ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0358 [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0360 [อ่านฟรี]

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0359 [อ่านฟรี]


ตอนที่ 359 : ขุนเขาเต่าดำ

เชี่ยวเย่ว์เหม่ยบรรจงจูบที่ใบหน้าฉินหยุนครั้งหนึ่ง ตามด้วยเสียงหัวเราะคิกคัก จากนั้นค่อยถอยกลับ ล่ำลา และหายตัวไปแทบจะในทันที เพื่อกลับคืนสู่วันอันเป็นอิสระของนางอีกครั้งหนึ่ง

ตลอดทางที่ผ่านมา หงเหยียนไม่ได้พูดอะไรมากนัก อย่างไรแล้ว เขาก็พ่ายแพ้ต่อเชี่ยวเย่ว์เหม่ยหลายครั้งครา ดังนั้นจึงแทบเงยหน้าไม่ขึ้น

ตอนนี้เชี่ยวเย่ว์เหม่ยไปแล้ว เขาจึงค่อยกล่าว “ลุงฉิน พื้นเพท่านเป็นอย่างไรกันแน่? เด็กสาวผู้นั้นถึงกับมีสัมพันธ์อันดีกับท่านได้เพียงนี้!”

“นางเป็นน้องสาวข้าผู้หนึ่ง! และนางก็ซุกซนยิ่ง!” ฉินหยุนยิ้มกล่าว

“อย่าได้เรียกว่านางซุกซนแล้ว เป็นนางเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว! นอกจากนี้ยังแข็งแกร่งมาก ทั้งยังไม่ใช่องค์หญิง เป็นข้าโดนนางหลอกลวง!” หงเหยียนอดไม่ได้ที่จะสบถออกเสียงเบา

ทั้งนี้เขายังรู้สึกขอบคุณต่อฉินหยุน ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่มีทางได้สิ่งของที่เสียไปกลับคืน

หงเหยียนทราบว่าขุนเขาเต่าดำอยู่ที่ใด เชี่ยวเย่ว์เหม่ยบอกต่อเขา ให้ช่วยพาฉินหยุนไปถึงที่หมาย

“ลุงฉิน ข้าคิดบอกท่านก่อน! หากคิดเข้าร่วมในรอบคัดเลือก ท่านต้องอายุน้อยกว่าสี่สิบปี!” หงเหยียนกล่าว “ท่านอายุมากกว่าสองร้อยปีไม่ใช่หรือ? เหตุใดคิดเข้าร่วมงานนี้?”

ฉินหยุนขมวดคิ้ว “พวกเขาสามารถบอกอายุแท้จริงของข้าได้? พวกเขาทรงพลังเพียงนั้น?”

หากเทียบเปรียบ ภายนอกสื่อชิงเฉิง ก็เปรียบดั่งหญิงสาวอายุราวยี่สิบกว่าปี แต่แท้จริงนางใช้ชีวิตมานานยิ่งแล้ว เขาแทบไม่สามารถบอกได้ด้วยซ้ำว่านางอายุเท่าใด

“ท่านไม่ทราบ คนพวกนั้นมีอุปกรณ์พิเศษเอาไว้ตรวจจับอายุผู้อื่น! ข้าไม่ค่อยทราบรายละเอียดมากนัก แต่เมื่อไปถึงท่านจะได้เห็นเอง” หงเหยียนยิ้ม

ในแดนยุทธ์อ้างว้าง บริเวณที่ใกล้เทือกเขาเมฆมังกรคือภูมิภาคทางเหนือ และภูเขาที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงที่สุดแถบนี้ ก็คือขุนเขาเต่าดำ

ภูเขานี้สูงเลิศล้ำ จากระยะไกล มันเปรียบดั่งเสาตั้งตรงขึ้นสู่ท้องฟ้า กล่าวกันว่ามันสูงกว่าหนึ่งแสนเมตร

ที่ยอดสุดของขุนเขา เป็นสถานที่ซึ่งทั้งร้อนและเย็น เป็นที่รู้จักกันในนามแดนแห่งน้ำแข็งและอัคคี

ฉินหยุนและหงเหยียนเดินทางกว่าสิบวัน จึงค่อยได้เห็นขุนเขาเต่าดำกันอย่างชัดเจน!

“สูงมาก!” ฉินหยุนที่ได้เห็นแต่ไกล ก็อดไม่ได้ที่จะร้องอุทานชื่นชม

“ที่ยอดเขาแห่งนี้ มีสำนักระดับราชันอันแข็งแกร่งตั้งอยู่!” หงเหยียนมองขึ้นบนภูเขา สายตาเผยปณิธานแรงกล้าออกมา “บิดาข้าได้บอกเอาไว้ ว่าเขาจะทำเต็มที่เพื่อส่งข้าเข้าร่วมสำนักระดับราชัน!”

สำนักระดับราชัน ถือว่ามีพละกำลังระดับเดียวกับราชอาณาจักรยุทธ์ ส่วนที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขา ก็คือการครอบครองมรดกการฝึกฝนจำนวนมหาศาล

หากองค์ชายแห่งราชอาณาจักรยุทธ์สามารถเข้าร่วมสำนักระดับราชัน ย่อมได้เรียนรู้วิชายุทธ์นานาชนิด เรื่องนี้จะทำให้ความแข็งแกร่งของพวกเขาเพิ่มพูน

“พวกเราหาได้สนใจสำนักระดับลึกล้ำ เป้าหมายของพวกเราคือสำนักระดับราชัน!” หงเหยียนหัวเราะ “หลังผ่านไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง ข้าจะเป็นศิษย์ของสำนักระดับราชัน! ถึงตอนนั้น ข้าจะจัดงานฉลอง เชิญท่านเข้าร่วมแคว้นยุทธ์หงของพวกเรา!”

“ยินดีแล้ว” ฉินหยุนตอบกลับ สำหรับเขาตอนนี้การได้เข้าร่วมสำนักระดับลึกล้ำ ก็ถือเป็นเรื่องดีมากแล้ว

หากบุคคลธรรมต้องการเข้าร่วมสำนักระดับราชัน พวกเขาก็ต้องแสดงศักยภาพได้ดีผ่านสำนักระดับลึกล้ำ จึงค่อยมีโอกาสได้ถูกส่งตัวไปสู่ระดับที่สูงขึ้น

สำนักระดับราชันมีไม่มาก ทั่วทั้งแดนยุทธ์อ้างว้างมีเพียงเจ็ดสำนักเท่านั้น

ขณะที่สำนักระดับลึกล้ำ มีมากมายหลายสิบแห่ง!

ที่ชายเขาของขุนเขาเต่าดำ เป็นพื้นที่ราบขนาดใหญ่ มีลานประลองยุทธ์กว้างสองถึงสามร้อยเมตรตั้งตระหง่าน

ลานประลองยุทธ์นี้ล้อมเอาไว้ด้วยเสาอาคมเก้าร้อยแปดสิบเอ็ดต้น แต่ละต้นสูงกว่าสิบเมตร นี่คือสถานที่สำหรับเอาไว้จัดการประลองอันดุเดือด!

ไม่ไกลออกไปจากลานประลองยุทธ์ มีหอขนาดใหญ่ตั้งอยู่ หากต้องการลงทะเบียนเข้าร่วม ก็ต้องเข้าไปในหอดังกล่าว

ฉินหยุนและหงเหยียนพอมาถึง ก็เป็นวันสุดท้ายพอดีแล้ว

พวกเขาเร่งรีบเข้าสู่หอหลักเพื่อทำการลงทะเบียน

ในหอหลักว่างเปล่า ผู้เข้าสมัครทุกคนล้วนลงทะเบียนกันเรียบร้อยแล้ว ช่วงเวลานี้ พวกเขาไปตั้งกระโจมพักผ่อนกันตรงชายเขากันหมดสิ้น

ทุกห้าปี จะมีขอบเขตวรยุทธ์เต๋าหนึ่งถึงสองร้อยคนได้เข้าร่วมสำนักระดับลึกล้ำ โดยผ่านการคัดเลือก

บรรดาผู้ที่อายุน้อยกว่าสี่สิบปี และก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าได้ ทั้งหมดล้วนนับว่ามีคุณสมบัติเพียงพอสำหรับเข้าร่วมสำนักระดับลึกล้ำที่ยิ่งใหญ่

“ข้าการต้องลงทะเบียนเข้าร่วมงานคัดเลือกขอรับ!” ฉินหยุนเดินเข้าไปที่โต๊ะ บอกกล่าวกับหญิงชรา

หญิงชรานำเอาแผ่นจานใบหนึ่งออกมา ยิ้มและกล่าว “วางมือลงบนแผ่นจานนี้ ข้าจะทดสอบอายุเจ้า!”

หงเหยียนเกร็งลำคอ แทบจะยืดมันออก เขาต้องการรู้ถึงอายุจริงของฉินหยุน

ภายในใจของเขา ฉินหยุนสมควรเป็นชายชราอายุเป็นร้อยปีแล้ว!

ฉินหยุนวางมือลงไป คำ “สิบเก้า” ปรากฏขึ้นบนแผ่นจาน ทำเอาหงเหยียนมองฉินหยุนดวงตาแทบถลน ดวงตาตอนนี้ใหญ่โตกว่าไข่ห่านด้วยซ้ำ!

“ก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าได้ด้วยอายุสิบเก้าปี ถือว่าไม่เลวเลย!” หญิงชราหัวเราะคิกคัก “แต่เจ้าก็ยังต้องผ่านการคัดเลือกก่อน ให้พวกเราได้เห็นพละกำลังแท้จริงของเจ้า!”

“นามข้าคือฉินหยุน!” ฉินหยุนกล่าว

“ดี นี่คือแผ่นหยกยืนยันตัวตนเข้าร่วม ค่าลงทะเบียนหนึ่งหมื่นเหรียญม่วง!”

ฉินหยุนรู้สึกคล้ายใจสลายยามมอบหนึ่งหมื่นเหรียญม่วงออกไป รับเอาแผ่นหยกมา หยดเลือดลงไปเป็นการยืนยันเจ้าของ

หงเหยียนตามฉินหยุนออกจากหอหลัก ระหว่างทางพวกเขาหาได้พูดคุยอันใดกันอีกไม่

ผู้อื่นเพียงทราบ ว่าฉินหยุนอยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋า กระนั้นหงเหยียนได้ทราบ ว่าฉินหยุนเป็นอาจารย์จารึกระดับสูงด้วย!

ตอนนี้เขาได้ทราบแล้วว่าฉินหยุนอายุเพียงสิบเก้าปี ถือว่าหาได้ยากยิ่งที่จะมีพรสวรรค์หลายด้านเช่นนี้แม้กับในแดนยุทธ์อ้างว้าง!

“ลุงฉิน...” หงเหยียนรู้สึกแปลกทันทีที่กล่าวเรียกหาฉินหยุนเป็นคนแก่ชรา จึงกลับกลายคำเสียงใหม่ “พี่หยุน ท่านยังเด็กนัก! แต่แล้วกลับได้เป็นอาจารย์จารึกระดับสูงด้วย!”

ฉินหยุนยิ้ม “ข้าไม่เคยกล่าวว่าแก่ชราแต่อย่างใด เป็นเจ้าทึกทักเอาเอง!”

หงเหยียนลูบมือไปมาขณะกล่าว “เป็นข้าผิดไปแล้ว! อย่าได้ห่วง ด้วยพละกำลังของท่าน ย่อมต้องดึงดูดความสนใจจากสำนักระดับลึกล้ำได้แน่!”

พวกเขาทั้งสองไม่ได้ตั้งกระโจม เพียงนำเอาเก้าอี้ออกมานั่งรอ การทดสอบคัดเลือกจะเริ่มขึ้นพรุ่งนี้ตอนรุ่งสาง!

ที่ชายเขา ทุกสิ่งอย่างล้วนตึงเครียด

ในแดนยุทธ์อ้างว้าง ตระกูลผู้ฝึกตนมีขนาดแตกต่างกันไปมากมาย

หากเป็นบุตรหลานชนชั้นสูง คิดอยากแข็งแกร่งขึ้น พวกเขาก็มีแต่ต้องเข้าสำนักเพื่อฝึกฝน

ท่ามกลางผู้ฝึกตนทั้งสิ้นสองพันคนที่นี้ จะมีเพียงยี่สิบหรือสามสิบคน ที่สามารถเข้าร่วมสำนักระดับลึกล้ำได้!

ไม่มีผู้ใดทราบว่าการคัดเลือกจะเกณฑ์ใดตัดสิน แต่ต้องไม่ใช่การประลองยุทธ์อย่างแน่นอน

แม้มีลานประลองยุทธ์อยู่นี่ แต่ด้วยจำนวนคนเกือบสองพัน คงต้องเสียเวลามากมายแล้วหากต้องประลองไปทีละหนึ่งคู่ประลอง

ฟ้าเริ่มสาง แสงสว่างเริ่มสาดส่อง ผู้สมัครทุกคนต่างยืนรอรับเรื่องราวที่ลานประลองยุทธ์

บุคคลที่รับหน้าที่ทดสอบคัดเลือก เป็นหญิงชราที่รับลงทะเบียนผู้คนที่นี่ นางให้เรียกหาเป็นแม่เฒ่าเยี่ย

แม่เฒ่าเยี่ยสวมใส่ชุดเกราะสีเงินสว่าง ท่าทีเปี่ยมด้วยจิตวิญญาณ นางเป็นผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่แปด นับว่าเป็นหญิงชราคนหนึ่งที่มีอัธยาศัยดี

ขณะลอยตัวกลางอากาศ นางกล่าวคำ “กระบวนการคัดเลือกง่ายดายนัก แต่การจะได้เข้าร่วมสำนักระดับลึกล้ำผ่านกระบวนการคัดเลือก ไม่ใช่เรื่องง่าย!”

“เจ้าต้องขึ้นไปบนขุนเขาเต่าดำที่ความสูงเจ็ดหมื่นเมตร ที่นั่นจะมีน้ำแข็งลึกล้ำควบแน่นอยู่มาก ให้สกัดน้ำแข็งลึกล้ำออกมา นำมันใส่แผ่นหยกที่ได้รับ เติมจนเต็มจากนั้นค่อยกลับลงมา!”

“สิบหกคนแรกที่กลับมาถึงด้านล่างโดยเร็วที่สุด จะได้รับการคัดเลือกโดยสำนักระดับลึกล้ำ!”

ผู้คนต่างมองที่ยอดของขุนเขาเต่าดำ สถานที่ซึ่งมีน้ำแข็งเย็นเยือกปกคลุม ออร่าน้ำแข็งของที่นี่ค่อนข้างลึกล้ำ

ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะขึ้นไปถึงบนนั้นได้!

“เข้าใจกันแล้วใช่หรือไม่? เช่นนั้นก็รีบเริ่มกันได้แล้ว! ระวังด้วย หากเจ้าไม่อาจทนไหว อย่าได้คิดอวดโอ่ ไม่เช่นนั้นจะมีแต่ความตายที่รออยู่!” แม่เฒ่าเยี่ยกล่าวคำจบจึงตะโกน “เริ่มได้!”

หลังประกาศเริ่มแข่งขัน ผู้ฝึกตนหลายคนเร่งร้อนนำวิชาตัวเบาของตนออกมา ทะยานกายพุ่งเข้าหาขุนเขา

แต่เมื่อถึงตัวผนังหน้าผาขุนเขา พวกเขาจึงได้พบว่าเป็นเรื่องแปลก กระแสความเย็นพุ่งเข้าหาพวกเขาอย่างไม่หยุดหย่อน

หากคิดโบยบินขึ้นไป ก็ต้องต้านรับความหนาวเย็นสุดขั้วนี้เอาไว้ กว่าจะขึ้นไปถึงระดับความสูงที่กำหนด ก็ต้องใช้พลังงานอย่างมหาศาล

ฉินหยุนคิดลอง แต่ก็ได้ทราบทันทีว่าไม่ใช่เรื่องง่าย พลังงานที่ต้องใช้สูญหายอย่างรวดเร็ว เขาไม่มีทางต้านรับออร่าน้ำแข็งระดับลึกล้ำเช่นนี้

ดังนั้นจึงต้องปีนขึ้นเขาผ่านหน้าผาภูเขา ค่อยเป็นค่อยไปจนกระทั่งถึงตำแหน่งที่มีน้ำแข็งซึ่งเป็นเป้าหมาย

ด้วยการเลือกปีนขึ้น ความเย็นหาได้ส่งผลกระทบใดมากนัก กระนั้นก็ไม่อาจปีนขึ้นได้อย่างรวดเร็ว

ท่ามกลางผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋าสองพันคน พวกที่อยู่แนวหน้าสุด ถือเป็นกลุ่มที่แข็งแกร่งที่สุด

ท่ามกลางคนกลุ่มนี้ สามารถบอกได้ว่าผู้ใดมีฝีมือมากล้ำ

ฉินหยุนเองก็อยู่ที่แนวหน้านี้เช่นกัน

มองไกลออกไป มีจุดขนาดเล็กสามารถมองเห็นได้บนขุนเขาเต่าดำสูงขึ้นไป เป็นคนจำนวนไม่กี่ร้อยที่นำหน้าพวกเขา คนกลุ่มนี้ถือว่ารวดเร็วยิ่งกว่า!

สุดท้ายแล้ว ก็จะมีเพียงแค่สิบหกคนที่สามารถเข้าร่วมสำนักระดับลึกล้ำ การแข่งขันย่อมเป็นไปอย่างดุเดือด

“ด้วยความเร็วตอนนี้ น่าจะต้องใช้เวลาหนึ่งหรือสองวัน กว่าจะไปถึงสถานที่ซึ่งน้ำแข็งเป้าหมายคงอยู่” ฉินหยุนมองขึ้นไป เร่งรีบเพิ่มความเร็วให้มากขึ้น

เพื่อให้ได้รับอันดับที่ดี เขาต้องใช้กำลังกว่าแปดในสิบเพื่อปีนป่าย

กลางวันผ่านพ้น ราตรีกาลมาเยือน ที่ยอดขุนเขาเต่าดำ ยิ่งมายิ่งหนาวเย็น

เดิมมีผู้ฝึกตนเกือบสองพันคนปีนป่ายขึ้นมา กระนั้นตอนนี้กว่าหนึ่งพันคนร่วงหล่นลงไปแล้ว บางคนกระทั่งได้รับบาดเจ็บสาหัส

ยามค่ำคืน ฉินหยุนยังคงปีนป่ายต่อเนื่อง นี่ก็เพราะมีกว่าสองถึงสามร้อยคนที่อยู่ระดับความสูงใกล้เคียงกับเขา หากเขาหยุดที่ตรงนี้ ก็ต้องถูกทิ้งไว้ด้านหลังแล้ว

ผู้ฝึกตนใดที่มาถึงระดับความสูงตอนนี้ ถือว่าระดับใกล้เคียงกัน

ฉินหยุนสำรวจมองและพิจารณา หลายคนที่นี่ตอนนี้ ส่วนใหญ่อายุราวสามสิบถึงสี่สิบปี พวกเขาล้วนก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋ามาเนิ่นนานพอสมควร ทั้งยังมีการเตรียมพร้อมอุปกรณ์มาเป็นอย่างดี

บางคนกระทั่งเตรียมยามาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ!

“เราต้องเร็วกว่านี้! กลางคืนหนาวเหน็บ ความเร็วหลายคนถดถอย เรามีเลือดราชสีห์สวรรค์ ความหนาวเย็นเท่านี้ไม่นับเป็นอะไร!”

ฉินหยุนตัดสินใจเพิ่มความเร็ว สร้างความตื่นตกใจแก่ยอดฝีมือใกล้เคียงหลายคน

พวกเขาเดิมคิดว่าทุกคนต่างก็หนาวเหน็บยามค่ำคืนเช่นเดียวกัน ดังนั้นความเร็วจึงอยู่ระดับไล่เลี่ยกัน

แต่แล้วตอนนี้ มีกว่าสิบคนที่พลันเพิ่มความเร็วทะยานขึ้น ปีนป่ายอย่างรวดเร็วกับหน้าผาขุนเขา ต้านทานความหนาวเหน็บตอนนี้ ทิ้งพวกเขาเอาไว้ด้านหลัง

ฉินหยุนไม่คิดว่าที่นี่จะมียอดฝีมือเช่นนี้อยู่หลายคน พวกเขาต่างรักษาระดับความเร็วเอาไว้ได้เหมือนช่วงกลางวัน ระยะทางยิ่งมายิ่งทิ้งห่างผู้ที่เชื่องช้าลงไปเรื่อย!

ความเย็นยามค่ำคืนเป็นเรื่องยากทานทน

ผู้ฝึกตนที่ปีนป่ายหน้าผาขึ้นมาได้ถึงระดับความสูงนี้ เห็นเก้าดวงตะวันกำลังจะขึ้นจากขอบฟ้า ก็อดไม่ได้ที่จะโห่ร้องยินดี

เพียงหนึ่งคืน มีกว่าร้อยคนที่ไม่อาจทนไหว จนต้องตัดใจค่อยปีนลงจากภูเขาไป

หลายสิบคนที่อยู่แนวหน้า พวกเขาทิ้งห่างนำเหนือผู้อื่น นอกจากนี้สายลมและหิมะยิ่งมายิ่งพัดแรง จนพวกเขาแทบมองกันเองไม่เห็น

“น้องชาย... ช่วยเหลือข้าหน่อยได้หรือไม่? ข้ารู้สึกไม่สบายอย่างยิ่ง ส่งถ่ายพลังภายในให้ข้าสักเล็กน้อย ข้าจะได้อดทนต่อได้ และมีกำลังเหลือเพื่อลงไป หาได้ใช่ตกลงไปตาย!”

ชายสวมใส่ชุดหนังคนหนึ่งตะโกนร้องบอกต่อฉินหยุน ผู้ซึ่งอยู่ใกล้เคียงในระยะมองเห็น

พวกเขาตอนนี้อยู่ที่ระดับความสูงหลายหมื่นเมตร อากาศเย็นยิ่งมายิ่งรุนแรง หากตกลงไป กระทั่งว่าไม่ตาย ก็บาดเจ็บสาหัสอย่างแน่นอนแล้ว

ฉินหยุนคิดอยู่ชั่วครู่ ก่อนตัดสินใจเคลื่อนร่างเข้าไปใกล้อย่างเชื่องช้า

“น้องชาย ข้าเป็นหลานชายแห่งจ้าวเมืองลึกล้ำลั่ว ฉิงเฟยเก๋อ! ยินดีนักที่ได้พบคนจิตใจดีงามเช่นเจ้า!” ฉิงเฟยเก๋อพอได้เห็นฉินหยุนใกล้เข้ามา จึงเร่งรีบยิ้มรับกล่าวคำ

“ยินดีที่ได้พบ!” ฉินหยุนยิ้มรับอย่างมีมารยาท

แต่แล้วขณะนี้เอง ฉิงเฟยเก๋อ ผู้ซึ่งใบหน้ายิ้มแย้ม กลับต่อยเข้าใส่เขาอย่างไม่ทันตั้งตัว!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด