ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0334 [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0336 [อ่านฟรี]

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0335 [อ่านฟรี]


ตอนที่ 335 : เส้นทางดวงดาว

ภายหลังการเดินผ่านเส้นทางปลอดภัยจนถึงปลายทาง ฉินหยุนโดนขวางเอาไว้ด้วยม่านแสงสีทอง

เขามองที่สัญลักษณ์ตรงด้านข้าง บนนั้น มันมีอักษรขนาดใหญ่คงอยู่ ‘เส้นทางแปรสภาพกระดูก’

“แปรสภาพกระดูก?”

ฉินหยุนมองที่ม่านแสงตรงหน้า พร้อมสูดลมหายใจเข้าลึก!

อย่างชัดเจน การผ่านม่านแสงตรงหน้าไป คือการเข้าสู่เส้นทางแปรสภาพกระดูก

ที่ขอบเขตกายวรยุทธ์ วัชระกระดูกถือเป็นสิ่งสำคัญ

และเส้นทางแปรสภาพกระดูกนี้ ชัดเจนว่ามีเป้าหมายที่วัชระกระดูก!

ฉินหยุนไม่คิดกล้าเข้าไป เพราะเขาไม่ทราบว่าเส้นทางนี้มีเบื้องลึกเบื้องหลังน่าสะพรึงใดซุกซ่อนเอาไว้

“ต้องตรวจสอบมันให้ดี!”

เขาไม่อาจเข้าไป พลังจิตก็ไม่อาจผ่าน ดังนั้นจึงไม่ทราบว่าควรตรวจสอบมันอย่างไรดี

ผ่านการครุ่นคิดไปพักหนึ่ง เขานำเอาไข่มุกจำนวนหนึ่งออกมา เริ่มแกะสลักผังวิญญาณบนเม็ดไข่มุก

เขาคิดอยากขัดเกลาดวงตาขึ้น

หลังจากไข่มุกถูกขัดเกลาแล้ว เขานำเอาเส้นเอ็นสัตว์อสูรระดับวิญญาณ เริ่มทำการหลอมพวกมันเข้าด้วยกัน หลังผ่านกระบวนการเรียบร้อย พวกมันจึงบางอย่างยิ่ง ทว่าก็เชื่อมต่อกับไข่มุกเรียบร้อย

เขาโยนไข่มุกผ่านม่านแสง ด้วยเส้นเอ็นสัตว์ที่เชื่อมต่ออยู่กับไข่มุก มันทำให้เขาสามารถเชื่อมต่อพลังจิตกับไข่มุกได้

ด้วยวิธีนี้ จะทำให้เขาได้เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นภายในผ่านทางไข่มุก

หลังจากไข่มุกเข้าไปในม่านแสงสีทอง มันเริ่มลอยขึ้น

ผ่านทางไข่มุก เขาได้เห็นน้ำสีทองอ่อนจางจำนวนมากเบื้องหลังม่านแสง เพราะเหตุนี้ไข่มุกที่เบาจึงลอยขึ้น!

เบื้องหลังม่านแสงสีทอง แท้จริงเป็นมวลน้ำ!

หรือก็คือ มันเป็นเส้นทางน้ำ!

หลังจากนั้น เขาจึงโยนต้นขาของสัตว์อสูรระดับวิญญาณผ่านม่านแสงเข้าไป

ทันทีเมื่อต้นขาเข้าสู่ภายใน กระดูกของมันเริ่มหลอมละลาย กระนั้นเลือดเนื้อกลับยังมีสภาพดีอยู่!

“ของเหลวนี้ประหลาดนัก มันหลอมเหลวเพียงแต่กระดูก!”

ฉินหยุนถึงกับสูดลมหายใจเย็นเข้าปอด กระดูกสัตว์อสูรระดับวิญญาณ ถือได้ว่าแข็งแกร่ง กระนั้นพวกมันกลับสลายตัวอย่างง่ายดาย เส้นทางแปรสภาพกระดูกนี้น่ากลัวเกินไปแล้ว!

หากเขาบุ่มบ่ามเข้าไป วัชระกระดูกในร่างกายคงถูกหลอมละลาย

พอคิดดังนี้ ก็ทำเอาเขาขนหัวลุก!

ขณะนั่งกับพื้นและคิ้วขมวด เขากำลังคิดหาความเป็นไปได้

ฉินหยุนคิดได้หลายทาง กระนั้นกลับไม่มีใดในพวกมันที่น่าจะทำได้จริง

ยกตัวอย่าง เขาสามารถขัดเกลาเปลือกนอกที่แข็งแกร่งคุ้มกันเอาไว้ หรือไม่ก็ขัดเกลาเสื้อผ้าที่ป้องกันของเหลว

“ใช่แล้ว ยังมียันต์วิญญาณไล่น้ำ!”

ฉับพลันเขานึกขึ้นมาได้ ครั้งลงไปในบ่อน้ำมันก่อนหน้านี้ ยันต์ไล่น้ำถือว่ามีประโยชน์อย่างยิ่ง

มันทำให้เขาสามารถหลบเลี่ยงการสัมผัสถูกน้ำมันสัตว์ ดำดิ่งสู่ส่วนลึกของบ่อน้ำมันสัตว์ได้

ฉินหยุนขว้างยันต์ไล่น้ำออก ผ่านม่านแสงสีทองเข้าสู่ภายใน

หลังยันต์ไล่น้ำเข้าไปภายในแล้ว จึงไม่มีของเหลวใดลอยอยู่ในรัศมีสองถึงสามเมตรจากตัวยันต์กระดูก!

“ได้ผล!” ฉินหยุนลอบยินดี จากนั้นเขาจึงเริ่มขัดเกลาอุปกรณ์ที่เอาไว้ใช้หลบเลี่ยงน้ำ

แน่นอนว่า เขาไม่คิดขัดเกลายันต์ที่ง่ายดาย

เขาต้องการขัดเกลาชุดเสื้อผ้าด้วยหนังสัตว์อสูรระดับวิญญาณ พร้อมกันนี้ ยังต้องวางชุดผังวิญญาณไล่น้ำหลายชุดเอาไว้บนตัวพวกมัน

“ดี เพื่อให้ปลอดภัยที่สุด เราต้องขัดเกลาขึ้นเป็นอุปกรณ์วิญญาณชั้นเลิศ!”

ฉินหยุนนำเอาแผ่นหนังสัตว์ วัสดุนานาชนิด และเริ่มทำการหลอมอยู่ในเส้นทางเดินแห่งนี้

เขาใช้เวลาตลอดทั้งวัน จึงค่อยขัดเกลาชุดเสื้อผ้าขึ้นมาได้สำเร็จ เสื้อผ้าเหล่านี้ ล้วนแต่เป็นอุปกรณ์วิญญาณชั้นเลิศ เขาได้แกะสลักผังวิญญาณไล่น้ำจำนวนหลายชุดเอาไว้บนตัวเสื้อผ้า

“หวังว่าจะได้ผลนะ!”

ขณะสูดลมหายใจเข้าลึก เขาเปิดการทำงานของผังวิญญาณไล่น้ำบนชุดเสื้อผ้า พร้อมกันนี้จึงพุ่งกายผ่านม่านแสงสีทองเข้าไป

ทันทีที่เข้ามา ของเหลวรอบด้านจึงถูกผลักออก!

“ด้วยพลังของสามแก่นเต๋า คิดว่าน่าจะคงสภาพของอุปกรณ์ชุดนี้ได้หลายวัน เส้นทางแปรสภาพกระดูกนี้ อย่างน้อยก็คงไม่มีทางใช้เวลาหลายวันกว่าจะถึงปลายทางอย่างแน่นอน!”

ฉินหยุนเคลื่อนกายผ่านเส้นทางแปรสภาพกระดูก ว่ายน้ำไปอย่างรวดเร็ว

ตราบเท่าที่เขาขึ้นถึงด้านบนยอดเขา เท่ากับว่าเขาผ่านการทดสอบของประตูจารึก และจะได้เป็นศิษย์ของสำนักจารึก!

สำนักจารึกไม่มีศิษย์ในแม้สักคน ตราบเท่าที่มีผู้ใดผ่านการทดสอบ บุคคลนั้นจะเป็นจ้าวสำนัก!

“หัวหน้าศิษย์นับเป็นอะไร? ช่างเล็กจ้อยนัก ได้เป็นจ้าวสำนักจารึก ถึงจะดูอลังการกว่า!”

ฉินหยุนรู้สึก ว่าตอนนี้ตนอยู่ไม่ไกลจากตำแหน่งจ้าวสำนัก เขาถึงขั้นลอบคาดการณ์ด้วยซ้ำว่าต้องได้เป็น

เส้นทางน้ำแห่งนี้ค่อนข้างยาว เขาต้องใช้เวลาทั้งสิ้นสามวันกว่าจะว่ายน้ำผ่านออกมาได้

ระหว่างทาง เขาหาได้พบเจอศพใดไม่ จนอดไม่ได้ที่จะสงสัย ว่าศพที่สมควรมีอยู่ถูกดูดกลืนกลายเป็นพลังงานไปหมดแล้วหรือไร

ฉินหยุนออกจากม่านแสงสีทอง จบสิ้นการทดสอบเส้นทางแปรสภาพกระดูก ตอนนี้ที่เขาเผชิญหน้า คือเส้นทางสีดำสนิท!

ความมืดมิดเช่นนี้ มันถึงขนาดที่ไม่อาจใช้แสงส่องสว่าง!

ฉินหยุนนำเอาไข่มุกส่องแสงออกมา เมื่อแสงปะทะกับผนังกำแพง มันถูกความมืดเข้ากลืนกิน

เขาแตกตื่นไปวูบ กระนั้นพร้อมกันนี้ เขาก็ได้มองไปยังผนังกำแพงสีดำรอบด้าน เขาได้เห็นจุดแสงอ่อนจางอยู่จำนวนหนึ่ง!

“นี่จะต้องเป็นผังจารึก!”

ฉินหยุนไม่อาจเห็นผังจารึก ทั้งยังไม่อาจสัมผัสถึงพลังงานใดที่เข้าโจมตี

เขาปล่อยโมโมออกมา พยายามให้นางช่วยสัมผัสถึงผังจารึกอันลึกลับนี้

โมโมพิจารณาสำรวจอยู่พักหนึ่ง ทว่าก็ไม่อาจสัมผัสถึงความผันแปรของผังจารึกลึกลับนี้ได้

“เราต้องขึ้นไปให้สูงกว่านี้ นี่น่าจะใกล้ถึงยอดเขาแล้ว!”

ฉินหยุนคาดเดา ว่าเส้นทางมืดมิดแห่งนี้ สมควรเป็นการทดสอบด่านสุดท้าย

หลังพักผ่อนชั่วครู่ เขาค่อยรวบรวมความกล้าก้าวเดินออกไป

ผ่านไปพักหนึ่ง เขาค่อยประหลาดใจ ที่พบว่าจุดแสงอ่อนจางเหล่านั้น แท้จริงเป็นดวงดาว!

ยิ่งเขาเดินเข้าไปใกล้มากเพียงใด ดวงดาวก็ยิ่งส่องแสงมากขึ้นเท่านั้น!

เพียงไม่นาน เขาจึงรู้สึกได้ ว่าเขาเคยเห็นอะไรที่คล้ายกันนี้มาก่อน!

มันทำเขานึกย้อนในความทรงจำ ถึงค่ายอาคมใหญ่ที่ยอดเขาชี้นำวิญญาณดวงดาว

ย้อนกลับไป ตอนที่เขาเข้าสู่ค่ายอาคมใหญ่แห่งนั้น เขาได้ประสบการณ์การท่องไปในทะเลมวลหมู่ดาวที่ชวนสะพรึง

ท่ามกลางทะเลหมู่ดาวกว้างใหญ่ มีดวงดาวขนาดใหญ่เกินใดเทียบเปรียบนับไม่ถ้วน เป็นผลให้ความรู้สึกเล็กจ้อยและหวาดกลัวยิ่งสุมหนา ยามเมื่อรับรู้ถึงความกว้างใหญ่ของทะเลดวงดาว มันทำให้ผู้รับรู้กลับกลายเป็นประสบพบเจอกับความไร้ซึ่งพลัง

ขณะฉินหยุนเดินตามเส้นทางไป สัมผัสถึงความกลัวของเขายิ่งมายิ่งเด่นชัด จนอดไม่ได้ที่จะหลั่งเหงื่อออก

“สงบใจเข้าไว้!”

เขาเร่งท่องบทร่ายของวิถีหัวใจตะวันดารา เพื่อคงสภาพจิตใจ ปกป้องตนเองจากการหลงทางท่ามกลางทะเลดวงดาว

เขาท่องบทร่ายไม่หยุด ความกลัวในหัวใจเขาค่อยสงบลง

ฉินหยุนก้าวเดินตามเส้นทางไป เขาค่อยเข้าใจว่าเหตุใดไม่มีผู้ใดสามารถผ่านการทดสอบ และเหตุใดพวกเขาไม่อาจออกไปได้!

อย่างแรก ที่ด่านทดสอบแรกนั้น มันเต็มไปด้วยค่ายอาคมสังหารอันแกร่งกล้านานาชนิด ต้องอาศัยผู้ที่มีความรู้ทางอาคมแกร่งกล้า ค่อยทำลายพวกมันผ่านไปทีละหนึ่งอาคม

ด่านที่สอง เส้นทางแปรสภาพกระดูก มันเปี่ยมไปด้วยของเหลวที่พร้อมจะละลายกระดูก

หากไม่เตรียมการให้ดี หากไม่สำรวจก่อนลงมือทำอะไร กระทั่งว่าอยู่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ กระดูกในร่างกายของพวกเขาย่อมต้องถูกหลอมเหลว

และในด่านที่สาม คนผู้หนึ่งจำเป็นต้องมีความรู้และเข้าใจวิญญาณอย่างลึกล้ำ

ฉินหยุนพบว่า มีแต่ผู้ที่ฝึกฝนวิถีหัวใจตะวันดารา จึงสามารถอยู่เหนือความกลัวและผ่านด่านที่สาม “เส้นทางดวงดาวข่มขวัญ” ไปได้

ทั้งนี้ ยังเป็นเพราะเขาสามารถเข้าใจถึงความกว้างใหญ่ของทะเลดวงดาวมาก่อน ไม่เช่นนั้นแล้ว เขาคงไม่มีทางผ่านการเดินทางครั้งนี้อย่างไหลลื่นเป็นแน่

ผ่านไปหลายวัน ฉินหยุนยังคงเดินอยู่ในเส้นทางดวงดาวข่มขวัญ ความเร็วของเขายิ่งมายิ่งเพิ่มมากขึ้น

“เส้นทางสายนี้ยาวไกลนัก!”

ฉินหยุนสำรวจมองโมโมภายในมิติเก็บของและเอ่ยถาม “โมโม ตั้งแต่ข้าเข้าสู่เส้นทางดวงดาว ผ่านมากี่วันแล้ว?”

“ห้าวัน ว่าอะไร? พี่หยุนยังออกมาไม่ได้อีกหรือ?” โมโมเอ่ยถาม

ฉินหยุนรู้สึกเหมือนผ่านไปไม่นาน เขาไม่คิดเลยว่าเวลาจะผ่านไปแล้วถึงห้าวัน

“ใช่! โชคดีนักที่แค่เดินตามเส้นทางไป ไม่มีอันใดให้หลง”

ตามที่เขาคาดคิด ระยะทางที่เขาเดินผ่านมานี้ สมควรใกล้ถึงยอดเขาเต็มทีแล้ว

เส้นทางดวงดาวข่มขวัญหาได้มีอันตรายใดไม่ ความเร็วที่ใช้เดินจึงยิ่งมายิ่งรวดเร็ว ดังนั้นอีกไม่นานเขาสมควรไปถึง

กระนั้นตอนนี้ปลายทางยังไม่อาจพบเห็น เขาได้แต่ก้าวเดินต่อไป

ผ่านไปหลายวัน ฉินหยุนก็ยังคงอยู่ในเส้นทาง!

เขาเริ่มแตกตื่น เพราะเขาไม่ทราบว่าตนจะไปถึงปลายทางได้หรือไม่!

ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา เขาทั้งเดินสลับวิ่ง พักผ่อนเพียงชั่วระยะเวลาน้อยนิด

ลำพังเพียงภูเขาสีเงินที่เข้ามา ต่อให้จะมีอีกหลายสิบลูก เขาก็สมควรปีนป่ายถึงยอดเขาได้แล้ว

แต่ตอนนี้ เขายังติดอยู่ภายในถ้ำที่เต็มไปด้วยดวงดาว

ผ่านไปอีกหลายวัน

ฉินหยุนนั่งกับพื้น พักผ่อนชั่วระยะเวลาหนึ่ง จากนั้นค่อยยืนขึ้นและก้าวเดินต่อไป

เขาเข้าใจว่าเหตุใดหลันเฉิน ผู้ซึ่งอยู่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ จึงไม่ไล่ตามเขาเข้ามา

กระทั่งเป็นผู้อยู่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ ก็ไม่ใช่ว่าจะสามารถรอดพ้นออกไปอย่างมีชีวิตรอด

“ถ้ำที่เต็มไปด้วยค่ายอาคมสังหารไม่ถือว่ายาก เส้นทางแปรสภาพกระดูกก็ไม่ได้หลอมเหลวเรา เส้นทางดวงดาวข่มขวัญก็ไม่ได้ข่มขวัญเราแต่อย่างใด แต่มันทำเอาเราเบื่อจนแทบตายตก!”

ฉินหยุนเริ่มออกวิ่งไปตามเส้นทาง เขาแทบจะเป็นบ้าอยู่รอมร่อ ทั้งวิ่งและเดินมาหลายสิบวัน ยังไม่คล้ายจะพบเห็นปลายทาง!

เป็นเขาสงสัย ว่าเส้นทางนี้สมควรมีผังมิติระดับลึกล้ำคงอยู่ มันจึงยืดยาวออกไปนานถึงเพียงนี้

เวลาผันผ่าน เพียงพริบตา ฉินหยุนใช้เวลาถึงครึ่งปี วิ่งอยู่บนเส้นทางดวงดาวแห่งนี้ไม่ต่างอะไรกับคนบ้า!

เขาแทบหลั่งน้ำตาออก

ทันใดนั้นเอง เขาได้พบเห็นประตูทองแดงปรากฏเบื้องหน้า เป็นเขายินดีจนถึงกับร้องไห้ออกมาจริง ๆ!

“ฮ่าฮ่าฮ่า... ในที่สุดเราก็ถึงปลายทาง!” ฉินหยุนอดไม่ได้ ที่จะสะกดความตื่นเต้นยินดีในหัวใจเอาไว้ จนหัวเราะดังลั่นออกมา

แม้เขายินดี เขาก็หาได้หย่อนความระวังลงไม่ ขณะเดินเข้าไปใกล้ประตู เขายังคงระวังทุกฝีก้าว

“ราชันราชสีห์วิญญาณ ต้องขออภัยแล้ว รบกวนเจ้าอีกครั้งนะ!”

ฉินหยุนปลดปล่อยหุ่นเชิดราชสีห์ออกมา พร้อมกันนี้จึงเดินเข้าไปใกล้ประตูทองแดง

เขายิ่งมายิ่งระแวดระวัง เขาต้องผ่านความยากลำบากไปมากกว่าจะมาถึงตรงนี้ ดังนั้นเขาจะต้องไม่ตายอยู่ที่ส่วนสุดท้ายแห่งนี้!

ราชันราชสีห์วิญญาณเพียงส่งเสียง ทำการสัมผัสกับประตูทองแดงอยู่หลายครั้ง เขาพบว่าไม่มีการตอบสนองใดกลับมา

เดิมเขาคิดใช้ราชันราชสีห์วิญญาณเปิดประตูให้ แต่ก็พบว่าไม่อาจทำได้

ฉินหยุนเก็บหุ่นเชิดราชสีห์ ทำการตรวจสอบชุดผังธาตุแสงของตนเอง ชุดไล่น้ำ และชุดวิญญาณสีคราม

เขาสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันถึงสามชั้น ทำเอาเขาดูอ้วนท้วนขึ้นไม่ใช่น้อย

หลังยืนยันได้แล้วว่าไม่มีปัญหาใด เขาก้าวเดินออก มือทั้งสองสัมผัสกับบานประตู ค่อย ๆ ผลักเปิดมันออกด้วยแรงเล็กน้อย

ประตูเริ่มเปิดออกทีละน้อย แสงสว่างสีขาวเจิดจ้าปรากฏผ่านรอยแยกประตู มันสาดส่องเส้นทางดวงดาวอันมืดมิดเบื้องหลัง

ประตูทองแดงเปิดออก ฉินหยุนก้าวเดินเข้าไป ภายในคือห้องโถง!

ด้วยสภาพเรียบง่าย มันเป็นห้องโถงวงกลม ขนาดไม่ได้ใหญ่โตอะไรมาก ประมาณยี่สิบเมตรเท่านั้น

เมื่อมองขึ้นไป เขาพบว่ามีป้ายชื่อเขียนคำ “ประตูจารึก” เอาไว้

“นี่คือโถงหน้าของประตูจารึกงั้นหรือ? ไม่โทรมไปหน่อยหรือไร?” ฉินหยุนเม้มริมฝีปาก

ในห้องโถงกลมแห่งนี้ มีเก้าอี้กว่ายี่สิบตัวชิดอยู่กับผนังกำแพง เก้าอี้ตัวที่อยู่หน้าห้องโถงถือว่าใหญ่ที่สุด ตรงนั้นน่าจะเป็นเก้าอี้ของจ้าวสำนัก

ตลอดทางที่ผ่านมา ฉินหยุนพบเจอสารพัดกับดักนานาชนิดในด่านทดสอบประตูจารึก ดังนั้นแล้ว เขายังคงระแวดระวังขณะเดินเข้าไป

เมื่อเดินเข้ามาแล้ว เขาเริ่มพิจารณามองอีกครั้ง ฝีเท้ายังคงก้าวเดินมุ่งไปอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งเก้าอี้ตัวใหญ่ที่สุดปรากฏตรงหน้าของเขา

“เท่านี้ถือว่าเราผ่านการทดสอบแล้วงั้นหรือ?”

ฉินหยุนพินิจเก้าอี้ก่อนนั่ง หัวใจเต้นรุนแรงจนแทบออกมานอกหน้าอก เขาหันมองรอบ

ที่พบ ประตูจารึกแห่งนี้มีห้องเพียงหนึ่ง หาได้มีห้องลับใดอยู่ไม่

ฉับพลันนี้เอง โต๊ะหินวงกลมค่อยเคลื่อนขึ้นจากตรงกลางของห้องโถง บนโต๊ะหินดังกล่าว มีกล่องหนึ่งตั้งเอาไว้!

พอฉินหยุนได้เห็นกล่องนี้ เขาเริ่มตื่นเต้นขึ้นมา เขาก้าวเดินออกไป มือเอื้อมออกไปเปิดกล่อง

ภายในกล่อง เป็นจี้ห้อยคอหยกสีขาว รูปทรงคล้ายน้ำวน

นอกจากจี้ห้อยคอหยกแล้ว ยังมีสมุดหนังสัตว์เล่มบางอยู่สองเล่ม

หนึ่งเขียนเอาไว้ “อักขระดวงดาว” ขณะที่อีกหนึ่งเขียน “อักขระจันทรา”

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด