ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0356
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0358

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0357


ตอนที่ 357 : คฤหาสน์เมเปิลขาว

ตึง ตึง!

เสียงการปะทะดังขึ้นสองครั้ง อีกฝ่ายกรีดร้องชวนเวทนา ปากนั้นเต็มไปด้วยเลือด ฟันถึงขั้นแตกกระจายหลุดออกเพราะฉินหยุน

หมัดอ่อนอัคคี เป็นหมัดที่ร้อนแรง คลื่นอากาศร้อนนี้ยังทำเอาหงเหยียน ซึ่งเป็นผู้ฝึกฝนอัคคีเพลิงยังต้องอึ้ง

กระทั่งเย่ว์ฉา ยังต้องแตกตื่นยามได้เห็นฉินหยุนออกกระบวนท่า!

เขาเองก็เป็นผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋า ดังนั้นจึงทราบ ว่าฉินหยุนหาได้ใช่ผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋าทั่วไปไม่

ตู้ม!

อีกหมัดหนึ่งปล่อยออก ฉินหยุนส่งร่างชายวัยกลางคนกระเด็นกลับไปแทบเท้าเย่ว์ฉา

ข้ารับใช้วัยกลางคน สำลักเอาโลหิตคำโตออกจากปาก ดิ้นทุรนทุรายกับพื้นด้วยความเจ็บปวดเหลือล้ำ

“มันแพ้แล้ว เอาหนึ่งหมื่นเหรียญม่วงมา!” ฉินหยุนกล่าวอย่างเฉยชา

เย่ว์ฉาไม่คิดว่าตนจะทำผิดพลาดเพียงนี้ เขาคิดว่าฉินหยุนก็แค่คนที่เข้ามาเลียเท้าหงเหยียนเพราะขาดแคลนเงินทอง ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะครอบครองพละกำลังระดับนี้

บรรดาผู้ฝึกตนที่ต่อแถวกันหน้าประตูล้วนอึ้ง พวกเขายังคิด ว่าฉินหยุนสมควรเป็นคนเลียเท้าหงเหยียน แต่จากที่เห็น เขาย่อมต้องไม่ใช่คนธรรมดาแล้ว!

ใบหน้าเย่ว์ฉาเปี่ยมล้นด้วยโทสะ ขว้างโยนหนึ่งหมื่นเหรียญม่วงให้แก่ฉินหยุนอย่างไม่อาจกล่าวคำใด

เหรียญม่วงจำนวนเท่านี้ สำหรับเขาไม่นับเป็นอะไร ที่เป็นคือเขาเสียหน้าครั้งใหญ่ คนที่รักหน้าตายิ่งกว่าสิ่งอื่นใดเช่นเขากลับเสียหน้าซ้ำสองครั้งติด!

“เจ้าลงมือหนักเกินไปแล้ว! เจ้าต้องเป็นบุคคลโหดเหี้ยมอย่างแน่นอน! คนเช่นเจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าสู่เมืองวิญญาณขั้วเหนือของเรา! ข้าจะบอกต่อยามหน้าประตู ว่าอย่าได้ขายตั๋วเข้าเมืองแก่เจ้า!” เขาโพล่งโทสะจบ จึงเดินไปหน้าประตูนั่งลงที่เก้าอี้ไม่ไหวติง

หงเหยียนกล่าว “น้องหยุน เป็นข้าดวงตามืดบอดแล้ว ข้าพลาดเอง! พละกำลังของเจ้าไม่ใช่เล่น! นี่เจ้ามีพื้นเพอันใดกันแน่?”

ฉินหยุนยิ้ม “เพียงผู้ฝึกตนพเนจร!”

หงเหยียนย่อมไม่เชื่อ กระนั้นก็ไม่คิดถามต่อ เขาได้แต่วางแผนที่จะตีซี้อีกฝ่ายในภายหน้าให้มากขึ้น

ฉินหยุนคิดอยากเข้าเมืองวิญญาณขั้วเหนือ เพราะเชี่ยวเย่ว์เหม่ยอยู่ในเมือง แต่ก็ถูกห้ามเอาไว้โดยเย่ว์ฉา

ทางด้านเย่ว์ฉา เขาไม่มีทางเลือก อย่างไรเขาก็เป็นบุตรของราชันยุทธ์ผู้หนึ่ง แม้ตลอดช่วงหลายปีมานี้ไม่ได้พบราชันยุทธ์ผู้เป็นบิดาหลายครั้งนัก แต่หากเขาสังหารผู้อื่นโดยไร้สาระ เช่นนั้นภายหน้าได้โดนบิดาตบหน้าฉาดใหญ่แล้ว

ทันใดนี้เอง ฉินหยุนได้เห็นผู้อาวุโสปรากฏตัวพร้อมเหรียญตราทองคำ เหรียญตรานี้เป็นของอาจารย์จารึกระดับสูง

เย่ว์ฉาพอได้พบอาจารย์จารึกระดับนี้ เขาเผยรอยยิ้มกว้าง กล่าวทักทายอีกฝ่าย

“องค์ชายเจ็ด อาจารย์จารึกระดับสูง สามารถเข้าออกเมืองระดับวิญญาณตามใจหรือ?” ฉินหยุนเอ่ยถามโดยทันที “ข้าจำได้ว่า อาจารย์จารึกระดับสูงเหมือนจะได้สิทธิ์การเข้าออกระดับหนึ่ง นี่ถูกต้องหรือไม่?”

“นี่เจ้าไม่รู้ได้อย่างไรกัน? เพิ่งออกจากถ้ำบนภูเขามาหรือ?” หงเหยียนยิ้มและตอบ “อาจารย์จารึกระดับสูง สามารถซื้อตั๋วเข้าเมืองได้ที่ครึ่งราคา! หากเจ้าเป็นอาจารย์จารึกระดับสูง เย่ว์ฉาก็ไม่มีสิทธิ์ห้ามเจ้าเข้าเมืองแต่อย่างใด”

“อาจารย์จารึกระดับสูง ได้รับเหรียญตรายืนยันตัวตนโดยตำหนักจารึกเทวะ หากผู้ใดปฏิเสธตัวตน ก็ถือเป็นการปฏิเสธตำหนักจารึกเทวะ! หมอนั่นหาได้กล้ามีข้อพิพาทกับอาจารย์จารึกระดับสูงไม่”

“หากละเมิดสัญญาของตำหนักจารึกเทวะและเมืองใหญ่ จะกลายเป็นเกิดปัญหาร้ายแรงขึ้น ดังนั้นกระทั่งว่าเป็นองค์ชาย ก็ไม่อาจห้ามอาจารย์จารึกให้ไปไหนมาไหน!”

ฉินหยุนยืนด้านหลังหงเหยียน ตอนนี้ลอบวางใจขึ้นมาก

เขามีเหรียญตราทองคำของอาจารย์จารึกระดับสูง นี่เป็นสิ่งที่ตำหนักจารึกเทวะมอบให้แก่เขา แม้เขาได้รับจากสาขาสุดขอบโลก แต่กระนั้นมันก็ยังทรงสิทธิ์ที่นี่

ผู้คนรู้สึกประหลาดใจ ฉินหยุนที่โดนเย่ว์ฉาห้ามปรามเพียงนั้น กลับยังต่อแถวอยู่

หงเหยียนเพียงเชื่อ ว่าฉินหยุนคิดอยากพูดคุยกับอีกฝ่ายก็เท่านั้น

หงเหยียนย่อมมีตั๋วเข้าเมืองอยู่แล้ว ตราบเท่าที่ยืนยันได้ว่าเป็นเจ้าของ เขาย่อมสามารถเข้าไปได้

หลังส่งตั๋วออกไป เขาคิดเดินเข้าประตูเมือง เตรียมบอกลาต่อฉินหยุน

แต่แล้วไม่คาดคิด ฉินหยุนกลับนำเอาถุงใส่เหรียญม่วงออกมา

“ข้าบอกแล้ว ว่าบุคคลอันตรายร้ายแรงเช่นเจ้า ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไป!” เย่ว์ฉากล่าวยืนกราน “จงรีบไปให้พ้นทางได้แล้ว!”

“ไปซะ อย่าได้ทำให้พวกเราเสียเวลา!”

“องค์ชายฉาได้กล่าวแล้ว ว่าบุคคลอันตรายเช่นเจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไป ไม่ได้ยินหรือไร?”

“เหตุใดใบหน้าจึงหนาเพียงนี้? จงรีบออกไปได้แล้ว!”

ฉินหยุนปล่อยเวลาล่วงเลย จากนั้นค่อยนำเอาเหรียญตราทองคำออกมา!

เย่ว์ฉา ผู้ซึ่งนั่งที่เก้าอี้ ไม่อาจนั่งติดได้อีกต่อไปยามได้เห็นเหรียญตรานี้ มันทำเอาเขาต้องผุดลุกขึ้นยืน

ผู้คนที่ต่อแถวด้านหลัง ซึ่งเมื่อครู่ตะโกนต่อว่าที่ทำให้เสียเวลา กลับกลายเป็นเงียบเสียง!

เหรียญตรานี้เป็นของอาจารย์จารึกระดับสูง!

ในแดนยุทธ์อ้างว้าง อาจารย์จารึกระดับสูงถือเป็นตัวตนที่พบพานได้ไม่ยาก

กระนั้น อาจารย์จารึกระดับสูงวัยเยาว์เพียงนี้ มันหาได้ยากอย่างยิ่ง!

ยามหน้าประตูรับหน้าที่มาก็นาน ดังนั้นจึงทราบดีว่าเหรียญตรานี้เป็นของจริง มองเพียงครั้งเดียวย่อมทราบว่าจริงหรือปลอม

ชายชราที่รับหน้าที่ขายตั๋วออกปากต่อเย่ว์ฉาเบายิ่ง “องค์ชายฉาขอรับ นี่เป็นของจริง! เหรียญตรานี้เป็นของเขา เป็นอาจารย์จารึกระดับสูง!”

หงเหยียนยิ่งอึ้ง พรสวรรค์ทางด้านอัคคีของเขาค่อนข้างดีเลิศด้วยซ้ำ เปลวเพลิงที่เขาเรียกใช้งานได้แข็งแกร่ง ทั้งยังควบคุมได้อย่างเป็นเลิศ

กระนั้น เขาไม่มีเศษเสี้ยวพรสวรรค์ทางวิถีจารึก ดังนั้นจึงไม่มีโอกาสได้เป็นอาจารย์จารึก

เขาไม่คิด ว่าคนที่ตามมาด้วยตลอดสองสามวันที่ผ่านมา แท้จริงเป็นถึงอาจารย์จารึกระดับสูง!

“เย่ว์ฉาเอ๋ย หากเจ้ากล้าปฏิเสธเขา เหอะเหอะ สมาชิกราชวงศ์แห่งแคว้นยุทธ์เย่ว์ทั้งหมด ภายหน้าคงไม่อาจเข้าตำหนักจารึกเทวะได้แล้ว!” หงเหยียนยิ้มกว้าง

เย่ว์ฉาทั้งโกรธทั้งแตกตื่น ที่เขาทำได้ก็เพียงโบกมือ ให้ชายชราขายตั๋วแก่อีกฝ่าย

อาจารย์จารึกหนุ่ม ทั้งยังแข็งแกร่ง เรื่องนี้เป็นสิ่งยากได้พบพาน! กล่าวโดยสรุป อาจารย์จารึกส่วนใหญ่จะศึกษาวิถีจารึกแห่งเต๋า พรสวรรค์ทางด้านการต่อสู้จะถือว่าอยู่ในระดับทั่วไป

มีแต่เมื่อใช้อุปกรณ์วิญญาณ หรือยันต์วิญญาณ จึงค่อยทำให้ความสามารถในการต่อสู้เพิ่มพูนขึ้นบ้าง

ด้วยเหตุนี้ฉินหยุน จึงจ่ายห้าพันเหรียญม่วงซื้อหาตั๋วเข้าเมืองได้เรียบร้อย!

หงเหยียนกลายเป็นยินดี เขาไม่คิดว่าจะผูกมิตรกับอาจารย์จารึกได้เช่นนี้ เขาเร่งรีบหัวเราะออกนำฉินหยุนเดินเข้าเมือง

เย่ว์ฉาพอเห็นฉินหยุนเดินไปไกล จึงส่งคนไปสืบภูมิหลังของฉินหยุนโดยทันที

ผู้คนต่างรู้สึกได้ ว่าอาจารย์จารึกผู้นี้ พื้นเพย่อมไม่ธรรมดา

ในเมืองวิญญาณขั้วเหนือมีผู้คนค่อนข้างมาก สิ่งปลูกสร้างภายในค่อนข้างเก่า พลังวิญญาณภายในหนากว่าภายนอก กล่าวได้ว่าเป็นค่ายอาคมใหญ่ที่ช่วยเหลือเรื่องนี้

ด้วยเพราะใกล้เทือกเขาเมฆมังกร ที่แห่งนี้จึงมีนักล่าจำนวนไม่น้อยมาทำการซื้อขายแลกเปลี่ยน

หงเหยียนนำฉินหยุนสู่ตรอกซอยแคบ เป็นสถานที่ซึ่งมีแต่ความยุ่งเหยิง

“โรงเตี๊ยมในเมืองวิญญาณค่อนข้างแพง ถ้าเป็นพื้นที่จอแจหน่อย คืนหนึ่งต้องจ่ายราวเจ็ดถึงแปดร้อยเหรียญม่วง! ส่วนทางด้านนี้ แค่คืนละสองร้อยเหรียญม่วงเท่านั้น!”

ช่วงนี้หงเหยียนค่อนข้างข้นแค้น เขาจึงได้เข้าใจว่าควรวางตัวและอยู่อาศัยเช่นไร

พวกเขาเลือกพักในโรงเตี๊ยมธรรมดา ร้องขอห้องชุดที่มีสองห้องนอนหนึ่งห้องนั่งเล่น แม้เป็นย่านนี้ คืนหนึ่งก็ต้องจ่ายถึงห้าร้อยเหรียญม่วง

“ข้าขอตัวไปพักฟื้นก่อน พรุ่งนี้จะไปท้าประลองเชี่ยวเย่ว์เหม่ย! ข้าต้องชนะเพื่อเอาของกลับคืนมาให้ได้!” หงเหยียนเผยความมั่นใจเปี่ยมล้นออกมา

เขามองที่ฉินหยุน เอ่ยถามด้วยความสงสัย “ฉินหยุน ถามตามตรง เจ้าเป็นผู้เฒ่าหรือ?”

“ย่อมไม่!” ฉินหยุนตอบกลับอย่างมึนงง “เหตุใดจึงถามเช่นนี้?”

“เจ้าย่อมเป็นคนมีอายุแล้ว! เด็กหนุ่มอาจารย์จารึกระดับสูง และฝีมือการต่อสู้ประชิดแข็งแกร่งควบคู่กัน หาพบพานได้ยากยิ่ง!” หงเหยียนกล่าวอย่างมั่นใจ “ลุงฉิน ท่านแก่ชราเพียงนี้ อย่าได้ลวงหลอกต่อข้าแล้ว!”

ฉินหยุนยิ้ม “ก็ได้ อยากคิดเช่นนั้น ข้าเป็นตามนั้นก็ได้!”

หงเหยียนหัวเราะ “ลุงฉิน กระเป๋าเก็บของที่ท่านขัดเกลาขึ้นถือว่าระดับสูงไม่น้อย! ต้องเป็นท่านศึกษาซ้ำแล้วซ้ำเล่า เก็บตัวไม่สนโลกภายนอก ดังนั้นจึงไม่ทราบเรื่องโลกภายนอกอันใดเลยเช่นนี้! นับแต่นี้ ให้ข้าติดตามท่านสักระยะหนึ่ง ช่วยให้ท่านได้เข้าใจโลกภายนอกมากขึ้นเอง!”

“นี่เจ้าไม่เคยพบเจออาจารย์จารึกประจำราชวงศ์หงหรือไร?” ฉินหยุนพบว่าเป็นเรื่องแปลก ที่หงเหยียนกลับกระทำเช่นนี้ต่อเขา

หงเหยียนกล่าว “ในแคว้นยุทธ์หงของเรา มีอาจารย์เต๋าที่ครอบครองความสามารถในการขัดเกลาอุปกรณ์เต๋า! ทั้งยังมีอาจารย์จารึกอื่นอีกหลายคน กระนั้นพวกเขาน้อยครั้งจะเผยตัวให้เห็น ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้พูดคุยด้วย”

และสำหรับหงเหยียน ยิ่งเป็นเรื่องยากที่จะพบเจออาจารย์จารึกที่พูดคุยด้วยง่ายอย่างฉินหยุน

ฉินหยุนและหงเหยียน สนทนากันไปพลางขณะเดินไปห้องชุดที่เช่าไว้เพื่อพักผ่อน

ฉินหยุนค่อนข้างตื่นเต้นไม่น้อยที่จะได้พบเชี่ยวเย่ว์เหม่ย ดังนั้นเขาจึงออกจากโรงเตี๊ยมยามค่ำคืนไปอย่างเงียบงัน

ก่อนหน้านี้ เขาได้ยินจากหงเหยียน ว่าเชี่ยวเย่ว์เหม่ยอาศัยอยู่ในคฤหาสน์หลังหนึ่ง

เมืองวิญญาณขั้วเหนือค่อนข้างใหญ่ พื้นที่จอแจอยู่บริเวณทางขวาค่อนไปทางตรงกลางเมือง

คฤหาสน์เมเปิลขาว ถือเป็นคฤหาสน์ที่ค่อนข้างลึกลับ กระทั่งหงเหยียนก็ไม่ทราบว่าผู้ใดเป็นเจ้าของคฤหาสน์หลังนี้

“คฤหาสน์เมเปิลขาวหรือ? มีค่ายอาคมเสียด้วย!” ฉินหยุนมาถึงด้านนอกกำแพงคฤหาสน์ เขาสัมผัสได้ถึงค่ายอาคม จึงลอบตื่นตระหนก

ด้วยค่ายอาคมคงอยู่ ไม่ใช่เรื่องง่ายที่เขาจะลอบเข้าไป

ฉินหยุนใช้พลังเงา บินไปมารอบนอกประตูอยู่พักหนึ่ง จึงค่อยเห็นขบวนรถลากเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้

รถลากนี้เขาเคยเห็นที่หน้าเมืองมาแล้วครั้งหนึ่ง เป็นของเย่ว์ฉา!

“เหตุใดมันเข้าไปในคฤหาสน์เมเปิลขาว?” ฉินหยุนเร่งร้อนเข้าไปอยู่ด้านใต้รถลาก ชั่วขณะนี้ฟ้ามืดแล้ว ดังนั้นเขาจึงปิดซ่อนตัวตนได้เป็นอย่างดีเยี่ยมจนไม่ถูกพบเจอ

รถลากเคลื่อนตัวแนบเนียนมุ่งหน้าเข้าสู่คฤหาสน์ ฉินหยุนยิ่งมายิ่งสงสัยต่อตัวตนของคฤหาสน์หลังนี้มากขึ้น

จากเบื้องล่างของรถลาก ฉินหยุนคืบคลานออก มองหาพื้นที่ดำมืดเพื่อมุ่งหน้าไป เขาต้องหลบเลี่ยงพื้นที่สว่าง

ตัวคฤหาสน์ค่อนข้างใหญ่ มีสวนหลายแห่ง ศาลาหลายหลัง ทั้งยังมีทะเลสาบ ธารน้ำ ภูเขาจำลอง และอื่น ๆ อีกนานาชนิด นี่เปรียบเสมือนคฤหาสน์หรูหราหลังหนึ่งแล้ว

เขาตามรถลากเข้าสู่ด้านในสวน

ที่ตรงกลางของสวน มีบ้านหลังน้อยสูงสองชั้นตั้งอยู่

เย่ว์ฉาคือผู้เดียวที่อยู่ในรถตอนนี้

ด้วยสวมใส่ชุดสีแดง เขาถูไม้ถูมือไปมา ฝีเท้าเดินมุ่งหน้าไปยังบ้านน้อยสองชั้น ความคาดหวังถึงเรื่องอะไรบางอย่าง ปรากฏเด่นชัดที่ใบหน้า

ขณะเดินถึงหน้าประตู เย่ว์ฉาเคาะเบาและเอ่ยคำ “องค์หญิงเย่ว์เหม่ย ข้าองค์ชายฉา! เจ้าบอกให้ข้ามาพบคืนนี้ ข้ามาแล้ว!”

ฉินหยุนสะท้าน หลบซ่อนตัวตนในความมืด เร่งรีบเข้าไปในตัวบ้านพัก

ภายในบ้าน เขาสัมผัสได้ถึงออร่าของเชี่ยวเย่ว์เหม่ย!

ทางด้านเชี่ยวเย่ว์เหม่ย หาได้พบออร่าของฉินหยุนไม่ นางเปิดประตูออก

เมื่อเย่ว์ฉาพบว่าประตูเปิดออก ได้เห็นเชี่ยวเย่ว์เหม่ยในชุดขาว เขายิ้มยินดีกล่าวคำ “องค์หญิงเย่ว์เหม่ย นี่ก็ดึกแล้ว เหตุใดเรียกข้ามาที่นี่?”

“แน่นอน เพราะต้องการให้เจ้าช่วย!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยหัวเราะคิกคัก เผยร่องรอยความเย้าเสน่ห์

การกระทำนี้ ทำเอาเย่ว์ฉาหัวเราะยินดี ทันทีเมื่อเข้าในห้อง เขาเร่งร้อนปิดประตูโดยทันที

ประตูพอปิดลง เชี่ยวเย่ว์เหม่ยนำเอาเข็มบางยาวออกมาจำนวนหนึ่ง แทงเข้าใส่ร่างของเย่ว์ฉา

ฉินหยุนผู้หลบซ่อนในความมืดที่ห้องโถง ความตระหนกบังเกิดยามได้เห็นภาพเช่นนี้ พอมาคิดดูแล้ว นี่ค่อยเป็นการกระทำที่สมกับเป็นเชี่ยวเย่ว์เหม่ย!

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด