ตอนที่แล้วRe-new ตอนที่ 63 แยกบ้าน (1)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปRe-new ตอนที่ 65 บ้านเก่า

Re-new ตอนที่ 64 แยกบ้าน (2)


ตอนที่ 64 แยกบ้าน (2)

"ท่านพ่อ เรื่องแยกจากบ้านใหญ่เป็นความคิดของข้าเอง ไม่เกี่ยวกับท่านแม่กับพี่สะใภ้หรอก" หยูไห่เอ่ยอีกครั้งพร้อมกับมองไปที่เฒ่าหยู

เฒ่าหยูขมวดคิ้วมากขึ้นแล้วดุออกมาว่า "หมายความว่าเยี่ยงไรที่จะแยกออกจากบ้านใหญ่ ?   เลิกคิดมากเสีย ! ไว้ขาหายดีแล้วค่อยพูดเรื่องนี้กันใหม่ก็ยังมิสาย ! "

หยูเสี่ยวเฉาพูดแทรกขึ้นทันที "ถ้าหากพวกเรายังมิแยกบ้าน บ้านสองทั้งบ้านก็คงจะถูกขายสิเจ้าคะ ! ท่านปู่เจ้าคะถ้าท่านพ่อมิออกมาช่วยเราไว้ เสี่ยวเหลียนกับข้าก็คงไม่อยู่ที่นี่แล้ว  เราต้องแยกบ้านตอนนี้ จะได้มิมีผู้ใดคิดจะขายพวกเราอีก ! "

"ขายหลานเยี่ยงนั้นรึ ? " ดวงตาพร่ามัวของเฒ่าหยูมีแววเย็นชาขึ้นมาทันทีจนทำให้รู้สึกเย็นวาบขึ้นมา เขาจำได้ว่าภรรยาของเขาออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้าตรู่ พอเชื่อมโยงเหตุการณ์ได้แล้วเขาก็จ้องไปที่นางจางและนางหลี่อย่างโกรธแค้นพร้อมกับแผดเสียงดังออกมาอย่างเกรี้ยวกราด "ปู่ยังมิตาย ผู้ใดมันบังอาจมาขายหลานของข้ากัน ! ตระกูลหยูมิมีวันทำเรื่องอัปยศอย่างการขายลูกหลานตนเองเด็ดขาด ! "

น้อยครั้งมากที่เฒ่าหยูจะโกรธจัดเช่นนี้ นางหลี่ก้มหน้าลงอย่างตกใจและหลบอยู่ด้านหลังแม่สามี นางจางเองก็กลัวแต่ก็ยังเถียงว่า "เป็นสาวใช้ของตระกูลโจวมิดีตรงไหนกัน ? มิต้องกังวลเรื่องอาหารหรือเสื้อผ้า เงินก็ได้เดือนละ 1 - 2 ตำลึง จะหาข้อตกลงที่ดีเช่นนี้ได้จากที่ใดอีก ? เราเสียเงินรักษาอาการบาดเจ็บของลูกรองไปเกินครึ่งของเงินที่มีแล้วนะ ตอนนั้นเราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาจะฟื้นขึ้นมาเมื่อไหร่ ค่ายาค่ารักษาเขาวันละตั้งหลายเฉียน รายได้ของครอบครัวช่วงนี้ก็ลดลง...ข้าก็แค่ทำเพื่ออนาคตของครอบครัวเราทั้งหมด ! "

"ตอนนี้ลูกรองก็ฟื้นแล้วมิใช่รึ ? อย่าเอาเรื่องแยกบ้านมากล่าวอีก ! " เฒ่าหยูรู้นิสัยที่แท้จริงของนางจางดี ตอนที่ภรรยาคนแรกของเขาตายไป เขาตัดสินใจผิดพลาดถึงขนาดนี้ได้เยี่ยงไรที่แต่งงานกับผู้หญิงเลวทรามต่ำช้าเช่นนี้ ?

เมื่อก่อนเขาก็ทะเลาะกับนางจางเวลาที่นางทำเรื่องแย่ ๆ กับลูกรอง แต่นางก็มักจะเกรี้ยวกราดใหญ่โตและคร่ำครวญถึงความเดือดร้อนของครอบครัวและความลำบากของตนเอง  บางครั้งนางก็ตกลงที่จะเปลี่ยนแต่พริบตาต่อมาก็จะกลับไปเป็นเฉกเช่นเดิมอีก

ตอนที่หยูไห่อายุ 8 ขวบ เขาพยายามจับปลาในแม่น้ำจนเกือบจมน้ำตายเพราะหิวมาก  ตอนนั้นเฒ่าหยูตัดสินใจอย่างเด็ดขาดว่าจะหย่ากับนาง แต่ไม่คิดว่านางจางจะกำลังท้องลูกของเขา หลังจากที่ทะเลาะกับนางเขาก็ตัดสินใจที่จะเก็บนางไว้เป็นภรรยาของเขาต่อไป ไม่คิดเลยว่าหลังจากที่นางคลอดลูกสาม นางจางก็ยิ่งใจร้ายและเข้มงวดมากขึ้น นางหมกมุ่นอยู่แต่กับลูกแท้ ๆ ของนางและไม่ดูแลลูกชายและลูกสาวของเขาที่เกิดกับภรรยาคนแรกอีกต่อไป

หลายปีผ่านไป ทุกครั้งที่เขาเถียงกับนาง นางก็มักจะอาละวาดเช่นนี้ เพื่อความสงบในครอบครัวเขาจึงได้แต่ทำเป็นมองไม่เห็นสิ่งที่นางทำ...ทำให้ครอบครัวของลูกรองต้องลำบาก

เฒ่าหยูรู้สึกผิดอยู่ในใจมาตลอด หมอซุนบอกว่าขาขวาของเขาคงใช้การไม่ได้ในอนาคต  และถ้าอาการหนักมาก ๆ เขาอาจจะต้องตัดขา ครอบครัวของลูกรองมีแต่คนป่วยกับคนอ่อนแอ ถ้าพวกเขาไม่แยกครอบครัว ตราบใดที่เขายังอยู่ พวกเขาก็จะมีอาหารให้กิน...และถ้าเขาตายไป ลูก ๆ ของลูกรองก็จะโตขึ้นกว่านี้และจะทำงานได้...

ตรงข้ามกับความคิดของเขา หยูไห่ตัดสินใจแล้วและพูดออกมาจากใจจริงว่า "ท่านพ่อ ถ้าท่านพ่อรักข้าจริง ๆ ก็ให้พวกเราแยกบ้านไปเถอะ ข้าขอร้อง ! "

เมื่อเห็นแววตาจริงจังของลูกชาย เฒ่าหยูก็รู้สึกเจ็บแปลบในอก ตอนที่ภรรยาคนแรกของเขากำลังจะตาย นางได้ขอร้องซ้ำแล้วซ้ำอีกว่าให้เขาดูแลลูกให้ดี แต่เขาไม่สามารถทำตามสัญญาได้ ลูกสาวคนโตของเขาแต่งงานกับคนที่อยู่ห่างไกลจากที่นี่ การเดินทางต้องใช้เวลาประมาณ 4 - 5 วัน ตั้งแต่ที่นางคลอดลูกของตนเอง นางก็แทบไม่กลับมาเยี่ยมบ้านพ่อแม่อีกเลย ส่วนลูกชายสุดที่รักของภรรยาคนแรกของเขาก็พิการเสียแล้ว หากเขาตายไป เขาจะไปสู้หน้าภรรยาคนแรกของเขาได้เยี่ยงไรกัน ?

เฒ่าหยูมัวแต่ครุ่นคิดจนลืมตัว เขาคิดว่าได้เห็นหญิงสาวผู้งดงามในสวนผักสีเขียวกำลังส่งยิ้มหวานให้เขาอีกครา...

ด้วยนิสัยเลว ๆ ของนางจางและเรื่องที่ว่าลูกรองจะอยู่ที่บ้านเหมือนเป็นกาฝากในอนาคต  เฒ่าหยูไม่อาจจินตนาการได้เลยว่านางจะยิ่งใจร้ายถึงเพียงไหน ช่างเถอะ ถ้าลูกรองอยากแยกจากบ้านใหญ่ก็ให้เขาไป วันหน้าเขาค่อยช่วยเหลือครอบครัวลูกรองเป็นการส่วนตัวก็ได้  และพวกเขาก็จะได้อยู่ห่างจากที่นี่...

หลังจากนั้นเฒ่าหยูก็บอกให้ต้าชานไปเชิญพี่ชายของเขากับหัวหน้าหมู่บ้านมาเพื่อพูดคุยรายละเอียดเรื่องการแยกครอบครัว

หยูลี่ชุน พี่ชายคนโตของเฒ่าหยู โกรธแทนหลานชายของเขา "น้องสาม ! ต้าไห่เป็นคนที่ขยันที่สุดในบ้านมิใช่รึ ! ตั้งสติแล้วคิดสักหน่อย ! ถ้ามิใช่เพราะต้าไห่ขยันทำงานหนัก ทั้งครอบครัวจะได้อยู่กันอย่างสุขสบายเช่นนี้รึ ? นี่เขาเพิ่งฟื้นขึ้นมาก็จะผลักไสกันออกไปแล้ว  เจ้ายังจะไปสู้หน้าท่านแม่ที่ตายไปแล้วได้อีกรึ ? "

"ท่านพี่ใหญ่ ลูกรองเป็นคนอยากแยกออกไปเอง เกี่ยวอะไรกับพวกเราล่ะ ? " นางจางรู้สึกไม่ชอบใจ คนที่ไม่เกี่ยวข้องพวกนี้กำลังวิพากษ์วิจารณ์ด่าว่าพวกเขาทั้ง ๆ ที่มันเป็นเรื่องของครอบครัวพวกเขา พวกดีแต่เอ่ยออกมาลองเจอกับตัวเองบ้างสิ ถ้าไม่แยกบ้าน พวกเจ้าจะรับไปดูแลเองงั้นหรือ ? '

หยูลี่เซีย ลุงรองของหยูไห่ที่อาศัยอยู่นอกหมู่บ้านและไม่ค่อยได้ไปมาหาสู่กันมีนิสัยที่ค่อนข้างดุ เขาจ้องหน้าหญิงชราแล้วตะคอกออกมาว่า "ผู้ชายกำลังคุยกัน ผู้หญิงอย่างเจ้าสอดเข้ามายุ่งได้เยี่ยงไร ? "

นางจางบ่นพึมพำเบา ๆ อย่างไม่พอใจ "ครอบครัวเราคือคนที่จะแยกบ้านนะ จะไม่เกี่ยวกับข้าได้เยี่ยงไรกัน ? "

แม้ว่าหมู่บ้านตงชานจะเป็นหมู่บ้านชาวประมงเล็ก ๆ แต่หัวหน้าหมู่บ้านหลิวเจียชุนก็เป็นคนที่ชาวบ้านเคารพนับถือเขาเป็นอย่างมาก เขามองหน้านางจาง นางจางจึงได้เริ่มเงียบทันที จากนั้นเขาก็เริ่มพูดกับเฒ่าหยู "น้องลี่ชิววางแผนจะแยกบ้านเยี่ยงไร ? "

เฒ่าหยูพ่นควันยาสูบของเขาแล้วคิดนิดหนึ่งก่อนจะเอ่ยว่า "ข้ามีแผนแล้ว เราจะแบ่งทรัพย์สินของครอบครัวเป็น 4 ส่วนเท่า ๆ กัน ต้าชานกับน้องชายคนอื่น ๆ ของเขาจะได้คนละส่วน ข้ากับเมียจะได้ 1 ส่วน... "

"มิได้ ! ไซตี้ยังมิได้แต่งงานก็ควรจะได้ส่วนแบ่งด้วย ! เยี่ยงนั้นใครจะให้สินเดิมลูก ? ตระกูลจ้านให้เงิน 8 ตำลึงเป็นของหมั้นลูกเชียวนะ ! แล้วในอนาคตลูกสามก็จะเข้าสอบรอบคัดเลือกระดับประเทศอีก ค่าใช้จ่ายจะต้องมากเป็นแน่ หรือเจ้าจะบอกว่าพี่ชายที่แยกบ้านออกไปจะส่งเสียเรื่องเงินให้เขาล่ะ ? " ทันทีที่ได้ยินข้อเสนอนั้นนางจางก็ไม่ชอบใจขึ้นมาทันที

เฒ่าหยูเคาะกล้องยาสูบใต้โต๊ะแล้วเอ่ยว่า "งั้นก็แบ่งเป็น 5 ส่วนเท่า ๆ กัน ไซตี้จะได้ส่วนแบ่งด้วย หลังแยกบ้าน พ่อกับแม่จะอยู่กับลูกคนใดคนหนึ่งและเมื่อเราตายส่วนแบ่งของเราก็จะเป็นของลูกคนนั้น หลังตกลงกันแล้วก็ไม่ได้หมายความว่าการแยกบ้านจะเป็นการละทิ้งครอบครัว ครอบครัวของลูกรองยังอาศัยอยู่ในบ้านใหญ่กับเราได้ เราจะได้อยู่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ไม่แยกจากกัน เงินส่วนใหญ่ที่ซื้อเรือลำใหม่ ต้าไห่เป็นคนหามา และขาของเขาก็ไม่ดีแล้ว เพราะงั้นเรือจะเป็นของเขา ในอนาคตเขาจะได้ปล่อยให้เช่าเรือเพื่อหารายได้..."

ก่อนที่เขาจะพูดจบนางหลี่ก็ดึงแขนสามีอย่างแรง แต่เมื่อเห็นว่าเขาไม่พูดอะไร นางก็พูดขึ้นว่า  "ท่านพ่อ ต้าชานกับไห่สือเป็นลูกคนโตกับหลานคนโตของตระกูล เป็นหน้าที่ของพวกเขาที่ต้องดูแลท่านพ่อกับท่านแม่และท่านปู่กับท่านย่า ทั้งท่านพ่อทั้งท่านแม่ควรจะอยู่กับพวกเรา แต่ว่าสามีของข้ารู้แค่วิธีหาปลาเท่านั้น ถ้าเอาเรือให้น้องรอง แล้วพวกเราจะหากินกันได้เยี่ยงไร ? "

นางจางที่เก็บคำบ่นเอาไว้นานแล้วก็ได้จังหวะทันที "สะใภ้ใหญ่พูดถูกแล้ว เจ้าเป็นหัวหน้าครอบครัวนะ จะลำเอียงเกินไปหน่อยแล้ว ถ้าไม่มีเรือหาปลาแล้วพวกเราจะอยู่กันยังไง ?  เจ้ายังอยากให้ลูกสามเข้าสอบอยู่หรือไม่ ? ยังอยากให้ไซตี้ได้แต่งงานอยู่อีกหรือไม่ ? แล้วเรื่องการแต่งงานของไห่สือในอนาคตอีกเล่า ? ข้ามิเห็นด้วย มิเห็นด้วยถึงที่สุด ! "

" เรายังมีที่ดินอีก 3 แปลงมิใช่รึ ? ลูกใหญ่กับข้าเข้าเมืองไปหางานทำชั่วคราวอีกก็ได้...มิใช่ว่าไม่เคยอยู่แบบนั้นกันสักหน่อย" เฒ่าหยูเงียบไปนิดก่อนจะตอบออกมาขณะที่กำลังคิดถึงลูกสามที่ขยันเรียนและมีความสามารถ

นางจางส่งเสียงแหลมปรี๊ดจนทุกคนพากันแสบแก้วหู "ที่ดิน 3 แปลงนั่นปีหนึ่งให้ผลผลิตมากพอเลี้ยงพวกเราไปได้แค่ 6 เดือนเท่านั้น เมื่อก่อนตอนที่เรามีลูกน้อยกว่านี้ ข้ายังไม่กล้ากินมากเกินไปหรือซื้อเสื้อผ้าใหม่เลยเพื่อที่จะได้ประหยัด ๆ เราสะสมทรัพย์สมบัติมาได้มากขนาดนี้ด้วยความยากลำบาก แต่เจ้าก็เอาให้ลูกรองไปหมด ! ใช่สิ ต้าชานเป็นลูกติดจากสามีเก่าของข้านี่ เจ้าถึงได้ไม่สนใจไม่ห่วงใย ! แต่ลูกสามกับไซตี้เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเจ้ามิใช่รึ ? ตาเฒ่าเจ้ามิให้หนทางอยู่รอดกับพวกเราเลย ! ข้ามิยอม ! จะเอาเรือหาปลาให้ลูกรองมิได้  เว้นแต่เจ้าอยากจะบีบพวกเราที่เหลือให้ตาย ! "

หยูต้าชาน ลูกชายคนโตที่พูดช้าและซื่อสัตย์ก็พูดแทรกขึ้นมาด้วยอย่างกลัว ๆ หลังถูกภรรยาหยิกอยู่หลายครั้ง "ท่านพ่อ นอกจากหาปลาข้าก็ทำอย่างอื่นมิเป็น ถ้าเข้าเมืองก็คงหางานทำมิได้...ข้าก็ไม่เห็นด้วยที่จะเอาเรือให้น้องรอง..."

"ใช่แล้ว ใช่ ๆ ! ท่านพ่อกับท่านแม่ก็อาศัยอยู่กับเรา น้องเล็กก็ยังไม่ได้แต่งงาน น้องสามก็ยังเรียนและยังต้องใช้จ่ายอยู่กับครอบครัวเขาอีก เอาเรือให้มิได้เด็ดขาด ! " นางหลี่รีบเห็นด้วยทันที

หยูป่อกับหยูไซตี้ก้มหน้านิ่งเงียบ ไม่มีใครบอกได้ว่าพวกเขาคิดอะไรอยู่

หยูไห่ฟังทุกคนเถียงกันอย่างสงบและพูดขึ้นบ้างว่า "ท่านพ่อ ท่านหมอบอกว่าขาข้าจะไม่ดีขึ้น ยังไม่รู้เลยว่าจะยืนได้หรือไม่ ถึงมีเรือหาปลา ข้าก็ออกเรือไปจับปลามิได้แล้ว ข้ามิอยากได้เรือหรอก ส่วนที่ดิน 3 แปลงก็พอจะมีผลผลิตที่ดีอยู่ เอาที่ดินให้พวกเราก็ได้ เมียข้ากับลูก ๆ จะได้ปลูกพืชกิน ! "

หยูเสี่ยวเฉาไม่รู้วิธีจับปลา นางจึงไม่สนใจเรื่องเรือมากนัก ตอนนี้นางกำลังคิดถึงเรื่องอนาคต  ถ้าพวกเขายังอยู่ด้วยกัน มันก็จะไม่ได้แยกกันอย่างเด็ดขาด ถ้าอยู่ ๆ ครอบครัวของนางอยู่ดีกินดีขึ้นมา ตามนิสัยของนางจางกับนางหลี่แล้ว จะต้องก่อปัญหาให้พวกเขาอีกเป็นแน่ จะต้องทำเยี่ยงไรถึงจะอยู่ให้ห่างจากพวกหมาป่าที่หิวโหยพวกนี้ให้ไกลได้มากที่สุด ?

ขณะที่นางคิดอยู่นั้น ท่านพ่อของนางก็เอ่ยขึ้นอีกคราว่า "ลูกของพี่ใหญ่ก็กำลังโต น้องสามได้แต่เบียดเสียดกันอยู่ในห้องเล็ก ๆ ตอนที่กลับมาเยี่ยมบ้าน ถ้าครอบครัวของเรายังอยู่ด้วยกันทั้งหมด มันจะแออัดเกินไป ท่านพ่อยกบ้านเก่าของตระกูลให้ข้าได้หรือไม่ ? หลังจากทำความสะอาดสักหน่อยก็น่าจะพออยู่ได้แล้ว... ! "

บ้านเก่าของตระกูลหยูอยู่ที่เชิงเขาตะวันตก มันเป็นบ้านขนาด 3 ห้องที่ทำจากอิฐโคลน อีกทั้งยังมีลานบ้านขนาดพอเหมาะและด้านหลังก็มีบ่อน้ำขนาดใหญ่ ตอนที่แม่ของหยูไห่ยังมีชีวิตอยู่ ครอบครัวของพวกเขาเคยอาศัยอยู่ที่นั่น ต่อมาเมื่อความเป็นอยู่ของพวกเขาดีขึ้น  ทั้งครอบครัวก็ย้ายเข้ามาในหมู่บ้านที่ใกล้กับทะเลมากขึ้น

ไม่มีใครอยู่ในบ้านเก่า ๆ หลังนั้นมา 10 ปีแล้ว ถึงแม้ว่าทุกปีพวกเขาจะกลับไปซ่อมแซมเล็ก ๆ น้อย ๆ บ้าง แต่ไม่มีใครรู้ว่าบ้านนั้นจะเสียหายไปมากเท่าใดแล้ว นางจางคิดนิดหนึ่งแล้วก็ตัดสินใจไม่โวยวาย แต่นางก็ยังหวังว่าจะสามารถเก็บที่ดิน 3 แปลงเอาไว้ได้ ถึงมันจะไม่ได้ให้ผลผลิตมากมายอะไร แต่การไม่มีมันก็หมายความว่าในอนาคตพวกเขาจะต้องเสียเงินซื้อพวกธัญพืชและแป้ง ก็ไม่น่าแปลกใจที่นางจางต้องการเก็บมันเอาไว้ แต่เมื่อเทียบกับเรือหาปลาแล้ว ที่ดิน 3 แปลงก็มิได้สำคัญสักเท่าใดนัก

ในท้ายที่สุด นอกจากบ้านเก่า ๆ โทรม ๆ กับที่ดิน 3 แปลง ครอบครัวของเสี่ยวเฉาจะได้หม้อทำอาหาร, จานชามนิดเล็กน้อย, และเครื่องมือเพาะปลูกบางอย่าง

เมื่อเฒ่าหยูยกเรื่องแบ่งเงินออกเป็น 5 ส่วนขึ้นมาพูด สีหน้าของนางจางก็มืดมนขึ้นมาทันที

แต่หัวหน้าหมู่บ้านกับผู้อาวุโสของตระกูลหยูคนอื่น ๆ ต่างไม่มีใครเชื่อนางที่นางบอกว่าไม่มีเงิน นางจึงจำใจต้องควักเอาเงินอีแปะออกมา 2 - 3 พวงและเงินเฉียนอีกนิดหน่อยจากในไห แล้วโยนมันลงบนเตียงพร้อมกับเอ่ยเสียงดังว่า  "ตอนที่ลูกรองบาดเจ็บ ข้าใช้เงินไปเกือบหมดแล้ว ดูเสีย นี่คือเงินที่เหลือ ! "

เสี่ยวเฉามองดูเงินแล้วประเมินจำนวนเงินอีแปะและเงินเฉียนแล้ว อย่างมากก็ประมาณ 10 ตำลึง และพวกเขายังต้องแบ่งออกเป็น 5 ส่วนอีก อย่างมากครอบครัวของนางก็จะได้เพียงแค่ 2 ตำลึง ไม่พอซ่อมบ้านใหม่ของพวกเขาด้วยซ้ำ !

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด