ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0310 [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0312 [อ่านฟรี]

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0311 [อ่านฟรี]


ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ

Facebook Fanpage กดเลย

••••••••••••••••••••

นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล

สารบัญ ARK [จบแล้ว]

••••••••••••••••••••

ตอนที่ 311 : พังทลาย

แม้หลันฮัวอวี้ยินดีที่ได้เห็นฉินหยุนลุกขึ้นยืน แต่กระนั้น เขาก็ยังเปี่ยมด้วยความสับสนมึนงง!

นั่นก็เพราะค่ายอาคมนรกน้ำแข็งเสียดแทงกระดูก ฉินหยุนสามารถต้านทานมันได้นานยิ่ง โดยอาศัยเพียงแต่เลือดและเนื้อของร่างกาย!

ไม่ใช่เพียงแต่หลันฮัวอวี้ที่ประหลาดใจ แต่ผู้อาวุโสของตำหนักศักดิ์สิทธิ์หลายคนเองก็ตกตะลึง!

สาเหตุที่อวี้เหิงสามารถต้านทานค่ายอาคมนรกน้ำแข็งเสียดแทงกระดูก ก็เพราะเขามีชุดเกราะสมบัติวิเศษไว้ป้องกันโดยเฉพาะ นี่เป็นสิ่งที่ผู้อาวุโสหลายคนของตำหนักดวงดาววิญญาณสีครามคาดเดากัน!

กระนั้น ฉินหยุนกลับไม่ หากไม่แล้ว เขาคงไม่มีทางต้องแบกรับความทรมานแสนสาหัสเหล่านั้น!

พออวี้เหิงได้เห็นฉินหยุนยังสามารถยืนได้ เขาแค่นเสียง “ฉินหยุน ข้าอยากเห็นนักว่าวิชาปีศาจของเจ้าทรงพลังเพียงใด จะยืนหยัดได้นานเพียงใดกัน!”

เขาย่อมทราบ ว่าฉินหยุนมีเจตจิตแรงกล้าและน่าสะพรึง ไม่เช่นนั้น เขาคงไม่มีทางลุกขึ้นมายืนอีกครั้งได้!

ค่ายอาคมนรกน้ำแข็งเสียดแทงกระดูกยังคงทำงานต่อเนื่อง มันปลดปล่อยคลื่นเย็นเยือกออกมา พัดพาไปทั่วทั้งตำหนักยุทธ์วิญญาณ เป็นผลให้อุณหภูมิของตำหนักยุทธ์วิญญาณลดลงอย่างมาก

“อวี้เหิง เจ้าออกมาได้แล้ว!” ชายชราชุดสีน้ำเงินคนหนึ่งตะโกนขึ้น

“ไม่ ข้ายังทนได้!” อวี้เหิงขมวดคิ้วตอบกลับ

“อย่าได้หาญกล้า นี่ใกล้ถึงขีดจำกัดเจ้าแล้ว หากผิดพลาดไป เจ้าจะได้รับความเสียหายมหาศาล!” ผู้อาวุโสชุดสีน้ำเงินแตกตื่น ตะโกนออกอย่างเกรี้ยวกราด “อวี้เหิง จงออกมาเดี๋ยวนี้!”

อวี้เหิงดูไปไม่คล้ายมีอันใดเกิดขึ้น แต่เขากลับถูกเรียกตัวออกอย่างเร่งด่วน เป็นผลให้หลายคนที่ไม่ทราบความจริงเกิดความสับสนขึ้นมา

“อ๊าก!”

อย่างกะทันหัน อวี้เหิงกรีดร้อง ร่างล้มลงกับพื้น

ร่างกายของเขาถูกปกคลุมด้วยความเย็น มันสั่นกระตุกอย่างไม่อาจหยุด!

แคร้ก! สิ่งปกคลุมร่างกายของอวี้เหิงพลันแตกออก เป็นชุดเกราะซุกซ่อนเอาไว้ด้านใต้เสื้อผ้า!

ชุดเกราะนี้พอแตกออก ทั่วทั้งผิวกายของอวี้เหิง จึงถูกปกคลุมด้วยน้ำแข็ง จากนั้นจึงเริ่มแตกออกอย่างต่อเนื่อง

“อวี้เหิง!”

ผู้อาวุโสชุดสีน้ำเงินพลันตะโกนเสียงดัง เร่งรีบเข้ามา คว้าร่างของอวี้เหิงและออกไปจากค่ายอาคม

อวี้เหิงไม่อาจทานทนได้แม้ชั่วลมหายใจ ชัดเจนว่าภายใต้พลังขีดสุดของค่ายอาคมสังหาร เขาไม่อาจต้านรับแม้ชั่วลมหายใจ!

ทุกคนต่างมองไปยังชุดเกราะที่แตกกระจายบนพื้น พวกเขาเริ่มตั้งคำถาม!

อวี้เหิงมีชุดเกราะสวมใส่เอาไว้จริง!

หลันฮัวอวี้เร่งรีบเดินเข้าไปยังค่ายอาคมนรกน้ำแข็งเสียดแทงกระดูก เขาช่วยพยุงฉินหยุนที่อ่อนแรงออกมา!

เขามองจี้ไค่หลินและคณะ จึงได้เห็นว่าพวกเขาหายตัวไปแล้ว!

“พวกมันหนีไปแล้ว! นักบุญพวกนั้นต่างสวมใส่ชุดเกราะป้องกัน หากพวกเราจับตัวมันได้ ย่อมตัดสินได้ว่าพวกมันโกง!” มู่หรงต้าเหรินตะโกนขึ้น

ผู้เข้าร่วมจากภายนอกตำหนักดวงดาววิญญาณสีคราม คำรามร้องคำถามออกด้วยโทสะ

“พวกมันโกง!”

“น่าอับอายนัก ตำหนักศักดิ์สิทธิ์วิญญาณสีครามไม่อาจยอมรับความพ่ายแพ้หรือ? ถึงขั้นจัดการแข่งขันที่ไม่อาจยอมให้ตัวเองพ่ายแพ้ ช่างน่าละอายนัก!”

“เหอะ หากไม่ใช่เพราะฉินหยุนยืนหยัดจนถึงที่สุด พวกเราคงไม่ได้ทราบความจริง!”

“ช่างโฉดชั่วนัก เสียเวลาพวกเราโดยแท้!”

ชายชราที่รับหน้าที่ดำเนินการแข่งขัน เร่งรีบตะโกนขึ้น “ชุดถัดไป!”

ผู้ที่ตะโกนด่าทอตำหนักศักดิ์สิทธิ์วิญญาณสีคราม ก็เพียงแค่ส่วนหนึ่งหากเทียบกับผู้มาจากตำหนักอื่น ศิษย์ของตำหนักดวงดาววิญญาณสีคราม นอกจากมู่หรงต้าเหรินและคณะ ทุกคนล้วนชะงักปากไม่คิดกล่าวถึงเรื่องนี้

ฉินหยุนผ่านรอบที่สามได้สำเร็จ หยางฉีเย่ว์ได้กลายเป็นผู้ชี้แนะแก่เขา นางจะเป็นผู้ชี้แนะแก่เขาให้ผ่านอีกสองรอบ

“เจ้าไหวหรือไม่?” หยางฉีเย่ว์คว้าข้อมือฉินหยุนเอาไว้ ตรวจสอบสภาพร่างกายและชีพจร กระนั้น นางก็ตระหนักได้ ว่าพลังงานในร่างกายของเขากำลังทำงานอย่างรุนแรง

“ข้าไม่เป็นไร!” ฉินหยุนส่ายศีรษะ การได้ผสานรวมกับสายเลือดราชสีห์สวรรค์ ทำให้ร่างกายของเขายิ่งสามารถต้านทานได้ทั้งน้ำแข็งและอัคคีเพลิง

ส่วนที่ทรงพลังที่สุดของค่ายอาคมนรกน้ำแข็งเสียดแทงกระดูก คือพลังความเย็น แต่มันไร้ประโยชน์เมื่อต่อต้านได้ มีก็แต่แรงกดดันรุนแรงจากค่ายอาคม ที่ทำให้เขาตกที่นั่งลำบาก

“ดีแล้วที่เจ้าไม่เป็นไร!” จ้าวฉวนก้าวเดินเข้ามายิ้มและกล่าวออก “รอยสักโทเทมช่างน่าทึ่ง เจ้าถึงขั้นอดทนได้เป็นเวลานานเพียงนี้!”

ฉินหยุนพยักหน้ารับ เขาไม่กล่าวถึงเรื่องนี้อีก เขาเองก็มั่นใจว่าจ้าวฉวนทราบเรื่องสายเลือดราชสีห์สวรรค์

“ยังมีเวลาอีกสี่ชั่วโมงกว่าจะถึงการแข่งขันจารึกในช่วงบ่าย น่าจะพอมีเวลาให้เข้าร่วมใช่หรือไม่?” หลันฮัวอวี้เอ่ยถาม

“ยังมีเวลาขอรับ!” ฉินหยุนพยักหน้า เขารู้สึกว่าตนสามารถฟื้นฟูตัวเองได้ทัน

“ให้ข้าช่วยรักษา!” หยางฉีเย่ว์ดึงฉินหยุนไปจากตำหนักยุทธ์วิญญาณ

ฉินหยุน ถูกหยางฉีเย่ว์ฉุดมายังป่าน้อยของหลันฮัวอวี้ กลับมายังบ้านไม้ชั่วคราวของเขา

“ให้ข้าช่วยโคจรกำลังภายใน จะช่วยให้เจ้าฟื้นฟูได้เร็วขึ้น!”

หยางฉีเย่ว์และฉินหยุนนั่งขัดสมาธิบนเตียง หันหน้าเข้าหากัน ฝ่ามือของพวกเขากำลังประสานกันแน่น

“อาจารย์ ตำหนักศักดิ์สิทธิ์ยังมีคนชั่วไม่น้อย ภายหน้าท่านต้องระวังให้ดี!” ฉินหยุนกล่าวขณะมองดวงตางดงามและอ่อนโยนของหยางฉีเย่ว์

หยางฉีเย่ว์ยิ้มบาง “อย่าห่วงไป ข้าปกป้องตนเองได้!”

ฉินหยุนพยักหน้ารับ ก่อนเอ่ยถามอีกครั้ง “เชี่ยวหยางหลงตัดสินใจแต่งงานกับท่านแล้วหรือ?”

กล่าวถึงเรื่องนี้ สีหน้าหยางฉีเย่ว์แปรเปลี่ยน ร้องถามด้วยความประหลาดใจ “เจ้าทราบได้อย่างไร?”

มันเป็นเรื่องที่ฉินหยุนลอบฟังในเทือกเขามนุษย์อสูร! เขายังได้ยินว่า เชี่ยวหยางหลงคิดอยากใช้หยางฉีเย่ว์เป็นเตาหลอมการฝึกฝน เพื่อให้มันได้ฝึกฝนวิชาปีศาจ!

“อาจารย์ แท้จริงท่านคิดแต่งงานเมื่อใด?” ฉินหยุนเอ่ยถามอีกครั้ง

“เมื่องานเฉลิมฉลองของตำหนักศักดิ์สิทธิ์วิญญาณสีครามจบลง เป็นเมื่อนั้น...” หยางฉีเย่ว์ถอนหายใจเบาออกมา เป็นนางอับจนอย่างไม่อาจหาทางออก

ฉินหยุนเองก็ทราบ ว่าเชี่ยวหยางหลงใช้บางวิธีการขู่เข็ญหยางฉีเย่ว์

ตราบเท่าที่เชี่ยวหยางหลงยังมีชีวิต หยางฉีเย่ว์จะไม่อาจต่อต้านชะตากรรมของนางได้

“เร็วเพียงนี้?” ฉินหยุนเดือดดาล

หยางฉีเย่ว์พยักหน้าเล็กน้อย เผยความเศร้ามองและรอยยิ้มงดงาม “ฉินหยุน อย่าได้รู้สึกมีอารมณ์ไป ไม่ว่าจะอย่างไร ภายหน้าข้าก็จะยังเป็นอาจารย์และสหายของเจ้า!

“ขอรับ!” ดวงตาฉินหยุนเผยความเด็ดเดี่ยว ราวกับเขาตัดสินใจอะไรได้แล้ว

“ข้ายินดีนักที่ได้เห็นเจ้าเติบโตมาแข็งแกร่งเพียงนี้ เจ้าและเย่ว์หลานย่อมต้องสร้างอนาคตใหม่ให้แก่โลกได้!” หยางฉีเย่ว์ยิ้มพึงพอใจ มันเป็นรอยยิ้มที่ทั้งงดงามและเศร้าหมอง “เมื่อเย่ว์หลานออกมา นางจะเป็นผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋าซึ่งอายุน้อยที่สุดในชายแดนแห่งนี้!”

ฉินหยุนเงียบ

เขาได้เตรียมตัวต่อสู้กับเชี่ยงหยางหลงเมื่อถึงเวลา เป็นเขาบอกว่าสองปีผ่านพ้นจึงค่อยตัดสิน แต่ตอนนี้เขาตัดสินใจได้ เขาจะท้าประลองเชี่ยวหยางหลงก่อนถึงเวลา!

กว่าหนึ่งชั่วยามให้หลัง ฉินหยุนค่อยฟื้นฟูโดยสมบูรณ์!

โดยหลักก็เพราะเขาสวมใส่ชุดผังธาตุแสง นอกจากนี้ ยังได้พลังภายในจันทราทองม่วงของหยางฉีเย่ว์ช่วยฟื้นฟู

“รวดเร็วนัก!” หยางฉีเย่ว์ยิ้ม “ดูเหมือนเจ้าจะสามารถก้าวถึงขอบเขตวรยุทธ์เต๋าได้ภายในสองถึงสามปี!”

ฉินหยุนเร่งรีบนำวิชายุทธ์ระดับโลกาออกมา ก้าวดาราเร้นลับ เขาส่งให้หยางฉีเย่ว์และกล่าว “อาจารย์ นี่คือวิชายุทธ์ระดับโลกา ข้าไม่เคยเรียนมาก่อน เพราะข้าไม่กล้ากระทำโดยบุ่มบ่ามโดยไม่มีผู้ชี้แนะ”

ฉินหยุนสามารถฝึกฝนก้าวอัคคีเมฆาถึงขั้นสมบูรณ์แบบ กระนั้น ก้าวดาวตก กลับต้องใช้ขุมพลังภายในขั้นสูงอย่างมาก มันจะกลายเป็นเรื่องสิ้นเปลืองพลังอย่างมหาศาล

หากเขาสามารถเชี่ยวชาญวิชายุทธ์ระดับโลกา ตราบเท่าที่ใช้พลังภายใน เขาย่อมสามารถเคลื่อนไหวได้รวดเร็วกว่า และคล่องตัวมากกว่า

หยางฉีเย่ว์รับตำราไว้ จากนั้นจึงเร่งรีบอ่านโดยละเอียด

“ข้าต้องใช้เวลาเพื่อวิเคราะห์และแยกแยะ เจ้ารอได้หรือไม่?” หยางฉีเย่ว์ค่อนข้างตื่นเต้นยามได้เห็นวิชายุทธ์ระดับโลกา กระทั่งเป็นนางก็ไม่ใช่เรื่องง่ายได้รับวิชายุทธ์ระดับโลกา

แม้เป็นผู้ก้าวถึงขอบเขตวรยุทธ์เต๋า หากต้องการได้รับวิชายุทธ์ระดับโลกา ก็ต้องผ่านความพยายามอย่างมหาศาล

ฉินหยุนยิ้มตอบ “แน่นอนว่าข้ารอได้! แม้วิชาตัวเบาเป็นจุดอ่อนของข้า กระนั้นนี่ก็ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนอะไร!”

“ได้ ข้าจะวิเคราะห์มันโดยเร็วที่สุด ภายหลัง ข้าจะให้คำชี้แนะแก่เจ้า ให้สามารถสรุปวิธีการฝึกฝนได้!” หยางฉีเย่ว์ยังคงอ่านตำราต่ออย่างเคร่งเครียด

ฉินหยุนไม่คิดรบกวนหยางฉีเย่ว์ เขาเดินออกจากบ้านพักและอยู่ที่ด้านนอก

ขณะนั่งลำพังที่โต๊ะหิน เขาสำรวจมองภูติภายในมิติเก็บของ

“สาวน้อย การที่ข้าได้ครอบครองสายเลือดราชสีห์สวรรค์เป็นเรื่องดีหรือไม่?” ฉินหยุนเอ่ยถาม

โมโมเป็นพระแม่ของภูติอสูร แม้นางดูเหมือนเด็กเล็ก แต่นางอยู่อาศัยมานานยิ่ง ดังนั้นย่อมต้องคุ้นเคยกับเรื่องราวมากมายของรอยสักโทเทม

รอยยิ้มมีเสน่ห์ของโมโมกล่าวออก “แน่นอนว่าเป็นเรื่องดี สิ่งนี้ เป็นสิ่งที่มนุษย์และอสูรมากมายล้วนถวิลหา! หากท่านอยู่ในโลกอสูร ผู้ครอบครองสายเลือดราชสีห์สวรรค์เช่นท่าน ผู้คนจะคิดอยากกัดกินท่าน กระทั่งว่านำเศษร่างไปต้มเป็นซุป ก็ยังจะได้ประโยชน์อย่างมหาศาล!

พอฉินหยุนได้ยินดังนี้ เขารู้สึกไม่สบายใจโดยทันที เขาเผยรอยยิ้มเก้กังตอบกลับ “หลายคนคิดอยากกินข้าหรือ? เหมือนไม่ใช่เรื่องดีเลยนะ!”

“ตราบเท่าที่ไม่มีผู้ใดทราบย่อมไม่เป็นไร! แม้เป็นในโลกอสูร หากพวกมันคิดอยากได้รับพลังของสายเลือด พวกมันก็ต้องหาทางกัดกินผู้ฝึกตนที่ครอบครองสายเลือดเช่นท่าน!”

เรื่องนี้ทำเอาฉินหยุนตระหนกมากขึ้น!

เขาลอบยินดีที่เรื่องนี้ ไม่ถูกพบเห็นโดยผู้คนของตำหนักดวงดาววิญญาณสีคราม

แม้จ้าวฉวนทราบ แต่เขาก็ช่วยปกปิด

หยางฉีเย่ว์กำลังศึกษาก้าวดาราเร้นลับอยู่ในบ้านพัก ฉินหยุนกล่าวทักทายผ่านประตู จากนั้นจึงค่อยมุ่งหน้าไปยังตำหนักจารึกวิญญาณ

ในช่วงบ่าย ตำหนักวิญญาณจารึกกำลังจัดการแข่งขันจารึกรอบที่สาม

เนื้อหาของการแข่งขันครั้งนี้ จะประกาศก็ต่อเมื่อการแข่งขันใกล้เริ่ม นี่ถือเป็นบททดสอบใหญ่หลวงแก่ความสามารถในการปรับตัวของอาจารย์จารึก

ฉินหยุนวันนี้สวมใส่ชุดสีขาวเงิน ขณะก้าวเดินเข้าในห้องโถงกว้าง สีหน้าของเขากระจ่าง

ทุกคนต่างตื่นตกใจที่พบว่าเขาฟื้นตัวรวดเร็วเพียงนี้ กระทั่งดูสบายดีด้วยซ้ำ

ไม่มีผู้ใดทราบ ว่าในรอบที่สามจะยากเพียงใด

แต่มีสิ่งหนึ่งที่มั่นใจได้ มันจะไม่มีทางโหดเหี้ยมเหมือนอย่างการประลองยุทธ์เมื่อตอนเช้า!

หยางฉีเย่ว์ไม่ได้มารับชมฉินหยุนแข่งขันจารึก เรื่องนี้ถือว่าแปลก

ฉินหยุนเข้าสู่สนามแข่งขัน นั่งข้างหลันเฟิงจินเหมือนอย่างรอบที่แล้ว

รอบที่สาม มีอาจารย์จารึกทั้งสิ้นหนึ่งร้อยคนเข้าร่วม

เมื่ออาจารย์จารึกเฒ่าชราเข้ามา พวกเขาหาได้มองฉินหยุน ส่วนใหญ่ก็เพราะอับอาย

หลังผ่านสองรอบแรก ระดับการจารึกของฉินหยุนเป็นอะไรที่เด่นชัด นอกจากนี้ เขายังเป็นอาจารย์จารึกระดับสูง เรื่องนี้ทำเอาอาจารย์จารึกเฒ่าชราแทบโงหัวกันไม่ขึ้น

แน่นอนว่า ยังมีอาจารย์จารึกระดับสูงหลายคนจากตำหนักดวงดาววิญญาณสีคราม ที่ยังคงเกลียดชังฉินหยุนไม่เลิก

พวกเขารู้สึกว่า ฉินหยุนก็แค่เด็กน้อยผู้หนึ่งที่มีความสามารถ แต่กระนั้นหากคิดเอาชนะพวกตนในการแข่งขันระหว่างอาจารย์จารึกระดับสูง ถือเป็นเรื่องยากแล้ว

เมื่อทุกคนมาถึง หลันฮัวอวี้จึงประกาศเริ่มการแข่งขันในรอบนี้ จากนั้นจึงเป็นการอธิบายถึงกฎเกณฑ์ในรอบที่สาม

“รอบที่สาม จะเป็นการทดสอบค่ายอาคม ไม่ใช่การติดตั้ง แต่เป็นการทำลาย!” หลันฮัวอวี้กล่าว “ผู้เข้าแข่งขัน จำเป็นต้องทำลายค่ายอาคมให้ได้ในระยะเวลาที่กำหนด!”

การติดตั้งต้องใช้เวลาระยะหนึ่งแล้ว การทำลายให้ได้ต้องใช้เวลามากกว่า

อย่างไรแล้ว การแข่งขันเช่นนี้ย่อมไม่คิดมอบเวลาให้แก่อาจารย์จารึกมากจนเกินไป เป้าหมายของการทดสอบ ก็เพื่อวัดพละกำลังแท้จริงของอาจารย์จารึก

หลันฮัวอวี้โบกมือ คนหลายสิบในชุดสีน้ำเงินจึงเดินออกมา

เหล่านี้เป็นชายวัยกลางคนในชุดสีน้ำเงิน ในมือถือกระโจมขนาดเล็กมาด้วยจำนวนหนึ่ง เมื่อพวกเขากางมันออก จึงวางเอาไว้ตรงกลาง

กระโจมสีน้ำเงินเหล่านี้ขนาดไม่ใหญ่ เหมาะสำหรับใช้คนเดียวเท่านั้น หากพิจารณามองให้ดี พวกเขาจะได้เห็น ว่าวัสดุที่ใช้ทำพวกมันขึ้นมาหาได้ใช่ธรรมดา มันสร้างขึ้นจากเครื่องในสัตว์ผสมผสานกับกระดูกเหล็กกล้า ทั้งยังมีผังวิญญาณแกะสลักเอาไว้

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด