ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0359 [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0361 [อ่านฟรี]

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0360 [อ่านฟรี]


ตอนที่ 360 : ประตูลึกล้ำเก้าสมบูรณ์

หมัดของฉิงเฟยเก๋อระเบิดคลื่นกระแทกรุนแรง มันพอปะทะกับกายฉินหยุน แรงระเบิดรุนแรงจึงพัดเขากระเด็น!

ครืน!

ก้อนหินใหญ่บนหน้าผาภูเขาปลิวกระเด็นพร้อมร่างฉินหยุน ร่วงหล่นสู่ด้านล่าง

“ฮ่าฮ่าฮ่า... รวมเจ้านี่ ก็มีไอ้หน้าโง่ยี่สิบคนแล้วที่โดนเราซัดหล่นลงไป!” ฉิงเฟยเก๋อยิ้มภาคภูมิ

ฉินหยุนบังเกิดโทสะขณะร่วงหล่น เขายังคงสบถสาปแช่งเงียบงัน

ในการแข่งขันตึงเครียด ย่อมต้องมีลูกเล่นต่ำช้ามากมาย เขาควรระวังอีกฝ่ายให้มากกว่านี้

“ไอ้เวรนั่น กล้าดีอย่างไรใช้ความหวังดีของเรา!”

ฉินหยุนขณะร่วงหล่น เขาโดนคลื่นอากาศเย็นเยือกสะกดลงมาและพัดพา มันทำเอาเขาร่วงหล่นออกจากหน้าผาภูเขาออกมาไกล

กระทั่งว่าเขาบินไปยังหน้าผาภูเขาอีกครั้งได้ ก็ต้องใช้เวลา และในช่วงเวลานั้น เขาก็มีแต่จะโดนคลื่นอากาศเย็นเยือกสะกดลงไป ไม่ว่าจะด้วยอะไร เขาจะต้องถูกผู้อื่นทิ้งรั้งท้าย

“ครั้งนี้คงไม่มีหวังผ่านการคัดเลือกแล้วสิ ทำไมเราประมาทได้ขนาดนี้!” ฉินหยุนกล่าวโทษตนเอง

ทันใดนี้ แสงสว่างสีขาวพลันวูบออก!

ฉินหยุนรู้สึกคล้ายร่างกายตอนนี้ ถูกรัดพันด้วยอะไรบางอย่าง

“เชือกหรือ?” ฉินหยุนตระหนกขณะร่างถูกดึงไป

เขาได้ยินเสียงตะโกนดัง ได้เห็นอีกฝ่ายที่ทำการปล่อยเชือกออกมา

เป็นชายร่างใหญ่เต็มไปด้วยหนวดเครา

“น้องชาย ยังคิดขึ้นไปหรือไม่?” ชายไว้หนวดเคราร่างใหญ่หัวเราะดัง “หากไม่ไหว ให้ข้าช่วยพาขึ้นไปสักระยะหรือไม่?”

“ขอบคุณพี่ชายที่ช่วยข้าไว้ ข้ายังคิดไปต่อ!” ฉินหยุนสะท้าน เร่งร้อนกล่าวขอบคุณจากใจ

แม้ในสถานการณ์นี้ ฉินหยุนก็ยังคิดปีนป่ายขึ้นไปต่อ!

เขาไม่คาดคิด ว่าจะได้พบเจออีกฝ่ายที่แสดงความจริงใจแต่แรกพบในการแข่งขันเช่นนี้!

ไม่เพียงแต่ช่วยดึงเขากลับเข้าหาหน้าผาภูเขา ยังบอกว่าจะช่วยพาเขาขึ้นด้านบน

ใจฉินหยุนกลายเป็นอบอุ่นขึ้นมา เขาเผยรอยยิ้มให้อีกฝ่าย อย่างไรแล้ว โลกใบนี้ก็ยังมีคนดีอยู่อีกมาก

แน่นอนว่า เขาเองก็เป็นคนจิตใจดี กระนั้นกลับถูกวายร้ายเหล่านั้นลวงหลอก

“ข้าฉินหยุน ขอสอบถามนามของพี่ชายได้หรือไม่?” ฉินหยุนเร่งรีบปีนขึ้นมา ก่อนจะถึงข้างกายชายร่างใหญ่

“เจียงจื้อหู่!” ชายร่างใหญ่หัวเราะ เอ่ยถามด้วยความสงสัย “น้องชาย ข้าเห็นว่าเจ้าค่อนข้างมีพลังไม่น้อย ไม่น่าจะใช่ผู้ที่ร่วงหล่นลงมาเพราะหมดแรง เหตุใดจึงร่วงหล่นลงมาได้กัน?”

ทันทีที่เอ่ยถึงเรื่องนี้ ใบหน้าฉินหยุนเปี่ยมด้วยโทสะ “ข้าเจอวายร้ายด้านบนนั่นหลอกลวงขอรับ”

หลังจากนั้น เขาจึงบอกต่อเจียงจื้อหู่ถึงเรื่องที่โดนฉิงเฟยเก๋อลวงหลอก

เจียงจื้อหู่พอได้ยินดังนี้ ใบหน้ากลายเป็นเปี่ยมด้วยโทสะ “พวกเราผู้ฝึกตน ย่อมคิดใช้พละกำลังที่มีช่วยเหลือยามได้พบความอยุติธรรม! เหตุใดคนต่ำช้าเช่นนี้จึงยังมีอีกมาก ชายผู้นั้นหาได้เหมาะสมเป็นผู้ฝึกตนไม่ หาได้เหมาะสมที่จะเดินบนวิถียุทธ์แห่งเต๋าไม่!”

“พี่หู่ พวกเราต้องระวังให้มาก! บางคนหาได้สนใจวิธีการไม่ พวกมันแค่ต้องการสำเร็จเป้าหมาย!” ฉินหยุนกล่าวคำ “หากไม่ใช่พี่หู่ช่วยเหลือ ข้าคงไม่อาจได้เข้าร่วมสำนักระดับลึกล้ำแล้ว!”

“เจ้าอย่างไรก็เป็นขอบเขตวรยุทธ์เต๋า ด้วยอายุเยาว์เพียงนี้ พละกำลังกลับไม่ด้อยกว่าข้า ย่อมต้องได้เข้าร่วมสำนักระดับลึกล้ำ!” เจียงจื้อหู่ยิ้มกว้าง “ไปกัน ต้องเพิ่มความเร็วหน่อยแล้ว!”

ฉินหยุนร่วมทางปีนป่าย ความเร็วของเขายิ่งมายิ่งเพิ่มขึ้น

ระหว่างทางปีนขึ้นหน้าผา ฉินหยุนจึงได้ทราบว่าเจียงจื้อหู่ผู้นี้ เป็นบุตรชายของผู้นำสถาบันยุทธ์แห่งหนึ่ง

จุดประสงค์ของสถาบัน คือชี้นำเหล่าเด็กผู้ยากไร้แต่มีพรสวรรค์ทางวิถียุทธ์ เพื่อฝึกฝนพวกเขา ให้สามารถเปลี่ยนโชคชะตาของตนเองได้

เจียงจื้อหู่เดิมเป็นเด็กยากไร้ หาได้มีครอบครัวใดไม่

เป็นเขาได้รับผู้นำสถาบันเลี้ยงดู กระทั่งรับเป็นบุตรบุญธรรม

ภายหลังเมื่อเติบโตขึ้น เขาก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าด้วยอายุสามสิบเจ็ด

ภายใต้ทรัพยากรอย่างจำกัดที่จะหาได้ การก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าด้วยอายุเท่านี้ ถือว่าไม่เลวแล้ว!

ตอนนี้ฉินหยุนจึงเข้าใจ ว่าเหตุใดเจียงจื้อหู่จึงคิดช่วยเหลือคนแปลกหน้าเช่นเขา

เพราะอีกฝ่ายได้รับการช่วยเหลือโดยผู้อื่น เขาย่อมคิดส่งต่อความดีงามนี้

การช่วยเหลือซึ่งกันและกัน นี่คล้ายเป็นหลักในการดำเนินชีวิตของเขา

แน่นอนว่า เจียงจื้อหู่โดนคดโกงไปหลายต่อหลายครั้งเพราะความใจดีจากเนื้อใน แต่เขาก็มีแรงใจมากพอ ที่จะช่วยเหลือผู้อื่นต่อไปโดยไม่สิ้นศรัทธา!

“พี่หู่ สิ่งที่ท่านใช้รัดตัวข้าแล้วนำกลับมาคืออันใดกันหรือ?” ฉินหยุนเอ่ยถาม

เจียงจื้อหู่หัวเราะ “เป็นพลังวิญญาณยุทธ์ของข้าเอง วิญญาณยุทธ์ของข้าคือวิญญาณยุทธ์ไม้!”

“ในสายตาผู้อื่น วิญญาณยุทธ์ไม้ค่อนข้างแย่ แต่ข้ามองว่าดี ข้าชอบวิญญาณยุทธ์ไม้นี้ไม่ใช่น้อย! สิ่งนี้ทำให้ข้าสามารถปลดปล่อยเถาวัลย์ออกมาได้”

ฉินหยุนมีโทเทมต้นไม้ ทราบดีถึงความพิเศษของพืชพรรณ เขาจึงกล่าวออก “วิญญาณยุทธ์ไม้ หาได้อ่อนด้อยไม่!”

“วิญญาณยุทธ์ไม่มีอันใดแย่ จะแย่ก็ที่ตัวผู้ฝึกตน! ตราบเท่าที่รักใส่ใจวิญญาณยุทธ์เป็นอย่างดี มันย่อมไม่ทำให้ผิดหวัง ตราบเท่าที่พยายามฝึกฝนอย่างหนัก มันจะมีแต่ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นไปพร้อมกับท่าน!”

“ถูกต้อง เป็นเช่นนั้น!” เจียงจื้อหู่หัวเราะดัง “น้องชาย เจ้ามาจากตระกูลสูงศักดิ์หรือ? วิญญาณยุทธ์ย่อมต้องดีมากแน่แล้ว!”

ฉินหยุนยิ้ม “พี่หู่ ข้าครอบครองเพียงหนึ่งชีพจรวิญญาณ โดนผู้คนเหยียดหยันและปรามาสคนแล้วคนเล่า ตอนนี้ผู้คนเหล่านั้นที่เหยียดหยันต่อข้า ล้วนถูกทิ้งห่างจนหมดสิ้นแล้ว!”

หลังอึ้งไปวูบ เจียงจื้อหู่ค่อยหัวเราะ “ดูเหมือนน้องชายแม้อายุยังเยาว์ แต่ก็ผ่านความยากลำบากมามากเลยทีเดียว!”

ทั้งสองพูดคุยกันไปเรื่อยขณะปีนขึ้น ไม่ช้า พวกเขาจึงมาถึงระดับความสูงที่มีออร่าน้ำแข็งลึกล้ำ

ที่ความสูงกว่าเจ็ดหมื่นเมตร พายุหิมะหนาวเย็นอย่างมหาศาลและรุนแรง

หน้าผาสูงชัน ปกคลุมด้วยน้ำแข็งหนา สิ่งเดียวที่พวกเขาทำได้ คือนำอาวุธแทงเข้าไปในน้ำแข็ง ทำให้สามารถรักษาสมดุลค้ำยันร่างกายเอาไว้ได้

ขณะฉินหยุนและเจียงจื้อหู่ปีนขึ้นมา พวกเขาได้พบผู้ฝึกตนสองคนที่แข็งจนตาย

“ป้ายหยกนี้ดูดกลืนพลังน้ำแข็งลึกล้ำเชื่องช้านัก!” เจียงจื้อหู่ขมวดคิ้ว “น่าจะต้องใช้เวลาหนึ่งหรือสองวันเลยทีเดียว”

ฉินหยุนลอบตระหนก ความเร็วการดูดกลืนของเขาค่อนข้างเร็ว จึงคิดกับตนเอง “หรือเป็นเพราะเรามีวิญญาณเทวะเก้าตะวัน จึงดูดกลืนได้รวดเร็ว?”

“พี่หู่ นำแผ่นป้ายหยกของท่านให้ข้าลอง!” เขาตะโกนบอกเจี้ยงจื้อหู่

เจียงจื้อหู่ส่งป้ายหยกให้ฉินหยุน

ฉินหยุนนำป้ายหยกวางกับผนังหน้าผาน้ำแข็ง จากนั้นจึงเริ่มชักนำการดูดกลืนพลัง ความเร็วนี้ก็รวดเร็วดังที่ควรเป็น

“พี่หู่ ข้าสามารถดูดกลืนได้เร็วกว่า ให้ข้าช่วยท่านเติมเต็มมันก่อน!” ฉินหยุนกล่าว เขาตั้งสมาธิที่จะเติมเต็มป้ายหยกด้วยการดูดกลืนพลังอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

“น้องชาย ทำอย่างนี้ได้อย่างไร? เจ้าควรจัดการตัวเจ้าก่อน เหตุใดจึงช่วยข้า?” เจียงจื้อหู่กลายเป็นไม่ยินดี “ปัญหาของข้า ย่อมต้องแก้ด้วยตัวเอง!”

ฉินหยุนตอบ “พี่หู่ ท่านอายุสามสิบเจ็ดปีแล้ว การแข่งขันเสวียนหยิงครั้งถัดไปในอีกห้าปี ท่านก็เข้าร่วมไม่ได้แล้ว เพราะถึงตอนนั้นท่านจะอายุเกินสี่สิบ! แต่ข้ายังเยาว์ ครั้งนี้ไม่ได้ไม่เป็นไร ข้ายังมีครั้งหน้าให้ได้ลอง! เพราะเหตุนั้นจึงคิดช่วยท่านเติมเต็มป้ายหยกก่อน ท่านจะได้กลับไปลานประลองเบื้องล่างโดยเร็ว จะได้ผ่านการคัดเลือก!”

“ไม่ได้! โอกาสนี้สำหรับเจ้าก็ถือเป็นเรื่องยากได้รับเช่นกัน!” เจียงจื้อหู่คิ้วขมวด

ฉินหยุนทราบดี ว่าหากเจียงจื้อหู่ไม่ช่วยเหลือดึงเขากลับเข้าหาหน้าผา เขาคงร่วงหล่นลงต่อเนื่อง

แผนการของเขาคือ ช่วยเหลือเจียงจื้อหู่ให้มีอนาคตที่ดีก่อน

ฉินหยุนมีวิธีการมากมายให้เลือกใช้ เขาเลือกไม่เข้าร่วมสำนักระดับลึกล้ำได้ เพียงอาศัยวิถีจารึกแห่งเต๋าของเขาที่ค่อยพัฒนาขึ้น ก็สามารถทำให้ได้รับทรัพยากรมากมายได้แล้ว

กระนั้นสำหรับเจียงจื้อหู่ สำนักระดับลึกล้ำจำเป็นสำหรับเขามากกว่า

ในภายหน้า เขาต้องฝึกฝนในสำนักให้เป็นไปได้ด้วยดี จากนั้นค่อยกลับไปเยี่ยมเยือนสถาบันยุทธ์ดั้งเดิม เขาจะช่วยเหลือเด็กน้อยยากไร้ผู้อื่น ให้พวกเขาที่มีพรสวรรค์ทางวิถียุทธ์ได้ก้าวหน้าต่อเป็นการเติมเต็มวงจร

“พี่หู่ ท่านช่วยข้าเติมพลังงานน้ำแข็งสู่ป้ายหยกของข้าแล้วกัน!” ฉินหยุนส่งป้ายหยกตนเองให้เจียงจื้อหู่

อีกฝ่ายได้รับแต่ไว้และทำตามที่เขาว่า

ผ่านไปครึ่งวัน ฉินหยุนค่อยยิ้มได้ “พี่หู่ ป้ายหยกของท่านเต็มแล้ว ลงไปเสีย!”

“น้องชาย เหตุใดไม่ให้ข้ารอแล้วลงไปพร้อมกัน?” เจียงจื้อหู่รับป้ายหยกกลับคืน เขาแสดงความไม่ยินดีจากไปตอนนี้

“ไม่ได้ ท่านต้องเร่งรีบให้เป็นหนึ่งในสิบหกคน!” ฉินหยุนกล่าว “อีกไม่ช้าข้าจะลงตามไป ไม่ต้องห่วง!”

เจียงจื้อหู่กัดฟันแน่น “เช่นนั้นข้าลงไปก่อน! เจ้าต้องผ่านการคัดเลือกให้ได้ละ!”

ฉินหยุนพยักหน้ารับ

เจียงจื้อหู่ลงไปอย่างรวดเร็ว ด้วยอาศัยเถาวัลย์ของเขา จึงสามารถลงไปได้ทั้งรวดเร็วและปลอดภัย

ฉินหยุนเริ่มพยายามสุดตัว ทำการโคจรพลังงานน้ำแข็งสู่ป้ายหยกของตนเอง

เขาสามารถเติมเต็มสองป้ายหยกในเวลาเดียวกันได้ แต่ก็ต้องใช้เวลามากขึ้น

แต่หากเลือกตั้งใจกับป้ายใดป้ายหนึ่ง เขาจะเติมเต็มมันได้เร็วกว่า ดังนั้นจึงเลือกมอบโอกาสให้เจียงจื้อหู่ได้เป็นหนึ่งในสิบหกคน

ฉินหยุนใช้เวลาน้อยกว่าครึ่งวัน เพื่อเติมเต็มป้ายหยกของตัวเองเสร็จสิ้น ก่อนจะเร่งรีบกลับลงไปด้านล่าง

ขากลับ ฉินหยุนได้เห็นศพมากมายที่ค้างอยู่บนหน้าผาของขุนเขาแห่งนี้!

ถึงกับเสียชีวิตในการคัดเลือกเช่นนี้ เป็นเรื่องน่าเวทนาปานใด

“ไม่ใช่ว่าพวกเขาร่วงหล่นมาตายเอง!” ฉินหยุนนึกย้อนถึงฉิงเฟยเก๋อ

ฉิงเฟยเก๋อได้กล่าวเอาไว้ ว่าตนได้จัดการคนไปกว่ายี่สิบ ภายหลังจัดการเขาให้ร่วงหล่นลงมา ย่อมมีอีกหลายคนหลังจากนั้น

นอกจากฉิงเฟยเก๋อ ยังต้องมีคนอื่นที่แอบคดโกงเช่นนี้ เพื่อลดจำนวนผู้ที่มีศักยภาพแข่งขันกับพวกเขา!

เพื่อความปลอดภัยขากลับ ฉินหยุนใช้เวลาไปไม่น้อย

ทันทีเมื่อถึงพื้นดินเบื้องล่าง เขาเร่งทะยานกายไปยังลานประลองยุทธ์

เจียงจื้อหู่กำลังเดินไปมาบนลานประลองยุทธ์ด้วยความว้าวุ่นใจ

พอเขาได้เห็นฉินหยุนกำลังพุ่งมาทางนี้ จึงร้องตะโกนออกด้วยความตื่นเต้นยินดี “น้องชายเร็วเข้า! ยังเหลืออีกที่หนึ่ง!”

ฉินหยุนยินดี เขาไม่คิดว่าจะได้ผ่านการทดสอบ!

ขณะเร่งรีบเข้าถึงลานประลอง แม่เฒ่าเยี่ยจึงยิ้มให้ “หาได้ยากนักที่ผู้ฝึกตนเยาว์วัยที่สุด จะผ่านการคัดเลือกเช่นนี้ได้!”

“ทุกคน เด็กหนุ่มผู้นี้นามฉินหยุน อายุสิบเก้าปี! สำนักลึกล้ำใดต้องการรับเขาบ้าง?” แม่เฒ่าเยี่ยมองโต๊ะกว่าสิบแห่งที่ตั้งอยู่เบื้องล่างลานประลองยุทธ์

บุคคลเหล่านี้ ทั้งหมดเป็นสำนักระดับลึกล้ำส่งมาเพื่อคัดเลือกตัวศิษย์

เมื่อพวกเขาได้ยินว่าอีกฝ่ายอายุสิบเก้า อยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋า สีหน้าทั้งหมดล้วนแปรเปลี่ยน

“เขามีชีพจรวิญญาณเท่าใดกัน?” ชายชราเอ่ยถาม

แม่เฒ่าเยี่ยนำเอากระจกทดสอบออกมา นางเชื่อว่าฉินหยุนที่ก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าด้วยอายุเยาว์เพียงนี้ สมควรครอบครองชีพจรวิญญาณมากมาย

แม่เฒ่าเยี่ย เดิมเผยรอยยิ้ม แต่กลับต้องแปรเปลี่ยนเป็นความตื่นตกใจหลังทดสอบ รอยยิ้มที่ใบหน้าล้วนหายหมดสิ้น!

“หนุ่มน้อย เจ้า... เจ้ามีเพียงหนึ่งชีพจรวิญญาณหรือ?” แม่เฒ่าเยี่ยกล่าวด้วยความประหลาดใจ “เป็นไปได้อย่างไร? หรือจะมีอะไรผิดพลาด อุปกรณ์มีปัญหาหรือ?”

ฉินหยุนยิ้มกล่าว “ถูกต้องขอรับ ข้ามีเพียงหนึ่งชีพจรวิญญาณ! กระนั้น ชีพจรวิญญาณหาได้สำคัญอันใดไม่ ไม่ใช่ว่าข้าก็อยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าแล้วหรอกหรือ?”

เมื่อครู่ กลุ่มชายชราจากสำนักระดับลึกล้ำ ยังหิวกระหายคิดแย่งชิงเขา

ตอนนี้ พอได้ทราบว่าฉินหยุนครอบครองหนึ่งชีพจรวิญญาณ พวกเขาล้วนผิดหวัง!

“ดูเหมือนจะใช้ยาไปมากเลยงั้นสิ!”

“เหอะ! การเลื่อนระดับด้วยวิธีเช่นนั้นมีความหมายอันใดกัน!”

“หากเขามีสักสี่ชีพจรวิญญาณ เช่นนั้นคงวิเศษแล้ว! เพื่อฝึกฝนหนึ่งชีพจรวิญญาณถึงระดับนี้ด้วยอายุเท่านี้ คงกลายเป็นหม้อยาเคลื่อนที่แล้ว!”

“ตระกูลของเด็กหนุ่มนี่ช่างไม่ยั้งคิด สูญเสียยาล้ำค่ามากมายกับเขา! ชีพจรวิญญาณมีเพียงแค่หนึ่ง โอกาสเติบโตภายหน้าของเขาน้อยนิดยิ่งนัก เว้นเสียแต่จะยังใช้เม็ดยาเพื่อฝึกฝนต่อไปเรื่อย ๆ!”

เมื่อเจียงจื้อหู่ได้เห็นสำนักระดับลึกล้ำไม่ยินดีต่อฉินหยุน เขารู้สึกโกรธ

ทันใดนี้เอง ชายชราร่างผอมสูง ผมสั้น และไว้เคราแพะผู้หนึ่งได้ก้าวเดินขึ้นมาบนลานประลอง เผยรอยยิ้มจริงใจให้

เขากล่าวออก “ฉินหยุนหรือ? ประตูลึกล้ำเก้าสมบูรณ์ของข้ายินดีรับเจ้า เจ้าเล่ายินดีเข้าร่วมประตูลึกล้ำเก้าสมบูรณ์ของข้าหรือไม่?”

ฉินหยุนเร่งรีบพยักหน้ารับ

ผู้อื่นล้วนจ้องมองเหยียดยาม

“ประตูลึกล้ำเก้าสมบูรณ์ตอนนี้ อ่อนแอเสียยิ่งกว่าสำนักระดับวิญญาณเสียอีก แต่แล้วก็ยังคิดรับขยะเช่นนี้เข้าร่วม!” ชายชราอีกคนหนึ่งกล่าวเหยียดหยัน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด