ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0346 [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0348 [อ่านฟรี]

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0347 [อ่านฟรี]


ตอนที่ 347 : สระเซียนม่วง

สื่อชิงเฉิงมองโดยรอบ ตอนแรกสถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยต้นไม้ ทว่าตอนนี้กลับกลายเป็นความยุ่งเหยิง

เมื่อนางนึกย้อนถึงอันตรายที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ นางยังคงหวาดกลัว เป็นนางเกือบตายด้วยสภาพน่าสังเวชอย่างไม่มีอะไรเลวร้ายยิ่งกว่า

ฉินหยุนวิ่งไปมา ทำการแยกวิญญาณยุทธ์ของผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋าออก แม้วิญญาณยุทธ์ของพวกเขาด้อยค่ากว่า กระนั้นก็สามารถเก็บไว้ได้นาน ภายหน้าย่อมมีประโยชน์สักทางหนึ่ง

“ฉินหยุน เจ้าไม่ได้รับบาดเจ็บหรือ? มากับข้า!” สื่อชิงเฉิงกล่าวจบ จึงคว้ามือฉินหยุน วิ่งหนีหายไปด้วยความเป็นกังวล

ฉินหยุนย่อมเหนื่อย แม้เขาวิ่งได้รวดเร็ว การตามความเร็วของนางก็ทำเอาเหนื่อยหอบ

“คิดไปที่ใดกัน?” เขาเอ่ยถาม

“ข้าจะให้เจ้าได้ฟื้นฟู!” สื่อชิงเฉิงลากฉินหยุนผ่านอากาศไป

ที่ตรงกลางของตำหนักดวงดาววิญญาณสีม่วง มีทะเลสาบขนาดเล็กอยู่

เกาะเหนือทะเลสาบน้อยแห่งนี้ มีต้นไม้และดอกไม้สีม่วงประดับงดงาม กล่าวได้ว่าเป็นสวนสีม่วงที่งดงามแห่งหนึ่ง

ภายในสวน มีอาคารสามชั้นตั้งตระหง่าน

ที่นี่คือตำหนักของสื่อชิงเฉิง!

สื่อชิงเฉิงนำฉินหยุนเข้าไปยังชั้นแรก เดินผ่านระเบียงทางเดินยาว ก่อนจะลงบันไดไปยังชั้นใต้ดิน

ไม่นานนัก พวกเขาจึงมาถึงห้องหิน ภายในเต็มไปด้วยแสงสีขาวอ่อนโยน

ภายในห้องหิน มีสระน้ำวงกลมอยู่สระหนึ่ง ขนาดน่าจะกว้างราวห้าถึงหกเมตร

น้ำภายในสระเป็นสีม่วง ทั้งยังมีไอหมอกเป็นสีม่วงกระจายออกมา

“ท่านซาลาเปานึ่ง ข้านึกขึ้นได้ว่าช่วยท่านเอาไว้สองครั้งครา ใช่หรือไม่?” ฉินหยุนยืนข้างสระ เผยรอยยิ้มเบิกออกกว้าง

“เจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้เรียกหาข้า ว่าซาลาเปานึ่ง!”

“ท่านซาลาเปานึ่ง ซาลาเปานึ่ง ซาลาเปานึ่ง...” ฉินหยุนยังคงโพล่งออกอีกหลายครั้ง นางโกรธ กระนั้นก็ทำได้เพียงกระทืบเท้าซ้ำไปมา

“ใช่แล้ว เจ้าช่วยข้าเอาไว้ถึงสองครั้งครา! ตอนนี้ให้ข้าตอบแทนเจ้า ให้เจ้าได้แช่กายในสระเซียนม่วงของข้า!” สื่อชิงเฉิงชี้ไปยังสระน้ำและกล่าว

ฉินหยุนมองที่สระ กล่าวถามทั้งคิ้วขมวด “สระน้ำนี้ทรงพลังหรือ?”

“แน่นอนว่าต้องทรงพลัง รูปลักษณ์ของข้าไม่ชรา ก็เพราะสระน้ำเซียนม่วงแห่งนี้! ไม่เพียงแต่ช่วยรักษาอาการบาดเจ็บ ยังช่วยบำรุงเลี้ยงร่างกายเต๋า!”

“นี่เป็นสถานที่ลับของข้า!” สื่อชิงเฉิงกล่าวตอบ

“เช่นนั้นท่านเอาน้ำมาจากที่ใด?” ฉินหยุนเอ่ยถาม

“อย่าได้ถามมาก ลงไปได้แล้ว!” สื่อชิงเฉิงแค่นเสียงเบา

ฉินหยุนยกริมฝีปากขึ้น “ข้าคิดถอดเสื้อผ้า หันไปได้แล้ว!”

ใบหน้าขาวนวลของสื่อชิงเฉิงกลายเป็นแดงก่ำ เร่งรีบหันกายกลับด้าน จากนั้น นางเพียงได้ยินเสียง ‘จ๋อม’ จึงค่อยหันกลับมา

“เป็นอย่างไรบ้าง?” นางเอ่ยถาม

ฉินหยุนรับรู้ได้ เป็นเขาได้ตระหนก ว่าพลังงานในสระน้ำแห่งนี้พิเศษอย่างยิ่ง มันเป็นหนึ่งในพลังวิญญาณเก้าตะวัน

แม้เป็นเพียงพลังวิญญาณเก้าตะวันหนึ่งประเภท แต่หลังควบแน่นเกิดเป็นของเหลว มันกลับสามารถบำรุงเลี้ยงอย่างเลิศล้ำ

อาการบาดเจ็บภายใน ร่างกายที่อ่อนแรง ทั้งหมดเริ่มฟื้นฟูอย่างรวดเร็วหลังทำการดูดกลืนพลังจากสระน้ำ

นอกจากนี้ เขายังรู้สึก ว่าร่างกายคล้ายด้านชา อบอุ่น และสุขสบาย เลือดเนื้อในกายคล้ายได้รับการบำรุงหล่อเลี้ยงฟื้นคืนกำลังกลับมา

“ไม่เลวเลย!” เขาถอนหายใจออกด้วยความสบายตัว ดวงตาเริ่มหลับลง

แต่แล้วเพียงหลับตาไม่นาน เขารู้สึกถึงคลื่นน้ำ ด้วยเหตุนี้จึงเร่งรีบลืมตาขึ้น เป็นเขาได้เห็น สื่อชิงเฉิงเองก็แช่กายในสระน้ำเรียบร้อยแล้ว

นางเพียงเผยไหล่ขาวนวลอวบอิ่ม กระนั้นเพียงแค่นี้ ก็เพียงพอให้ความคิดฟุ้งซ่านบังเกิดแล้ว!

“ท่าน! ทำอย่างนี้ได้อย่างไร? ไร้ยางอายเกินไปแล้ว!” ฉินหยุนสะท้านเร่งร้อนกล่าวคำ

“เป็นข้าใช้เวลาหลายร้อยปีรวบรวมหยดน้ำเซียนม่วง! แน่นอนว่าข้าต้องลงมาแช่!” พอสื่อชิงเฉิงได้เห็นสีหน้ารังเกียจของฉินหยุน นางอดไม่ได้ที่จะเผยร่องรอยความขื่นขมผ่านใบหน้า

ฉินหยุนกล่าวเตือนนางจริงจัง “ท่านซาลาเปานึ่ง อย่าได้เข้ามาใกล้ หรือสัมผัสข้า! หากความจริงที่ว่าท่านมาแช่กายสระน้ำเดียวกับข้า... เดี๋ยวนะ นี่ท่านสวมใส่ชุดหรือไม่?”

สื่อชิงเฉิงแยกเขี้ยวออกด้วยความกราดเกรี้ยว “ข้าย่อมไม่สวมใส่ ผิดอะไรหรือ?”

“เอ่อ... เช่นนั้นท่านอย่าได้กระทำอะไรส่งเดช!” ฉินหยุนเร่งร้อนถอยไปมุมหนึ่งของสระน้ำ

“เจ้าหนู... เป็นข้าควรกังวลว่าเจ้าจะทำอะไรส่งเดชมากกว่า!” นางหันศีรษะควับ หาได้มองที่เขาอีก

ฉินหยุนกล่าวสีหน้าเคร่งเครียด “ท่านซาลาเปานึ่ง เป็นท่านคิดล่อลวงข้าหรือ?”

ได้ยินดังนี้ สื่อชิงเฉิงเร่งร้อนตอบโต้ “นี่เจ้าคิดอันใด? จงหลับตาลง และดูดกลืนพลังจากหยดน้ำเซียนม่วง!”

ฉินหยุนไม่ตอบกลับอันใด เพียงหุบขาเอาไว้แน่น ทำให้แน่ใจว่าตนเองอยู่ขอบสระน้ำเรียบร้อยแล้วอย่างเก้กัง ก่อนจะหลับตาลง

ได้เห็นสีหน้าอีกฝ่าย สื่อชิงเฉิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออก

นางยิ้มอ่อนและกล่าวถาม “ไม่ใช่เจ้ากังวลเกินกว่าเหตุหรือ? เจ้าไม่ใช่ไก่อ่อนเสียหน่อย หรือว่าใช่?”

“ข้าคือฉินหยุนผู้ทรงธรรม ข้าย่อมต้องไม่ได้ประสบการณ์โชกโชนเช่นท่าน ซาลาเปานึ่ง!” ฉินหยุนตอบโต้

“กล่าววาจาไร้สาระ! ผ่านกาลเวลานานนับ มีแต่เจ้าที่ได้เห็น...!” สื่อชิงเฉิงพอคิดถึงตรงนี้ นางต้องกระทืบเท้าเบาอย่างกราดเกรี้ยว

พอฉินหยุนได้ยิน เขายิ่งกังวลมากขึ้น ดวงตากลอกมองที่สื่อชิงเฉิง “เช่นนั้นท่านหัวเราะอันใดต่อข้า? ท่านก็เป็นหญิงชราครองโสดมาหลายพันปี!”

“สารเลวน้อยผู้นี้กล่าววาจาไร้สาระ ข้าไม่ได้ชรานับพันปี!” สื่อชิงเฉิงตวัดน้ำใส่ฉินหยุนระบายโทสะ

ฉินหยุนหลับตา เมินเฉยการกระทำของสื่อชิงเฉิง เป็นเขาสงบใจดูดกลืนพลังจากสระน้ำ

ผ่านไปกว่าห้าชั่วยาม เมื่อเขาลืมตาขึ้น จึงได้เห็นน้ำในสระกลายเป็นโปร่งใส

สื่อชิงเฉิงลุกขึ้นยืนจากสระ ก้าวเดินออกไป

ตอนนี้เอง ดวงตาฉินหยุนต้องเบิกกว้างมองที่นาง

“ท่านโกหกต่อข้าแล้ว แท้จริงกลับสวมใส่เสื้อผ้า!” ฉินหยุนโพล่งออก

สื่อชิงเฉิงเพียงสวมใส่ผ้าปกคลุมบริเวณหน้าอกและจุดสงวน ถึงอย่างนั้นก็หาได้ปิดบังเรียวขาขาวนวลของนางแม้สักนิด

“ผิดหวังหรือ?” สื่อชิงเฉิงยิ้ม ดูค่อนข้างพอใจต่อเรื่องนี้ไม่น้อย

“ซาลาเปาเน่า!” ฉินหยุนเร่งรีบลุกขึ้น สวมใส่เสื้อผ้ากลับคืน

เขารู้สึกได้ ว่าร่างกายตอนนี้แข็งแกร่งขึ้น

เขาเพิ่งก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋า ได้แช่กายในหยดน้ำเซียนม่วง มันช่วยให้พื้นฐานการฝึกฝนของเขาแข็งแกร่งมากขึ้น

เขายังประหลาดใจไม่น้อย ที่พบว่าผลึกแก้วดวงดาวภายในจิตใจ แปรเปลี่ยนเป็นสีเงิน นี่หมายความถึงพลังจิตของเขาเพิ่มพูนขึ้นอย่างมหาศาล

“ซาลาเปานึ่ง หยดน้ำเซียนม่วงของท่านนี้ สามารถทำให้พลังจิตแข็งแกร่งขึ้นได้ด้วย! นี่ท่านทำมันขึ้นมาได้กระบวนการวิธีอันใด?” ฉินหยุนเร่งรีบเอ่ยถาม

“ความลับ!” สื่อชิงเฉิงรู้สึกยินดีที่ได้เห็นฉินหยุนเผยสีหน้าเช่นนี้ “เดิม ข้าสามารถแช่ตัวเองได้กว่าสิบวัน! แต่พอเจ้าเข้าไปด้วยแล้ว กระทั่งหนึ่งวันก็ไม่ถึง!”

“เช่นนั้น หากท่านรวบรวมมันได้อีกครั้ง แจ้งให้ข้าทราบด้วย พวกเราจะได้แช่ร่วมกันอีก!” ฉินหยุนหัวเราะคิกคัก

“นั่นขึ้นอยู่กับโชคชะตาแล้วว่าตอนนั้นพวกเราจะยังอยู่ด้วยกันหรือไม่! เพราะคงอีกหลายร้อยปีถัดจากนี้ กว่าจะถึงตอนนั้นคงเกิดเรื่องราวขึ้นมากมาย!” สื่อชิงเฉิงถอนหายใจเบา นำฉินหยุนออกจากห้อง

ผลึกแก้วดวงดาวของฉินหยุน เดิมเป็นผลึกแก้วโปร่งแสง แต่ตอนนี้ มันแปรเปลี่ยนเป็นสีเงิน

นี่หมายความถึงความก้าวหน้าอย่างยิ่งยวด และทั้งหมดที่เป็นเช่นนี้ ก็เพราะเขาได้รับการบำรุงเลี้ยงครั้งใหญ่จากหยดน้ำเซียนม่วง

“ฉินหยุน ในอีกไม่กี่วันจากนี้ สองแม่เฒ่าที่คุ้มกันเย่ว์หลานจะกลับมา! เมื่อถึงเวลานั้น ข้าจะไปยังแดนยุทธ์อ้างว้างพร้อมกับเจ้า!”

สื่อชิงเฉิงนำฉินหยุนสู่ห้องนั่งเล่นขณะพูดคุย

ฉินหยุนคิดอยากไปแดนยุทธ์อ้างว้างมานานยิ่งแล้ว เขาจึงพยักหน้ารับรัวเร็ว “ข้าจะไปพร้อมพี่หลัน!”

“เจ้าจะอยู่ที่นี่ หรือคิดกลับไปภูเขาสีเงินลึกลับก่อน?”

“ข้าขอตัวก่อนแล้ว!” ฉินหยุนกล่าว “ก่อนท่านเดินทาง อย่าลืมให้ข้าได้หยิกใบหน้าซาลาเปาของท่านด้วย!”

“ย่อมไม่ จงรีบไปได้แล้ว!” ได้ยินดังนี้ สื่อชิงเฉิงกลายเป็นมีโทสะขึ้นมา

“ข้าช่วยท่านเอาไว้ถึงสองครั้ง! ท่านไม่คล้ายจะกล่าวขอบคุณที่ข้าช่วยชีวิตท่านไว้ด้วยซ้ำ!” ฉินหยุนแลบลิ้นออก “คนดีเช่นนี้กลับไม่ให้รางวัลใดแก่ข้า!”

“ก็ได้ อยากหยิกก็หยิก!” สื่อชิงเฉิงคิด หากไม่ใช่เพราะฉินหยุนช่วยนางไว้สองครั้งครา นางย่อมต้องพบหายนะครั้งใหญ่

ฉินหยุนหัวเราะคิกคัก ยื่นมือออก ลูบที่ใบหน้างดงามของสื่อชิงเฉิง เขานวดคลึงอยู่พักหนึ่งก่อนจะหยุดมือหลังพึงพอใจ

“ช่างทำตัวน่ารำคาญนัก!” ใบหน้าของสื่อชิงเฉิงแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงขณะจ้องมองที่ฉินหยุน นางกล่าวโกรธเคือง “ไปได้แล้ว!”

ฉินหยุนยิ้มกว้างขณะผิวปาก โบยบินออกจากประตูหลักของตำหนักดวงดาววิญญาณสีม่วง

เมื่อฉินหยุนกลับถึงภูเขาสีเงินลึกลับ ท้องฟ้าก็แปรเปลี่ยนเป็นดำมืดแล้ว

ฉ่วยอี้ฮวยนั่งขัดสมาธิอยู่ในห้องโถงของประตูจารึก กำลังดูดกลืนพลังวิญญาณเก้าตะวันปริมาณมหาศาล สีหน้าของเขาตอนนี้ดีขึ้นมากแล้ว ริ้วรอยที่ใบหน้าก็จางหายไปอย่างลึกลับเช่นเดียวกัน

“โชคไม่ดีนัก อาคมใหญ่นี้เพียงทำงานได้ครั้งหนึ่งในทุกชั่วระยะเวลาสิบปี!” ฉินหยุนกล่าวด้วยความเสียดาย

การเปิดค่ายอาคมใหญ่จำเป็นต้องผ่านการสะสมพลังงานชั่วระยะเวลาหนึ่ง กระบวนการนี้ใช้เวลายาวนานยิ่ง

ฉ่วยอี้ฮวยถอนหายใจ “ถึงกับได้รับชีวิตเฒ่าชรานี้กลับคืนมา ก็น่าพึงพอใจมากแล้ว! ขอบคุณจ้าวสำนัก!”

“ยินดีแล้ว หากไม่ใช่เพราะผู้อาวุโสฉ่วย ข้าคงจบสิ้นไปตั้งแต่ก่อนหน้านี้!” ฉินหยุนยิ้ม นำเอากระดาษปึกหนึ่งออกมา ส่งต่อให้ฉ่วยอี้ฮวย

หลันเฟิงจินเองก็อยู่ที่นี่ นางขยับเข้ามาใกล้และอ่านคำ “ดวงดาวลึกล้ำ ดวงตะวันที่เด่นชัด จิตที่สงบนิ่ง ควบแน่นจิตวิญญาณแห่งดวงดาว! เก้าตะวันล้วนแตกต่าง แบ่งแยกพลังออกเป็นหมื่น วิญญาณเทวะแห่งดวงตะวัน พลังเทวะจะเข้าสู่กาย!”

หลังนางอ่านจบ จึงเผยน้ำเสียงประหลาดใจออกมา “นี่ไม่ใช่... ไม่ใช่สิ่งที่ปรมาจารย์หลันเซียวหลงเหลือเอาไว้ เพื่อเป็นการกลั่นแกล้งพวกเราตลอดหลายพันปีหรอกหรือ?”

ฉินหยุนยิ้ม “ถูกต้อง! สิ่งนี้เรียกว่าวิถีหัวใจตะวันดารา เพียงแต่พวกท่านล้วนไม่เข้าใจมัน!”

ฉ่วยอี้ฮวยจดจำได้อย่างกระจ่างชัด ถึงตอนที่พบฉินหยุนครั้งแรก ฉินหยุนได้รับบทร่ายเหล่านี้ไป

ในตอนนั้น เขาเองยังออกปาก ว่านี่เป็นสิ่งที่ปรมาจารย์หลันเซียวทิ้งไว้หลอกพวกเขาเล่น!

ตำหนักดวงดาววิญญาณสีครามล่มสลายแล้ว ดังนั้นสิ่งที่เหลืออยู่จึงมีแต่ประตูจารึกแห่งนี้

ผู้ที่ยังอยู่ที่นี่ ล้วนแต่ภักดีต่อตำหนักดวงดาววิญญาณสีคราม!

ฉินหยุนรู้สึกได้ ว่าฉ่วยอี้ฮวยและคณะ มีสิทธิ์อันชอบธรรมที่จะได้เรียนรู้วิถีหัวใจตะวันดารา

ฉ่วยอี้ฮวยและสามพี่น้อง รวมถึงหลันเฟิงจิน ต่างมองที่ฉินหยุนอย่างอึ้งทึ่ง!

“ข้าเพียงเข้าใจในส่วนแรก กระนั้น ก็ได้รับผลประโยชน์มหาศาลจากมัน!”

ฉินหยุนยิ้ม เริ่มอธิบายสิ่งที่ตนเข้าใจจากส่วนแรกของบทร่าย เขายังอธิบายว่าต้องฝึกฝนจิตวิญญาณต้นกำเนิดก่อน เพื่อที่จะสามารถฝึกฝนวิถีหัวใจตะวันดาราได้

ได้ยินดังนี้ หลันเฟิงจินและผู้อื่นล้วนมึนงง!

ท้ายที่สุด ฉินหยุนเอ่ยถึงเรื่องเส้นทางทดสอบประตูจารึก มันทำเอาฉ่วยอี้ฮวยและคณะเผยความตื่นตกใจ

ฉินหยุนยืนที่ทางเข้าถ้ำ มองซากปรักหักพังของตำหนักดวงดาววิญญาณสีคราม เขายังเอ่ยถึงสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าตำหนักดวงดาววิญญาณสีม่วงด้วย!

ฉ่วยอี้ฮวยกลายเป็นยินดี ยอดฝีมือขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณทั้งหลายของสำนักวิญญาณหมัดมังกร ล้วนถูกทำลายจนสิ้นแล้ว

นี่หมายความถึงในชั่วระยะเวลาถัดจากนี้ ตำหนักดวงดาววิญญาณสีม่วงถือว่าแข็งแกร่งที่สุด

กระทั่งว่าหุบเขาวิญญาณลอยล่อง และสำนักวิญญาณสายลมร่วมมือกัน พวกเขาก็ยังไม่อาจทัดเทียมตำหนักดวงดาววิญญาณสีม่วง

“ผู้อาวุโสฉ่วย สามจรัสแสง! ข้าคิดเดินทางไปยังแดนยุทธ์อ้างว้าง ประตูจารึกนี้จะถูกส่งต่อทุกท่านให้ช่วยดูแลต่อ ข้าจะขัดเกลาจี้ห้อยคอหยกเพิ่ม มันจะช่วยให้สามารถเข้าออกห้องโถงได้ตามต้องการ!” ฉินหยุนกล่าว

ฉ่วยอี้ฮวยพยักหน้ารับ “เจ้าเติบโตได้รวดเร็วเพียงนี้ ย่อมสมควรไปยังแดนยุทธ์อ้างว้าง!”

“ข้าขอตัวไปพักผ่อนก่อน พวกท่านควรเข้าใจเรื่องวิถีหัวใจตะวันดาราแล้ว ยังไม่สายเกินไปที่จะฝึกฝนจิตวิญญาณต้นกำเนิด และฝึกฝนพลังจิตให้แกร่งกล้ามากขึ้น!” กล่าวคำจบ ฉินหยุนจึงเข้าห้องลับไป

ตอนนี้ ในที่สุดเขาก็มีเวลาที่จะเปิดอาคมของไข่มุกเม็ดที่สอง

เขาแทบอดใจรอไม่ไหว ว่าสิ่งใดที่รอคอยเขาอยู่ภายในนั้น!

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด