ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0353 [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0355 [อ่านฟรี]

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0354 [อ่านฟรี]


ตอนที่ 354 : สู่แดนยุทธ์อ้างว้าง

ก่อนหน้านี้ ฉินหยุนได้รับคำเตือนจากบิดา ให้ทำการเก็บงำโทเทมราชสีห์สวรรค์เอาไว้

ในแดนยุทธ์อ้างว้าง มีตำหนักโทเทม ผู้ซึ่งเชี่ยวชาญการปล้นชิงโทเทม เป็นพวกไม่สนกฎระเบียบใดทั้งสิ้น

“ย่อมทำได้!” โมโมกล่าว “หาได้ใช่เรื่องยากใดไม่!”

โดยทันที ฉินหยุนกระโดดพรวดออกจากต้นไม้ ปลดปล่อยโมโมออกมา

ตอนนี้เป็นช่วงบ่าย แม้ดวงตะวันร้อนแรง แต่ยอดไม้ก็บดบังเอาไว้ได้แทบหมดสิ้น

กระนั้นก็ยังมีแสงตะวันเล็ดรอดออกมาผ่านช่องว่างของใบไม้ ส่องลงมาที่โทเทมบนแขนราชสีห์สวรรค์ของฉินหยุน

โทเทมราชสีห์สวรรค์ที่แขนของเขา ทั้งทรงพลังและเหนือล้ำ

ชั่วเวลานี้ มันกำลังถูกทำให้เลือนหายโดยโมโม ผ่านทางมือเล็กจ้อยคู่นั้น

โทเทมราชสีห์สวรรค์ยังอยู่กับแขนของฉินหยุน กระนั้นภายใต้เคล็ดวิชาลับ มันกลับถูกซ่อนเอาไว้ด้านล่างพื้นผิว

“สายเลือดราชสีห์สวรรค์ก็ต้องเก็บงำไว้ให้ดี! เว้นแต่จำเป็นจริง ๆ ต้องไม่เปิดเผยมันให้ผู้ใดได้รู้!” ฉินหยุนยังคงตระหนักได้ดียามนึกถึงความหิวกระหายของเจี้ยนเสวียนสื่อ

เจี้ยนเสวียนสื่อคำรามร้องราวคนคลั่ง ปากบอกคิดกินเขาทั้งเป็น เพราะตัวเขาครอบครองสายเลือดราชสีห์สวรรค์!

โมโมหัวเราะเบา “พี่หยุน ในเมื่อท่านมีประสบการณ์ได้ใช้พลังของสายเลือดราชสีห์สวรรค์ ผู้อื่นย่อมต้องคิดอยากมีบ้าง เพราะอะไรท่านคงทราบดี! ผู้ฝึกตนหลายคนมีพละกำลังอย่างจำกัด การได้รับสายเลือดเป็นหนทางนำพาซึ่งความแข็งแกร่งอันยิ่งใหญ่แก่พวกเขา!”

ฉินหยุนพยักหน้า “สายเลือดราชสีห์สวรรค์สำคัญต่อข้ายิ่ง จะเสียมันไปไม่ได้! อีกทั้ง มันยังนับข้าเป็นเจ้านายแล้วด้วย!”

มันเป็นเพราะสายเลือดราชสีห์สวรรค์ จึงทำให้เขาได้รับหม้อราชสีห์สวรรค์สะกดมังกร!

ก่อนหน้านี้ เจี้ยนเสวียนสื่อและคณะขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำ ได้พยายามอย่างมากเพื่อขัดเกลาหม้อสามขา

แต่ทางด้านฉินหยุน เขาได้รับการยอมรับทันทีเมื่อมีการสัมผัสกับหม้อราชสีห์สวรรค์สะกดมังกร!

โมโมพิจารณาแขนฉินหยุน หลังยืนยันได้แล้วว่ารอยสักโทเทมจะไม่ถูกพบเห็น นางค่อยพยักหน้าพึงพอใจ

ถัดจากนั้น นางจึงช่วยทำการซ่อนโทเทมมังกรพยัคฆ์ที่ภายนอกหัวใจของเขา ด้วยวิธีการนี้ ต่อให้มีผู้อื่นพบเจอวิญญาณยุทธ์สั่นไหว ก็ไม่มีทางพบเจอรอยสักโทเทม

สำหรับโทเทมต้นไม้ มันอยู่ภายในแก่นเต๋าตะวันทมิฬ ถือเป็นสถานที่ซ่อนตัวอยู่แต่แรกแล้ว

หลันเฉินผู้อยู่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ ครั้งก่อนอีกฝ่ายยังไม่อาจพบเจอตัววิญญาณยุทธ์ด้วยซ้ำ

ทันใดนี้ ฉินหยุนค่อยนึกขึ้นได้ถึงศีรษะล้านเลี่ยนของหลันเฉิน “หลันเฉินผู้นั้น โทเทมเปิดเผยยิ่งกว่าผู้ใด เขาไม่กลัวว่าตำหนักโทเทมจะพรากเอาไปหรืออย่างไร? หรือเขาไม่ทราบเรื่องตัวตนของตำหนักโทเทม?”

“เรื่องนี้ข้าไม่อาจทราบแล้ว แต่หากท่านพบเจอเขาในภายหน้า ค่อยกล่าวเตือนเขาได้!” หลังจากช่วยฉินหยุนซ่อนรอยสักโทเทมเรียบร้อย โมโมจึงกลับสู่มิติเก็บของ

ฉินหยุนยังคงพูดต่อไปเรื่อย “โมโม ในแดนยุทธ์อ้างว้างไม่น่าจะมีไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรมากนัก ข้าจะเตรียมหาอาหารใดให้เจ้าได้กินดี?”

“อืม... ไว้ถึงเวลานั้นค่อยหาหนทางแล้วกัน! ไข่ผลึกแก้วมังกรอสูรของท่าน เพียงพอให้ข้าได้กินไปอีกชั่วระยะเวลาหนึ่ง” โมโมตอบ

ฉินหยุนกระโดดลงจากต้นไม้ ออกเดินทางต่อเนื่อง

ผ่านไปสองเดือน ฉินหยุนค่อยเข้าสู่ภูมิภาคที่แตกต่างอย่างเด่นชัด

ที่แห่งนี้ มีร่องรอยของมนุษย์หลงเหลืออยู่มาก

หรือก็คือ เขาใกล้ถึงแดนยุทธ์อ้างว้างแล้ว

พื้นที่แถบนี้ ต้องมีผู้ฝึกตนของแดนยุทธ์อ้างว้างออกล่าสัตว์อยู่บ่อยครั้งเป็นแน่

ฉินหยุนลอบยินดี ในที่สุดเขาก็กำลังจะไปถึงแดนยุทธ์อ้างว้าง แดนแห่งผู้ฝึกตน!

ผ่านไปหลายวัน ฉินหยุนค่อยได้เดินออกจากป่า พบกับทุ่งราบผืนหนึ่ง

“นี่คือแดนยุทธ์อ้างว้างอย่างนั้นหรือ?” ฉินหยุนมองที่ดวงตะวันทั้งเก้าบนท้องฟ้า ค่อยตระหนักได้ ว่าออร่าของเก้าดวงตะวันหนาแน่นยิ่งกว่าภูมิภาคชายแดน

หากเขาไปยังสถานที่พิเศษจำเพาะ พลังจากเก้าดวงตะวันย่อมต้องหนาแน่นกว่านี้!

ฉินหยุนสูดอากาศราวคนหิวกระหายที่นี่ เขาต้องประสบพบเจอเรื่องราวมากมายระหว่างทางจนกระทั่งถึงแดนยุทธ์อ้างว้าง

เขาค่อยเดินพ้นทุ่งหญ้า มายังบริเวณภูเขาแห้งแล้ง ถนนหนทางที่นี่ มีผู้คนมากมายเดินไปมา

“ใกล้เทือกเขาเมฆมังกรน่าจะมีเมืองอยู่! อย่างไรแล้ว เพราะใกล้เทือกเขาเมฆมังกร จึงต้องมีพวกนักล่ารวมตัวกันอยู่มาก”

ฉินหยุนคาดเดาได้แม่นยำยิ่ง ขณะเดินผ่านเส้นทางมาเรื่อย เขาจึงได้เห็นเมืองที่ไร้ซึ่งกำแพงป้องกัน

กล่าวโดยสรุป มันคือเมืองใหญ่ที่ไร้กำแพงป้องกัน ที่ไม่สามารถควบคุมความโกลาหลได้หากมีเรื่องใดเกิดขึ้น

ฉินหยุนรู้สึกว่าด้วยพละกำลังตนเอง เขาไม่น่าจะเสียเปรียบใดในสถานที่เช่นนี้ ดังนั้นจึงก้าวเดินเข้าไปอย่างวางใจ

ในสถานที่ซึ่งมัจฉาและมังกรปะปนอยู่ด้วยกัน เป็นเรื่องง่ายที่จะสอบถามถึงเรื่องราวปัจจุบัน

บุคคลเช่นฉินหยุน ผู้เพิ่งมาถึงแดนยุทธ์อ้างว้าง ไม่ทราบอะไรเกี่ยวกับมันเลย หากเขาถามไถ่ไปทั่วเมือง ย่อมเป็นการดึงดูดความสงสัยผู้คนจำนวนมาก

แต่อย่างไรแล้วเรื่องราวก็หาได้ยากเพียงนั้น ด้วยมอบเหรียญผลึกเล็กน้อยแก่บริกรของโรงเตี๊ยม ย่อมทำให้เขาได้สอบถามข้อมูลหลายเรื่องราวในแดนยุทธ์อ้างว้างได้แล้ว

ฉินหยุนเปลี่ยนใส่ชุดสีเทาธรรมดา สวมใส่หมวกไผ่สาน เดินเข้าเมืองไปอย่างแนบเนียน

ขณะเดินไป เขาจึงพบ ว่าทุกคนที่นี่ล้วนแลกเปลี่ยนกันด้วยเหรียญม่วง!

“เหรียญผลึกของเราทั้งหมด อยู่ในบัตรผลึก พวกมันล้วนเป็นเหรียญผลึกสีขาว!” ฉินหยุนสบถภายใน “มูลค่าสิ่งของในแดนยุทธ์อ้างว้างช่างแตกต่างนัก!”

เขาเคยได้ยินจากหลันเฟิงจิน ว่าตัวตนของแดนยุทธ์อ้างว้าง ทำให้ขุดเหรียญม่วงออกมาจากพื้นโลกได้จำนวนมาก

กระนั้น หลันเฟิงจินไม่ได้บอกต่อเขา ว่าผู้คนส่วนใหญ่แลกเปลี่ยนโดยเหรียญม่วงเป็นหลัก

ในมิติเก็บของของฉินหยุน เขามีเหรียญม่วงเพียงน้อยนิด นี่ถือว่ายากจนข้นแค้นแล้ว!

หากเป็นก่อนหน้า ด้วยจำนวนเหรียญผลึกนับหมื่น ย่อมเพียงพอให้ใช้ดื่มกินได้เป็นเวลานาน

“ดูเหมือนเราต้องเลือกสำนักที่ดีเข้าร่วมก่อน น่าจะพอทำให้ได้รับทรัพยากร และได้เข้าใจเรื่องวิถียุทธ์ของแดนยุทธ์อ้างว้างมากขึ้นบ้าง!”

ฉินหยุนคาดเดาว่าสื่อชิงเฉิงและหลันเฟิงจิน น่าจะอยู่ที่หุบเขาลึกล้ำจันทราเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

เซี่ยอู๋เฟิง ฮั่วจง และมู่หรงต้าเหริน ติดตามหลันฮัวอวี้และคณะมุ่งหน้าสู่แดนยุทธ์อ้างว้าง ย่อมต้องเข้าร่วมกับสำนักใดสักแห่งหนึ่ง

“เย่ว์หลานกับอาจารย์หยาง ก็น่าจะเข้าร่วมหุบเขาลึกล้ำจันทราเช่นเดียวกัน หุบเขาลึกล้ำจันทราของแม่เฒ่าตู้ถือว่าไม่แย่ เป็นนางยืนหยัดช่วยเรา แม้ทำไม่สำเร็จ แต่ในสถานการณ์เช่นนั้น การตัดสินใจของนางก็ถือว่าหาได้ยากยิ่งแล้ว”

“สงสัยจริงว่าเย่ว์เหม่ยกับเม่ยเหลียนจะเป็นอย่างไรบ้าง”

ฉินหยุนพลันนึกขึ้นได้ ถึงความจริงที่ตำหนักจารึกเทวะก็มีตัวตนยิ่งใหญ่ที่แดนยุทธ์อ้างว้าง เขาย่อมเลือกไปตำหนักจารึกเทวะก่อนได้!

เชี่ยวเย่ว์เหม่ยและเชี่ยวเสวียนฉิน ได้ติดตามจ้าวฉวนสู่แดนยุทธ์อ้างว้าง หากเขาได้พบเจอจ้าวฉวน เขาย่อมต้องทราบว่าเชี่ยวเย่ว์เหม่ยตอนนี้อยู่ที่ใด

ฉินหยุนใช้เหรียญม่วงน้อยนิดที่มี ถามเด็กข้างทาง เขาจึงได้ทราบว่าเมืองทรุดโทรมแห่งนี้ ไม่มีสาขาของตำหนักจารึกเทวะ

มีแต่เมืองระดับลึกล้ำ จึงค่อยมีสาขาของตำหนักจารึกเทวะ

หากเขาต้องการเข้าเมืองระดับลึกล้ำ ก็จำเป็นต้องจ่ายหนึ่งแสนเหรียญม่วงเพื่อซื้อตั๋วเข้าเมือง

ในแดนยุทธ์อ้างว้าง มีเมืองระดับวิญญาณ เมืองระดับลึกล้ำ และเมืองระดับราชัน

กระทั่งว่าเป็นเมืองระดับวิญญาณ ก็ยังต้องจ่ายหนึ่งหมื่นเหรียญม่วงเพื่อซื้อตั๋วเข้าเมือง

ด้วยเหตุนี้ เมืองที่ทรุดโทรมซึ่งผู้คนเข้าออกได้ตามอัธยาศัย จึงถือเป็นสถานที่รวมตัวผู้ยากไร้

หากได้เป็นศิษย์ในของสำนักระดับลึกล้ำ ก็จะได้รับสิทธิ์ในการเข้าเมืองระดับวิญญาณและระดับลึกล้ำโดยไม่มีค่าใช้จ่าย โดยอาศัยเหรียญตราผ่านทางของสำนัก กระนั้น หากต้องการเข้าเมืองระดับราชัน ก็ยังต้องจ่ายค่าตั๋วเข้าเมืองจำนวนหนึ่งล้านเหรียญม่วง

ฉินหยุนกระทั่งเมืองระดับวิญญาณก็เข้าไม่ได้ นับประสาอะไรกับเมืองระดับลึกล้ำ!

อย่างไรแล้ว เขาก็หาได้กังวลเรื่องการหาเหรียญม่วงไม่ เพราะเขาเป็นอาจารย์จารึก ย่อมมีวัสดุขัดเกลามากมายอยู่ในมิติเก็บของให้ใช้สอย

ตอนนี้เขาเพียงเพิ่งเข้าใจความลึกลับของแดนยุทธ์อ้างว้างโดยคร่าว

หากต้องการเข้าใจให้มากกว่านี้ เขาก็ยิ่งต้องสำรวจมันให้มากขึ้น

แม้ฉินหยุนมาถึงเมืองที่ทรุดโทรม แต่อย่างน้อยก็ยังพอมีอะไรระดับสูงอยู่บ้าง

หลายผู้คนที่เข้าเทือกเขาเมฆมังกร ย่อมต้องมีนักล่าที่ร่ำรวย หรือศิษย์ของสำนักทั้งหลาย เมื่อพวกเขาเข้าออกสถานที่ดังกล่าว ย่อมต้องมีการแวะพักเท้าที่นี่

ชั่วขณะนี้ ฉินหยุนมาถึงอาคารเหล็กสูงสิบชั้น ที่นี่คือภัตตาคารจ้าววิหกอมตะ

เขาเลือกนั่งที่ชั้นแรก สั่งอาหารมาจำนวนหนึ่ง

อาหารที่นี่ล้วนทำโดยเนื้อสัตว์ปีศาจ มูลค่าแต่ละจานสูงกว่าสิบเหรียญม่วง ไม่มีต่ำกว่านั้น!

ฉินหยุนสั่งไปสองถึงสามจาน ก็แทบใช้เหรียญม่วงจนหมดแล้ว ตอนนี้เขาต้องคิดให้ถี่ถ้วนมากขึ้น!

“เรายังพอมีอุปกรณ์วิญญาณระดับต้น น่าจะนำไปขายแลกเปลี่ยนเป็นเหรียญม่วงได้บ้าง” ฉินหยุนถอนหายใจ ตักอาหารในจานขึ้นมาลิ้มลอง

ที่โต๊ะข้างเคียง ชายชราถอนหายใจและกล่าว “สำนักลึกล้ำทั้งหลาย เข้าสู่เทือกเขาเมฆมังกร ค้นหาสุสาน พวกเขาเสียหายไปมาก ผู้คนล้มตาย ยอดฝีมือขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณตายไปกันหลายสิบคน!”

“เห็นว่ามีมังกรออกมาด้วยนี่? มีแต่ราชันยุทธ์แล้วจึงสามารถจัดการสิ่งนั้นได้!”

“เห็นว่าราชันยุทธ์หลายคน กำลังหารือเรื่องปราบมังกรอยู่!”

“เห็นก็หารือกันมานาน ยังไม่เคลื่อนไหวอันใด น่าจะเป็นพวกเขามีความคิดหวาดกลัวแล้ว!”

ฉินหยุนลอบตระหนัก หากราชันยุทธ์ลงมือ เขามั่นใจว่าย่อมต้องสำเร็จ เขาเคยพบเจอมังกรดังกล่าวมาก่อน แม้มันแข็งแกร่ง แต่ก็มีขีดจำกัดที่ทำได้

ย้อนกลับไป เจี้ยนเสวียนสื่อสู้กับมันได้นานระดับหนึ่ง ชัดเจนว่าพละกำลังของมังกรนั้นสมควรทัดเทียมกับราชันยุทธ์!

ขอบเขตราชันยุทธ์ ถือเป็นขอบเขตที่สูงส่งกว่าขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำ หากราชันยุทธ์จำนวนหนึ่งร่วมมือกัน พวกเขาย่อมต้องสังหารมังกรตัวดังกล่าวได้!

“ราชันยุทธ์แห่งราชอาณาจักรยุทธ์หง เดิมบอกว่าเขาคิดลงมือ แต่ตอนนี้แม้เคลื่อนไหวก็ไม่เห็น คงกลัวนั่นแหละนะ”

“แล้วเหตุใดเขาจึงพูดเช่นนั้นออกมาแต่แรก? เสียหน้านัก!”

ฉินหยุนลอบตระหนักยามได้ยิน

ราชันยุทธ์ ย่อมมีเมืองระดับราชันในปกครองอย่างน้อยหนึ่งเมือง เมืองระดับลึกล้ำอีกกว่าสิบ เมืองระดับวิญญาณอีกหลายร้อย

มีเพียงระดับนี้ จึงสามารถเรียกได้ว่าราชอาณาจักรยุทธ์

ด้วยเหตุนี้ ราชันยุทธ์ย่อมไม่คิดกล่าวคำพูดใดโดยง่าย หากเขาไม่ทำตามที่พูด ย่อมเป็นที่ขบขันครั้งใหญ่แล้ว

ขณะที่โต๊ะยังคงครื้นเครงด้วยการสนทนา ชายชุดดำคนหนึ่งที่มุมห้องอาหารพลันตบโต๊ะด้วยมือ

“อย่าได้กล่าววาจาไร้สาระ! ราชันยุทธ์หงหยิงของแคว้นยุทธ์หงของพวกเรา ได้เข้าไปยังเทือกเขาเมฆมังกรแล้ว อีกไม่ช้าจะลงมือสังหารมังกรและกลับออกมา! จากนั้นหัวมังกรนั่น ย่อมต้องถูกนำไปวางเอาไว้ที่นครหลวงยุทธ์หง!”

ชายในชุดดำสวมใส่หมวกฟาก หน้าตาค่อนข้างเยาว์วัย ทั้งร่างกายยังค่อนข้างเล็ก

ดวงตาของเขาเปี่ยมด้วยออร่าเฉียบคม ทั้งร่างล้นปรี่ด้วยความหยิ่งผยองแต่กำเนิด

ผู้มากประสบการณ์และความรู้ ย่อมต้องบอกได้ว่า ชายร่างผอมตรงหน้า ต้องมีตัวตนที่ไม่ธรรมดา!

“โห งั้นเจ้าเป็นคนของราชวงศ์ยุทธ์หงอย่างนั้นสิ?” คนหนึ่งหัวเราะเดียดฉันท์ “ดูด้วยว่าเจ้าตอนนี้อยู่ที่ใด น่าจะเห็นชัดเต็มตา! หากรู้ดี เหตุใดจึงมานั่งดื่มกินที่นี่กันเล่า!”

ภัตตาคารแห่งนี้นับว่าไม่เลว แต่คุณภาพของผู้มาใช้บริการที่ชั้นแรกออกจะต่ำเตี้ยไปบ้างแล้ว

“เหรียญม่วงของข้า คงไร้ค่ากับที่นี่อย่างนั้นสินะ?” เด็กหนุ่มร่างเล็กมองที่ชายวัยกลางคนสีหน้าเย็นเยือก ราวกับอารมณ์ไม่ดีเป็นทุนเดิม เขาปลดปล่อยพลังมหาวิถีแห่งเต๋า มันเปี่ยมด้วยคลื่นความร้อน

ได้เห็นการต่อสู้ที่กำลังก่อตัว หลายคนจึงเร่งรีบผุดลุกขึ้นหนีหาย

1 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด