ตอนที่แล้วRe-new ตอนที่ 3  หินสีรุ้งปริศนา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปRe-new ตอนที่ 5  โกหกหน้าตาย

Re-new ตอนที่ 4  พ่อของข้าเป็นคนดี


ตอนที่ 4  พ่อของข้าเป็นคนดี

หลิวมู่หยุนเดินไปเปิดประตู แต่ก็ต้องหยุดชะงักไปแวบนึงเมื่อได้ยินคำพูดของลูกสาว นางซ่อนความรู้สึกหมดหนทางเอาไว้ในรอยยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไรหรอกลูก หมอบอกว่าเจ้าเสียเลือดไปมากต้องบำรุงร่างกายเยอะ ๆ...พ่อของเจ้าใจจะขาดอยู่แล้วตอนที่รู้ว่าเจ้าบาดเจ็บ เลยไปชวนลุงจ้าวออกล่าสัตว์กันตั้งแต่เช้ามืด อีกประเดี๋ยวก็คงกลับกันแล้ว ตอนเที่ยงเจ้าจะได้กินซุปไก่กับน่องไก่ของโปรดของเจ้า...”

ประตูปิดดังเอี๊ยดและภายในห้องก็เงียบลงอีกครั้ง หยูเสี่ยวเฉายันตัวเองให้ลุกขึ้นแตะที่แผลบนหัวของนาง นางนึกถึงความฝันแล้วยกแขนข้างที่มีหินสีรุ้งผูกไว้ที่ข้อมือขึ้นมา

นางเขย่าหินสีรุ้งนั้นเบา ๆ แต่ก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษเกิดขึ้น เสี่ยวเฉาพึมพำกับตัวเอง “ข้าก็มาเพียงวิญญาณของข้าที่มาเกิดใหม่ มิได้มาทั้งตัวเสียหน่อย แล้วข้าเอาหินนี่มาด้วยได้เยี่ยงไร ? เมื่อครู่คาดว่าคงเป็นเพียงความฝัน มันก็แค่หินไร้ประโยชน์มิใช่รึ ? จะเป็นหินศักดิ์สิทธิ์ไปได้ยังไง ?”

‘เจ้าสิที่ไร้ประโยชน์ ! ทั้งครอบครัวของเจ้าก็ไร้ประโยชน์ ! ’ ทันใดนั้นวงกลมแสงก็ปรากฏขึ้นเหนือหินสีรุ้ง และเสียงเกรี้ยวกราดเหมือนเสียงเด็กก็ดังขึ้นในหัวของหยูเสี่ยวเฉา นางตกใจมากเสียจนเกือบจะโยนหินในมือทิ้ง

วงกลมแสงนั่นค่อย ๆ กลายเป็นลูกบอลสีทองขนาดเท่ากำมือเด็ก ดวงตากลมโตคู่หนึ่งกับปากเล็ก ๆ ปรากฏขึ้นบนลูกบอลแสงที่ลอยเอื่อย ๆ อยู่กลางอากาศ บอลแสงเล็ก ๆ นั่นจ้องนางอย่างโมโหพร้อมกับทำแก้มป่อง ซึ่งทำให้มันดูน่ารักมากกว่าน่ากลัว

หยูเสี่ยวเฉายื่นมือเพื่อที่จะไปจับบอลแสงนั่น แต่มันกลับลอยห่างออกไปอย่างรวดเร็ว สีหน้าของมันทั้งถือตัวและสนุกสนาน

“อย่าโกรธข้าสิ ข้าขอโทษก็ได้ ตกลงรึไม่ ? เจ้าเป็นหินศักดิ์สิทธิ์จริง ๆ รึ ? แล้วรักษาอาการบาดเจ็บได้จริง ๆ รึ ? เจ้าเป็นคนรักษาแผลที่หัวของข้าใช่หรือไม่ ?” หยูเสี่ยวเฉาถามคำถามมาเป็นชุด

หินศักดิ์สิทธิ์ส่งเสียง หึ ออกมาแบบเหยียด ๆ แล้วพูดว่า ‘ ข้า หินศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้ คือหินเวทย์มนต์ที่เจ้าแม่หนี่วาสร้างขึ้นมาด้วยตนเอง เจ้าไม่คิดว่าข้าน่าทึ่งบ้างรึไงเล่า ? แต่พลังส่วนใหญ่ของข้าถูกหลิงเอ้อร์ผนึกเอาไว้ แล้วนี่ข้าต้องมาเปื้อนเลือดมนุษย์อ่อนแอและต้องยอมรับเจ้าเป็นเจ้านายอีกเยี่ยงนั้นรึ ? ’

“พลังถูกผนึกไปแล้ว ! แล้วเหตุใดเจ้าถึงยังขี้โม้อยู่อีก ? หยุดพูดเรื่องมนุษย์อ่อนแอเหลวไหลอะไรนั่นเสียที ! ตอนนี้ข้าเป็นเจ้านายของเจ้าแล้ว และก็ใช่ว่าข้าจะชอบเจ้าสักหน่อย เจ้าก็แค่หินไร้ประโยชน์ที่ถูกผนึกพลังไปแล้ว หิวข้าวก็เอามากินแทนมิได้ หิวน้ำก็เอามาดื่มแทนไม่ได้ ข้าจะใช้ประโยชน์อะไรจากเจ้าได้บ้างเล่า ?”

เดิมทีหยูเสี่ยวเฉาคิดว่านางจะอยู่ยงคงกระพันเพียงแค่ปลายนิ้วชี้เหมือนในนิยาย ดังนั้นนางจึงทำหน้าบึ้งตึงอย่างผิดหวัง

บอลแสงเล็ก ๆ นั้นกลายสภาพเป็นลูกแมวเกรี้ยวกราดขนสีทองและพุ่งเข้าใส่นางทันที กรงเล็บของมันเกือบข่วนหน้าของหยูเสี่ยวเฉาขณะที่มันกรีดร้องว่า ‘ใครบอกว่าข้าไร้ประโยชน์กัน ? ใครกันที่รักษาแผลที่หัวของเจ้า ? แผลใหญ่ถึงเพียงนั้นถ้ามิใช่เพราะข้า เจ้าก็คงจะลุกจากเตียงมิได้ไปอีกอย่างน้อยครึ่งเดือน ! อีกทั้งยังทำให้เจ้ามีแรงมาเถียงข้าได้อีก ถึงพลังส่วนใหญ่ของข้าจะถูกผนึกเอาไว้ แต่ข้าคือหินที่เจ้าแม่หนี่วาสร้างขึ้นมา ! แค่น้ำที่แช่ตัวข้าอย่างเดียวก็สามารถทำให้ชีวิตยืนยาวและรักษาอาการเจ็บป่วยได้ทุกชนิด แล้วยังทำให้สวยขึ้นอีกทั้งยังคงความอ่อนเยาว์ได้อีกด้วย ! ’

อ่า...น้ำแช่หินรึ ? หยูเสี่ยวเฉากระพริบตาสองสามครั้ง บอลแสงเล็กๆนั่นดูเหมือนจะสังเกตเห็นความสงสัยของนางมันจึงพูดว่า ‘ก่อนที่ข้าจะถูกเจ้าแม่หนี่วาเลือกขึ้นมา ข้าเป็นหินจากลำธารบนภูเขา ดังนั้นข้าจึงชอบแช่อยู่ในน้ำมาก ตอนอยู่ในน้ำพลังของข้าจะถูกปล่อยเข้าไปในน้ำ ร่างกายของเจ้าอ่อนแอเกินไป ควรดื่มน้ำแช่ของข้าให้มาก ข้ารับรองว่าร่างกายของเจ้าจะแข็งแรงและสุขภาพดีขึ้น เจ้าจะไม่ป่วยอีกต่อไป... ’

บอลแสงใช้อุ้งเท้าสั้น ๆ ของมันตบที่อกตัวเองราวกับกำลังโฆษณาชวนเชื่อ ก่อนหน้านี้ หยูเสี่ยวเฉาก็ค่อนข้างเชื่อมันอยู่บ้าง แต่ตอนนี้นางเริ่มไม่เชื่อแล้ว

‘เจ้ามิเชื่อข้ารึ ? มิเชื่อข้าได้เยี่ยงไรกัน ? ฮึ่ม ! ข้าต้องแสดงให้เจ้าเห็นจริง ๆ ซะแล้วว่าข้านั้นสุดยอดแค่ไหน ! ’ บอลแสงลอยไปรอบ ๆ ห้องอย่างโกรธจัด แล้วมันก็พุ่งเข้าใส่แผลบนหัวของนางและปล่อยแสงสีทองจาง ๆ ออกมาคลุมบาดแผลที่พันผ้าพันแผลเอาไว้

ผ่านไปครู่หนึ่งหยูเสี่ยวเฉาจึงลองแก้ผ้าพันแผลออก เดิมทีบาดแผลของนางก็ยังไม่หายดี แต่ตอนนี้สะเก็ดแผลขึ้นจนเกือบแกะออกได้แล้ว แต่นางไม่ได้แกะสะเก็ดแผลออกเพราะกลัวว่าตอนที่ได้เวลาทำแผล นางจะอธิบายเกี่ยวกับเรื่องนี้ไม่ได้

บอลแสงส่งเสียง หึ ! ออกมาอย่างภูมิใจ แต่หลังจากปลื้มอกปลื้มใจแบบสุด ๆ มันก็รู้สึกเสียใจขึ้นมาเพราะมันใช้พลังไปจนหมด มันจึงหล่นลงมาอย่างฉับพลันและหายเข้าไปในหินสีรุ้งนั่น

ตอนที่มันหายเข้าไป หยูเสี่ยวเฉาได้ยินมันพูดด้วยเสียงอ่อนแรงว่า ‘ อย่าลืมเอาข้าไปแช่น้ำ มันจะช่วยให้พลังวิญญาณของข้าฟื้นกลับคืนมา ’

“เฉาเอ้อร์ฟื้นแล้วหรือ ? เดี๋ยวข้าจะไปดูหน่อย ! วันนี้ข้าจับไก่ฟ้ามาได้ด้วยล่ะ เอาไปต้มให้ลูกเร็วเข้า” เสียงผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นจากลานบ้าน ถึงเสียงจะไม่ไพเราะน่าฟังแต่ก็ฟังดูอบอุ่นเป็นอย่างมาก

หยูเสี่ยวเฉารีบพันผ้าพันแผลกลับเข้าไปที่หัว เมื่อสองวันก่อนแผลของนางยังมีเลือดไหลอยู่เลย จะไม่ประหลาดเกินไปรึไงถ้าเกิดว่ามันหายภายใน 3 วัน ?

หลังจากที่นางพันแผลเสร็จประตูก็เปิดออก สายลมพัดเข้ามาจนเปลวเทียนวูบไหว ร่างสูงกำยำปรากฏขึ้นตรงหน้าหยูเสี่ยวเฉา

“ท่านพ่อรึ ?” หยูเสี่ยวเฉาได้ยินว่าพ่อของนางในชาตินี้เป็นคนที่เก่งมาก นางจึงสงสัยมากว่าเพราะเหตุใดเขาถึงปล่อยให้ลูกเมียอยู่อย่างน่าอนาถเช่นนี้

ชายคนนั้นเดินตรงมาที่เตียง นางมองเห็นใบหน้าเขาราง ๆ จากแสงเทียนสลัว ๆ เขามีผิวสีแทนดูสุขภาพดี คิ้วหนาตาโต จมูกโด่งและปากกว้าง ดูแล้วสมกับเป็นชายชาตรี

“ลูกรักของพ่อ ! เจ้าทำพ่อกลัวแทบแย่ ! โชคดีที่สวรรค์อวยพรให้เรา หลับไปนานถึงเพียงนี้ เจ้าหิวหรือไม่ ? อีกประเดี๋ยวซุปไก่ของโปรดเจ้าก็จะเสร็จแล้ว เจ้ารออีกชั่วครู่”

หยูไห่สังเกตสีหน้าอาการของลูกสาวอย่างละเอียด นางดูดีกว่าเมื่อเช้ามาก เขาจึงช่วยพยุงให้นางลุกขึ้นนั่งอย่างดีใจและเอาหมอนรองหลังนางเอาไว้ให้พิง

หยูเสี่ยวเฉาปากกระตุกอย่างช่วยไม่ได้เมื่อได้ยินเขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนราวกับกำลังหลอกล่อเด็ก นางอายุ 29 ปีแล้วพอถูกทำเหมือนตนเองเป็นเด็กน้อยแบบนี้ก็เลยรู้สึกอึดอัด

หยูเสี่ยวเฉาตอบอย่างสุภาพว่า “ข้ากินไข่กับโจ๊กไปแล้วเจ้าค่ะ ให้ท่านแม่กับน้องกินซุปไก่เถอะ  ร่างกายท่านแม่อ่อนแอต้องบำรุงเยอะ ๆ น้องก็ยังเด็กแถมยังต้องเจอเรื่องน่ากลัวอีก...”

หยูไห่ใช้มือที่ใหญ่จนเหมือนใบพัดลูบหัวของลูกสาวอย่างอ่อนโยนโดยเลี่ยงไม่ให้โดนแผลของนาง  เขาฉีกยิ้มจนเห็นฟัน “เฉาเอ้อร์ของเราโตรู้เรื่องแล้วนะ รู้ด้วยว่าต้องดูแลแม่กับน้องยังไง แต่เจ้ามิต้องห่วงหรอกลูก เรามีพอสำหรับทุกคน แล้วพ่อจะเอาที่เหลืออุ่นไว้บนเตา ตอนเจ้าหิวจะได้กินได้เลย”

หยูเสี่ยวเหลียนได้ยินเข้าก็เดินทำปากยื่นเข้ามา “ท่านพ่อหยุดหลอกเราซะทีเถอะ ! ตอนที่ท่านพ่อเข้าบ้านมาพร้อมไก่ฟ้า พวกห้องตะวันออกมองกันตาเป็นมัน แค่ท่านพี่ไห่สือคนเดียวก็คงหมดไปครึ่งตัวแล้ว พอถึงตาเรา ถ้ายังเหลือเศษซากมาบ้างก็ถือว่าโชคดีแล้วล่ะ !”

“ถ้าหมด  เดี๋ยวพรุ่งนี้พ่อไปล่ามาให้อีกก็ได้ !”  หยูไห่ยิ้มให้อย่างใจดี

“มิต้องแล้ว...” หยูเสี่ยวเหลียนพี่สาวฝาแฝดของนางแอบกรอกตา “ถ้าจับมาอีก ท่านพ่อคิดว่าพวกเราจะได้กินอีกงั้นหรือ ท่านพ่อมิเห็นสีหน้าของท่านย่าตอนที่เราต้องจ่ายค่ารักษา ท่านย่าต้องหาทางชดเชยในสิ่งที่เสียไปเป็นแน่ อีกทั้งท่านย่าคงจะหาทางให้ได้เพิ่มเป็นสองเท่าอีกด้วย”

“หยุดเลย ! เป็นเด็กเป็นเล็กพูดจาต่อว่าผู้ใหญ่แบบนี้ได้เยี่ยงไรกัน ?” หยูไห่ดุด้วยเสียงอ่อนโยน  หลังจากนั้นเขาก็หันไปยิ้มให้เสี่ยวเฉา “เจ้ามิต้องห่วง พ่อจะคอยดูเตาไว้ให้ ต่อให้ไม่มีใครในครอบครัวนี้ได้กิน เฉาเอ้อร์ของพ่อจะต้องได้กิน”

หยูเสี่ยวเหลียนแลบลิ้นใส่ด้านหลังของเขา แล้วยิ้มให้น้องสาว “ท่านพ่อของเราดีไปหมดทุกอย่าง แต่จะดีกว่านี้ถ้ารู้จักเด็ดขาดเสียบ้าง ท่านย่ากดขี่พวกเรา แต่ท่านพ่อก็ยังทำตัวเป็นลูกชายที่ดีอยู่ได้  ส่วนท่านแม่ของเราก็ใจดีเกินไป...”

หยูเสี่ยวเฉาที่เพิ่งมาเกิดใหม่ที่นี่จึงยังไม่เข้าใจสถานการณ์ของครอบครัวนี้ดีนัก นางได้แต่ฟังยิ้ม ๆ  พอนางก้มหน้าลงและเห็นหินสีรุ้งบนข้อมือ นางจึงรีบถามว่า “อ่า...เสี่ยวเหลียน เจ้าช่วยเอาน้ำมาให้ข้าหน่อยได้รึไม่ ? มีเลือดเปื้อนบนหินนี่...”

ก็นะ นางเคยชินกับการเป็นลูกคนโตในชาติก่อน ดังนั้นจะให้เรียกเด็ก 8 ขวบว่า ‘ พี่สาว ’ มันก็ยากเกินไปหน่อย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด