ตอนที่แล้วRe-new ตอนที่ 45  รวย รวย รวย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปRe-new ตอนที่ 47  ลงโทษ

Re-new ตอนที่ 46  ข้อแก้ตัว


ตอนที่ 46  ข้อแก้ตัว

“เยี่ยงนั้นก็ขอบคุณเจ้าค่ะ !” หยูเสี่ยวเฉาพลิกตั๋วแลกเงินกลับไปกลับมาและสำรวจมันอยู่นาน  หลังจากสำรวจจนพอใจแล้ว นางก็พับตั๋วแลกเงินเก็บใส่กระเป๋าเสื้อเป็นอย่างดี แล้วตบกระเป๋าอย่างพอใจ

50 ตำลึง ! รวมกับเงินที่ขายสัตว์ได้ครั้งก่อน ๆ ตอนนี้นางก็มีเงินเก็บอย่างน้อยก็ 70 - 80 ตำลึงแล้ว ดูเหมือนว่านางจะสามารถสะสมเงินไว้ได้มากพอสมควรเลยมิใช่รึ !

คุณชายสามโจวมองเสี่ยวเฉาที่ทำท่าเหมือนคนหิวเงิน นางยิ้มจนตาหยี น่ารักเสียจนเสื้อผ้าเก่า ๆ ซอมซ่อของนางก็ไม่อาจปิดบังความน่ารักนั้นไว้ได้

หยูไห่รู้สึกแปลกใจที่เห็นลูกสาวเอาตั๋วแลกเงินใส่กระเป๋าตนเองได้อย่างหน้าตาเฉย เสี่ยวเฉากล้าถึงเพียงนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน ? นางมิรู้หรือไงว่า 50 ตำลึงซื้อของได้มากถึงเพียงไหน ? ขนาดบ้าน 5 ห้องในหมู่บ้านตงชานก็ยังมิได้ใช้เงินสร้างมากถึงขนาดนั้น

คุณชายสามโจวสังเกตเห็นหยูไห่มองเสี่ยวเฉาด้วยสีหน้าลังเลตอนที่นางเอาเงินไปโดยไม่ปรึกษาเขาก่อนเลยสักนิด แต่สุดท้ายหยูไห่ก็มิได้พูดอันใดออกมา และมิได้ยึดเงินมาอีกด้วย ทั้ง ๆ ที่เงินนั่นมากพอจะทำให้ครอบครัวชาวบ้านธรรมดาอยู่ได้ไปอีกหลายปี

โจวซือชู่ยิ้มบาง ๆ และเอ่ยกับหยูไห่ว่า “ท่านอาหยูเป็นท่านพ่อที่ดีจริง ๆ ท่านคงรักลูกสาวมาก ๆ เลยนะขอรับ”

หยูไห่มองลูกสาวคนเล็กของเขาอย่างรักใคร่ เขาคิดถึงตอนที่ลูกสาวของเขาเป็นลมแต่เขาไม่มีเงินเลยสักอีแปะเดียว รวมถึงลูก ๆ คนอื่นที่ผอมแห้งและอ่อนแอที่อยู่ที่บ้าน เขาส่ายหน้าและตอบด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมและรู้สึกผิดว่า “ไม่หรอก ข้ามิใช่พ่อที่ดี...”

“ถ้าท่านพ่อเลิกฟังท่านย่าตลอดเวลาและคิดถึงครอบครัวของเราให้มากกว่านี้ ท่านพ่อก็จะเป็นท่านพ่อที่ได้ดีแน่ ๆ” หยูเสี่ยวเฉาสอนพ่อตนเองพร้อมกับดื่มน้ำขิงใส่น้ำตาลทรายแดงร้อน ๆ

“ท่านแม่ของพ่อ...ที่เป็นท่านย่าแท้ ๆ ของลูกเสียไปตั้งแต่พ่อยังเยาว์วัย ดังนั้นพ่อต้องกตัญญูต่อท่านย่าที่เลี้ยงพ่อมา พออาเล็กแต่งงานออกไปแล้วและอาสามสอบผ่านระดับเขต ภาระที่บ้านก็จะน้อยลง ครอบครัวเราก็จะสามารถแยกบ้านมาอยู่ต่างหากได้ พอถึงตอนนั้นพ่อจะล่าสัตว์กับหาปลาให้บ่อยขึ้น หาเงินให้มากขึ้น จะซื้อเสื้อผ้าใหม่ ๆ กับเครื่องประดับผมให้เจ้าด้วยเป็นเยี่ยงไร...” หยูไห่ลูบผมที่แห้งแตกของลูกสาวด้วยความรู้สึกเสียใจ

หยูเสี่ยวเฉาแอบเบะปากอยู่ในใจ พ่อของนางเป็นคนหาเลี้ยงครอบครัว ถ้าอาสามสอบผ่านระดับเขต เขาก็จะอยากสอบระดับจังหวัดแล้วก็ระดับประเทศต่อ... ท่านย่าของนางก็คอยเกาะเป็นปลิง ไม่มีทางที่นางจะปล่อยพวกเขาไปจนกว่าจะสูบเลือดพวกเขาจนหมดตัว ความหวังที่จะแยกบ้านของพวกเขานั้นริบหรี่ยิ่งนัก

บ่าวรับใช้อีกคนของคุณชายสามโจวเคาะประตูและเข้ามาพร้อมกับห่อผ้าขนาดใหญ่เทอะทะ ซือโม่บ่าวรับใช้ของโจวซือชู่รับห่อผ้ามาจากเขาด้วยสีหน้าอับอายและพูดว่า  “ข้ายังมิเคยใส่เสื้อกันหนาวตัวนี้ ถ้าคุณหนูหยูไม่รังเกียจล่ะก็...”

“ไม่รังเกียจเลยเจ้าค่ะ ! ไม่รังเกียจเลย !” เขาเป็นบ่าวรับใช้ส่วนตัวของคุณชายตระกูลโจวที่เป็นตระกูลที่รวยที่สุดในเมืองถังกู่ ดังนั้นเขาจึงแต่งตัวดีกว่าคนทั่วไปส่วนใหญ่ในเมืองนี้ เสื้อกันหนาวที่เขาใส่ทำจากผ้าฝ้ายอย่างดีราคา 34 อีแปะต่อ 1 เมตร !

หยูเสี่ยวเฉารับห่อผ้ามาและเห็นว่ามันเป็นเสื้อกับกางเกงกันหนาวชุดใหม่จริง ๆ พวกมันทำมาจากผ้าฝ้ายอย่างดีและใส่ฝ้ายหนาเอาไว้อีกด้วย เสื้อผ้าชุดนี้จึงนุ่มเป็นอย่างมาก ต่อให้ไม่ได้แตะเสื้อผ้าก็บอกได้ไม่ยากว่าพวกมันทำด้วยฝ้ายใหม่ เสื้อกันหนาวตัวนี้หากลองคิดดูแล้วคงมีราคาอย่างน้อยก็ 200 - 300 อีแปะเป็นแน่

การทำงานเป็นบ่าวรับใช้นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้นหยูเสี่ยวเฉาจึงไม่อยากเอาเปรียบเขา  นางยื่นมือไปทางหยูไห่แล้วเอ่ยว่า “ข้าจะซื้อชุดกันหนาวจากพี่ชายคนนี้ ท่านพ่อ เอาเงินให้ข้าจ่ายเขาหน่อยได้หรือไม่เจ้าคะ !”

คุณชายสามโจวรู้สึกขำขันเป็นอย่างมากเมื่อเห็นเด็กหญิงขอเงินจากพ่อทั้ง ๆ ที่ตนเองก็มี 50 ตำลึงอยู่ในกระเป๋า ยิ่งกว่านั้นหยูไห่ก็ช่างว่าง่ายเสียเหลือเกิน ยอมทำตามคำสั่งของลูกสาวทันที เขาจ่ายด้วยเงินของเขาเอง...

ซือโม่รีบปฏิเสธเงินที่หยูไห่ส่งมาให้และเอ่ยว่า “เสื้อผ้าชุดนี้เล็กเกินไปสำหรับข้าแล้วขอรับ เก็บไว้ก็มิมีประโยชน์อันใด จะทิ้งก็เสียดาย โชคดีที่คุณหนูหยูต้องการมัน ข้าจะรับเงินได้เยี่ยงไรเล่าขอรับ ?”

ความจริงแล้วท่านฮูหยินให้รางวัลเขาเป็นผ้าฝ้ายสำหรับทำเสื้อกันหนาวเพราะเห็นว่าเขารับใช้คุณชายด้วยความทุ่มเทอย่างเต็มที่ ท่านแม่ของซือโม่รู้สึกว่าลูกชายได้รับเกียรติจากนาง จึงใช้เวลาถึง 2 คืนตัดเย็บชุดกันหนาวให้เขาอย่างดีใจ แต่เขาไม่มีโอกาสได้ใส่มันเพราะอากาศยังอุ่นอยู่ ทันทีที่ฤดูหนาวมาถึงเขาก็ได้เอามันออกมาใส่แต่ปรากฏว่ามันเล็กเกินไปเสียแล้ว

สถานะในตระกูลโจวของคุณชายของเขาสูงขึ้นเพราะความสำเร็จของร้านอาหารเจินซิว  ท่านหัวหน้าตระกูลชมเชยคุณชายของเขาอยู่หลายครั้งต่อหน้าคุณชายคนอื่น ๆ แม้แต่บ่าวรับใช้ส่วนตัวอย่างเขาก็ได้รับความนับถือมากยิ่งขึ้น

ซือโม่ที่รู้ตำแหน่งของตนเองดีจึงไม่ยอมให้ท่านแม่แก้ไขเสื้อผ้านี้ คงเป็นเรื่องน่าอับอายถ้าบ่าวรับใช้ส่วนตัวของทายาทคนเดียวของบ้านสองแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าที่ถูกซ่อมแซมแก้ไข  เขาจะไม่กลายเป็นตัวตลกไปหรอกรึ ? ดังนั้นชุดกันหนาวนี้จึงไร้ประโยชน์ต่อเขาอย่างแท้จริง

ผู้ใดคือคุณหนูหยู ? แค่เพียงครึ่งปีร้านอาหารเจินซิวก็กลายเป็นร้านอาหารที่ดีที่สุดในเมืองถังกู่ คุณหนูหยูควรได้รับความดีความชอบในความสำเร็จของร้านเจินซิวอย่างน้อยครึ่งหนึ่ง แม้แต่คุณชายของเขาก็ยังปฏิบัติกับนางด้วยความนับถือและในสำนึกบุญคุณ  นางยอมรับเสื้อผ้าของเขาอย่างเต็มใจ แล้วเขาจะกล้ารับเงินของนางได้เยี่ยงไร ?

หยูเสี่ยวเฉาสังเกตเห็นว่าพี่ชายคนนี้จะไม่พอใจถ้านางยังยืนยันที่จะให้เงินเขาต่อ ดังนั้นนางจึงเลิกตื้อและแสดงความขอบคุณบ่าวรับใช้คนนั้นอีกครา หลังจากนั้นนางก็ได้ยัดห่อเสื้อผ้าใส่มือของหยูไห่แล้วกล่าวลาคุณชายสามโจว

โจวซือชู่เอ่ยขึ้นมาเศร้า ๆ “หัวหน้าพ่อครัวหวังคิดอาหารจานใหม่ขึ้นมาได้ ข้าอยากขอให้เจ้าช่วยชิมแล้วให้คำแนะนำเสียหน่อย แต่ดูเหมือนว่าต้องเป็นวันอื่นเสียแล้ว บ้านเจ้าอยู่ที่ไหนล่ะเสี่ยวเฉา ? เจ้าทิ้งที่อยู่ไว้ให้ข้าได้หรือไม่ ? คราหน้าข้าจะได้ไปหาเจ้าได้”

“ข้าอยู่ที่หมู่บ้านตงชานทางตะวันออกเฉียงใต้ของเมือง เป็นหมู่บ้านชาวประมงเล็ก ๆ ห่างจากที่นี่ประมาณ 50 ลี้เจ้าค่ะ” แผนการสร้างรายได้อย่างเงียบ ๆ ของหยูเสี่ยวเฉานั้นจะขาด ‘เทพเจ้าแห่งโชคลาภโจว’ ไปมิได้ ดังนั้นนางจึงไม่ปฏิเสธคำขอของเขา

เมื่อพวกเขาออกจากห้องส่วนตัวก็เจอเข้ากับหัวหน้าพ่อครัวหวังที่รีบวิ่งเข้ามาหาหยูเสี่ยวเฉา เขามีสีหน้าหน้าผิดหวังเล็กน้อยเมื่อเห็นหยูเสี่ยวเฉากำลังจะกลับ พอรู้ว่าเสี่ยวเฉาจะไปเยี่ยมพี่ชายที่เป็นเด็กฝึกงาน หัวหน้าพ่อครัวหวังที่เริ่มต้นด้วยการเป็นเด็กฝึกงานเหมือนกันและย่อมรู้ดีถึงความเจ็บปวดในการเป็นเด็กฝึกงาน ก็เลยสั่งให้ลูกน้องห่อซาลาเปาที่ทำเสร็จใหม่ ๆ จากครัวมาให้หนึ่งถุงและบอกให้เสี่ยวเฉานำมันไปให้พี่ชายของนาง

หยูเสี่ยวเฉารู้สึกขอบคุณเป็นอย่างมาก นางขอบคุณเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า หัวหน้าพ่อครัวหวังหัวเราะเบา ๆ อย่างอารมณ์ดี “มิต้องขอบคุณข้าหรอก ! ข้าก็เพียงแค่ยืมดอกไม้ของนายท่านเอามาให้เจ้าเพียงเท่านั้นเอง แม่พระโพธิสัตว์ตัวน้อยของข้า ! คราวหน้าถ้ามีโอกาสพวกเรามาแลกเปลี่ยนความรู้ในการทำอาหารกันหน่อยเป็นเยี่ยงไร ?”

“ฝีมือการทำอาหารของข้าเทียบกับหัวหน้าพ่อครัวหวังมิได้หรอกเจ้าค่ะ แต่ถ้าข้ามีความคิดอะไรใหม่ ๆ ในการทำอาหาร ข้าจะมาขอคำแนะนำจากท่านลุงหวังอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ !”

ในที่สุดหยูเสี่ยวเฉาก็หลุดจากพันธนาการของหัวหน้าพ่อครัวหวังมาได้ แต่ยังไม่ทันจะได้มีเวลาหายใจหายคอ นางก็เจอกับคำถามของหยูไห่เข้าไปอีก

“ซอสหอยนางรมเป็นอาหารจานเด็ดของร้านเจินซิว เฉาเอ้อร์ ลูกเป็นคนสอนพวกเขาทำรึ ? ลูกไปรู้วิธีทำซอสหอยนางรมได้เยี่ยงไร ? เหตุใดหัวหน้าพ่อครัวหวังของร้านเจินซิวที่หยิ่งยโสคนนั้นถึงได้ทำท่าเคารพนับถือและเป็นมิตรกับลูกเพียงนี้ ?” หยูไห่ถามคำถามที่เก็บไว้ในใจออกมา

หยูเสี่ยวเฉาไม่ได้ตอบคำถามของเขาทันที นางบอกเขาไม่ได้ว่า ‘ท่านพ่อคะ ลูกสาวของท่านพ่อตายไปแล้ว ข้าเป็นวิญญาณจากโลกอื่นที่ยังมีความรู้จากชาติก่อนอยู่’ ถ้าหากบอกหยูไห่ไปเช่นนั้นจริง ๆ นางคงถูกมองว่าเป็นปีศาจเป็นแน่

หลังจากคิดเพียงชั่วครู่ นางก็ได้รวบรวมความกล้าแล้วตอบไปว่า “ท่านพ่อเชื่อเรื่องการฟื้นคืนชีพจากความตายหรือไม่ ?”

สีหน้าของหยูไห่เปลี่ยนไปทันที เขาขมวดคิ้วแน่นจนคิ้วทั้งสองข้างเกือบจะมาบรรจบเข้าด้วยกัน เขาจึงตอบว่า “คนตายจะฟื้นได้เยี่ยงไร ? เว้นแต่ว่าพญายมราชไม่รับเพราะยังมิหมดอายุขัย !”

“ถ้าหากข้าบอกว่าข้าได้ไปนรกมาและเจอกับพญายมราช ท่านพ่อจะเชื่อข้าหรือไม่ ?” หยูเสี่ยวเฉาสังเกตสีหน้าของหยูไห่ ถ้าเขาแสดงอาการต่อต้านหรือไม่ชอบใจ นางก็จะแก้ตัวว่ามันเป็นเพียงแค่เรื่องตลก

การปลอบโยนอย่างเดียวในการมาที่โลกนี้ของนางก็คือนางได้รับความรักและความห่วงใยจากพ่อแม่อีกครา นางไม่อยากเสียความรักของพ่อและความห่วงใยของแม่ไปอีก...

หยูไห่ชะงักเท้าและก้มลงมองหยูเสี่ยวเฉา สายตาของเขาทั้งเจ็บปวดและรู้สึกผิด เขาถามนางด้วยน้ำเสียงอบอุ่นว่า “เฉาเอ้อร์ ใช่ตอนที่ลูกได้รับบาดเจ็บที่หัวหรือไม่ ? ท่านปู่ใหญ่ของลูกบอกว่าตอนนั้นลูกหยุดหายใจไปแล้ว โชคดีที่หมอโหยวมาทันเวลาและได้ช่วยลูกเอาไว้...พ่อมันไม่ได้เรื่องจริง ๆ ปกป้องลูกของตนเองก็ไม่ได้ ไม่สมควรเป็นพ่อคนเอาเสียเลย...”

“ท่านพ่อเจ้าคะ ! ถึงท่านพ่อจะทุ่มเทให้ท่านปู่กับท่านย่าเกินไปหน่อย หัวอ่อนไปสักนิด แต่ท่านพ่อก็ยังเป็นท่านพ่อที่ดีที่สุดของข้านะเจ้าคะ ท่านพ่อมิต้องโทษตนเองหรอกเจ้าค่ะ ถึงข้าจะไปที่ประตูนรกมา บางทีนี่อาจจะเป็นเรื่องโชคดีก็ได้นะเจ้าคะ เพราะข้าได้วิธีทำเงินมาด้วย !”

ในเมื่อพ่อใหม่ของนางไม่ปฏิเสธเรื่องปีศาจกับเทพเจ้า หยูเสี่ยวเฉาก็เล่าเรื่องต่อได้อย่างคล่องปากมากขึ้น ถึงเยี่ยงไรชาติก่อนนางก็อายุอานามเกือบจะสามสิบแล้ว ถึงพยายามทำท่าเป็นเด็กอย่างเต็มที่แค่ไหน นางก็คงทำตัวน่าสงสัยโดยไม่ได้ตั้งใจเข้าจนได้ ยิ่งกว่านั้นนางไม่สามารถปกปิดเรื่องแผนการหาเงินก้อนใหญ่จากคนใกล้ชิดได้เป็นแน่ คนสมัยโบราณกลัวและเคารพสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติมิใช่รึ ? หวังว่าเรื่องที่นางแต่งขึ้นมาจะสามารถหลอกพวกเขาได้

เมื่อคิดว่าลูกสาวที่เขาปกป้องทนุถนอมมา 8 ปีเกือบตายไปแล้ว หยูไห่ก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา เขากอดร่างผอมบางของลูกสาวเอาไว้แน่นและสะอึกสะอื้น “เงินเท่าใดก็ไม่สำคัญเท่าลูก พ่อขอเพียงเจ้ายังมีชีวิตอยู่และแข็งแรงดีก็พอแล้ว เจ้ามิต้องกลัวแล้วนะเฉาเอ้อร์ ลูกเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้พ่อฟังได้หรือไม่ ?”

“แท้จริงแล้วข้าก็ไม่ค่อยแน่ใจเช่นกัน หลังจากที่ข้าหัวกระแทกจนหมดสติไปแล้ว ข้าก็เห็นผู้ชาย 2 คนแต่งตัวด้วยชุดสีขาวกับดำ พวกเขาพาข้าไปพบกับใครบางคนที่ดูน่าเคารพนับถือเป็นอย่างมาก ดูเหมือนพวกเขาจะพูดถึงเรื่องยังมิหมดอายุขัยกับเอาตัวมาผิด และพวกเขาได้กล่าวกับข้าว่าพวกเขาจะชดเชยให้กับข้า ตอนที่ข้าฟื้นขึ้นมา ข้าก็รู้สึกเหมือนว่ามีบางอย่างไหลเข้ามาในหัวของข้า ความรู้เรื่องซอสหอยนางรมก็เข้ามาตอนนั้นด้วยเช่นกัน แต่ข้าก็มิเคยลองทำหรอกเจ้าค่ะ เพราะที่บ้านของเราไม่คิดจะทำ !”

หยูเสี่ยวเฉาพยายามพูดให้กำกวม เพราะเจ้าของร่างเดิมยังเป็นแค่เด็กอายุ 9 ขวบเท่านั้น เมื่อถูกพาตัวไปยังสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย นางจะต้องกลัวและจำเรื่องราวอะไรได้ไม่ชัดเจนมากนัก

“เฉาเอ้อร์ เจ้ามิต้องกลัวนะลูก ! เฒ่าจางที่อายุ 100 ปีแห่งหมู่บ้านข้าง ๆ ก็เคยไปยมโลกมาเช่นกัน พอพญายมราชเห็นว่าเขาตัดสินผิด พวกเขาก็ชดเชยให้เฒ่าจางมีอายุยืนยาว เฒ่าจางก็เลยมีชีวิตอยู่จนถึง 108 ปี เฉาเอ้อร์ของเราจะต้องมีชีวิตที่ยืนยาวมากเป็นแน่ !”

หยูไห่ไม่กล้าคิดเลยว่าลูกสาวที่อ่อนแอของเขาต้องไปที่ยมโลกอันน่ากลัวแล้วจะเป็นเยี่ยงไร เดิมทีลูกสาวของเขาก็ขี้กลัวอยู่แล้ว ตอนนั้นนางจะกลัวมากแค่ไหนกันนะ ?

หยูเสี่ยวเฉาแปลกใจอย่างมากที่มีเรื่องจริงเช่นเดียวกับเรื่องที่นางปั้นแต่งขึ้นมามั่ว ๆ ด้วย  นี่ยิ่งเป็นการเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับเรื่องของนางขึ้นไปอีก

พ่อกับลูกสาวเดินเคียงข้างกันไปตามท้องถนนที่ว่างเปล่า หยูไห่จับมือลูกสาวเอาไว้แน่นด้วยความกลัวว่าหากปล่อยมือลูกสาวของเขาจะถูกพาตัวไปอีกครา

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด