ตอนที่แล้วRe-new ตอนที่ 24  ประจบสอพลอ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปRe-new ตอนที่ 26  ชื่อเสียง

Re-new ตอนที่ 25  คำชม


ตอนที่ 25  คำชม

นางหลี่มองโต้วโต่วน้อยที่รอกินแกงปลาของเสี่ยวเฉาอย่างกระตือรือร้นอยู่ที่โต๊ะ  นางจึงรู้ตัวขึ้นมาทันทีว่าได้พูดล้ำเส้นไปแล้ว น้องสามจะได้เป็นขุนนางในอนาคต นางจะต้องประจบน้องสะใภ้เอาไว้

“ตายแล้ว ข้านี่ช่างปากเสียจริง ๆ ข้าก็แค่พูดออกไปโดยไม่ทันคิด ! น้องสะใภ้สาม ข้าไม่ได้จะว่าโต้วโต่วหรอกนะ อย่าได้เก็บเอามาใส่ใจเลยนะ...คนมันแน่นโต๊ะไปหน่อย ประเดี๋ยวข้าจะพาไห่สือกลับไปกินที่ห้องเอง !” ในที่สุดนางหลี่ก็ได้ตามน้ำไปกับแม่สามี ถึงจะไม่เต็มใจก็ตาม แต่นางก็ลากลูกชายให้เดินตามหลังมา

หยูไห่สือสนใจแต่เรื่องกินเท่านั้น เขาเป็นคนเจ้าเล่ห์และตัดสินใจจะใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้เพื่อต่อรองให้ได้อาหารเพิ่ม “ถ้าอยากให้ข้าลุกจากโต๊ะก็เอาเนื้อมาอีกสิ ! ถ้าไม่ให้เพิ่มข้าก็จะนั่งกินที่นี่แหละ !”

นางจางไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมตักเนื้อเพิ่มให้ตามที่หยูไห่สือเรียกร้อง แม้ว่านางจะด่าเขาว่าเป็น ‘เด็กเจ้าเล่ห์’ แต่นางก็ยังใส่เนื้อลงในถ้วยของเขาอีก 2 ชิ้น จากนั้นก็ส่งสายตาดุเตือนนางหลี่ให้พาลูกชายของนางออกไป !

เมื่อทั้งสองคนนั้นออกไปแล้ว คนที่เหลือก็ไม่มีอะไรให้บ่นมากนัก นางหลิวนั้นไม่ว่านางจะยุ่งถึงเพียงไหน นางก็จะคอยดูแลคนในครอบครัวให้รักษาความสะอาดอยู่เสมอ หยูไซตี้น้องสาวของสามีก็อยู่ในวัยรักสวยรักงามอยู่แล้ว นางจางเองก็เป็นคนสะอาดเช่นกัน

จ้าวเหมยหลันเบียดตัวเองเข้าไปนั่งตรงที่นั่งถัดจากลูกชายอย่างลำบาก เมื่อถูกนางจางคะยั้นคะยอมาก ๆ เข้า นางก็ยกตะเกียบขึ้นมาคีบผัดผักใบเขียวขึ้นมาใส่ปากอย่างช้า ๆ เอ๋ ? ผัดผักใบเขียวกับเห็ดหอมง่าย ๆ แค่นี้แต่รสชาติกลับอร่อยเกินคาด

นางจ้าวเคี้ยวอย่างละเอียดและกลืนลงไปช้า ๆ จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองหลิวมู่หยุนแล้วพยักหน้าอย่างยอมรับพร้อมกับพูดว่า “ฝีมือการทำอาหารของพี่สะใภ้ดีขึ้นมาก รสชาติอาหารเทียบกับสองสามเดือนก่อนหน้านี้อร่อยขึ้นมากจริง ๆ”

หลิวมู่หยุนยิ้มให้ลูกสาวคนเล็กแล้วพูดด้วยน้ำเสียงภูมิใจว่า “อาหารวันนี้ทั้งหมดเป็นฝีมือของเฉาเอ้อร์ ข้าแค่ช่วยล้างผักกับหม้อเท่านั้น วันนี้ข้ามิได้ทำอาหารด้วยตนเองเลยสักอย่าง”

รอยยิ้มที่หาได้ยากปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนางจ้าว “ข้าไม่คิดเลยว่าเสี่ยวเฉาจะมีพรสวรรค์เช่นนี้ด้วย...”

นางจางรู้สึกไม่พอใจที่สะใภ้เล็กของนางสนใจแต่คนอื่น นางจึงเอาตะเกียบตัวเองคีบหมูสามชั้นชิ้นใหญ่ใส่ลงไปในถ้วยของนางจ้าว “สะใภ้สาม วันนี้ข้าเลือกหมูชิ้นที่มีมันเยอะที่สุดมาโดยเฉพาะเลยนะ เนื้อหมูแบบนี้เวลาเคี้ยวจะมีมันไหลออกมาด้วย เจ้าลองกินดูสิ”

นางจ้าวมองตะเกียบที่เป็นคราบมันของนางจาง ใครจะรู้ว่ามีมันอยู่บนนั้นเยอะมากถึงเพียงไหน ? นางรู้สึกขยะแขยงจนจะคลื่นไส้

สาวใช้ของนางไวต่อความรู้สึกของนายหญิง นางจึงรีบคีบเอาเนื้อหมูชิ้นนั้นออกแล้วกล่าวว่า “นายหญิงไม่ชอบกินหมูสามชั้นเจ้าค่ะ ให้ข้ารับไว้แทนก็แล้วกันนะเจ้าคะ”

เมื่อเห็นเนื้อหมูที่ขนาดตัวเองยังรู้สึกว่าล้ำค่าเกินกว่าจะกินถูกสาวใช้เอาไป นางจางจึงรู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก สีหน้าของนางเข้มขึ้นทันที นางตบโต๊ะอย่างแรงและร่ายยาวว่า  “นังคนใช้อวดดี ! เจ้าคิดว่าตัวเองอยู่ในฐานะที่จะกินข้าวร่วมโต๊ะกับเราได้หรือเยี่ยงไร ?  สามหาวเกินไปแล้ว อีกทั้งยังบังอาจเอาเนื้อหมูไปกินอีก ! เป็นคนใช้ประสาอะไรกัน ? สะใภ้สาม เจ้าต้องสั่งสอนคนใช้ของเจ้าเสียบ้างแล้ว... !”

นางจ้าววางตะเกียบลงบนโต๊ะเสียงดัง ริมฝีปากสีแดงเม้มเป็นเส้นตรง แต่ถึงสีหน้าของนางจ้าวจะแสดงออกชัดเจนถึงเพียงนี้ นางจางก็ไม่ได้สังเกตเลยว่าลูกสะใภ้ของนางกำลังข่มความโกรธอยู่ นางจางได้ด่าสาวใช้ต่อไปอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรทั้งสิ้น

“ท่านแม่เจ้าคะ ก่อนจะลงโทษสุนัข ท่านแม่ต้องขออนุญาตเจ้าของก่อน ไม่ว่าคนใช้ของข้าจะทำอะไรผิด ข้าจะเป็นคนลงโทษนางเอง ท่านแม่ตะคอกใส่นางต่อหน้าคนอื่นเช่นนี้ ท่านแม่กำลังบอกเป็นนัยว่าท่านแม่ไม่พอใจข้าเยี่ยงนั้นรึ ?” นางจ้าวพูดแทรกขึ้นมาเสียงนุ่มแม้ว่านางจะโกรธอยู่ แต่เมื่อเห็นว่าสาวใช้ของนางกำลังกลั้นน้ำตาเอาไว้อย่างสุดความสามารถ

นางจางสำลักคำต่อว่าที่เหลือทันที ใบหน้าเหี่ยวย่นของนางกลายเป็นสีแดง นางอยากตะโกนใส่นางจ้าวด้วยถ้อยคำหยาบ ๆ อย่างที่เคยทำกับลูกสะใภ้อีกสองคนเป็นประจำ แต่นางก็กลัวว่านางจ้าวจะกระซิบคำหวานอาบยาพิษกับลูกชายของนาง แล้วทำให้ลูกชายสุดที่รักของนางทำตัวเหินห่าง

หญิงชราหายใจแรงด้วยความโกรธ นางจุ่มตะเกียบลงไปในต้มผักกาดหมูสามชั้นแล้วคีบเอาเนื้อหมูชิ้นใหญ่หนาขึ้นมาใส่ถ้วย ถ้าเจ้าไม่กิน ข้ากินเองก็ได้ !

หยูเสี่ยวเฉาเห็นท่านย่ากำลังวุ่นวายก็ได้โอกาสคีบเนื้อใส่ถ้วยของแม่, พี่ชาย, เสี่ยวเหลียน, และฉีโตว ถึงนางจะไม่ชอบกินหมูสามชั้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นๆในครอบครัวนางจะไม่ชอบเหมือนนาง ครอบครัวหยูจะถือว่าโชคดีอย่างมากถ้าได้กินเนื้อหนึ่งหรือสองครั้งต่อปี ดังนั้นพวกเขาจึงชื่นชอบหมูสามชั้นมากที่สุด

เมื่อหลิวมู่หยุนเห็นว่าลูกสาวคนเล็กของนางไม่ได้แตะต้องเนื้อหมูเลยหลังจากที่คีบมันให้กับนาง (ผู้แต่ง : คิดมากเกินไปแล้ว นางแค่ไม่ชอบกินเฉย ๆ ! ) อีกทั้งยังกล้าท้าทายอารมณ์ของนางจางเพื่อเอาเนื้อหมูมาให้นาง นางหลิวก็กินหมูชิ้นนั้นไม่ลงเช่นกัน แต่ถ้านางพยายามเอามันคืน แม่สามีอาจจะโวยวายขึ้นมาอีกถ้าเห็นเข้า

เสี่ยวเฉาเห็นแม่ลังเลก็กระซิบข้างหูนางหลิวเบา ๆ ว่า “ท่านแม่ ข้าไม่อยากถูกตะคอกใส่หรอกนะ รีบกินเร็ว ๆ เข้าเถอะ... !”

ทันใดนั้นนางก็สังเกตเห็นท่านย่าเงยหน้าขึ้นจากอาหาร หยูเสี่ยวเฉาจึงรีบเอาผัดถั่วฝักยาวส่งให้ท่านย่าแล้วยิ้มหวาน “ท่านย่าลองกินผัดถั่วฝักยาวดูสิเจ้าคะ มันรสชาติดีเกือบเท่าเนื้อเลยนะเจ้าคะ ! ท่านย่าแก่แล้วควรกินเยอะ ๆ นะเจ้าคะ !”

“แกมันเด็กเจ้าเล่ห์ ! แทนที่จะบอกให้ข้ากินเนื้อเยอะ ๆ สวนที่บ้านของเรามีถั่วฝักยาวเต็มไปหมด มิใช่ของพิเศษอะไรเลยด้วยซ้ำ !” นางจางกรองคำพูดของตัวเองไม่เป็น และมักจะโพล่งสิ่งที่อยู่ในใจออกมาเสมอ โดยไม่สนใจว่ามันจะทำให้คนฟังรู้สึกเยี่ยงไร

ระหว่างนี้นางหลิวกับลูก ๆ คนอื่นของนางรีบก้มหน้ากินเนื้อที่ไม่ค่อยได้กินแม้แต่ในวันปีใหม่อย่างรวดเร็ว เมื่อหยูเสี่ยวเฉาทำภารกิจสำเร็จ นางก็เอาแผ่นแป้งห่อผัดถั่วฝักยาวอย่างประณีตแล้วกินอย่างสบายใจ

ถั่วฝักยาวสีเขียวเข้มเคลือบน้ำมันบาง ๆ เป็นมันวาว กลิ่นหอมของน้ำมันหมูซึมอยู่ในถั่วฝักยาวทุกชิ้น ทุกคำมีรสชาติโดยที่ไม่ทำให้รู้สึกเลี่ยน แม้แต่นางจ้าวก็ยังคีบกินอีกหลายชิ้น

โต้วโต่วน้อยนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารเหมือนผู้ใหญ่ตัวเล็ก และอ้าปากกว้างรอให้นางจ้าวป้อน แกงปลามีสีขาวเหมือนนมวัวและรสชาติเข้มข้น เนื้อปลาละเอียดแทบจะไม่มีก้างปนรสชาติเข้ากันได้ดีกับน้ำซุปรสเข้มข้น เด็กน้อยเคี้ยวเสียงดังพร้อมกับซดน้ำซุปอย่างมีความสุข

เด็กคนนี้เป็นเด็กช่างเลือก นางจ้าวพยายามหลายทางแล้วที่จะทำให้เขากินได้มากขึ้น จนถึงขั้นที่ยอมเฉือนเนื้อตัวเองเสียทีเดียว ถ้ามันจะทำให้ลูกชายของนางยอมกินอาหารมากกว่านี้ ตอนนี้ลูกชายของนางกำลังกินอย่างตะกละตะกลาม ถ้านางป้อนเขาช้า เขาก็จะอ้าปากกว้างและทำเสียง ‘อ้า...อ้า...’ เพื่อขออาหารอีก เมื่อเห็นเขาเจริญอาหารเยี่ยงนี้แล้วจึงทำให้นางจ้าวรู้สึกมีความสุขเป็นอย่างมาก

เสี่ยวเฉาได้ทำอาหารรสชาติยอดเยี่ยมอีกทั้งลูกชายนางก็ยังชอบกินอีก ท่าทีของนางจ้าวที่มีต่อเด็กหญิงจึงดีขึ้นด้วย นอกจากหยูไซตี้แล้ว หยูเสี่ยวเฉาก็เป็นคนเดียวในครอบครัวหยูที่นางจ้าวยอมพูดคุยด้วย

นางจางมองหลานชายคนเล็กด้วยรอยยิ้มสดใสทั้งหน้า “หลานรักของย่าชอบกินแกงปลารึ เยี่ยงนั้นย่าจะเก็บของย่าไว้ให้หลานเอง...”

นางจ้าวมองนางด้วยสีหน้าเรียบเฉยและพูดว่า “ปกติโต้วโต่วกินไม่เยอะหรอกเจ้าค่ะ ข้าไม่กล้าให้เขากินมากเกินไปประเดี๋ยวจะปวดท้องเอา...”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นนางจางก็วางถ้วยของนางลงและเฝ้ามองโต้วโต่วน้อยกินปลาไปยิ้มไป นางหลงหลานเสียจนลืมกินอาหารของตนเอง

เสี่ยวเฉามองน้องชายที่กำลังนั่งกินแกงปลาถัดจากนาง ฉีโตวอายุมากกว่าโต้วโต่วนิดเดียวเพียงเท่านั้นและเป็นหลานของนางจางเฉกเช่นกัน แต่นางจางกลับปฏิบัติกับเด็กทั้งสองแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด เสี่ยวเฉาจึงรู้สึกปวดใจแทนน้องชายของนางเสียจริง

แต่ฉีโตวนั้นเคยชินกับการปฏิบัติอย่างเย็นชาของท่านย่ามานานแล้ว เขาจึงสนใจอยู่แต่กับอาหารของตนเองเท่านั้น อาหารวันนี้หรูหรากว่าปกติมากนัก พี่สามของเขาทำอาหารเก่งกว่าแม่ของเขาเสียอีก มิมีพี่ไห่สือมาแย่งอาหารเช่นนี้ เขาต้องฉวยโอกาสนี้กินให้เยอะ ๆ !

พวกผู้ชายเองก็กินกันอย่างเอร็ดอร่อย แม้แต่เฒ่าหยูก็กินแป้งมากกว่าปกติถึง 2 แผ่น หยูไห่ฉวยโอกาสประจบภารกิจของลูกสาวคนเล็กด้วยการพูดขึ้นว่า “ผักวันนี้รสชาติอร่อยเหมือนกับเนื้อ ท่านพ่อก็คิดเหมือนกันใช่หรือไม่ขอรับ ?”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด