยุนจึงเข้าสู่รอบสุดท้าย!

คู่ประลองนัดถัดไปเป็นของฉิงเฟยเก๋อ คู่ต่อสู้ของเขาเป็นชายหน้าทรงสามเหลี่ยม ทันทีเมื่อเท้าก้าวขึ้นลานประลอง ด้วยความฉลาดเอาตัวรอดจึงประกาศยอมแพ้โดยทันที

นับจากนี้ การประลองยุทธ์ระหว่างฉินหยุนและฉิงเฟยเก๋อจะจัดขึ้นในตอนบ่าย!

การประลองยุทธ์รอบสุดท้าย ต้องรอให้ยอดฝีมือขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำทั้งหมดมาถึงก่อน

สำนักระดับลึกล้ำทั้งหลายแห่ง ส่งยอดฝีมือขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำมารวมกันเกือบสามสิบคน

ด้วยพวกเขาร่วมมือกัน จะทำการช่วยเหลือผู้ฝึกตนซึ่งได้รับอันดับหนึ่งจากการประลองยุทธ์ ก่อร่างอักขระแห่งชีวิตอีกตัวหนึ่งขึ้นมา

ที่กระโจมของเกาะลึกล้ำน้ำเต้า พลันบังเกิดเสียงกรีดร้องดังขึ้น!

ฉินหยุนพอได้ยินเสียงนี้ เขาเร่งรีบทะยานกายไปพร้อมหงเหยียน

เว่ยจงเจิ้งเองก็ตามไปเช่นเดียวกัน

ภายในกระโจม เจียงจื้อหู่สำรอกออกเป็นเลือดสีดำ ดวงตาแปรเปลี่ยนเป็นแดงฉาน เสียงกรีดร้องยังคงดัง

“พี่หู่! พี่หู่!” ฉินหยุนพอได้เห็นดังนี้ เขาตระหนกจนถึงขั้นสีหน้าซีดเผือด

“น้องชาย! เจ้าต้องระวังไอ้เดรัจฉานฉิงเฟยเก๋อให้ดี!” เจียงจื้อหู่ร้องบอกขณะอดทนต่อความเจ็บปวด กล่าวคำจบเขาก็สำรอกเอาเลือดสีดำออกมาอีกคำหนึ่ง

เว่ยจงเจิ้งเร่งรีบเข้าไป นำฝ่ามือวางที่หน้าอกของเจียงจื้อหู่ สีหน้าเขาถึงกับแปรเปลี่ยน “เป็นพิษของแมลงที่น่ากลัวนัก! มันไปรวมกันที่หัวใจ กำลังกัดกินเลือดและพละกำลัง โชคยังดีที่ตัวแมลงพิษไม่อยู่แล้ว!”

ชายชราจากเกาะน้ำเต้าขมวดคิ้ว “มีแมลงพิษเช่นนี้ได้อย่างไรกัน?”

“เป็นฉิงเฟยเก๋อแน่!” ฉินหยุนกราดเกรี้ยว “มันไม่ควรได้รับการให้อภัย!”

“ที่แก่นเต๋าของข้า มีแมลงพิษเช่นนี้คงอยู่!” ชั่วขณะนี้ เจียงจื้อหู่คล้ายไม่เจ็บปวดใดอีก

เว่ยจงเจิ้งเร่งรีบตรวจสอบแก่นเต๋า จากนั้นจึงใช้พลังอันแกร่งกล้าของตนเอง สังหารแมลงพิษนั้นทิ้งไป

“ความเสียหายที่แก่นเต๋าค่อนข้างร้ายแรงนัก!”

ชายชราจากเกาะน้ำเต้าเผยสีหน้าแปรเปลี่ยน “เจียงจื้อหู่ ด้วยสภาพเจ้าตอนนี้... คงไม่อาจเข้าร่วมเกาะลึกล้ำน้ำเต้า!”

สีหน้าเจียงจื้อหู่แปรเปลี่ยนมหาศาล “ผู้อาวุโส ท่านกลับคำพูดหรือ? เป็นฉิงเฟยเก๋อที่ทำให้ข้าเป็นเช่นนี้ พวกท่านไม่คิดสะสางเรื่องราวกับเขาหรือ?”

ชายชราส่ายศีรษะ “พวกเราไม่มีหลักฐานที่แน่ชัด... ต้องขออภัยแล้ว หนึ่งแสนเหรียญม่วงนี้ และกระเป๋ามิติเก็บของใบนี้ ถือเป็นของชดเชยก็แล้วกัน!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด