ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0317
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0319

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0318


ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ

Facebook Fanpage กดเลย

••••••••••••••••••••

นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล

สารบัญ ARK [จบแล้ว]

••••••••••••••••••••

ตอนที่ 318 : หอคอยลึกล้ำวิญญาณสีคราม

หลันเฟิงจินและฉินหยุน กลับมายังบ้านพักในป่าน้อยด้วยกัน

ระหว่างทาง นางส่งพิมพ์เขียวคืนแก่ฉินหยุน ทั้งยังถามหลายเรื่องราว

นางเป็นศิษย์ของฉินหยุน ย่อมภูมิใจที่อาจารย์ได้รับชัยชนะ

ที่ถามนางออกมา ส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับเรื่องระหว่างการแข่งขัน

ฉินหยุนแบ่งปันประสบการณ์จากการแข่งให้ ทำให้หลันเฟิงจินได้นำไปครุ่นคิดต่อ มันจะเป็นส่วนช่วยเหลือแก่นาง

หยางฉีเย่ว์รอที่ในป่าน้อยอยู่ก่อนแล้ว เมื่อนางพบว่าฉินหยุนและหลันเฟิงจิน กำลังสนทนากันอย่างสนุกสนานเดินกลับมา นางจึงทราบว่าฉินหยุนได้รับชัยชนะ

“ทั้งสองฝึกฝนกันต่อไปเถอะ ข้าจะกลับไปฝึกเรื่องการจารึกสักหน่อย”

ระหว่างการแข่งขัน หลันเฟิงจินก็ได้รับประสบการณ์เจ็บปวดไม่น้อย กระนั้นนางก็ยังมีอารมณ์ยินดี

“เจ้าได้อะไรมา?” หยางฉีเย่ว์ยิ้มเอ่ยถาม

“พิมพ์เขียวอุปกรณ์ลึกล้ำ เป็นกระบี่!” ฉินหยุนกล่าวตอบอย่างยินดี “ตอนนี้ข้ายังไม่อาจขัดเกลามันได้ แต่ก็อีกไม่นาน!”

เขารู้สึกว่า เมื่อก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋า การขัดเกลาอุปกรณ์ลึกล้ำก็อยู่ไม่ไกลแล้ว

“การแข่งขันจารึกจบลงแล้ว แต่ก็ยังมีการแข่งขันประลองยุทธ์อยู่! รางวัลย่อมต้องดีเช่นเดียวกัน อาจารย์โปรดรีบสอนก้าวดาราเร้นลับแก่ข้าด้วย”

หยางฉีเย่ว์เอง ก็อยากใช้โอกาสนี้สอนวิชายุทธ์อีกหลายอย่างให้แก่ฉินหยุนเช่นกัน

ฉินหยุนพยักหน้าทวนซ้ำ จากนั้น เขาจึงเข้าไปในป่าน้อยพร้อมหยางฉีเย่ว์ เริ่มทำการเรียนรู้ก้าวดาราเร้นลับ

หลังจากหยางฉีเย่ว์วิเคราะห์ ถึงความแตกต่างภายในก้าวดาราเร้นลับ ฉินหยุนจึงสามารถเข้าใจพวกมันได้ดีมากขึ้น ทำให้เริ่มเรียนรู้พวกมันได้

อันดับแรก เขาใช้กำลังภายในของแก่นภายในอสนีบาตอัคคี เพื่อทำการปลดปล่อยก้าวดาราเร้นลับ

ด้วยความแตกต่างทางคุณลักษณะของพลังภายใน ก้าวดาราเร้นลับ จะแสดงผลลัพธ์การเคลื่อนไหวที่แตกต่างกันด้วย

พยายามอยู่ครึ่งค่อนวัน ฉินหยุนค่อยสำเร็จการใช้ก้าวดาราเร้นลับในตอนกลางคืน ตอนนี้เขาสามารถโคจรพลังภายในอย่างลื่นไหล โดยอาศัยเคล็ดวิชาพลังจิตเพื่อใช้ก้าวดาราเร้นลับ

ฟู่ ฟู่ ฟู่ ฟู่!

เขาใช้แก่นภายในอสนีบาตอัคคี ปลดปล่อยก้าวดาราเร้นลับ จากนั้นจึงทะยานกายออก ท่วงท่าเป็นไปอย่างแข็งแกร่ง ร่างกายพุ่งตัวออกพร้อมอสนีบาตอัคคีสีทองม่วงลุกท่วม

ยามค่ำคืน เขาวิ่งผ่านท้องฟ้าราวอุกกาบาตเพลิงสีทองม่วงวูบไหว

“ในที่สุดก็สำเร็จขั้นต้น ความเร็วถือว่าเหนือล้ำกว่าก้าวอัคคีเมฆา สมกับเป็นวิชายุทธ์ระดับโลกา! แต่สำหรับเราตอนนี้ อัตราการใช้พลังถือว่าสูงเกินไป ไม่เหมาะที่จะใช้เป็นเวลานาน หากไม่ใช่เหตุการณ์เร่งด่วน เพียงใช้ก้าวอัคคีเมฆาจะดีกว่า”

พอฉินหยุนร่อนลงที่พื้น เขาเคลื่อนคล้อยลงมาเปรียบดั่งอุกกาบาตอสนีบาตอัคคี

ขณะร่อนลงที่ป่า เขาเห็นหยางฉีเย่ว์กำลังมุ่งหน้ามา

นางสวมใส่ชุดสีขาวบริสุทธิ์ ท่ามกลางแสงจันทราสีเงิน นางทั้งทอประกายและงดงาม เปรียบดังเทพธิดาจากพระราชวังจันทรา นางทั้งสง่างามและสูงศักดิ์

หยางฉีเย่ว์เองก็ฝึกฝนก้าวดาราเร้นลับ ขณะที่นางมีวิญญาณยุทธ์จันทรา เคล็ดวิชาการเคลื่อนไหวของนาง จึงแตกต่างออกไปจากฉินหยุน

“เมื่อมีแสงจันทร์ ข้าจะสามารถใช้ก้าวดาราเร้นลับ เพื่อบินกลางอากาศ อัตราการใช้พลังงานถือว่าไม่มาก และความเร็วยังมากล้ำ!”

หยางฉีเย่ว์ยิ้มบาง “นี่เป็นจุดต่างของก้าวดาราเร้นลับที่แตกต่างกันในแต่ละคน”

ฉินหยุนพยักหน้ารับ “เมื่อข้าใช้งาน มันค่อนข้างรุนแรง หากอยู่ระหว่างการต่อสู้ ด้วยความเร็วการพุ่งตัว มันจะนำพามาซึ่งพลังมหาศาล!”

“ถูกต้อง! ถัดไป เจ้าค่อยลองใช้พลังภายในสั่นไหว!” หยางฉีเย่ว์กล่าวเสียงเบา “มาดูกันว่า มันจะเปิดเผยวิญญาณยุทธ์สั่นไหวของเจ้าหรือไม่!”

ฉินหยุนเองก็คิดถึงเรื่องนี้เช่นเดียวกัน โดยทันที เขาเริ่มโคจรพลังภายในสั่นไหว

หลังใช้พลังภายในสั่นไหว ทุกย่างก้าวของเขา จะเป็นผลให้พื้นดินสั่นไหว ด้วยเสียง “ตึง ตึง ตึง” ดังขึ้น พื้นที่ปลายเท้าสัมผัสจะเกิดรอยปริแตก

สิ่งนี้ มันรุนแรงยิ่งกว่าครั้งใช้พลังภายในอสนีบาตอัคคี!

“อาจารย์... นี่ดูเหมือนไม่เหมาะเป็นอย่างยิ่ง!” ฉินหยุนยิ้มเก้กัง “ไม่เพียงแต่ใช้พลังงานมากล้น ยังเกิดผลกระทบมหาศาล นอกจากนี้แล้ว ความเร็วยังเชื่องช้านัก!”

“อืม มันเป็นการเปิดเผยพลังภายในสั่นไหวจนหมดเปลือก! กำลังภายในสั่นไหวคล้ายไม่เหมาะสมต่อเคล็ดวิชาเคลื่อนไหว แต่ก็น่าจะดีสำหรับการต่อสู้ เมื่อเจ้าใช้ท่าเท้านี้ จะสามารถสร้างคลื่นกระแทกอันแข็งแกร่งได้”

“หากเจ้าต่อสู้ระยะประชิดกับผู้อื่น เจ้าสามารถใช้มันเพื่อสวนกลับยามกำลังวิ่งหลบหนี หากคลื่นกระแทกแข็งแกร่งมากพอ มันจะส่งผลกระทบต่อแก่นภายในของคู่ต่อสู้ได้” หยางฉีเย่ว์กล่าว

พอฉินหยุนได้ยินดังนี้ ดวงตาของเขาเป็นประกายขึ้นมา เขายิ้มรับโดยทันที “จริงขอรับ แต่ก็ไม่ใช่ใช้งานได้โดยง่าย! อาจารย์ ขอบคุณที่ชี้แนะขอรับ ไม่เช่นนั้นข้าคงต้องใช้เวลาอยู่นานหากคิดศึกษามันด้วยตนเอง!”

หยางฉีเย่ว์ลูบหัวของเขา นางเผยรอยยิ้มอ่อนโยนให้ “ข้าหวังว่า ในภายหน้าเจ้าจะแข็งแกร่งได้ยิ่งกว่านี้!”

“ข้าย่อมต้องแข็งแกร่งขึ้น!” ฉินหยุนพยักหน้ารับจริงจัง

พวกเขาต่างเข้าใจกันดี ดังนั้นจึงไม่เอ่ยถึงเรื่องงานพิธีอภิเษกสมรสครั้งใหญ่ จนเป็นการทำลายบรรยากาศตอนนี้

“อาจารย์ ข้าสำเร็จขั้นต้นแล้ว หากสามารถเรียนรู้ถึงขั้นกลาง เช่นนั้นจะเป็นอย่างไรหรือขอรับ?” ฉินหยุนเอ่ยถาม “ก้าวดาราเร้นลับนี้ มีเขียนถึงไว้ใช่หรือไม่?”

หยางฉีเย่ว์ตอบ “สำเร็จขั้นกลางค่อนข้างยาก ทั้งยังต้องใช้พลังภายในจำนวนมาก หากเจ้าสำเร็จขั้นกลาง เมื่อใช้ก้าวดาราเร้นลับ จะสามารถใช้พลังของดวงดาวได้”

“พลังดวงดาว สามารถทำให้ผู้ใช้งานลอยตัวอย่างง่ายดาย ด้วยวิธีนี้ เมื่อเจ้าก้าวเท้าออกไป จะเปรียบดั่งแมลงปอสัมผัสน้ำ และด้วยพลังอสนีบาตอัคคีของเจ้า จะยิ่งทำให้เคลื่อนไหวได้รวดเร็วมากขึ้น!”

“สมแล้ว การได้เชี่ยวชาญวิชายุทธ์ระดับโลกาถือว่าดีเยี่ยมนัก!” ฉินหยุนพึงพอใจ เขายิ้มตอบกลับ

ฉินหยุนอยู่ฝึกจนดึก เมื่อเห็นว่าสมควรแก่เวลา เขาจึงกลับพร้อมหยางฉีเย่ว์เพื่อไปพักผ่อน

เช้าวันถัดมา ฉินหยุนตื่นแต่เช้าตรู่ เพื่อทำการฝึกฝนก้าวดาราเร้นลับอย่างต่อเนื่อง เป็นเขาคิดอยากทำความคุ้นชินกับมัน

หลังผ่านการฝึกฝนทั้งวัน เขาค่อยคุ้นเคยกับก้าวดาราเร้นลับมากขึ้น

* * *

การแข่งขันประลองยุทธ์ยังไม่จบ ยังเหลือรอบที่สี่และรอบที่ห้า

วันนี้ ในที่สุดก็กำลังจะเริ่มรอบที่สี่!

ในรอบที่สี่ มีเพียงสามสิบคนเท่านั้นซึ่งสามารถเข้ารอบ

ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา พวกเขาได้อยู่ร่วมกับผู้ชี้แนะ ได้รับการแนะนำและฝึกฝนหลายต่อหลายอย่าง

สำหรับฉินหยุน ด้วยความที่เป็นผู้ชนะเลิศในรอบที่ห้าของการแข่งขันจารึก เขายิ่งกลายเป็นมีชื่อเสียงและถูกจับตา

และเรื่องนี้เช่นกัน ที่ทำให้หน้าตาของอาจารย์จารึกจากตำหนักดวงดาววิญญาณสีครามหล่นแทบถึงพื้นดิน

หากพวกเขายังพ่ายแพ้การประลองยุทธ์ ตำหนักศักดิ์สิทธิ์วิญญาณสีครามก็เสียหน้าครั้งใหญ่แล้ว

อย่างไรแล้ว งานเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ครั้งนี้ ก็จัดขึ้นโดยตำหนักศักดิ์สิทธิ์วิญญาณสีคราม เพื่อเป็นการอวดโอ่พละกำลังของพวกเขา

หากใครไม่รู้ชนะในรอบสุดท้าย โดยไม่มีคนจากตำหนักศักดิ์สิทธิ์เลยแม้สักคน ก็ออกจะเป็นเรื่องน่าอับอายจนเกินไปแล้ว

ฉินหยุน หยางฉีเย่ว์ และจ้าวฉวน พวกเขาล้วนมาถึงตำหนักยุทธ์วิญญาณ ขณะรอคอย พวกเขาพูดคุยกันเพื่อเข้าไปยังหอลึกล้ำวิญญาณสีคราม

หอลึกล้ำวิญญาณสีคราม เป็นหอเก้าชั้นของตำหนักดวงดาววิญญาณสีคราม ทั้งนี้ยังตั้งอยู่ใกล้ประตูหลักมากที่สุด

นี่ถือเป็นอาคารที่ต้องตามากที่สุดของตำหนักดวงดาววิญญาณสีครามก็ว่าได้

หอลึกล้ำวิญญาณสีครามทั้งสูงและใหญ่โต ตัวอาคารคล้ายสร้างขึ้นจากผลึกแก้วสีน้ำเงิน ยามเมื่อสะท้อนแสงตะวันทั้งเก้า พวกมันต้องแสงสาดส่องงดงามเป็นประกาย

จากภายนอก พวกมันเหมือนมีทั้งสิ้นแค่เก้าชั้น กระนั้นภายในกลับคล้ายไม่ใช่ กลายเป็นว่าไม่มีผู้ใดทราบว่าแท้จริงภายในนั้นมีกี่ชั้นกันแน่

ฉินหยุนและหยางฉีเย่ว์ สวมใส่ชุดสีขาวเหมือนกัน ขณะที่ศิษย์อื่นจากตำหนักดวงดาววิญญาณสีคราม ต่างสวมใส่ชุดคลุมสีน้ำเงิน เรื่องนี้ทำเอาศิษย์และอาจารย์คู่นี้ กลายเป็นเป้าสายตาที่เด่นชัด

เซี่ยอู๋เฟิง หลันอัวฮวี้ และคณะคนที่เหลือซึ่งยืนข้างกายพวกเขา ต่างก็สวมใส่ชุดคลุมสีน้ำเงินเช่นกัน กลุ่มของพวกเขานี้แข็งแกร่ง ทุกเส้นทางที่เดินผ่าน ล้วนจะมีเสียงการสนทนาถึงพวกเขาเป็นการตามหลัง

เซี่ยอู๋เฟิงมองยังหอคอยลึกล้ำวิญญาณสีครามตรงหน้า เขาขมวดคิ้วกล่าว “รอบที่สี่ พวกเขาถึงขั้นให้เจ้าเข้าสู่หอคอยลึกล้ำวิญญาณสีครามเพื่อรับการทดสอบ นี่ออกจะอันตรายเกินไปแล้ว!”

“พี่ใหญ่เซี่ย ท่านเคยมาที่นี่หรือ?” ฉินหยุนเร่งรีบเอ่ยถาม

“ข้าไม่เคยเข้าไปมาก่อน! ข้าเพียงแต่ได้ยินมา!” เซี่ยอู๋เฟิงหันมองทางหลันฮัวอวี้ “ผู้อาวุโสหลัน ท่านน่าจะเป็นผู้ทราบเรื่องราวภายในดีที่สุดแล้ว!”

หลันฮัวอวี้พยักหน้ารับ “ภายในมีหุ่นเชิดอยู่มาก หุ่นเชิดภายในเหล่านั้น ล้วนถูกขัดเกลาขึ้นโดยสำนักจารึกเมื่อกาลก่อน มีเพียงพวกคนจากสำนักจารึก จึงสามารถสร้างของเช่นนั้นได้ พวกมันน่าสะพรึงกลัวยิ่ง”

“หุ่นเชิดสร้างขึ้นโดยอาศัยพื้นฐานจากอัจฉริยะเมื่อครั้งนั้น พวกมันมีความสามารถต่อสู้อันแข็งแกร่ง เดิมมีหุ่นเชิดหลายตัวที่สามารถทัดเทียมขอบเขตวรยุทธ์เต๋า ทว่าพวกมันทั้งหมดถูกพวกเรานำออกไปสู้ ล้วนได้รับความเสียหายร้ายแรง”

“ตอนนี้ หุ่นเชิดทั้งหมดในหอคอย เทียบเท่าได้แค่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้า!”

หุ่นเชิดที่สามารถทัดเทียมผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋า ถือว่าเหนือล้ำอย่างแท้จริง เพียงแค่คิดก็ทำเอาหัวใจหนักอึ้งได้แล้ว

ทุกคนอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออก สำนักจารึกทรงพลังอำนาจและน่าสะพรึง พวกเขาถึงขั้นสามารถขัดเกลาของเช่นนั้นขึ้นมาได้

หลันฮัวอวี้กล่าวเสริม “หอคอยลึกล้ำวิญญาณสีคราม มีทั้งสิ้นเก้าชั้น ชั้นเก้าใช้งานต่างออกไป อีกแปดชั้นมีเพื่อการทดสอบ! แต่ละชั้นจะมีกลุ่มหุ่นเชิดเฝ้าอยู่ พวกมันล้วนแข็งแกร่งเทียบเท่าขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้า”

“ทุกชั่วระยะเวลาหนึ่ง ผู้ฝึกตนขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่แปด จะสามารถเข้าไปรับการฝึกฝนได้”

ชัดเจนว่า เซี่ยอู๋เฟิงและคณะไม่เคยเข้าไปมาก่อน

หลันเฟิงจินกล่าวขึ้น “ข้าเคยเข้าไปมาก่อน หุ่นเชิดพวกนั้นแข็งแกร่งยิ่ง พวกมันทั้งหมดสร้างขึ้นจากกระดูกเหล็กกล้าระดับราชัน กระทั่งว่าใช้อุปกรณ์วิญญาณระดับราชัน ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายจัดการพวกมัน แน่นอนว่า ผู้ที่เข้าร่วมการทดสอบไม่อาจใช้อาวุธ พวกเขาใช้ได้ก็แต่อุปกรณ์ป้องกันเท่านั้น!”

กล่าวคำจบ ผู้คนล้วนสามารถบอกได้ ว่าหุ่นเชิดที่หลอมสร้างขึ้นจากกระดูกเหล็กกล้าระดับราชันน่าสะพรึงเพียงใด

มู่หรงต้าเหรินอุทานขึ้น “หุ่นเชิดเหล่านั้นแพงมหาศาลยิ่ง เช่นนั้นพวกมันมีค่าเพียงใด? มีหุ่นเชิดผู้หญิงหรือไม่? งดงามหรือไม่? คล้ายคนปกติทั่วไปหรือไม่?”

เสวี้ยซือเยี่ยกลอกตามอง นางตอนนี้คล้ายทราบแล้ว ระหว่างเรื่องของผู้ชายและผู้หญิง ดังนั้นจึงทราบว่าคำพูดเหล่านั้นเป็นเรื่องสกปรก

หลันฮัวอวี้หัวเราะตอบ “ย่อมแพง! อย่างไรแล้วพละกำลังของพวกมัน ก็เทียบเท่าขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้านะ ลองนึกสภาพดูสิ!”

“น้องมู่หรง หากต้องการ ให้ข้าช่วยขัดเกลามนุษย์ไม้ขึ้นสักตัวดีหรือไม่? ข้าคิดเจ้าเพียงหนึ่งร้อยล้านเหรียญผลึกเท่านั้น!” หลันเฟิงจินหัวเราะคิกคัก

“ข้าไม่ได้ต้องการไม้! ข้าคิดอยากได้หุ่นเชิดโฉมงามสักคนหนึ่งเป็นหญิงรับใช้!” มู่หรงต้าเหรินตอบ “หากท่านสามารถทำได้ ข้ายินดีซื้อที่สองร้อยล้านเหรียญผลึก แต่นี่ไม่นับเป็นจำนวนเล็กน้อยเกินไปหรือ?”

“ข้าขัดเกลาให้ได้ แต่เจ้าจะจ่ายหรือ?” หลันฮัวอวี้หัวเราะ

“เรื่องนี้... ข้าเพียงแค่พูด!” เพราะเขาไม่มีเหรียญผลึกมากมายเพียงนั้น

ฉินหยุนเองก็สามารถขัดเกลาหุ่นเชิดขึ้นได้ แต่พวกมันจะถูกแบ่งเป็นจำพวกสัตว์

เพื่อขัดเกลาหุ่นเชิดรูปแบบมนุษย์ หนึ่งต้องมีผังโทเทมที่ใกล้เคียงกับมนุษย์ อย่างเช่นลิงหรืออะไรจำพวกนั้น

ที่ด้านล่างของหอคอยลึกล้ำวิญญาณสีคราม หลายคนกำลังรวมตัวกันอยู่

ผู้ฝึกยุทธ์หลายคน รวมทั้งผู้ชี้แนะของพวกเขา ต่างรวมตัวกันที่นี่

จี้ไค่หลินและอาจารย์ของเขา ก็เพิ่งมาถึงเช่นเดียวกัน

วันนี้ จี้ไค่หลินสวมใส่ชุดเกราะอ่อนสีน้ำเงินทองคำ มองเพียงครั้งเดียว ก็บ่งบอกจากโครงสร้างได้ว่าราคาย่อมไม่ใช่ชั่ว

ผู้ชี้แนะของจี้ไค่หลิน เป็นนักบุญเฒ่าชราจากตำหนักศักดิ์สิทธิ์วิญญาณสีคราม นามนั้นคือเซียงอวี้ เขาคือผู้ที่มีสัมพันธ์อันดีกับปู่ของจี้ไค่หลิน

กล่าวกันว่า จี้ไค่หลินติดตามเขา เพื่อฝึกฝนวิชายุทธ์ตั้งแต่ยังเยาว์

บุคคลที่สามารถสอนสั่งตัวตนเช่นจี้ไค่หลิน ย่อมไม่ใช่คนดีอย่างแน่นอน

เซียงอวี้ย่อมต้องเป็นชายชราโหดเหี้ยมเกินผู้ใดคาดคิด ใบหน้านั้นเต็มไปด้วยริ้วรอย ทำให้ยิ่งดูชั่วร้ายมากขึ้นไปอีก

เซียงอวี้เป็นนักบุญชรา สถานะสูงส่ง นักบุญหลายคนยังต้องแสดงความนับถือแก่เขาเมื่อพบเห็น

“ข้าได้รับเชิญ ให้ไปรับชมเรื่องราวที่บนหอคอย จ้าวตำหนักทั้งสี่ก็อยู่ที่นั่น ข้าขอตัวก่อน!” หลันฮัวอวี้กล่าวคำจบ จึงมุ่งหน้าขึ้นหอคอยไปก่อน

ตอนนี้ผู้เข้าร่วมแข่งขันทั้งหมดพร้อมแล้ว และผู้ที่มีชื่อเสียงมากที่สุด ย่อมเป็นนักบุญวิญญาณสีคราม!

โดยเฉพาะกับจี้ไค่หลิน ผู้ซึ่งสวมใส่ชุดเกราะเงางามเป็นประกาย ทำเอาหลายผู้คนอิจฉาตาร้อน มองเพียงครั้งเดียวก็ทราบ ว่านั่นจะต้องเป็นอุปกรณ์ป้องกันสุดแสนจะล้ำค่าอย่างแน่นอน

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด