ตอนที่แล้วบทที่ 37: นอกเมือง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 39: จ้านคง

บทที่ 38: สถานียอดเขาหิมะ


ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ

Facebook Fanpage กดเลย

••••••••••••••••••••

นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล

สารบัญ ARK [จบแล้ว]

สารบัญ จอมมารสะท้านภพ (เรื่องใหม่)

สารบัญ ราชันเทพเก้าสุริยัน

สารบัญ โกลาหลแห่งอสนีบาต

••••••••••••••••••••

บทที่ 38: สถานียอดเขาหิมะ

......

รถบัสวิ่งผ่านป่าเขาที่กว้างใหญ่ สองข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้หนาทึบที่ปรากฏต่อสายตาของทุกคน

ป่าเขียวขจีแห่งนี้ดิบชื้นและหนาทึบ ทุกคนถูกล้อมรอบไปด้วยความเขียวชะอุ่มและพืชพรรณที่หนาแน่น เมฆลอยต่ำและพร้อมที่จะมีฝนตลอดเวลา ให้ความรู้สึกที่ลึกลับน่าค้นหา

“เห็นนั่นไหม! ภูเขาที่ตั้งโดดเด่นเป็นสง่าอยู่ตรงนั้น ยอดเขาหิมะ มันแสดงถึงเขตสิ้นสุดเมืองของเรา ในพื้นที่ตรงนั้นเต็มไปด้วยสภาพอากาศที่ยอดแย่ ฟ้าฝนคะนองเอาแน่นอนไม่เคยได้” ลั่วหยุนปั๋วกล่าวแนะนำเด็กๆ

“อ่า เมืองนี้เป็นเพียงเมืองเล็กๆเท่านั้น ถ้าหากเป็นพวกเมืองที่เจริญแล้ว แน่นอนว่าพวกเขาจะไม่มีเขตแดนที่น่าอันตรายเช่นนี้หรอก” พันหลี่จวินกล่าวออกมาพร้อมกับสะบัดผมเล็กน้อย

“ถ้าเช่นนั้นพวกคุณก็จะต้องเจอกับอสูรเวทย์อยู่บ่อยครั้งน่ะสิ ความสามารถของพวกคุณคือนักเวทย์ขั้นกลางใช่ไหม?” หวังซานฟ่าถามออกมา

“ระดับกลางงั้นเหรอ?” พันหลี่จวินเหลือบมองเจ้าของคำถามอย่างเย็นชาและกล่าวต่ออย่างเหยียดหยัน “เหอะ นักเวทย์ชั้นกลางจะสามารถดูแลเด็กน้อยเหล่านี้ได้ยังไงกัน!”

หวังซานฟ่าได้ยินเช่นนั้น เขารู้สึกหงุดหงิดทันทีพร้อมกล่าวต่อ “แม้ว่าคุณจะเป็นนักเวทย์ระดับต้นๆเท่านั้น ไม่เห็นจะต้องเย่อหยิ่งให้มาก!”

หวังซานฟ่านั้นเป็นเพียงเด็กน้อยที่ปากไวและไร้หูรูด เมื่ออาจารย์ทั้งสองได้ยินเช่นนั้น ทำได้เพียงยิ้มให้กับความไร้เดียงสาของเขา!

......

รถบัสใช้เวลานานพอสมควรสำหรับการเดินทางผ่านภูเขา

เวลาทั้งหมดของโม่ฝานส่วนใหญ่แล้วหมดไปกับการนั่งสมาธิ เขานั่งอยู่ที่ด้านหลังสุดและไม่สนใจสิ่งรอบข้างแต่อย่างใด

ในตอนนี้เขาสามารถควบคุมดวงดาวทั้งเจ็ดได้ดั่งใจนึก แม้ว่าตนเองจะนั่งอยู่บนรถบัสก็ตาม

โม่ฝานรู้สึกว่าธาตุไฟของเขามีอะไรบางอย่างผิดปกติ เหมือนมันกำลังต้องการทำอะไรสักอย่าง…

จี้ดำทมิฬนั้นเป็นอุปกรณ์ละอองดาราที่ยอดเยี่ยมมาก มันช่วยให้การฝึกฝนของโม่ฝานพัฒนาไปได้อย่างรวดเร็ว การสอบประจำปีนั้นผ่านไปแล้ว ตอนนี้โม่ฝานพบว่าละอองดาราของเขานั้นมีการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนและยอดเยี่ยมอย่างมาก ดูเหมือนว่ามันจะมีผลกับธาตุไฟในตัวของเขาด้วย

เมื่อก่อนดวงดาวของเขานั้นยังไม่ได้ส่องสว่างอย่างเด่นชัดมากนัก แต่ในตอนนี้ทั้งหมดส่องสว่างราวกับดาวฤกษ์ อีกทั้งยังเต็มไปด้วยพลังงานที่เสถียร

มีบันทึกไว้ว่าถ้าหากดวงดาวยิ่งส่องสว่างมากเท่าไหร่ พลังเวทย์ก็จะยิ่งเพิ่มพูนมากขึ้นเช่นกัน ทักษะต่างๆนั้นย่อมดีขึ้นตามลำดับ

‘ฉันใช้เวลาทั้งปีเพื่อจัดการกับเรื่องเหล่านี้ ฮ่าฮ่า คุ้มค่า!’

‘อยากรู้จริงๆว่าพลังของฉันในตอนนี้มันจะแข็งแกร่งสักแค่ไหนกัน ฉันทนไม่ไหวแล้วที่จะได้ลองใช้มันดูสักหน่อย!’

......

ในที่สุดตอนนี้ทุกคนได้มาถึงสถานียอดเขาหิมะแล้ว!

แม้จะชื่อของมันจะเรียบง่าย แต่สิ่งแวดล้อมโดยรอบนั้นไม่ง่ายตาม สถานียอดเขาหิมะนั้นล้อมไปด้วยหน้าผาที่สูงชันกว่าร้อยเมตร มันตั้งตระง่านสูงเสียดฟ้าอย่างโดดเด่น

หน้าผาที่ล้อมรอบเปรียบเสมือนกำแพงของภูเขา ทั้งด้านหน้าและหลังของสถานีมีประตูเหล็กใหญ่แน่นหนา อีกทั้งยังมีป้อมปราการขนาดเล็กตั้งอยู่รอบๆหุบเขา

“นี่คือสถานียอดเขาหิมะ ป้อมปราการเหล่านี้มีความสามารถมากพอที่จะป้องกันเหล่าอสูรเวทย์ต่างๆที่ไร้ความสามารถในการบินขึ้นที่สูงกว่าร้อยเมตร! ความแข็งแกร่งของที่นี่คงไม่ต้องพูดอะไรมากนัก เพราะในระยะเวลากว่าร้อยปีที่ผ่านมา ยังไม่เคยมีอสูรตนใดสามารถขึ้นมายังที่แห่งนี้ได้” ซางจิงเก่านั้นเดินออกจากรถบัสพร้อมกับกล่าวออกมา เขามองไปรอบๆด้วยความประทับใจ

“อาจารย์ ฉันเคยได้ยินมาว่าประตูผู้พิทักษ์นี้ถูกสร้างโดยนักเวทธาตุดินอัจฉริยะ อีกทั้งเขายังเป็นวิศวกรที่ฉลาดมาก ลือกันว่าแม้แต่นักเวทระดับกลางก็ไม่สามารถทำให้ประตูนี้สั่นไหวได้?” ซูมินกล่าวออกมาอย่างกระตือรือร้น

“แน่นอน แม้ว่ามันจะดูเก่าไปหน่อย แต่ความจริงนั้นมันแข็งแกร่งเสียยิ่งกว่าเหล็กด้วยซ้ำ” ซางจิงเก่าเดินไปด้านหน้าของกลุ่มสามพร้อมกับธงในมือ ราวกับเขาเป็นไกด์กำลังนำนักเรียนของตนเองเยี่ยมชมสถานที่แห่งนี้

หลังจากนั้นไม่นาน อีกสี่กลุ่มได้มาถึงสถานที่แห่งนี้ นักเรียนทั้งหมดร้อยคนยืนเรียงกันอยู่ที่ด้านหน้าของประตูผู้พิทักษ์

ป้อมปราการทั้งสามตั้งอยู่ที่ด้านหน้าประตูเด่นเป็นสง่า มีผู้รักษาการณ์ยืนอยู่ด้านในนั้นอย่างละหนึ่งคน พวกเขาไม่มีอาวุธอะไร แต่มีหนึ่งคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นพร้อมกับกำลังเล่นกับเปลวไฟในมืออย่างอิสระ เปลวไฟเหล่านั้นคล้ายกับสัตว์เลี้ยงที่เต็มไปด้วยความเชื่อฟัง มันกำลังโลดแล่นไปมาบนนิ้วของยามคนนั้น ให้ความรู้สึกที่อิสระและเป็นภาพที่นักเรียนรู้สึกประทับใจอย่างมาก

โม่ฝานเห็นภาพเช่นนั้นแล้วรู้สึกประหลาดใจอยู่ลึกๆ

‘อืม แม้ว่าเขาจะเล่นกับไฟได้อย่างอิสระ แต่ฉันก็ไม่รู้เลยว่าพลังของเขานั้นแข็งแกร่งขนาดไหน…’

“เฮ้ ว่าไงท่าน อะไรหอบให้คุณมาอยู่ตรงนี้ได้ล่ะ?” ลั่วหยุนปั๋วมองไปที่บุรุษคนนั้น ผู้ที่กำลังเล่นกับเปลวไฟด้วยรอยยิ้ม

“ฉันไม่มีอะไรทำน่ะ อีกอย่างได้ยินมาว่าวันนี้จะมีกลุ่มนักเรียนหญิงมาเยี่ยมชม ฉันก็เลยออกมาดูนิดหน่อย” ชายคนนั้นตอบกลับอย่างเจ้าเล่ห์และเผยรอยยิ้มลึกลับออกมา

ซูมินที่ยืนอยู่ด้านข้างของอาจารย์ตนเองรู้สึกเกร็งเล็กน้อยเพราะเธอรู้สึกว่ากำลังถูกจ้องมองโดยเขาคนนั้น…

“เขาหล่อมากเลย!”

“ใช่ ใช่เลย เขาไม่เหมือนเด็กผู้ชายในโรงเรียนของเราสักนิด เขาดูเป็นผู้ใหญ่และเป็นผู้ชายจริงๆ!”

“เขาดูสุภาพมากอีกด้วย!”

เด็กผู้หญิงภายในชั้นเรียนไม่อาจเก็บงำความในใจไว้ได้อีกต่อไป พวกเธอทั้งหมดเริ่มพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องนี้ในทันที

“เหอะ เด็กน้อย อย่าได้ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดใส่ท่านฉานค่งเลย เขาเป็นผู้ที่เก่งกาจที่สุดในสถานที่แห่งนี้น่ะ!” พันหลี่จวินกล่าวออกมาอย่างเหยียดหยามที่เด็กคนนี้ทำตัวเย่อหยิ่งใส่เจ้านายของตนเอง

“อ่า ฉันเคยได้ยินชื่อจ้านคง เขาเป็นนักเวทธาตุไฟที่สามารถสังหารอสูรได้มากที่สุดในเขาหิมะสินะ!” ซางจิงเก่าเงยหน้ามองในทันที “ช่างโชคดีที่ได้พบ!”

“เพียงแค่สังหารอสูรไม่กี่ตัว มันน่าประทับใจตรงไหนกัน” หวังซานฟ่ากล่าวออกมาพร้อมคว่ำปาก

“อ่า จริงๆแล้วก็ไม่ได้มีอะไรมากหรอก ในตอนแรกเติ้งข่ายต้องการจะนำนักเรียนมาที่นี่และฉันคิดว่าฉันปฏิเสธไปแล้วนะ…” จ้านคงผู้หล่อเหล่ากล่าวออกมาเรียบๆ

“อ่า เรื่องการแจ้งเตือนของหนึ่งปีที่แล้วน่ะเหรอ? นี่ก็ผ่านมานานมากแล้วสำหรับการเตือนครั้งล่าสุด ฉันคิดว่าคงไม่มีอะไรผิดปกติ นักเรียนทั้งหมดนี้ล้วนแต่เป็นนักเวทชั้นยอดของโรงเรียน ซึ่งพวกเขาเพียงต้องการมาหาประสบการณ์เพิ่มเติม เป็นไปไม่ได้ที่จะหยุดยั้งการฝึกฝนของพวกเขาเพียงแค่สถานที่แห่งนี้อันตรายเกินไป” ซางจิงเก่ากล่าวออกมา

“อ่า ก็อย่างว่านั่นแหละนะ เพียงแค่อย่าปล่อยให้นักเรียนเดินออกไปสุ่มสี่สุ่มห้าแล้ลวกัน ฉันไม่อยากได้ยินข่าวว่ามีเด็กหญิงตัวเล็กรูปร่างผอมบางเหล่านี้ถูกกินโดยหมาป่าตาเดียวน่ะ” จ้านคงกล่าวออกมาพร้อมเผยรอยยิ้มจางๆ

ซางจิงเก่าได้ยินเช่นนั้น เขายิ้มตอบในทันที

อีกคนนั้นคือผู้เชี่ยวชาญอย่างแท้จริง แม้ว่าเขาจะเป็นอาจารย์แต่ก็ไม่อาจต่อกรกับคนที่พยายามจะเหยียดหยามลูกศิษย์ของตนได้ เขาจึงทำได้เพียงเงียบไว้เท่านั้น

การแจ้งเตือนเมื่อหนึ่งปีที่แล้วงั้นเหรอ?

โม่ฝานเคยได้ยินเรื่องนี้จากป้าของเขา อย่างไรก็ตามเขานั้นใช้เวลาส่วนมากอยู่ในโรงเรียน ซึ่งเรื่องอันตรายในโลกภายนอกนั้นเขาไม่เคยได้รับรู้มันเลย…

••••••••••••••••••••

Facebook Fanpage กดเลย

••••••••••••••••••••

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด