ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0321
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0323

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0322


ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ

Facebook Fanpage กดเลย

••••••••••••••••••••

นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล

สารบัญ ARK [จบแล้ว]

••••••••••••••••••••

ตอนที่ 322 : ดาบชีพจรอสนีบาต

เมื่อจี้ไค่หลินลงมา เขาเร่งรีบเอ่ยถาม “อาจารย์ ผลลัพธ์เป็นเช่นไร? ไม่มีผู้ใดไปถึงชั้นที่ห้าได้ใช่หรือไม่?”

เขารู้สึก ว่าในเมื่อตนไม่อาจไปถึงชั้นที่ห้า ผู้อื่นก็ยิ่งไม่อาจ

ตอนนี้เอง ผู้คนจึงได้เห็นชุดเกราะของจี้ไค่หลินที่เสียหายหลายตำแหน่ง เพียงมองพวกเขาก็ทราบ ว่าหุ่นเชิดที่ชั้นสี่แข็งแกร่งเพียงใด

“ฉินหยุนไปถึงชั้นที่หก ทว่ามันไม่เป็นการยุติธรรม เพราะเขาใช้พลังจิตทรงพลังทำการโจมตีใส่หุ่นเชิด!” เซียงอวี้จู่อวี้กล่าวออก

เขามองฉินหยุนอย่างโกรธเคือง กล่าวด้วยความไม่พอใจรุนแรง “เป็นเขาไม่มีคุณสมบัติได้รับรางวัล!”

หยางฉีเย่ว์พลันแค่นเสียง “พลังจิตเอง ก็ถือเป็นส่วนหนึ่งของความแข็งแกร่งส่วนบุคคล! ฉินหยุนมีเพียงหนึ่งเส้นวิญญาณ เขาต้องผ่านความขื่นขม ฝึกฝนพลังจิต และทำให้ตนเองแข็งแกร่งขึ้น เหตุใดท่านจึงบอกว่าเขาไม่มีคุณสมบัติ?”

“ฉินหยุนหาได้กระทำผิดใดต่อกฎ เป็นเขาไปถึงชั้นที่หกด้วยพละกำลังของตนเอง!” ผู้พิทักษ์จาง นำเอากล่องไม้ออกมา และส่งมอบแก่ฉินหยุน “ฉินหยุน นี่คือรางวัลของเจ้า ผลึกแก้วหยกอักขระชีวิตอยู่ภายใน!”

ฉินหยุนรับเอาไว้โดยทันที ทั้งนี้ยังหัวเราะคิกคักดังให้ได้ยิน

จี้ไค่หลินได้แต่ริษยาแล้ว หมัดของเขานั้นกำเอาไว้แน่นขณะกล่าวคำออก “นอกจากข้า มีผู้อื่นขึ้นไปถึงชั้นที่สี่หรือไม่?”

“ย่อมมี เป็นหวงอวี้คุน! กระนั้น ระหว่างประลองกับฉินหยุน เขาขัดต่อกฎนำเอาอาวุธออกมาใช้งาน ดังนั้นจึงถูกฉินหยุนสังหาร!” คำกล่าวของผู้พิทักษ์จาง ทำเอาหัวใจของจี้ไค่หลินเต้นผิดจังหวะ

หวงอวี้คุนอยู่ร่วมกับเขามาก็หลายปี อีกฝ่ายถึงขั้นถูกฉินหยุนสังหาร!

ชัดเจนว่าฉินหยุนแข็งแกร่งยิ่งกว่าหวงอวี้คุน!

“เรื่องนี้... ท่านไม่คิดลงโทษต่อฉินหยุนหรือ? เขาถึงขั้นลงมือสังหารนักบุญที่มีฝีมือไป!”

จี้ไค่หลินชี้หน้าฉินหยุน กล่าวด้วยความโกรธแค้น

หลันฮัวอวี้หัวเราะเย็นชา “หวงอวี้คุนเป็นฝ่ายละเมิดกฎก่อน ผู้ใดที่เจ้าคิดร้องเรียนเรื่องนี้?”

ชายชราหลายคนจากตำหนักศักดิ์สิทธิ์วิญญาณสีคราม ต่างทราบดีแก่ใจว่าพวกเขาเป็นฝ่ายผิด หากเรื่องราวถูกหยิบยกขึ้นมา และหากจ้าวตำหนักศักดิ์สิทธิ์ทราบเรื่อง พวกเขาคงโดนร่างแหไปด้วย

“เรื่องนี้จบเพียงเท่านี้! วันพรุ่งนี้ ฉินหยุนและจี้ไค่หลินจะประลองยุทธ์ในรอบสุดท้าย จัดขึ้นที่ลานประลองยุทธ์ของตำหนักยุทธ์วิญญาณ!”

ผู้พิทักษ์จางกล่าวอย่างสงบ “พวกเจ้าล้วนเหนื่อยแล้ว กลับไปพักผ่อนเสีย!”

ผู้ที่เกิดความรู้สึกย่ำแย่เกินผู้ใดกล่าวย่อมเป็นเซียงอวี้แล้ว!

เมื่อครู่ หลายคนเข้ามาร่วมแสดงความยินดีแก่เขา คิดว่าเขาสมควรได้รับรางวัลแน่แล้ว!

ทั้งนี้ยังคิดเชิญชวนผู้อื่นร่วมงานดื่มกินฉลอง แต่พอตอนนี้ ด้วยไม่มีรางวัลใดตกถึงมือ เขารู้สึกสูญเสียและพ่ายแพ้ ทั้งยังริษยาและกราดเกรี้ยว

แน่นอนว่าอารมณ์นี้ไม่อาจปล่อยออกที่ตรงนี้ได้

“อาจารย์หยาง หากท่านได้รับยาเหลวฟื้นคืนร่างกาย กับยาเหลวกล้ามเนื้อหยก ท่านคงไม่มีทางชราภาพแล้ว” ฉินหยุนหัวเราะคิกคัก “กลับกันดีกว่าขอรับ!”

หยางฉีเย่ว์พยักหน้ารับยินดี ก่อนจะเดินกลับไปยังป่าน้อยของหลันฮัวอวี้กับฉินหยุน หลันเฟิงจิน และคณะ

หางตาของเชี่ยวหยางหลงกระตุกรุนแรงขณะรับชม หยางฉีเย่ว์เป็นคู่หมั้นของเขา และยังมีงานพิธียิ่งใหญ่รออยู่ แต่แล้ว นางกลับจากไปพร้อมฉินหยุน อยู่ร่วมด้วยกันหลายต่อหลายวัน ทั้งพูดคุยและหัวเราะด้วยกัน

เท่าที่เขาจำได้ หยางฉีเย่ว์มีแต่จะแค่นเสียงเย้ยหยันใส่เขา นางไม่เคยเผยรอยยิ้มห่วงใยและอ่อนโยนแม้สักครั้ง พอคิดเช่นนี้ มันยิ่งทำเขากราดเกรี้ยวมากขึ้น

ฉินหยุนค่อนข้างเหนื่อยล้า กระนั้น ระหว่างทางกลับก็บอกเล่าถึงเรื่องราวที่เปิดศึกระหว่างเขาและหวงอวี้คุน

ได้ยินเรื่องราว หยางฉีเย่ว์และหลันเฟิงจินต่างโกรธแค้น

จ้าวฉวนขมวดคิ้ว “ไข่มุกสกัดโทเทม ของเช่นนี้กระทั่งในแดนยุทธ์อ้างว้างยังยากพบเห็น ตำหนักดวงดาววิญญาณสีครามมีพวกมันอยู่ในครอบครอง กระนั้นก็มีเพียงน้อยนิด ช่างน่าสงสัยนัก!”

“ย้อนกลับไปครั้งที่สำนักจารึกยังอยู่จุดสูงสุด พวกเขาขัดเกลาหลายต่อหลายสิ่งออกมา ดังนั้นพวกเขาจึงมีพวกมันเก็บเอาไว้ ข้าไม่คิดเลยว่าพวกมันจะถึงขั้นนำออกมาใช้! ตาเฒ่าพวกนั้น ฉวยโอกาสตอนนี้จ้าวตำหนักใหญ่เก็บตัวฝึกฝน ก่อการตามใจพวกมัน” หลันฮัวอวี้โพล่งออกด้วยความโกรธ

“ข้ายังมีนัดแข่งพรุ่งนี้ ขอตัวไปพักก่อนนะขอรับ!” ฉินหยุนนำเอาผลึกแก้วหยกอักขระชีวิตออกมา “เจ้าสิ่งนี้ใช้เช่นไรขอรับ? ข้าสามารถใช้มันคืนนี้ได้หรือไม่?”

หลันฮัวอวี้ตอบ “ไม่น่าได้ สิ่งนี้จำเป็นต้องใช้สองถึงสามวันเพื่อดูดกลืน ดีที่สุดคืออย่าได้ลอง หากลองเจ้าก็ไม่อาจเข้าร่วมการแข่งขันประลองยุทธ์ในวันพรุ่งนี้!”

ฉินหยุนเก็บผลึกแก้วหยกอักขระชีวิต จากนั้นจึงเร่งรีบกลับบ้านไม้หลังน้อยของตัวเอง

เขาถอดอุปกรณ์ผังธาตุแสงออก ชำระร่างกายที่เปรอะเปื้อน นอนทิ้งตัวบนที่นอนนุ่ม

เขาหลับตาลงและนึกถึงยิ้มหวานของหยางฉีเย่ว์ครั้งได้รับรางวัล เป็นเขาลอบยินดีในหัวใจจนกระทั่งหลับใหลไป

รุ่งสาง ฉินหยุนตื่นขึ้น สวมใส่ชุดสีขาวที่หยางฉีเย่ว์ถักทอขึ้นให้

พอเดินออกจากห้อง เขาได้เห็นหยางฉีเย่ว์และหลันเฟิงจินกำลังเตรียมขนมน่าอร่อย พวกมันถูกจัดเรียงเอาไว้บนโต๊ะหินด้านนอก

ด้วยการฝึกฝนระดับฉินหยุน การกินขนมพวกนี้หาได้ช่วยเติมเต็มพลังงานแก่เขาแต่อย่างใด

กระนั้น ที่หยางฉีเย่ว์มอบให้เขากลับเป็นการให้กำลังใจ โดยเฉพาะเมื่อตอนที่ต้องเข้าร่วมงานประลองยุทธ์ มันจะทำให้ใจเขาสงบลงได้มาก

“เจ้าตื่นมาทำอะไรเช้าเพียงนี้? ไม่คิดนอนต่ออีกหน่อยหรือไร?”

หยางฉีเย่ว์เอ่ยถามและยิ้มให้ นางและหลันเฟิงจิน ต่างสวมใส่ชุดคลุมสีน้ำเงินทองคำของตำหนักศักดิ์สิทธิ์

ทั้งสองมองกันเอง พวกนางมีเสน่ห์ที่แตกต่างกันไป ด้วยความงามสองประเภทที่แตกต่างกันนี้ มันทำเอาฉินหยุนลอบชื่นชมไม่ได้

ฉินหยุนยิ้มกล่าวตอบ “จิตวิญญาณข้าตอนนี้ลุกโชนนัก!”

จ้าวฉวนและหลันฮัวอวี้ไม่ได้อยู่ในบ้านไม้ตลอดทั้งคืน พวกเขาเอาแต่ปรึกษาหารือกันถึงเรื่องวิถีจารึกแห่งเต๋า ตลอดทั้งคืนหาได้หลับนอนไม่

กระนั้นพวกเขาก็เร่งรีบกลับมารับประทานอาหารเช้าพร้อมฉินหยุน

กระทั่งหลันฮัวอวี้ ยังเกิดข้อสงสัยว่ารางวัลในการประลองยุทธ์รอบสุดท้ายจะเป็นสิ่งใด

ผู้คนเริ่มมารวมตัวกันที่ตำหนักยุทธ์วิญญาณ

ในการแข่งขันรอบก่อนหน้า ศิษย์หลายคนของตำหนักดวงดาวไม่ได้รับชม

แต่ตอนนี้ ในที่สุดก็เป็นศึกสุดท้ายระหว่างจี้ไค่หลินและฉินหยุน!

จี้ไค่หลินครอบครองวิญญาณยุทธ์ในตำนาน กิเลนสายฟ้า ทั้งยังครอบครองเจ็ดเส้นวิญญาณ!

ในตำหนักศักดิ์สิทธิ์ หากไม่นับขอบเขตวรยุทธ์เต๋า เขาถือเป็นนักบุญที่แข็งแกร่งที่สุดแล้ว แทบเทียบเท่าได้กับเชี่ยวเย่ว์หลาน

ฉินหยุนครอบครองโทเทมราชสีห์สวรรค์ และวิญญาณยุทธ์อสนีบาตอัคคีทองม่วง เขาคือผู้ชนะเลิศในการแข่งขันจารึก

ทั้งนี้ เขายังเป็นอาจารย์จารึกอายุเยาว์ที่มากล้นพรสวรรค์ ระดับของวิถีจารึกของเขานั้น เหนือล้ำยิ่งกว่าอาจารย์จารึกเฒ่าชราหลายต่อหลายคน

ระหว่างจี้ไค่หลินและฉินหยุน ความแตกต่างถือว่าไม่มาก จี้ไค่หลินเพียงแก่กว่าฉินหยุนราวหนึ่งถึงสองปี กระนั้น พรสวรรค์กลับมีใกล้เคียงกัน

ส่วนว่าผู้ใดแข็งแกร่งและผู้ใดอ่อนแอ หลังผ่านมาหลายวัน ผู้คนก็ยังโต้เถียงกันไม่เลิกว่าผู้ใดสมควรแข็งแกร่งกว่า

บางคนเชื่อว่าฉินหยุนแข็งแกร่งกว่าจี้ไค่หลิน ขณะที่บางคนก็เชื่อว่าพละกำลังของจี้ไค่หลินเหนือล้ำกว่าฉินหยุน

หากเทียบกันแล้ว ความเห็นแบ่งออกไปกันคนละครึ่ง

ก่อนนัดประลองเริ่มขึ้น หลายคนก็เริ่มโต้เถียงกันอย่างเผ็ดร้อนแล้ว

เป็นที่ทราบกันดีหลังผ่านมาหลายรอบ ผู้ฝึกตนรุ่นเยาว์หลายคนมีความประทับใจที่ดีต่อฉินหยุน

โดยเฉพาะกับความมุ่งมั่นไม่ย่อท้อของฉินหยุน มันทำเอาหลายคนประทับตราตรึงใจ

หากเปรียบเทียบ ความหยิ่งผยองของจี้ไค่หลิน และท่าทีเหนือกว่าผู้อื่นของเขา ทำเอาหลายคนรังเกียจ

จี้ไค่หลินมาถึงเป็นคนแรก เขาในวันนี้สวมใส่ชุดสีน้ำเงินหรูหรา มือทั้งสองไพร่ไว้ด้านหลัง ยืนหยัดอย่างอหังการอยู่บนลานประลองยุทธ์

ดวงตานั้นเปี่ยมด้วยความหยิ่งยโสไร้สิ้นสุด เขากวาดสายตามองผู้ที่มารับชมอย่างเย็นชา

ลานประลองถูกสร้างขึ้นในเวลาชั่วข้ามคืน มันกว้างราวหนึ่งร้อยเมตร ล้อมเอาไว้ด้วยเสาอาคมเจ็ดสิบสองต้น โดยมีผังวิญญาณแกะสลักเอาไว้

เสาอาคมเหล่านี้สูงสามเมตร ถูกสร้างขึ้นจากผลึกแก้วใสกระจ่าง

เขาไม่ทราบว่าวัสดุเช่นนี้ขัดเกลาขึ้นด้วยอะไร แต่มันมีหน้าที่เพื่อคุ้มกันลานประลองยุทธ์จากขุมพลังรุนแรง ไม่ให้ออกไปนอกลานประลองแต่อย่างใด

พอฉินหยุนมาถึง เขาเร่งรีบขึ้นไปด้านบนลานประลอง ยืนอยู่ห่างจากจี้ไค่หลินกว่ายี่สิบเมตร สายตาจับจ้องอีกฝ่าย

การประลองกำลังจะเริ่มขึ้น ฝูงชนที่มารับชมต่างเงียบเสียง

ภายในหัวใจหลายคน โลหิตแทบเดือดพล่าน! พวกเขากำลังรอคอยศึกที่กำลังจะมาถึง!

ผู้ที่รับหน้าที่วันนี้ คือผู้พิทักษ์จางจากตำหนักศักดิ์สิทธิ์วิญญาณสีคราม เขายืนอยู่ด้านบนเสาอาคมและกล่าว “ระหว่างการประลองยุทธ์ ไม่อาจสวมใส่อุปกรณ์ผังธาตุแสง สำหรับอาวุธ สามารถใช้งานได้!”

พอประกาศว่าอาวุธสามารถใช้งาน ฝูงชนฮือฮากันโดยทันที

การประลองยุทธ์ ไม่ใช้อาวุธจึงถือว่าค่อยยุติธรรมที่สุด!

ฉินหยุนไม่รู้สึกอะไรต่อเรื่องนี้ แม้ค้อนราชันยักษ์วิญญาณของเขาไม่ใช่อุปกรณ์วิญญาณระดับราชัน กระนั้นมันก็ไม่แย่

“ทว่า อาวุธนั้นจะถูกจัดเตรียมโดยพวกเรา!”

“เพื่อเพิ่มความน่าสนใจของการประลองนัดนี้ พวกเราจึงมีกฎพิเศษขึ้น! พวกเจ้าให้ถอยกลับไปยังมุมลานประลอง ข้าจะวางอุปกรณ์ลึกล้ำไว้ที่ตรงนี้!”

“พวกเจ้าค่อยวิ่งมาโดยเร็ว ผู้ที่รวดเร็วที่สุด จะสามารถคว้าเอาอุปกรณ์ลึกล้ำไป และสามารถใช้มันในการต่อสู้ได้”

“ส่วนผู้ที่ไม่อาจคว้าอุปกรณ์ลึกล้ำ จะไม่อาจใช้งานอาวุธ!”

นี่หมายความถึง ผู้ใดคว้าจับอุปกรณ์ลึกล้ำได้ย่อมได้รับชัยชนะแล้ว!

นี่ถึงกับเป็นการแข่งขันความเร็ว หาได้ใช่กำลัง!

หลันฮัวอวี้ขมวดคิ้ว “นี่ออกจะเกินเลยไปแล้ว ดีที่สุดคือไม่มีผู้ใดใช้อาวุธ ให้พวกเขาได้ต่อสู้กันอย่างเท่าเทียม!”

จ้าวฉวนพยักหน้า “เป็นเช่นนั้น ผู้ที่ได้รับอุปกรณ์ลึกล้ำ ก็สมควรได้รับชัยชนะแล้ว!”

กระทั่งว่าพวกเขากล่าวเช่นนี้ แต่หลายคนก็คาดหวัง อยากได้เห็นว่าผู้ใดที่จะเป็นผู้ที่คว้าอุปกรณ์ลึกล้ำไปครอง

แล้วผู้ที่ไม่อาจได้รับอุปกรณ์ลึกล้ำเล่า ผู้นั้นจะพ่ายแพ้ในสภาพใด?

ผู้พิทักษ์จางยิ้ม “ทุกคนคงคิดว่ามันน่าสนใจใช่หรือไม่? และผู้ที่ชนะเลิศ จะได้รับขวดยาอายุวัฒนะตะวันโชติช่วง! นี่ถือเป็นยาเหลวระดับลึกล้ำ มันสามารถทำให้แก่นเต๋าแข็งแกร่งขึ้นได้เมื่อก้าวถึงขอบเขตวรยุทธ์เต๋าแล้ว!”

รางวัลนี้ กล่าวได้ว่าล้ำค่าเป็นอย่างยิ่ง!

กระทั่งผู้ฝึกตนวรยุทธ์เต๋า ยังเผยสีหน้าเคร่งเครียดกันออกมา

เซี่ยอู๋เฟิงขมวดคิ้ว “รางวัลนี้ช่างเลิศล้ำนัก! ทว่า เรื่องราวที่นำเอาอุปกรณ์ลึกล้ำออกมาสร้างความไม่สมดุลยังไม่จางหาย!”

“กฎเช่นนี้ย่อมตั้งขึ้นโดยผู้อาวุโสฝั่งจี้ไค่หลิน พวกมันต้องเตรียมเอาไว้ให้แก่จี้ไค่หลิน ดูเหมือนว่าพวกมันคิดอยากให้จี้ไค่หลินชนะ จึงนำยาเหลวตะวันโชติช่วงออกมาเป็นรางวัลเช่นนี้!”

“สมควรเป็นปู่ของจี้ไค่หลินแล้ว ไม่เคยทำเรื่องดีแม้สักครั้ง!”

ผู้พิทักษ์จางนำเอาอุปกรณ์ลึกล้ำออกมา มันคือดาบสีน้ำเงินเข้ม มีประกายสายฟ้าปรากฏบนตัวดาบ ชัดเจนว่าเป็นอุปกรณ์ลึกล้ำธาตุสายฟ้า

“ดาบชีพจรอสนีบาต!” หลันเฟิงจินร้องออกด้วยความแตกตื่น “มันคืออุปกรณ์ลึกล้ำลำดับที่สามของตำหนักศักดิ์สิทธิ์!”

ศิษย์ของตำหนักดวงดาววิญญาณสีคราม ต่างเพ่งสายตามองอย่างริษยายามได้ยินการเอ่ยถึงเช่นนี้

จ้าวตำหนักทั้งสี่ ย่อมมีอุปกรณ์ลึกล้ำ กระนั้นไม่มีชิ้นใดที่อยู่ในสิบลำดับแรก

อุปกรณ์ลึกล้ำสิบลำดับแรกของทั่วทั้งตำหนักดวงดาววิญญาณสีคราม ล้วนถูกครอบครองเอาไว้โดยตำหนักศักดิ์สิทธิ์วิญญาณสีคราม

ศิษย์หลายคนของตำหนักดวงดาววิญญาณสีคราม ย่อมทราบชัดเป็นอย่างดีถึงชื่อเสียงของดาบชีพจรอสนีบาต มันเป็นอาวุธลึกล้ำของผู้พิทักษ์เล่ยแห่งตำหนักศักดิ์สิทธิ์!

“หลังจากผู้พิทักษ์เล่ยถึงแก่ความตาย อุปกรณ์ลึกล้ำของเขาจึงไร้ผู้ครอง! ตอนนี้ถึงกับนำมันออกมา นี่คล้ายเป็นการเลือกว่าผู้ใดที่จะเป็นเจ้าของดาบชีพจรอสนีบาตคนใหม่หรืออย่างไร?”

“ฉินหยุนครอบครองวิญญาณยุทธ์อสนีบาตอัคคีทองม่วง จี้ไค่หลินครอบครองวิญญาณยุทธ์กิเลนสายฟ้า พวกเขาทั้งคู่ต่างเป็นศิษย์ของตำหนักดวงดาววิญญาณสีคราม ทั้งยังมีคุณสมบัติเหมาะสมใช้งานดาบชีพจรอสนีบาต!”

“เหอะ ฉินหยุนเป็นศิษย์ตำหนักตะวันตก ขณะที่จี้ไค่หลินเป็นนักบุญ ตำแหน่งของพวกเขาแตกต่างเกินไป มีแต่จี้ไค่หลินที่เหมาะสมแล้ว!”

“ฉินหยุนเป็นอาจารย์จารึกระดับสูงตั้งแต่วัยเพียงเท่านี้ เขาถึงขั้นแข็งแกร่งกว่าอาจารย์จารึกระดับสูงหลายต่อหลายคน กระทั่งว่าไม่ได้รับดาบชีพจรอสนีบาต เขาก็สามารถขัดเกลาอุปกรณ์ลึกล้ำแก่ตนเองในภายหน้าได้! ฉินหยุนไม่คล้ายจำเป็นต้องได้รับดาบชีพจรอสนีบาตแต่อย่างใด!”

หลายผู้คนเริ่มโต้เถียงกัน ผู้พิทักษ์จางปักดาบเอาไว้ตรงกลางของลานประลองยุทธ์ ฉินหยุนและจี้ไค่หลินต่างเดินไปยังมุมสนามประลอง พวกเขากำลังรอคอยโอกาสเข้าไปคว้าฉกฉวยมันเอาไว้!

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด