ตอนที่แล้วGE298 ดาราสมุทร (1) [ฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGE300 ดาราสมุทร (3) [ฟรี]

GE299 ดาราสมุทร (2) [ฟรี]


การปรากฏตัวของรถคันนั้นทำให้หนิงฝานขมวดคิ้ว

เหล่าอสูรจำนวนมากออกมาจากรถคันนั้น หนิงฝานเห็นสัตว์อสูรขอบเขตแก่นทองคำกว่าแสนตัวเป็นทัพหน้า อสูรในขอบเขตดวงจิตแรกเริ่ม 5000 ตัวอยู่ถัดไปด้านหลัง นอกจากนี้ ยังมีอสูรตัดวิญญาณในร่างมนุษย์ สวมเกราะสีเงินระยิบระยับ 13 คน พวกมันแผ่แรงกดดันที่ทรงพลังออกมา

แม้พวกมันจะจำแลงร่างเป็นมนุษย์ได้ แต่พวกมันยังคงสภาพร่างบางส่วนเป็นสัตว์อสูร ในหมู่พวกมัน มีขอบเขตตัดวิญญาณขั้นต้น 7 คน ขั้นกลาง 5 คน และขั้นสูงอีก 1 คน ผู้ที่กล่าวว่าหากขวาวงทางจะต้องตาย คืออสูรในขอบเขตตัดวิญญาณขั้นสูง

มันออกคำสั่งให้สัตว์อสูรแถวหน้ากระจายตัว พวกมันเปล่งเสียงร้องคำรามที่ทรงพลัง ก่อนจะจายตัวออกราวกับคลื่นสมุทร

“กองทัพอสูร!”

แววตาหนิงฝานแปรเปลี่ยนเย็นชา จากการเคลื่อนไหวของพวกมัน พวกมันเป็นอสูรที่ถูกฝึกฝนมาเป็นอย่างดี

แม้หนิงฝานจะไม่รู้ข้อมูลของดาราสมุทรแห่งนี้มากนัก แต่การปรากฏตัวของพวกมันย่อมไม่เป้าหมายที่ไม่ธรรมดา

แต่ไม่ว่าเป้าหมายของพวกมันคืออะไร หนิงฝานจะไม่ยอมให้พวกมันขัดขวางการเก็บทรายกลั่นวิญญาณของซีหลาน

“ตาย!” หนิงฝานก้าวไปเบื้องหน้า ปราณกระบี่ทรงพลังก่อตัว กวาดผ่านร่างของกองหน้าทั้ง 5000 ตัวจนตายในพริบตา

การจู่โจมของหนิงฝานทำให้ทั้งกองทัพตกตะลึง จนพวกมันต้องเร่งถอยห่างพันจ้าง

การสังหารในพริบตา แรงกดดัน และเจตนาสังหารที่แผ่ออกมาจากหนิงฝาน แสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้หวาดกลัวพวกมันแม้แต่น้อย

“เจ้าคนนอก หลีกไปซะ นายท่านของข้าจะไปทำสงคราม!”

นายท่านที่พวกมันหมายถึง สมควรเป็นผู้นำของพวกมัน การรบ บางทั้งจำนวนก็ไม่อาจทำให้เอาชนะสงครามได้

“สมองเจ้ามีปัญหาแล้วหรือไง? อยู่แค่ขอบเขตตัดวิญญาณขั้นต้น แค่ไม่ถึง 10 ลมหายใจมันก็ตายแล้ว!”

ในหมู่อสูรตัดวิญญาณทั้ง 13 อสูรลำดับ 11 ในขอบเขตตัดวิญญาณขั้นต้นกล่าว มันทะยานออกมาจากกลุ่ม สองมือผสานเคลื่อนไหวใช้วิชาอสูร

วิชาของมันทำให้โลหิตของอสูรที่ 5000 ตนที่ถูกสังหารก่อนหน้าผสานเข้าด้วยกัน จากนั้นแยกเป็นกลุ่มโลหิต 50 กลุ่ม แต่ละกลุ่มกลายเป็นอสูรประหลาด มี 3 ศีรษะ 4 แขน ร่างกายใหญ่โต ใบหน้าไร้ซึ่งจมูก

พวกมันเปล่งเสียงลำรามลั่น แต่ละตัวแผ่กลิ่นอายขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูงสุด ก่อนทะยานเข้าหาหนิงฝานและซีหลาน!

“วิชาก่อโลหิต! วิชาที่ทรงพลังที่สุดของท่าน! คาดไม่ถึงว่าจะได้เห็นก่อนไปทำลายเกาะดารา นับว่าโชคดีจริงๆ”

“ฮ่าฮ่า วิชาก่อโลหิตของข้าทรงพลังยากจะต้าน หากไม่รู้วิธีต้านรับที่แท้จริง เด็กนั่นก็ไม่มีทางรอด”

เหล่าอสูรในกองทัพพูดคุย พวกมันตื่นเต้นที่ได้เห็นวิชาที่ทรงพลัง และคิดว่าหนิงฝานไม่มีทางรอดแล้ว

ซีหลานที่สัมผัสได้ถึงการจู่โจม สีหน้านางแปรเปลี่ยน นางเป็นกังวลและหันกล่าวกับหนิงฝาน

“เจ้าระวังตัวด้วย! วิชาก่อโลหิตของมันสามารถควบคุมโลหิตและสร้างร่างกายจากโลหิตได้ แม้เจ้าจะทำลาย มันจะผสานเข้าด้วยกันใหม่และทรงพลังยิ่งขึ้น จนอาจเทียบเท่าผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณ”

นางกล่าวกับหนิงฝานด้วยสัมผัสเทพ นางเป็นกังวลและเป็นห่วงความปลอดภัยของเขา

แต่การกล่าวเตือนกลับทำให้นางรู้สึกทะเลสติ เพราะในทะเลสติหนิงฝานยามนี้ เต็มไปด้วยเจตจำนงค์กระบี่ จนทำให้นางไม่กล้ากล่าวต่อ

“ก่อโลหิต… สังหารข้าใน 10 ลมหายใจ… อวดดีนัก!”

ตาซ้ายหนิงฝานเปล่งแสงสีม่วง ทำให้มองเห็นความลับของวิชาก่อโลหิตอย่างชัดเจน

หนิงฝานก้าวไปเบื้องหน้า 3 ก้าว ปราณกระบี่ที่ทรงพลังก่อตัว พุ่งเข้าฟาดฟันอสูรประหลาดทั้ง 50 ตัว พวกมันเปล่งเสียงร้องอย่างเวทนา ก่อนที่ร่างจะระเบิดเป็นหมอกโลหิต

แต่ไม่นาน หมอกโลหิตได้ผสานเข้าด้วยกันกลายเป็นอสูรประหลาดในขอบเขตตัดวิญญาณขั้นต้น 5 ตน

อสูรผู้เป็นของเจ้าวิชากล่าวขึ้น “เด็กน้อย สตรีของเจ้าคงเตือนแล้วว่าวิชาข้าไม่อาจทำลายได้ แต่เจ้าก็ไม่ฟัง!”

ในขณะที่มันกล่าวนั้น สีหน้ามันกลับแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง

หนิงฝานก้าวไปเบื้องหน้าอีกก้าว… เก้าย่างเหยียบสวรรค์ วิชาที่สร้างปราณกระบี่ที่ทรงพลังที่สุดหลังจากก้าวไปทั้งหมด 9 ครั้ง ยามนี้หนิงฝานก้าวไปแล้ว 4 ครั้ง อานุภาพของก้าวที่ 4 นี้สามารถสังหารผู้เชี่ยวตัดวิญญาณขั้นต้นได้ไม่ยาก

ดังนั้น อสูรประหลาดทั้ง 5 ได้ระเบิดกลายเป็นหมอกโลหิตอีกครั้ง!

การที่อสูรประหลาดถูกทำลาย สร้างความเสียหายให้กับทะเลสติของอสูรตนนั้นมาก

“ย่างเท้าเก้าครั้ง สร้างปราณกระบี่สังหารขอบเขตตัดวิญญาณ! นี่เจ้า เหตุใดถึงครอบครองพลังนี้… หรือว่า.... เป็นเจ้า!”

มันกล่าวด้วยความตกตะลึง มันคุ้นหน้าเหมือนเคยหนิงฝานที่ไหนมาก่อน แต่เมื่อดูหน้าชัดๆ กลับเหมือนในประกายค่าหัวในกลุ่มของเหล่าอสูร เป็นผู้ที่อสูรกึ่งไร้ดัดแปลงทั้งสี่ต้องการตัวมากที่สุด

คำกล่าวของอสูรตนนั้นทำให้อสูรขอบเขตตัดวิญญาณขั้นสูงสุดสีหน้าแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง

“ตาเฒ่าโลหิต ถอยกลับมาเดี๋ยวนี้! ไม่งั้นเจ้าไม่รอดแน่!”

แม้มันอยากจะถอย แต่ดูเหมือนจะสายเกินไป

หนิงฝานปรากฏเหนือรถของพวกมันในพริบตา ตวัดมือส่งปราณกระบี่ที่ทรงพลังกวาดขวางเข้าใส่อสูรชราจนร่างของมันขาดเป็นสองท่อน ส่วนอสูรตนอื่นๆแยกย้ายหลบหนีได้ทัน

หนิงฝานเก็บแก่นอสูรและซากร่างในร่างอสูรของอสูรเฒ่าไป ทั้งสองสิ่งสามารถนำไปทำประโยชน์ได้

หนิงฝานยืนอยู่บนรถของพวกมันกลางกล่าวอย่างเรียบเฉย

“ไหนบอกจะสังหารข้าใน 10 ลมหายใจ? ทำไมถูกข้าสังหารในลมหายใจเดียวก่อนซะหล่ะ!”

แม้จะกล่าวอย่างเรียบเฉย แต่เสียงของหนิงฝานกลับแหลมคมราวกับกระบี่เสียดแทงเข้าไปในหูของอสูรทุกตนจนทำให้พวกมันเจ็บ

พวกมันดวงตาเบิกกว้างอย่างไม่เชื่อสายตา มันคาดไม่ถึงว่าอสูรโลหิตที่มีชื่อเสียงจะถูกหนิงฝานสังหารตายในชั่วอึดใจ

แต่สิ่งที่ทำให้พวกมันคาดไม่ถึงที่สุด คือ พวกมันจะได้พบกับผู้ที่หนีรอดจากอสูรกึ่งไร้ดัดแปลงที่ทรงพลังที่นี่

บรรยากาศรอบข้างเงียบสงัด ได้ยินเพียงเสียงลมที่ไหวติง

แต่แล้ว แรงกดดันของอสูรตัดวิญญาณขั้นสูงสุดก็ปรากฏทำลายความเงียบไป

“ที่แท้เป็นเจ้า! เจ้าคือคนที่นายท่านต้องการสังหาร! ดี....ถือเป็นโอกาสดีที่ข้าฉู่เฟิงได้พบเจ้า ถ้าสังหารเจ้าได้ สมควรได้ความดีความชอบมากมาย! จัดกระบวนทัพสังหารมัน!”

อสูรตัดวิญญาณขั้นสูงออกคำสั่ง กองทัพนับแสนแปรขบวนทัพพร้อมสู้ ทหารแต่ละตนแผ่ปราณอสูรประสานม่านพลังขนาดยักษ์

ม่านพลังสีเงินก่อตัวแผ่ปกคลุมทั้งกองทัพ รถสีเงินของพวกมันถอยห่าง บัญชาการทัพให้เดินหน้าเข้าจู่โจม

การจัดขบวนประสานของพวกมัน ก่อให้เกิดการป้องกันและอำนาจในการจู่โจมที่เทียบได้ผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นกลาง

“ค่ายกลมนุษย์!”

ดวงตาหนิงฝานเป็นประกาย ในอดีตเขาเคยคิดจะฝึกกองทัพปีศาจทมิฬของเขาในลักษณะเดียวกันนี้ แต่ด้วยเหตุผลหลายประการ ทำให้เขาต้องล้มเลิกไปก่อน

หากทหารเหล่านี้ไม่ได้จัดรูปขบวนผสานพลัง หนิงฝานสามารถสังหารพวกมันทั้งหมดในพริบตา แต่การที่พวกมันผสานพลังกันเช่นนี้ อาจต้องใช้เวลาอยู่บ้าง

การจะทำให้พวกมันแตกขบวนนั้น สิ่งแรกที่ต้องทำคือทำลายม่านพลังที่พวกมันสร้างขึ้น

เมื่อฉู่เฟิงสั่งการจู่โจม พวกมันทั้งผสานพลัง ลูกศรนับแสนยิงออกจากม่านพลังตรงเข้าใส่หนิงฝาน

ศรแต่ละลูกเทียบเท่าการจู่โจมของผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำขั้นสูงสุด แม้เป็นผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นกลางยังยากจะรับ

หนิงฝานอ้าปากพ่นเพลิงสีดำออกมา เพลิงเหล่านั้นก่อตัวเป็นรูปร่างดอกบัวขนาดยักษ์ ขยายขนาดกินพื้นที่พันจ้าง เมื่อศรนับแสนเข้ากระทบ ถูกเผาทำลายมอดไหม้

หนิงฝานขยับนิ้วเป็นท่าทาง ดอกบัวขนาดยักษ์กระจายตัวเป็นดอกบัวสีดำขนาดเล็กราว 2000 ดอก พุ่งเข้าจู่โจมตำแหน่งที่เป็นตาของม่านพลัง

เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว ม่านพลังขนาดยักษ์ที่ปกคลุมกองทัพนับแสนพังทะลาย! แสงสีดำวาบผ่านกองทัพ ส่งผลให้อสูรแก่นทองคำ 70,000 ตนถูกเผา เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดระงม ก่อนจะถูกเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่าน

ผู้ที่รอดชีวิตหลบหนีไปตั้งหลัก หนิงฝานเองก็ถอยกลับไปหาซีหลานเพื่อปกป้องนาง

เพียงไม่กี่ลมหายใจ กองทัพของพวกมันสูญเสียไปกว่า 7 ใน 10 ส่วน จนฉู่เฟิงเริ่มตระหนก

ก่อนที่พวกมันจะออกเดินทางมา วานรยักษ์ได้กล่าวเตือนพวกมันว่า หากกองทัพเสียหายถึง 7 ใน 10 ส่วน ให้พวกมันถอยทัพทันที

ยามนี้ ฉู่เฟิงรู้แล้วว่ามันดูถูกหนิงฝานเกินไป

มันคิดว่าแม้หนิงฝานจะหลบหนีจากอสูรกึ่งไร้ดัดแปลงได้ แต่นั่นก็ด้วยรถเพลิงทองคำ หากไร้ซึ่งรถเพลิงทองคำ ก็ไม่ต่างจากผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นต้นที่อ่อนแอ

แม้จะรู้ว่าหนิงฝานเป็นใคร แต่มันยังสั่งการให้กองทัพจู่โจมเพื่อหวังว่ามันจะลอบจู่โจมหนิงฝานได้อีกที แต่กลายเป็นว่า ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตตัดวิญญาณขั้นต้นที่มันดูถูก กลับทำลายกองทัพของมันได้

นับว่ามันผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง

หนิงฝานสังหารอสูรโลหิต ใช้เพลิงทมิฬเผาทำลายการจู่โจม ทำลายม่านพลังของพวกมันได้อย่างแม่นยำ และสังหารคนของมันไปอีกว่า 70,000

“ข้ายอมรับว่าดูกถูกเจ้าเกินไป! เจ้าทำลายทหารข้าไป 70,000 หากข้าไม่ฆ่าเจ้า คงเป็นข้าที่ถูกลงโทษสถานหนัก! มาตายไปพร้อมกันเถอะ!”

แม้กองทัพของมันจะรอดกลับมา 3 หมื่น แต่ทุกคนล้วนบาดเจ็บจนไม่อาจต่อสู้ได้อีก

ดังนั้นมันจึงสั่งให้อสูรตัดวิญญาณทั้งหมด เข้าล้อมหนิงฝานเพื่อหวังตกตายไปพร้อมกัน

เก้าย่างเหยียบสวรรค์… เพลิงทมิฬ… ทั้งสองสิ่งล้วนทำให้พวกมันหวาดกลัว อีกอย่าง ฉู่เฟิงรู้ดีว่าตัวมันเพียงลำพังไม่อาจเอาชนะหนิงฝานได้

ดังนั้นพวกมันจึงหวังพุ่งเป้าไปที่ซีหลานเพื่อทำให้หนิงฝานไขว้เขว จากนั้นจึงลอบจู่โจมเขาอีกที

“12 อสูรตัดวิญญาณ… ผู้รับใช้ของอสูรกึ่งไร้ดัดแปลงผู้ยิ่งใหญ่ แต่กลับคิดจู่โจมสตรีที่ไร้ทางสู้… แต่พวกเจ้าคิดจริงๆเหรอว่าจะทำได้! กระบวนทาส!”

หนิงฝานสัมผัสกระเป๋า นำทาสทั้ง 12 ตนออกมาพร้อมกับมังกรทมิฬ ในหมู่ทาสเหล่านั้น มี 5 ตนที่อยู่ในขอบเขตตัดวิญญาณขั้นต้น 4 ตนขั้นกลาง และอีก 1 ขั้นสูง

ในหมู่ทาสทั้งหมดที่เขามี ทหารศิลาเป็นเพียง 1 เดียวที่มีสติเป็นของตนเอง แต่มันไม่ได้ทรงพลังขนาดนั้น แต่ก็ยังจัดว่ามีประโยชน์อยู่มาก

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น...”

ทหารศิลารู้สึกเสียวสันหลังวาบเมื่อถูกหนิงฝานเรียกออกมา แต่มันรู้ว่า หากไม่ถึงคราวลำบากจริงๆ หนิงฝานจะไม่เรียกมันออกมา ซึ่งยามนี้ เขาสมควรประสบปัญหาใหญ่

ยามนี้หนิงฝานถูกผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณ 12 คนรุมล้อม และหนึ่งในนั้นยังมีขอบเขตตัดวิญญาณขั้นสูงอยู่ด้วย

แต่เมื่อทหารศิลาหันหลังกลับไปมองหนิงฝาน มันกลับประหลาดใจกับสิ่งที่เห็น นอกจากหนิงฝานแล้ว ยังมีสตรีในขอบเขตตัดวิญญาณขั้นสูงอยู่แีกคน รวมถึงทาสของหนิงฝานอีก 11 ตน

ทาสแต่ละตนนั้นไม่ได้ด้อยไปกว่ามัน กระทั่งขอบเขตตัดวิญญาณขั้นกลางและสูงก็ยังมี เพียงแต่ทาสเหล่านั้นไม่ได้มันสมองเหมือนกับตน

แต่สิ่งที่ทำให้ทหารศิลาแตกตื่นมากที่สุดคือมังกรทมิฬ

ศพปีศาจในขอบเขตกึ่งไร้ดัดแปลง ซึ่งทรงพลังยิ่งกว่ามันอย่างเทียบไม่ติด

การปรากฏตัวของมังกรทมิฬทำให้ฝั่งของฉู่เฟิงหวาดกลัว

“ศะ… ศพปีศาจขอบเขตกึ่งไร้ดัดแปลง! หนีเร็ว!”

หากมีแค่หนิงฝานคนเดียว แม้เขาจะเป็นผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นสูงสุด พวกมันก็กล้าสู้ แต่ศพปีศาจในขอบเขตกึ่งไร้ดัดแปลงนั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เพราะเป็นจุดสูงสุดของขอบเขตตัดวิญญาณ ที่ไม่มีผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณคนใดสู้ได้

เอาชนะกองทัพของพวกมันได้ กล้าหาญและโหดเหี้ยม… สมแล้วที่อสูรกึ่งไร้ดัดแปลงทั้งสี่ได้เตือนมันว่าระวังคนผู้นี้เอาไว้

หากพ่ายกลับไปเช่นนี้มันย่อมถูกลงโทษ แต่ด้วยอีกฝ่ายแข็งแกร่งเกินไป มันจะหนีก็ไม่แปลก!

“เจ้าเรียกข้าออกมามีอะไรให้ช่วย...” ทหารศิลาจ้องมองหนิงฝานด้วยแววตาชื่นชม

เมื่อยามนั้นหนิงฝานยังเป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่ม ตนเองเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณ แต่ยามนี้ หนิงฝานกลับแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว จนศัตรูของหนิงฝานไม่ใช่คู่มือของมันอีกต่อไป

ดังนั้นยามนี้ การเรียกมันออกสมควรเอามันออกมาฆ่ามากกว่า

ทหารศิลาหวาดกลัวกับเหตุการณ์ตรงหน้า เพราะถ้าหากหนิงฝานสั่งให้พวกมันสู้จริง มันก็ไม่อาจขัดขืน

“ข้าสร้างร่างจำแลงของตัวเองไม่ได้ ส่วนเจ้าก็เป็นทาสเพียงหนึ่งเดียวที่มีสติปัญญา เพราะฉะนั้น เจ้าจงควบคุมทาสเหล่านี้ ทำลายทุกสิ่งในรัศมี 3 หมื่นลี้ให้หมด!”

“อะไรนะ?”

ทหารศิลาตกตะลึง มันไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนั้น แต่หนิงฝานกลับจะให้มันคุมคนอื่น!

หรือมันจะเข้าใจอะไรผิดไป

หนิงฝานเชื่อใจความสามารถของมันขนาดนั้นเลยเหรอ?

“เจ้าทำไม่ได้เหรอ?” หนิงฝานขมวดคิ้ว

“ได้สิ!” ทหารศิลาตื่นเต้น

หากเป็นวิหารสาบสูญในแดนสวรรค์ ทาสที่มีระดับพลังอย่างมันจัดเป็นทาสทั่วไป แต่ด้วยมันมีสติปัญญา จึงได้รับหน้าที่เป็นทาสคู่กายของเป่ยเซี่ยวเหมิน

โดยทั่วไปแล้วทาสจะไม่สามารถยกระดับพลังได้ แต่ในแดนสวรรค์เหนือมีวิชาลับที่จะทำให้พวกมันยกระดับได้ และกลืนดวงจิตเข้าไปเพื่อทำให้พวกมันมีสติปัญญา

หากจะให้ทหารศิลายกระดับ มันต้องได้กินดวงจิตของผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณอย่างน้อย 10 ดวง

หากจะให้มันหาดวงจิตด้วยตนเองย่อมเป็นเรื่องยาก แต่ยามนี้ มีผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณ 11 คนตรงหน้า การที่จะได้ดูดกลืนดวงจิตของพวกมันไม่ใช่เรื่องยาก และนี่คือโอกาส

มันไม่สนใจชีวิต ไม่สนใจความแข็งแกร่งของตน มันคิดเพียงว่ามันต้องแข็งแกร่ง และกลับไปอยู่ข้างกายเป่ยเซี่ยวเหมินอีกครั้ง

“ข้าจะกำจัดทุกสิ่งในรัศมี 3 หมื่นลี้ให้หมด!”

ทหารศิลาป้องมือให้หนิงฝานอย่างจริงจัง ก่อนขึ้นขี่มังกรทมิฬ ขยับนิ้วเป็นท่าทาง ก่อนที่มังกรทมิฬและทาสตนอื่นๆจะเคลื่อนไหว

การที่ทหารศิลาควบคุมทาสและมังกรทมิฬ ฉู่เฟิงและพวกของมันไม่มีทางรอดแน่

เหล่าทาสที่ไล่ตามหลังฉู่เฟิงไปติดๆ ได้ทำลายทหารในกองทัพที่เหลือรอด จนพวกมันล้มตายกันอย่างรวดเร็ว

หลังจากนั้น ทหารศิลาควบคุมมังกรทมิฬให้พ่นลำแสงใส่ฉู่เฟิงและพวกที่กำหลบหนี เหล่าอสูรตัดวิญญาณ 10 คนตายคาที่ ส่วนทหารศิลาก็ดูดกลืนเอาดวงจิตของพวกมันทั้งหมดมา

ฉู่เฟิงถูกทาสของหนิงฝานรุมล้อม มันรู้ว่าวันนี้มีไม่รอดแล้ว

“หากข้าต้องตาย ข้าก็ไม่ยอมตายเปล่า ถึงข้าจะเอาชนะเจ้าไม่ได้ แต่ข้าฆ่านางไป!”

ฉู่เฟิงนำบางสิ่งออกมาจากกระเป๋าแล้วบดขยี้อย่างรวดเร็ว หากเป็นผู้อื่นคงมองเห็นไม่ทัน แต่หนิงฝานเห็นทุกสิ่งอย่างชัดเจน ว่าสิ่งที่ฉู่เฟิงนำออกมานั้นคือหนอนสีม่วง

เมื่อมันบดขยี้หนอนม่วง ซีหลานสัมผัสได้ถึงอันตรายร้ายแรง

ชั่วพริบตานั้น หนอนม่วงปรากฏกายเบื้องหน้านางห่างเพียง 1 จ้าง ก่อนจะตรงเข้าหานาง

หากหนอนม่วงเข้ามาในร่าง นางรู้ว่านางไม่รอดแน่

“นางไม่มีทางรอดอย่างแน่นอน! อีก 3 วันข้างหน้าจะเป็นวันตายของนาง ไม่ว่าโอสถใดก็ไม่อาจรักษาได้!”

หนิงฝานรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้โกหก เพราะครั้งหนึ่งเขาเคยประสบกับแมลงพิษที่รับมือได้ยาก

ซีหลานแตกตื่น แม้นางจะใช้วิชาลับ แต่นางกลับยังไม่อาจต้านพิษได้ จนนางรู้สึกไร้หนทาง

นางหวาดกลัว นางไม่เคยประสบกับสถานการณ์ที่เสี่ยงถึงชีวิตเช่นนี้มาก่อน

แต่ในขณะที่นางสั่นเทาด้วยความหวาดกลัวอยู่นั้น เงาร่างของคนผู้หนึ่งก็ปรากฏเบื้องหน้านาง เข้าขวางหนอนม่วงเอาไว้

“ข้าบอกแล้วว่าจะปกป้องเจ้า ไม่ให้เจ้าได้รับบาดเจ็บใดๆ”

หนอนม่วงตัวนั้นทะลวงเข้าสู่ร่างกายที่แข็งแกร่งของหนิงฝาน เมื่อมันเข้าไปในร่าง มันแปรสภาพเป็นปราณสีม่วงแล่นไปทั่วร่าง

หนิงฝานรู้สึกเจ็บไปทั้งตัว ทั้งยังเกือบจะกระอักโลหิต

แต่เขาฝืนกลืนโลหิต จุดเพลิงทมิฬทั่วร่างเพื่อเผาพิษของหนอนม่วง

“ฆ่ามัน!” หนิงฝานกล่าวอย่างเย็นชา

“เป็นไปไม่ได้! หนอนม่วงเข้าไปในท้องเจ้าโดยตรง เหตุใดเจ้าไม่ตาย!” ฉู่เฟิงสีหน้าแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง หนอนตัวนั้นทะลวงเข้าไปยังตำแหน่งตันเถียน แม้เป็นผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นสูงสุดยังไม่รอด แต่เหตุใดหนิงฝานจึงไม่ตาย

เมื่อได้รับคำสั่ง ทหารศิลาบังคับมังกรทมิฬทะยานเข้าหาฉู่เฟิงและฉีกร่างมันเป็นชิ้นๆ

ซีหลานที่สังเกตุเห็นโลหิตสีดำที่มุมปากหนิงฝาน ใจคอนางไม่ดี...

ณ ทางใต้ของดาราสมุทร วังกลางทะเลขนาดยักษ์ ซึ่งเป็นวังของราชาปลาหมึก ยามนี้หยวนฟางและรชาปลาหมึกสีหน้าแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง

ป้ายชีวิตของฉู่เฟิงแตก ป้ายของทหารในกองทัพที่ส่งออกไปก็แตกทั้งหมด!

เพียงแค่ครึ่งวัน ราชาปลาหมึกเสียกองทัพไป! หากไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญกึ่งไร้ดัดแปลง ก็ไม่มีใครทำเช่นนี้ได้

“เป็นไปไม่ได้! ใครทำลายกองทัพของข้าทิ้ง!” ราชาปลาหมึกกล่าว

“อาจจะเป็นเด็กขอบเขตตัดวิญญาณขั้นนั่นก็ได้!” หยวนฟางขมวดคิ้วแน่น

“เป็นไปไม่ได้ ถึงมันจะมีสมบัติที่ไหนหลบหนีได้เร็วเท่านั้น ไม่น่าจะมีความสามารถอื่น!”

ราชาปลาหมึกไม่เชื่อว่าหนิงฝานจะทำลายกองทัพของมันได้เพียงลำพัง

ไม่นานนัก กระบี่บินส่งข่าวได้ตรงมาหาราชาหมึก เมื่อมันทราบข่าว มันก็ไม่อาจสงบใจได้อีก

หลังกองทัพของมันถูกทำลาย 3 วัน ภูเขากุ่ยซ่งในทางใต้ของดาราสมุทรถูกทำลาย

หลังจากนั้นอีก 10 วัน เมื่อมังกรสมุทรถูกทำลาย

หลังจากนั้น 17 วัน แคว้นคุกก็ถูกคนผู้หนึ่งทำลาย!

ปราณสังหารที่รุนแรงแผ่ปกคลุมไปทั่วทั้งทางใต้ของดาราสมุทร

จากข่าวที่ได้มา ผู้ที่ทำลายเมืองเป็นคนเดียวกับที่ราชาหมึกตั้งค่าหัว

ดูเหมือนเป้าหมายที่แท้จริงของคนผู้ที่ทำลายเมืองต่างๆไป คือวังราชาหมึกแห่งนี้

“เด็กนั่นมีนามว่าลู่เป่ย ถึงตอนนี้พี่ใหญ่กับพี่รองจะไม่ได้อยู่ในวังข้า แต่ถ้ามันกล้าบุกมาที่นี่ ข้าจะฆ่ามันโดยไร้ที่ฝัง!”

ราชาปลาหมึกโกรธธมาก ลู่เป่ยผู้นั้นจงใจยั่วยุมัน แม้มันไม่ได้ไปหาลู่เป่ยถึงเกาะดารา แต่ลู่เป่ยยังอุตส่าห์ตามมาหามันถึงที่นี่… รนหาที่ตาย!...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด