ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0304 [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0306 [อ่านฟรี]

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0305 [อ่านฟรี]


ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ

Facebook Fanpage กดเลย

••••••••••••••••••••

นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล

สารบัญ ARK [จบแล้ว]

••••••••••••••••••••

ตอนที่ 305 : ยันต์รวบรวมน้ำ

ปริมาณพลังงานที่ยันต์สามารถบรรจุ เป็นไปอย่างจำกัด หากบรรจุพลังงานของผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋า เช่นนั้นมันย่อมแข็งแกร่งกว่าของผู้ฝึกตนขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้า

ไม่ใช่เพียงแค่ฉินหยุน อาจารย์จารึกท่านอื่น ที่อยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้า ต่างก็มีความหนักอึ้งในใจ

พวกเขารู้สึกว่าหากผ่านรอบที่สองได้ย่อมน่าพึงพอใจ พวกเขาไม่คิดปล่อยวางแค่ที่ตรงนี้

“ฉินหยุน เจ้ามั่นใจหรือไม่?” หลันเฟิงจินเอ่ยถาม นางเองก็คาดหวัง ว่าฉินหยุนจะสามารถเข้าจนถึงรอบสุดท้าย

ฉินหยุนเป็นอาจารย์จารึกระดับสูง กระนั้นเขากลับมีพื้นฐานอยู่ที่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้า!

ไม่ต้องกล่าวถึงผู้อื่น กระทั่งเขาเองยังทราบ ว่าตนไม่น่าจะผ่านการทดสอบรอบนี้ได้หากไม่มีทางรับมือ

ถึงตอนนี้เอง เขาพลันนึกวิธีการรับมือขึ้นได้!

“ข้ายังไม่ทราบ แต่ทุกอย่างล้วนสามารถลองดู!” ฉินหยุนถอนหายใจเบา

อุปกรณ์ที่เขาใช้ทำยันต์ และแกะสลักผังวิญญาณ เป็นทางผู้จัดมอบให้

มีเพียงแต่เมื่อเขาใช้ปากกาลึกล้ำสะท้อนจิต เขาจึงสามารถเพิ่มระดับการลงรายละเอียดให้มากขึ้นได้!

อาจารย์จารึกขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้า หากพวกเขาต้องการกลบจุดอ่อนนี้ พวกเขาก็ได้แต่ทุ่มเทความพยายาม ลงรายละเอียดอย่างถี่ถ้วน รวมถึงตัววัสดุก็ด้วย

ตอนนี้ ทางผู้จัดงานได้เริ่มแจกจ่ายมีดแกะสลัก เตาหลอม และค้อนหลอมเหมือนอย่างเมื่อวาน พวกมันถูกวางเอาไว้บนสนามแข่งขัน

“นี่ไม่สมควรมีปัญหาอื่นใดแล้ว!” พอหลันฮัวอวี้กล่าวคำจบ เขาหยุดไปครู่หนึ่ง ไม่มีผู้ใดเอ่ยถามคำถามใดอีก ดังนั้นเขาจะเผยเสียงดัง “เช่นนั้น เริ่มได้!”

นาฬิกาทรายขนาดใหญ่ถูกพลิกกลับด้าน เป็นการเริ่มจับเวลา

แรกเริ่ม อาจารย์จารึกต่างวุ่นวาย

วัสดุที่พวกเขาใช้ ล้วนเป็นสิ่งที่พวกเขานำมาด้วย

บางคนใช้หนังสัตว์ของสัตว์ระดับวิญญาณ บ้างก็ใช้เกราะหรือกระดูกของสัตว์

ส่วนใหญ่พวกเขาจะใช้วัสดุทั้งสามอย่างนี้

วัสดุเหล่านี้ทั้งหมดทนทาน มันสามารถบรรจุพลังงานปริมาณมหาศาลเอาไว้ได้

ทางด้านผู้รับชมการแข่งขัน พวกเขารู้สึกว่านี่เป็นการสิ้นเปลืองทรัพยากร

เป็นเพราะ การต้องเสียวัสดุชั้นดีเหล่านี้เพื่อแกะสลักยันต์รวบรวมน้ำระดับต่ำ มันเป็นการเสียของจนเกินไป!

“คราวนี้ฉินหยุนไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว! อาจารย์จารึกท่านอื่นที่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้า ใบหน้าพวกเขาต่างสิ้นหวัง พวกเขาคงทราบว่าไม่อาจก้าวถึงรอบถัดไปได้!”

“ฉินหยุนเพิ่งเลื่อนระดับสู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้า พลังภายในย่อมต้องอ่อนด้อยกว่าผู้ที่อยู่วัยกลางคนและอาวุโสในระดับเดียวกัน เขาย่อมต้องไม่อาจผ่านสู่รอบถัดไปได้อย่างแน่นอน!”

“อาจไม่เป็นเช่นนั้น ฉินหยุนยังคงแข็งแกร่ง นอกจากเปลวเพลิงทองม่วงแล้ว เขายังมีแขนราชสีห์สวรรค์!”

“จริงด้วย โทเทมราชสีห์สวรรค์เป็นส่วนช่วยแก่เขาอย่างมหาศาล!”

ทุกคนต่างมีความเห็นแตกต่างกันออกไป ว่าฉินหยุนจะสามารถเข้าถึงรอบถัดไปได้หรือไม่

ในสนามแข่ง ฉินหยุนนำเอากระดูกสัตว์ระดับวิญญาณออกมา จากนั้นจึงใส่พวกมันในเตาหลอม

จากนั้น เขานำเอากระดูกเหล็กกล้าระดับราชันสีน้ำเงินออกมา

“นั่นไม่ใช่กระดูกเหล็กกล้าระดับราชันหรือ? เขาคิดทำอะไร?”

“นั่นเขาไปเอากระดูกเหล็กกล้าระดับราชันมาจากที่ใด? ของเช่นนี้ล้ำค่าอย่างยิ่ง เป็นไปไม่ได้ที่อาจารย์จารึกระดับสูงจะสามารถขัดเกลาขึ้นมา!”

“เพียงเพื่อการแข่งนี้ เขาคิดทุ่มทุนเพียงนี้!”

อาจารย์จารึกหลายต่อหลายคนล้วนประหลาดใจ!

กระดูกเหล็กกล้าระดับราชัน เป็นสิ่งที่ฉินหยุนขัดเกลามันขึ้นด้วยตนเอง เขาหลอมมันขึ้นได้ตั้งแต่เมื่อนานมาแล้ว!

หลันฮัวอวี้เองก็ประหลาดใจ เขาไม่คิดว่าจะถึงขั้นมีคนนำเอากระดูกเหล็กกล้าระดับราชัน ออกมาใช้เป็นวัสดุตั้งต้น! เขาหันมองจ้าวฉวนที่ข้างสนามแข่ง คล้ายเป็นการสอบถามจ้าวฉวนว่าผู้ใดมอบให้แก่เขา

จ้าวฉวนผายสองมือและยิ้มออก เป็นการบ่งบอกว่าเขาไม่ใช่ผู้มอบมันแก่เขา

หลันเฟิงจินทราบ ว่าฉินหยุนเป็นผู้ทำกระดูกเหล็กกล้าระดับราชันนี้ กระนั้น นางไม่คาดคิดว่าฉินหยุนจะใช้มันเพื่อทำยันต์!

เมื่อคิดทำยันต์วิญญาณ การเพิ่มกระดูกเหล็กกล้าเข้าไปสักเล็กน้อยถือว่าเป็นไปได้ มันจะทำให้ยันต์วิญญาณบรรจุพลังงานได้มากขึ้น

แน่นอนว่า ต่อให้ฉินหยุนใส่กระดูกเหล็กกล้าระดับราชัน ตัวยันต์ที่เขาหลอมขึ้นก็ยังขาดแคลนหากเทียบกับผู้อยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋า

อย่างไรแล้ว บรรดาอาจารย์จารึกที่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋า ก็ย่อมต้องทุ่มสุดตัวเพื่อกระบวนการทำยันต์ครั้งนี้เช่นเดียวกัน

ฉินหยุนไม่มีทางเลือกอื่น ทั้งหมดที่เขาทำได้ มีแต่เพิ่มความล้ำค่าแก่วัสดุและความแม่นยำต่อผังวิญญาณแล้ว

วัสดุที่ใช้เพิ่มระดับความสามารถของยันต์ สามารถทำได้โดยง่าย ส่วนทางด้านความวิจิตรนั้น ถือเป็นเรื่องยากเย็น!

ฉินหยุนหาได้ใช่คนเดียวไม่ที่กังวลถึงรายละเอียด อาจารย์จารึกระดับสูงท่านอื่นล้วนก็กังวลเช่นเดียวกัน

นี่ก็เพราะ อาจารย์จารึกทั้งหมดที่นี้ พวกเขาจะใช้ได้ก็แต่อุปกรณ์วิญญาณระดับต่ำ

มีดแกะสลักที่พวกเขาใช้ ผ่านการใช้งานมานานยิ่ง ดังนั้นพวกเขาย่อมคุ้นเคยกับพวกมันเป็นอย่างดี

ด้วยการถูกใช้ของแทนที่ ระดับความวิจิตรที่อาจารย์จารึกระดับสูงสามารถทำได้ ย่อมต้องลดลงยามเมื่อต้องแกะสลักผังวิญญาณ

“ดูเหมือนในสถานการณ์เช่นนี้ จะไม่มีผู้ใดสามารถพึ่งพาความยอดเยี่ยมของมีดแกะสลักเพื่อแกะสลักผังวิญญาณได้ สิ่งหนึ่งที่ต้องมีคือพื้นฐานที่หนักแน่น!” ฉินหยุนคิดเช่นนี้

หากเขามีพื้นฐานที่หนักแน่น และใช้งานมีดแกะสลักได้ดี ถึงตอนนั้นความแม่นยำอย่างไรแล้วก็ต้องเพิ่มขึ้น!

ฉินหยุนคิดใช้เวลาในภายหน้าให้มากขึ้น เพื่อใช้มีดแกะสลักธรรมดา ทำการแกะสลักผังวิญญาณ เพื่อฝึกฝนความเชี่ยวชาญ

เขาเริ่มกังวล ไม่ทราบว่าตนเองจะสามารถผ่านเข้าสู่รอบที่สามได้หรือไม่

เขาคิดอยากเข้าจนถึงรอบสุดท้าย เพื่อดูว่าจะได้รับประสบการณ์อะไรเพิ่มเติมบ้าง

แต่ตอนนี้ เขาติดอาการตีบตันที่กายวรยุทธ์ระดับเก้า เขาไม่ทราบว่าจะสามารถทะลวงผ่านอาการตีบตันนี้เช่นไร ใจจริงเขาอยากได้เห็นรางวัลในรอบสุดท้าย ว่ามันจะช่วยเขาก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าได้หรือไม่

แม้ฉินหยุนอยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้า เปลวเพลิงของเขาทั้งพิเศษและทรงพลัง พวกมันถูกปลดปล่อยออกมาจากวิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬซึ่งลึกลับ

วิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬ ก็เป็นวิญญาณยุทธ์แห่งสวรรค์ ทั้งยังเป็นหนึ่งในสิ่งที่ลึกลับที่สุด!

ไม่เพียงแต่เขาสามารถใช้วิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬปลดปล่อยอัคคีเพลิง เขายังสามารถใช้วิญญาณยุทธ์อสนีบาตอัคคีทองม่วง เพื่อปลดปล่อยอัคคีเพลิงสีม่วง ดังนั้น เขาจึงสามารถผสานรวมทั้งสองเข้าด้วยกัน ปกปิดออร่าพิเศษของตะวันทมิฬเอาไว้ได้

ด้วยเปลวเพลิงตะวันทมิฬสีม่วง มันสามารถใช้เพื่อเผาไหม้วัสดุได้อย่างรวดเร็ว

ผลลัพธ์ที่ได้ เขาจึงเป็นบุคคลแรกที่เปิดเตาหลอมและนำเอาวัสดุออกมา

“กระดูกเหล็กกล้าระดับราชัน หลอมง่ายเพียงนี้หรือ?”

อาจารย์จารึกหลายต่อหลายคนต่างอึ้งทึ่ง!

ทว่า เมื่อพวกเขานึกได้ว่าฉินหยุนมีโทเทมราชสีห์สวรรค์ รวมถึงวิญญาณยุทธ์ที่ปล่อยเปลวเพลิงทองม่วง พวกเขาจึงไม่คิดพูดกล่าวอันใด

หลังจากฉินหยุนหลอมละลายกระดูกเหล็กกล้าระดับราชันส่วนหนึ่ง เข้ากับกระดูกสัตว์ระดับวิญญาณ เขาจึงวางมันที่แท่นหลอมเตรียมทุบหลอม

เขาใช้เคล็ดวิชาค้อนมังกรหลอมหกกระบวน กระนั้นครั้งนี้มันไม่ได้รุนแรงเหมือนครั้งก่อนหน้า

นี่ก็เพราะ เขาจำเป็นต้องสำรองพลังเอาไว้สำหรับการแกะสลักผังวิญญาณ

กระดูกเหล็กกล้าระดับราชัน และกระดูกสัตว์ระดับวิญญาณชิ้นใหญ่ เริ่มบางลงเป็นแผ่นกระดูกภายใต้การขัดเกลาโดยฉินหยุน

ราวกับมันคือแผ่นผลึกแก้วสีน้ำเงิน มันงดงามยามมอง

“ที่ต้องวาดขึ้นคืออักขระน้ำระดับต้น ผังวิญญาณประเภทนี้ค่อนข้างง่ายอย่างยิ่ง ที่ต้องทำก็แค่แกะสลักลงทั้งสองฝั่งของยันต์กระดูก! หากคิดแกะสลักออกมาให้ดี ก็จำเป็นต้องเพิ่มระดับความวิจิตร!”

ฉินหยุนคว้ามีดแกะสลัก ผสานพลังจิตวิญญาณโลหิตของตน

อย่างฉับพลัน เขารู้สึกว่ามีดแกะสลักนี้ไม่แย่ดังที่คิด มันค่อนข้างใช้งานได้ง่าย

“แม้มีดแกะสลักนี้ระดับต่ำ จึงไม่ยากต่อการใช้งาน แต่นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

ฉินหยุนผสานพลังจิตวิญญาณโลหิตเข้าไปมากขึ้น กระทั่งเขายังประหลาดใจ มันเป็นไปอย่างลื่นไหลยิ่ง

“หรือเป็นเพราะเราเคยใช้งานปากกาลึกล้ำ ดังนั้นมันจึงมอบความรู้สึกเช่นนี้ให้กับเราแม้ยามไม่ได้ใช้?”

เขาหลับตาลง เริ่มพักสงบใจ

ก่อนหน้านี้ ตอนเขาจัดการกับวัสดุ ความเร็วถือว่ามากล้ำ ทำให้เขามีเวลาได้พักผ่อนชั่วครู่ เพื่อทำให้เขาสามารถปรับสภาพตนเองให้พร้อมที่สุดได้

เมื่อแกะสลักผังวิญญาณ สภาวะทางจิตใจจะเป็นตัวแปรใหญ่ต่อระดับความวิจิตร

หากจิตใจเหนื่อยล้า และคิดแกะสลักผังวิญญาณ เช่นนั้นผังวิญญาณเองก็จะเหนื่อยล้าไปด้วย หมายความถึงระดับความวิจิตรจะยิ่งย่ำแย่

และออร่าที่ปลดปล่อยออกจากยันต์ ก็จะยิ่งไร้ชีวิตชีวา

นาฬิกาทรายกว่าครึ่งตอนนี้ว่างเปล่าแล้ว ผ่านไปแล้วทั้งสิ้นหนึ่งชั่วยาม!

อาจารย์จารึกผู้อื่น เพียงเพิ่งจัดการกับวัสดุเสร็จ!

ทางด้านฉินหยุน เขาพักสงบใจได้ชั่วระยะเวลาหนึ่งเพื่อรวบรวมสมาธิและพลัง!

ได้เห็นดังนี้ อาจารย์จารึกหลายท่านกัดฟันกรอด พวกเขาต่างอิจฉาต่อฝีมือการจัดทำวัสดุของฉินหยุน

พวกเขาล้วนคิด ว่าเขาต้องเป็นอาจารย์จารึกระดับสูงแล้ว กระทั่งว่าอาจสูงล้ำกว่านั้น

แน่นอนว่า ฉินหยุนตอนนี้คืออาจารย์จารึกระดับสูง กระนั้น หลายคนกลับยังไม่ทราบ!

“เราต้องรวบรวมพลังจิตทั้งหมดไปที่มีดแกะสลัก! เราต้องทุ่มเทใช้เคล็ดวิชาเทวะควบคุม เพื่อควบคุมมีดแกะสลักให้เคลื่อนไหวอย่างละเอียดที่สุด!”

ฉินหยุนตั้งจิต ใช้เคล็ดวิชาเทวะควบคุมเพื่อควบคุมมีดแกะสลัก

เป็นเรื่องดีที่อักขระน้ำระดับต้นไม่จำเป็นต้องใช้พลังจิตวิญญาณโลหิตจำนวนมาก ไม่เช่นนั้น เขาคงไม่อาจทำได้ไหว!

อักขระน้ำระดับต้น เป็นผังวิญญาณพื้นฐาน ดังนั้นเวลาวาดมันขึ้นจึงไม่จำเป็นต้องปกปิดด้วยแสง

ตอนนี้เอง หลายคนจึงได้เป็นประจักษ์พยานรับรู้ถึงกระบวนการแกะสลักเส้นมืด

เมื่อฉินหยุนแกะสลักผังวิญญาณ เขาเคร่งเครียดและจริงจัง

เพียงมองทุกคนล้วนตอบได้ ว่าเป็นเขาทุ่มเทอย่างสุดตัว!

นี่ถือเป็นครั้งแรกที่ฉินหยุนใช้เคล็ดวิชาเทวะควบคุม เพื่อเชื่อมต่อการเคลื่อนไหวของมือ

จากนั้น เขาจึงควบคุมมีดแกะสลักและเริ่มทำการแกะสลักผังวิญญาณ

ผลลัพธ์ที่ได้ เขาสามารถควบคุมปลายมีดได้อย่างแม่นยำ ทำให้มันเคลื่อนไหวได้แม้ในระดับเล็กจิ๋ว

จ้าวฉวนที่รับชมอยู่ เขากล่าวออก “เพื่อเพิ่มความแม่นยำ มันไม่ใช่เพียงแค่ต้องควบคุมมีดแกะสลักให้ดี ยังต้องมีความรู้ความเข้าใจต่อผังวิญญาณอย่างลึกซึ้ง”

“นั่นก็เพราะเส้นหยาบของผังวิญญาณ ทั้งหมดล้วนเหมือนกัน ความแม่นยำที่แท้จริงแทบไม่อาจมองออก ส่วนใหญ่ผังวิญญาณที่แม่นยำก็แค่ที่เห็นบนกระดาษ ซึ่งคนธรรมดาไม่อาจมองเห็น ทั้งหมดนี้ ขึ้นอยู่กับความสามารถ ความรู้ และความเข้าใจของอาจารย์จารึก”

“ความเข้าใจลึกซึ้งต่อผังวิญญาณ ยิ่งทำให้สามารถเข้าใจได้อย่างกระจ่างชัดเพื่อให้เกิดความแม่นยำ”

“บางครั้ง เมื่อเทียบผังวิญญาณสองผัง มันก็จะเหมือนกัน แต่ลงลึกในระดับรายละเอียด จะแตกต่างกันอย่างมหาศาล นี่ก็เพราะผังวิญญาณ เป็นเส้นที่ลากขึ้นด้วยความละเอียดอ่อนและเล็กยิ่ง ดวงตามนุษย์แทบไม่อาจมองเห็นได้”

เมื่อทุกคนได้ยินดังนี้ พวกเขาไม่เข้าใจว่าตอนนี้กำลังเกิดอะไรขึ้น แต่เพียงทราบ ว่าอาจารย์จารึกยิ่งมายิ่งน่านับถือ และยังได้ทราบ ว่าเพราะเหตุใดพวกเขาจึงไม่อาจเป็นอาจารย์จารึก

นี่ก็เพราะมันต้องใช้ทั้งพรสวรรค์และพรแสวง ทั้งยังต้องรู้และเข้าใจความลึกลับของผังจารึก

ฉินหยุนสามารถทำวัสดุขึ้นได้อย่างรวดเร็ว กระนั้น ยามเมื่อแกะสลักผังวิญญาณกลับช้ายิ่ง

เขาถือมีดแกะสลักเอาไว้ในมือ รวบรวมพลังจิตวิญญาณโลหิตเอาไว้ที่ปลายมีด!

ผ่านไปนาน บนแผ่นกระดูกนั่น เขาเพิ่งวาดส่วนโค้งขนาดเล็กขึ้นมาได้

สำหรับอาจารย์จารึกท่านอื่น พวกเขาล้วนวาดผังวิญญาณแรกได้สำเร็จแล้ว!

ฉินหยุนคิดอยากให้เร็วกว่านี้ ทว่าเขาไม่อาจเร็วได้

นี่ก็เพราะยามเมื่อใช้เคล็ดวิชาเทวะควบคุมกับมีดแกะสลัก เพื่อแกะสลักอักขระน้ำระดับต้นภายในใจ ปลายของมีดมันเคลื่อนไหวไปโดยเขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ ซึ่งถือเป็นความรู้สึกที่แปลกใหม่อย่างมาก

เขารู้สึกราวกับจิตวิญญาณและมีดแกะสลักได้ผสานรวมเข้าด้วยกัน จิตสำนึกของเขาคล้ายไหลไปตามเส้นของอักขระน้ำ

กระบวนการเป็นไปอย่างเชื่องช้า ราวกับว่ามันเป็นเส้นทางที่พิเศษ หากไม่ระมัดระวังให้ดี จะกลายเป็นทำลายตัวเอง

“ไม่ได้ เราต้องเร่งความเร็วขึ้น ไม่งั้นจะทำไม่ทัน!”

ฉินหยุนเองก็ทราบถึงสภาพตอนนี้เป็นอย่างดี เขามั่นใจว่าสามารถเพิ่มความแม่นยำได้ แต่กระนั้นกลับต้องใช้เวลามหาศาลมาทดแทน

เพราะไร้ซึ่งทางเลือก เขาได้แต่อ่อนกำลังเคล็ดวิชาเทวะควบคุมลง ทำให้มีดแกะสลักสามารถเคลื่อนไหวได้เร็วขึ้นเล็กน้อย

ไม่นานจากนั้น อาจารย์จารึกหลายท่านก็ทำยันต์รวบรวมน้ำได้สำเร็จ

มีแต่ฉินหยุน และอาจารย์จารึกระดับกลางหลายท่านที่ยังทำไม่สำเร็จ และฉินหยุน คือผู้ที่ช้าที่สุด

เมื่อเห็นดังนี้ หลันฮัวอวี้จึงเริ่มพิจารณายันต์รวบรวมน้ำของอาจารย์จารึกคนอื่น

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด