ตอนที่แล้วAGKMW บทที่ 11: Double Kill
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปAGKMW บทที่ 13: สเมิร์ฟิงคืออะไร

AGKMW บทที่ 12: จู่โจมจิตใจ


AGKMW บทที่ 12: จู่โจมจิตใจ

ตอนจบของเกม อาทรอกซ์ได้ฆ่าผู้เล่นอื่น 17 ครั้ง และตายเพียง 2 ครั้ง ทั้งสองครั้งก็เพราะว่าเขาไม่รู้ว่าตัวละครของศัตรูมีความสามารถอะไร เพื่อนร่วมทีมของเขาทั้งสี่โหวดให้อาทรอกซ์เป็นเพื่อนร่วมทีมที่ทรงคุณค่าที่สุด ในขณะที่ทีมผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามกล่าวหาว่าเขาเป็นคนเพิ่มแต้ม ELO

อาทรอกซ์ไม่เข้าใจว่า คนเพิ่มแต้ม ELO คืออะไร และค้นหาในอินเตอร์เน็ท เมื่อเขาอ่านว่ามันคืออะไร เขาก็รู้สึกผิดหวังและสับสน คนเพิ่มแต้ม ELO ไม่ได้มีอะไรไปมากกว่าการจ้างคนให้มาเล่นแทนเพื่อเพิ่มระดับ อาทรอกซ์รู้สึกโกรธมากที่เขาถูกกล่าวหาว่าทำสิ่งที่ผิดกฏ อาทรอกซ์ไม่กลัวที่จะแหกกฏใดในโลกผู้ฝึกยุทธ อย่าว่าแต่ในโลกมนุษย์ อย่างไรก็ตามการที่เขาไม่สนใจไม่ได้แปลว่าเขาจะยอมให้คนอื่นกล่าวหาอย่างผิดๆกับสิ่งที่เขาทำ

ค้นหาวิธีพิสูจน์ความบริสุทธิ์ทางออนไลน์ อาทรอกซ์พบวิดีโอที่คนกล่าวกันว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะพิสูจน์ว่าไม่ได้เป็นคนเพิ่มแต้ม ELO ก็คือการไลฟ์สตรีมการเล่นเกมของตนเอง ไม่เพียงแต่สามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเอง แต่ยังสามารถใช้หากินได้ด้วยถ้าหากว่าเก่งพอ หลังจากดูวิดีโอแล้ว อาทรอกซ์ก็พบกับวิดีโออื่นที่อธิบายวิธีไลฟ์สตรีมและคิดว่านั่นคงน่าสนใจในการทดสอบและตัดสินใจจะดูว่ามันเป็นอย่างไร

หลังจากที่สั่งดาวน์โหลด OBS[Open Broadcasting Service] โปรแกรมไลฟ์สตรีม และลงทะเบียนเข้าใช้เรียบร้อยแล้ว อาทรอกซ์ก็ปิดหน้าจอคอมพิวเตอร์ นั่งลงบนเตียงเพื่อฝึกวิชายุทธเพื่อที่จะได้บรรลุถึงระดับนักรบ ถึงแม้ว่าเกมจะสนุกน่าเล่น อาทรอกซ์ยังมีสิ่งสำคัญกว่านั่นก็คือการกลับสู่ความแข็งแกร่งระดับเดิมและเข้าสู่ระดับจักรพรรดิ์เทพ

หลับตาลง อาทรอกซ์ก็เริ่มคิดถึงครอบครัวใหม่ของเขาอีกครั้ง หลังจากที่เล่นกับเด็กๆในวันนี้ในสวน อาทรอกซ์ก็รู้สึกว่าเขาสามารถร่นระยะห่างระหว่างพวกเขา ความใกล้ชิดทำให้การฝึกวิชาสังหารเทพก้าวหน้าเร็วกว่าเดิม ครานี้ก่อนที่ตะวันจะทันได้ฉายแสง อาทรอกซ์ก็รู้สึกว่ากำแพงกั้นเส้นทางของเขาก็ถูกทำลาย เพิ่มพลังยุทธของเขาและทำให้ร่างกายของเขารู้สึกเบาขึ้นและไม่ถูกจำกัดมากขึ้น

ก้าวออกจากเตียง อาทรอกซ์จับขาเตียงและยกมันขึ้นได้อย่างง่ายๆราวกับยกขนนก เมื่อโคจรพลังไปทั่วร่าง อาทรอกซ์ก็สามารถสร้างมงกุฏวิญญาณขึ้นระหว่างมือ ซึ่งพิสูจน์ว่าเขาได้ถึงก้าวเข้าสู่ระดับนักรบแล้ว ระดับพลังแต่ละระดับล้วนจะมีมงกุฏที่แตกต่างกันขึ้นกับระดับ มงกุฏนักรบนั้นเป็นมงกุฏระดับพื้นฐานที่สุด มีมงกุฏขนาดเล็กจนกระทั่งไม่สามารถสวมไว้บนศีรษะได้

หลังจากปล่อยให้มงกุฏวิญญาณกลับคืนสู่ร่างแล้ว อาทรอกซ์ก็นั่งที่คอมพิวเตอร์และเห็นว่าเป็นเวลา 5:00 AM แล้ว อาทรอกซ์ตัดสินใจที่จะเรียนรู้วิชาส่วนที่เหลือที่เขาพลาดเมื่อโคม่าก่อนจะเริ่มวันใหม่ ดังนั้นอาทรอกซ์จึงรีบอ่านเนื้อหาจนตะวันขึ้นจนคนอื่นๆในบ้านตื่นขึ้น เมื่อเห็นว่าลูกชายกำลังเรียนหนังสือ อมันดาและอเล็กซ์จึงไม่รบกวนเขาอีก

เมื่ออาหารเช้าพร้อมก็เป็นเวลา 8:00 AM แล้ว ในเวลาสามชั่วโมงนี้ อาทรอกซ์ซึ่งคุ้นเคยกับภาษาของโลกแล้วสามารถเพิ่มความเร็วในการอ่านและเมื่อญาติตัวน้อยของเขาเข้ามาภายในห้องเพื่อเรียกเขาไปกินข้าวเช้า อาทรอกซ์ก็ได้เสร็จสิ้นการอ่านหนังสือเล่มสุดท้ายที่เขาจำเป็นต้องรู้ในโรงเรียน

หลังจากอาหารเช้า อมันดาก็บอกอาทรอกซ์ให้พร้อมออกจากบ้าน เพื่อพวกเขาจะไปซื้อเสื้อผ้าให้กับเขา เมื่อเสื้อผ้าเก่าของเขาเล็กเกินไป

เมื่อสวมเสื้อผ้าชุดที่พ่อแม่ซื้อให้กับเขายามเมื่อเขายังอยู่ในโรงพยาบาลแล้ว อาทรอกซ์ก็ผูกผมยาวของเขาและมองดูในกระจก เสื้อที่รัดรูปโชว์ให้เห็นซิกแพคตรงหน้าท้อง การฝึกวิชายุทธทุกวันทำให้กล้ามเนื้อของเขากระชับยิ่งกว่าเดิมจนเสื้อที่เคยหลวมสำหรับโครงร่างผอมก่อนหน้านั้นกลายเป็นแน่นเกิน ยีนแบบฉีกและรองเท้าผ้าใบขาว รวมกับผมดำทำให้อาทรอกซ์ดึงดูดความสนใจเป็นอย่างมาก กระทั่งในโลกเซียนซึ่งที่ทุกคนล้วนสวยงามหล่อเหลาเป็นที่สุด อาทรอกซ์ก็ยังถือว่าโดดเด่น

เมื่อเขาออกจากห้อง อาทรอกซ์ก็เห็นครอบครัวของเขามองดูเขาด้วยท่าทางประหลาด “มีอะไรผิดไปหรือ” เขาถาม

“ไม่มีอะไร เพียงแค่พวกเรารู้สึกประหลาดใจ ลูกหล่อเหลาก่อนที่จะเกิดอุบัติเหตุ แต่ตอนนี้ลูกเหมือนคนละระดับ ลูกค่อนข้างเหมือนแม่” อมันดาพูดด้วยท่าทางภูมิใจ

“พ่อคิดถึงตอนเป็นเด็กเมื่อตอนนั้นมีซิกแพคได้ง่ายๆ..” อเล็กซ์กล่าวขณะมองดูพุงของตนเองที่ตอนนี้อวบอ้วนจากการดื่มเบียร์มากเกินไป

“พี่ของหนูเป็นเจ้าชาย…” บรูน่ากล่าวพร้อมทำหน้าแดงเมื่อมองไปยังพี่ชายของตนเอง

มีเพียงไบรอันที่ไม่เข้าใจว่าทำไมทุกคนจึงมีท่าทางประหลาดจากพี่ชายของเขา

“นี่ลูกชาย พวกเราซื้อแว่นคู่ใหม่ให้ ในเมื่อเธอเสียมันไปตอนเกิดอุบัติเหตุ” อมันดากล่าวยามเมื่อเธอยื่นกล่องแว่นตาใหักับอาทรอกซ์

เปิดกล่อง อาทรอกซ์ก็เห็นแว่นตาหนึ่งอัน ขอบโค้งบาง เมื่อสวมภาพที่เห็นก็เบลอจนทำให้อาทรอกซ์รู้สึกไม่สบาย เพราะว่าหลังจากที่เขาก้าวเข้าสู่ขอบเขตของนักรบแล้ว ความผิดปกติขั้นพื้นฐานก็จะถูกรักษาหายขาด รวมไปถึงสายตาสั้น แต่เขาไม่สามารถอธิบายเรื่องนี้ให้กับพ่อแม่ได้ ดังนั้นเขาได้แต่ใส่มันไว้ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“ว้าว…” สิ่งเดียวที่อมันดาสามารถพูดออกมาได้ เมื่อเห็นลูกชายสวมแว่นตาบนใบหน้า เหมือนกับว่ามันถูกสร้างขึ้นมาพิเศษเฉพาะสำหรับเขา เข้ากันกับสไตล์ของเขาได้อย่างสมบูรณ์แบบ ท่าทางที่ทำเหมือนกับว่าเขาดูห่างเหินลึกลับ ผู้ที่ได้เห็นเขาย่อมรู้สึกอยากรู้จักและติดใจกับความมั่นใจของเขา

“ไปกันหรือยัง” คำพูดของอาทรอกซ์ปลุกพ่อแม่เขาให้ฟื้นจากความตกตะลึง

“ไปกันเถอะ” ไบรอันผู้ที่ยังไม่เข้าใจว่าทำไมทุกคนจึงทำท่าทางแปลกๆ พูดขึ้น

เมื่อไปถึงห้างสรรพสินค้า พวกเขาก็ตรงไปยังร้านไอศครีมและซื้อมิลค์เชคสำหรับทุกคน เมื่อพวกเขาไปถึงยังร้านขายเสื้อผ้า พนักงานขายหญิงที่เข้ามาต้อนรับก็กลืนกินอาทรอกซ์ด้วยสายตา

[มุมมองของ อลิซาเบท]

“วันนี้เป็นวันที่แสนธรรมดามาก ลูกค้าบางคนก็แค่มาเมียงมอง บ้างก็ซื้อเสื้อผ้าและอื่นๆ จนกระทั่งนั่นมีครอบครัวหนึ่งมา ตอนแรกก็เป็นฝาแฝดหัดเดินคู่หนึ่งที่ดูน่ารักมาก แล้วก็คู่รักที่ดูสวยหล่อเหมาะสมกับวัยของพวกเขา ดูเหมือนจะเป็นพ่อแม่ของฝาแฝดหัดเดินนั้น แต่เมื่อฉันมองดูเด็กวัยรุ่นที่มากับพวกเขา หัวใจฉันถึงกับหยุดเต้นไปชั่วขณะ”

“ยิ-ยินดีต้อนรับ” ฉันเกือบกัดลิ้นตอนที่พูดต้อนรับเด็กชายกับครอบครัว เขาดูอายุรุ่นราวคราวเดียวกับฉัน

“เขาคงจะเป็นนายแบบ … หรือนักแสดงที่มีชื่อ … พระเจ้าช่วย … การแต่งหน้าของฉันดีพอไหมนี่” ฉันคิดขณะที่ยืดหลังให้ตรงและจัดผมโดยสัญชาตญาณ

เขามองดูฉันด้วยใบหน้าเฉยเมยจนใจฉันหยุดเต้น สายตาที่ทะลุทะลวงของเขาผ่านเข้ามาถึงในใจฉัน เหมือนมีดที่กระทบไปบนหินเหล็กไฟ มันจุดประกายความปรารถนาที่ซ่อนเร้นของฉัน

“ลูกชายฉันต้องการเสื้อผ้าหลายชุด คุณพอจะช่วยพวกเราเลือกได้ไหมคะ” เมื่อฉันได้ยินคำถามจากหญิงสาวสวย และเมื่อมองไปยังใบหน้าเธอ ฉันก็แทบตายไปด้วยความอาย ฉันสามารถเห็นจากดวงตาของเธอว่าเธอรู้ว่าฉันกำลังคิดอะไรกับลูกชายเธออยู่

“ได้คะ ฉันช่วยได้…” ฉันตอบไปเสียงเบาพยายามซ่อนความละอายใจ ซึ่งอาจจะทำให้มันชัดเจนกว่าเดิมก็เป็นได้

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด