Returning From The Immortal World - 355
.......................................................................................................................................................................................
ถังซิ่วเองก็ได้เงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดออกมาว่า
“เราเองก็ไม่สามารถนิ่งดูดายได้อยู่แล้วในเมื่อตระกูลใบนั้นเป็นคนของเรา ผมจะไปที่จังหวัดฟูคังด้วยตัวเองส่วนพวกคุณก็รอฟังข่าวจากผมแล้วกัน”
ถังหยุนเป็งได้พูดออกมาอย่างรวดเร็วว่า
“ฉันจะไปกับเธอเอง แม้ว่าฉันจะไม่มีความสัมพันธ์กับฮ่วนจินฟูก็ตามแต่ก็เป็นถึงนายกประจำจังหวัดซูซู่ดังนั้นก็ยังพอมีหน้าอยู่บ้าง”
ถังซิ่วได้ถามออกมาว่า
“คุณลุงได้มาถึงที่จังหวัดกวนหยางนี้นานแค่ไหนกัน ?”
ถังหยุนเป็งเองก็ได้จ้องมองพร้อมทั้งพูดออกมาว่า
“วันนี้เป็นวันที่ 3”
ถังซิ่วได้พูดออกมาว่า
“ผมคิดว่าคุณลุงควรจะกลับไปประจำอยู่ที่จังหวัดซูซู่นะครับ ตระกูลเหยาเองก็ส่งมาแค่เหยาซินหัวเท่านั้นแต่ตระกูลของเรากลับส่งลุงมาผมก็คิดว่าเราประเมินพวกมันสูงเกินไป ในเมื่อผมและเหยาซินหัวเป็นรุ่นเยาว์ดังนั้นก็ควรจะปล่อยให้ผมเป็นคนจัดการเอง”
“เธอ....”
ถังหยุนเป็งเองก็ได้เปิดปากออกมาแต่ก็ได้กลืนคำพูดของตัวเองกลับลงไป
ถังซิ่วได้พูดออกมาอย่างมั่นใจว่า
“ผมไม่ได้ทะนงจนประมาทคู่ต้อสู้นะครับ ในเมื่อตระกูลเราและตระกูลเหยายังไม่ได้ทุ่มด้วยทุกอย่างที่พวกเรามีแถมยังเลือกสนามรบเป็นจังหวัดกวนหยังและจังหวัดฟูคังแล้ว หากว่าเราแพ้ก็แสดงว่าเราไร้ความสามารถแต่หากว่าชนะก็แสดงให้เห็นว่าเราสามารถโจมตีตระกูลเหยาได้และอีกทางหนึ่งคือแสดงให้พวกมันเห็นว่ารุ่นเยาว์ของเราเองก็มีดีกว่าตระกูลของพวกมัน”
ถังหยุนเป็งเองก็ได้ขมวดคิ้วพร้อมกับพูดออกมาว่า
“ถังซิ่ว ลุงก็ไม่รู้ว่าเธอรู้เรื่องตระกูลที่มีอำนาจภายในประเทศนี้มากแค่ไหนแต่ธุรกิจภายในสองจังหวัดนี้สำคัญต่อตระกูลของเรามากๆ หากว่าเราแพ้ก็จะทำให้เราเสียกำลังไป1ใน5”
ถังซิ่วได้ถามออกมาว่า
“แล้วถ้าหากตระกูลเหยาแพ้ล่ะ ?”
ถังหยุนเป็งเองก็ได้พูดออกมาว่า
“หากว่าตระกูลเหยาแพ้ก็ไม่ค่อยแตกต่างจากเรานัก ตระกูลของพวกมันแข็งแกร่งกว่าตระกูลของเราทว่าด้านเม็ดเงินนั้นก็เยอะกว่าตระกูลเรามาก”
ถังซิ่วได้ถามออกมาว่า
“หากว่าตระกูลเหยาแพ้แล้วเราสามารถมัดพวกมันไว้ได้ไหม ?”
ถังหยุนเป็งเองก็ได้คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดออกมาว่า
“แม้ว่าเราจะไม่สามารถทำอะไรพวกมันได้แต่ว่าก็ไม่ได้หมายความว่าตระกูลอื่นจะไม่ทำ ตราบใดที่พวกมันล้มและหากว่าผู้มีอำนาจไม่ได้โง่พวกเขาก็จะไม่เริ่มลงมือกันพวกเราชั่วคราว สิ่งที่ตระกูลของเราต้องการในตอนนี้ก็คือเวลา หากว่าเรามีเวลาอีกหน่อยก็จะสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งของตระกูลเราได้อย่างแน่นอน”
ถังซิ่วได้ถามออกมาขณะที่คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันว่า
“คุณลุง คุณลุงมั่นใจมากขนาดนั้นเลยหรอ ?”
ถังหยุนเป็งเองก็ได้พูดออกมาว่า
“ไม่ใช่ว่าลุงมั่นใจหรอก แต่มันเกี่ยวกับเรื่องอาการป่วยของปู่เธอ เหตุผลที่พวกมันลงมือก็เพราะจะหยั่งเชิงเราและเรื่องที่ว่าปู่เธอหายจากโรคร้ายนั้นก็รู้กันไม่กี่คนภายในตระกูลของเราเท่านั้นดังนั้นโลกภายนอกเลยไม่รู้ว่าเขาหายแล้ว เมื่อไม่กี่วันก่อนเองเขาก็ได้สั่งการมาว่าให้เริ่มแผนการสำหรับพัฒนาแกนหลักของตระกูลภายใน5ปี หากว่าแผนการนี้เป็นไปได้ด้วยดีก็จะทำให้พลังของตระกูลเรากลับไปอยู่1ใน3ได้อย่างแน่นอน”
ถังซิ่วได้พูดออกมาด้วยความประหลาดใจว่า
“พัฒนาอะไรงั้นหรอ ?”
ถังหยุนเป็งเองก็ได้ยิ้มออกมาพร้อมกับพูดอย่างมีความสุขว่า
“เราได้หว่านเม็ดเงินลงไปและภายในไม่กี่ปีก็จะได้รับผลตอบแทน”
ถังซิ่วเองก็ได้คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดออกมาว่า
“เรื่องตระกูลจะบริหารหรือพัฒนายังไงนั้นเราค่อยพูดกันแต่สงครามของสองจังหวัดนี้ต้องมอบให้พวกเรา ผมไม่กล้าที่จะรับประกันได้ว่าจะชนะแต่หากว่าผมแพ้ก็ยังมีหนทางที่จะทำให้ตระกูลเหยาที่อยู่ภายในสองจังหวัดนี้หายไปอย่างสิ้นเชิง”
ถังหยุนเป็งเองก็ถึงกับชะงักไป
หายไปทั้งหมด ?
หากว่าตระกูลเหยาทั้งหมดหายไปแล้วมันไม่เหมือนเป็นการซ้ำแผลของตระกูลเหยางั้นหรอ ?
ถังหยุนเป็งเองก็ได้คิดอยู่ครู่หนึ่งพร้อมทั้งที่ความคิดมากมายได้ปรากฏขึ้นในจิตใจของเขาก่อนที่จะพูดออกมาหลังจากเงียบไปนานว่า
“เธอออกไปก่อน หลังจากช่วงอาหารเย็นแล้วฉันจะให้คำตอบเธออีกครั้ง”
“ได้”
ถังซิ่วเองก็ได้ออกไปทันที เขารู้ว่าที่ถังหยุนเป็งไม่ได้ตอบเขาก็เพราะจำเป็นต้องรายงานไปกับปู่ทว่าเขาก็เชื่อว่าปู่คงจะไม่ปฏิเสธอย่างแน่นอน
เพราะอย่างไรก็ตามไพ่ตายที่เขาได้แสดงออกมานั้นก็มีเกินพอแล้ว
ไม่นานหลังจากนั้น
ถังซิ่ว ถังเหว่ย เสวี่ยเจี่ยก็ได้ลงมาถึงที่ชั้น1
ถังเหว่ยเองก็ได้ถามออกมาหลังจากที่มีโอกาสคลายความสงสัยว่า
“น้องชาย นายบอกว่าหัวหน้าตระกูลฮ่วงได้ติดหนี้บุญคุณคนของนาย แล้วคนของนายนี่ศักดิ์สิทธิ์มาจากไหนกัน ?”
เสวี่ยเจี่ยเองก็ได้หูผึ่งโดยทันที
ถังซิ่วได้ตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มว่า
“ฉันพูดไปนายก็ไม่รู้จักอยู่ดี รอก่อนหากว่าเรามีโอกาสฉันก็จะแนะนำกับนายเอง”
ถังเหว่ยเองก็ได้แสดงใบหน้าที่ผิดหวังออกมาหลังจากนั้นเขาก็ยังถามต่อว่า
“ไหนบอกมาสิว่าเขาเป็นใคร ? เป็นคนที่สามารถทำให้หัวหน้าตระกูลฮ่วงถึงกับติดหนี้บุญคุณได้ ? หรือว่าจะเป็นคังเซี่ย ?”
ถังซิ่วได้ส่ายศีรษะพร้อมทั้งตอบกลับไปว่า
“ไม่ใช่คังเซี่ยหรอก เขาเป็นเจ้าของร้านอาหาร”
ร้านอาหาร ?
ถังเหว่ยเองไม่เชื่อคำพูดของถังซิ่วแต่คิดว่าเป็นเพราะถังซิ่วไม่อยากจะบอกดังนั้นเขาก็ไม่อยากจะบีบคั้นต่อไป
เมืองหลวง บ้านหลังตระกูลถัง
ถังเกาเชิงนั้นยังไม่ได้พักผ่อนทว่ากำลังนั่งตากลมอยู่นอกห้องซึ่งข้างๆเขาเองก็มีถังหยุนเด่และถังหมินนั่งอยู่เช่นกัน
“หยุนเด่ ในเมื่อซิ่วน้อยอยากจะไปที่จังหวัดกวนหยางนั้นเราก็ไม่สามารถไปห้ามเขาได้ ยิ่งมีประสบการณ์ก็ยิ่งดี ก่อนหน้านี้ลูกเองก็น่าจะเห็นแล้วว่าเขาแข็งแกร่งขนาดไหนกันซึ่งหลังจากที่จบศึกนี้ก็คงสามารถทำให้เขาเติบโตขึ้นได้อย่างรวดเร็ว”
ถังเกาเชิงที่กำลังนั่งจิบชาอยู่นั้นก็ได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
ถังหยุนเด่เองก็ได้พยักหน้าด้วยรอยยิ้มพร้อมกับพูดว่า
“เด็กนั่นเป็นเหมือนผม เป็นคนตระกูลของเรา หากว่าเขาต้องการจะไปก็ปล่อยให้เขาไป ในเมื่อเขาสามารถที่จะเปิดบริษัทของตัวเองได้ก็แสดงว่าเขามีสมองอยู่บ้างและหวังว่าเขาจะสามารถช่วยอะไรที่จังหวัดกวนหยางได้บ้าง”
ถังเกาเชิงเองก็ได้พูดออกมาว่า
“ฉันไม่ได้ต้องการให้เขาช่วยอะไรแม้แต่น้อยตราบใดที่เขาไม่ได้รับอันตรายอะไรก็พอแล้ว การต่อสู้ของตระกูลพวกเรานั้นจะสามารถทำให้เขาเข้าใจได้ว่ากระพนันที่โหดร้ายระหว่างตระกูลใหญ่มันเป็นอย่างไร”
ถังหมินเองก็ได้พูดออกมาว่า
“หนูคิดว่าถังซิ่วเป็นเด็กที่ดีมากๆนะ หนูเองได้ซื้อบ้านหลังหนึ่งที่เซี่ยงไฮ้ให้กับเขาพร้อมกับส่งคนไปคอยเฝ้าสังเกตแต่ก็ได้รับการรายงานมาว่าเขาไม่แม้แต่จะขับรถหรูที่ซื้อเอาไว้ให้และไม่ใช้นิสัยนายน้อยเพลย์บอยที่อวดดีอยู่ภายในโรงเรียนซึ่งโดยรวมแล้วเขาเป็นคนที่ทำตัวเรียบง่ายพร้อมกับมีเพื่อนมากมาย”
คิ้วของถังเกาเชิงได้ขมวดเข้าหากันพร้อมกับถามออกมาว่า
“เธอส่งคนไปสืบสวนเขางั้นหรอ ?”
ถังหมินเองก็ได้พูดออกมาว่า
“หนูไม่ได้ให้ไปสืบสวนเขาแต่เพื่อปกป้องเขาอย่างลับๆ หลังจากที่ถังซิ่วไปถึงจังหวัดกวนหยางพร้อมกับถังหมินแล้วนั้นข่าวเองก็เพิ่งจะมาถึงได้ไม่นาน”
ถังเกาเชิงเองก็ได้พยักหน้าเล็กน้อย
“ริ้งงงงง ริ้งงงงงงง ริ้งงงงง”
ณ ตอนนี้
เสียงเรียกเข้าก็ได้ดังขึ้น
คิ้วของถัวเกาเชิงได้ขมวดเข้าหากันพร้อมกับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมามองก่อนที่จะกดปุ่มตอบรับทันที
“เป็นอย่างไรบ้าง ? ช่วยคนออกมาได้ไหม ?”
“พ่อครับ ช่วยออกมาได้แล้วถามยังไม่รับผลประโยชน์มามากมาย”
“ไหนลองว่ามาสิ”
“ได้ครับ จริงๆแล้วหัวหอกของปฏิบัติการนี้คือถังซิ่ว..........”
ถังเกาเชิงเองก็ได้นั่งฟังรายงานจากถังหยุนเป็งอย่างสงบ หลังจากที่ได้ยินไปเรื่อยๆนั้นความรู้สึกทึ่งของเขาก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนถึงขั้นที่ตกตะลึง
“ยอมรับคำขอของเขา !”
ถังเกาเชิงเองก็ได้พูดออกมาทันที
ถังหยุนเป็งเองก็ได้พูดออกมาว่า
“ถ้าเป็นเช่นนั้นผมจะกลับไปประจำที่จังหวัดซูซู่โดยทันที หลังจากนี้อำนาจทั้งหมดของที่นี่จะถูกถ่ายโอนไปให้ถังซิ่ว”
“ดี”
ถังเกาเชิงเองก็ได้ตอบตกลงพร้อมกับวางสายโดยทันที ความรู้สึกตะตะลึงบนใบหน้าของเขายังคงอยู่แบบนั้นอยู่นาน
ถังหมินและถังหยุนเด่เองก็ได้มองไปที่กันและกันก่อนที่จะถามออกมาว่า
“พ่อครับ เกิดอะไรขึ้นงั้นหรอ ? ช่วยรองผู้จัดการฝ่ายการเงินของสตาร์ไลท์กรุ๊ปมาได้แล้ว ? แล้วพี่ใหญ่พูดอะไรงั้นหรอครับ ?”
ท่าทางของถังเกาเชิงเองก็เปลี่ยนไปพร้อมกับรอยยิ้มที่ไต่ขึ้นมาบนใบหน้าของเขา เขาได้ยื่นมือออกไปบีบไหล่ของถังหยุนเด่แล้วพูดว่า
“หยุนเด่ ลูกมีลูกชายที่ดีจริงๆแถมยังให้หลานชายที่สุดยอดกับพ่อคนนี้”
ถังหยุนเด่เองก็ได้ถามออกมาด้วยความสับสนว่า
“ซิ่วน้อยไปทำอะไรไว้งั้นหรอครับ แล้วเกิดเรื่องอะไรขึ้น ?”
ถังเกาเชิงเองก็ได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“ตระกูลของเราที่จังหวัดกวนหยางถูกพวกมันกดดันจนแทบจะขยับไปไหนไม่ได้แต่ไม่คิดเลยว่าหลังจากที่ซิ่วน้อยไปถึงแล้วก็จะประสบความสำเร็จอย่างมากมาย”
ทันใดนั้นเขาก็ได้เริ่มอธิบายถึงสถานการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นก่อนที่จะถอนหายใจออกมาว่า
“หากว่าเป็นแค่เรื่องเหล่านี้ฉันก็คงจะไม่อนุญาตให้หยุนเป็งกลับไปจังหวัดซูซู่แล้วให้ซิ่วน้อยรับมอบอำนาจแทนหรอกอย่างไรก็ตาม........ไพ่ในมือของเขานั้นเกิดกว่าที่เราจะคาดฝันเอาไว้มาก”
ถังหมินเองก็ได้แสดงรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความรู้สึกตกตะลึงออกมาพร้อมกับถามออกมาอย่างรวดเร็วว่า
“อะไรล่ะพ่อ ซิ่วน้อยมีไพ่อะไรงั้นหรอค่ะ ?”
ถังเกาเชิงเองก็ได้พูดออกมาว่า
“รู้จักตระกูลฮ่วงของจังหวัดฟูคังไหม ?”
ถังหมินเองก็ได้พยักหน้าพร้อมกับพูดออกมาว่า
“รู้จักค่ะ เป็นตระกูลที่ใหญ่มากๆในจังหวัดนั้นยิ่งไปกว่านั้นตระกูลฮ่วงเองก็ไม่ค่อยจะเข้าร่วมสงครามระหว่างแต่ละตระกูลเท่าไหร่นัก ตอนนี้หัวหน้าตระกูลเองก็มีอายุกว่า106ปีแล้วซึ่งแต่ก่อนเขาได้นำความสำเร็จมากมายมาให้ประเทศของเรา”
ถังหยุนเด่เองก็ได้พยักหน้าพร้อมกับพูดว่า
“ผมเองตอนที่อยู่ในกองทัพก็รู้จักชายคนหนึ่งจากตระกูลฮ่วงเช่นกันเขามีชื่อว่าฮ่วงจินหมิง”
ถังเกาเชิงเองก็ได้พูดชื่นชมออกมาว่า
“ฮ่วงจินหมินที่ลูกพูดถึงนั้นเป็นคนที่มีอำนาจมากมายเช่นกัน แค่เคลื่อนไหวอะไรนิดหน่อยในจังหวัดฟูคังเองก็สามารถสร้างแรงสั่นสะเทือนไปได้ทั่วจังหวัดแล้ว”
ถังหยุนเด่เองก็ได้ถามออกมาว่า
“พ่อครับ ฟังจากคำพูดของพ่อแล้วดูเหมือนว่าซิ่วน้อยจะมีความสัมพันธ์เล็กน้อยกับตระกูลฮ่วงใช่ไหม ?”
ถังเกาเชิงเองก็ได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“มันยิ่งเสียกว่ามีความสัมพันธ์กันเสียอีก พวกเขามีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งมากๆและซิ่วน้อยเองก็ได้บอกพี่ชายของลูกด้วยตัวเองว่าหัวหน้าตระกูลฮ่วงนั้นได้ติดหนี้บุญคุณครั้งใหญ่กับลูกน้องของเขา ลูกคิดว่าสถานะของหัวหน้าตระกูลฮ่วงเป็นอย่างไร ? ทว่าเขากลับติดค้างลูกน้องของซิ่วน้อย ฉันเองก็อยากจะรู้จริงๆว่าซิ่วน้อยยังมีไพ่ลึกลับอะไรซ่อนเอาไว้อีก”
ถังหยุนเด่และถังหมินที่ได้ยินคำพูดนั้นเองก็ถึงกับตกตะลึงทันที
ตระกูลฮ่วง !
นี่มันเป็นตระกูลที่มีอำนาจมากมายแม้ว่าจะไม่สามารถเทียบกับตระกูลถังได้ทว่าหากได้กำลังของตระกูลฮ่วงมาช่วยก็คงสามารถจัดการตระกูลเหยาที่จังหวัดกวนหยางได้
ถังเกาเชิงเองก็ได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“ซิ่วน้อยได้บอกว่าอยากจะให้พี่ชายของลูกกลับไปประจำที่จังหวัดเดิมพร้อมทั้งจะขึ้นเป็นหัวหอกในสงครามครั้งนี้เองและฉันได้ตกลง”
ถังหยุนเด่เองก็ได้พูดออกมาอย่างรวดเร็วว่า
“พ่อครับ นี่มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆนะ อย่างไรก็ตามซิ่วน้อยยังเป็นเด็กอยู่ พ่อไม่คิดดูให้ดีๆก่อนงั้นหรอ ?”
ถังเกาเชิงเองก็ได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“ไม่จำเป็นต้องคิดอะไรอีกแล้ว ! ตระกูลเหยาเองก็ไม่ได้ส่งแกนหลักของตระกูลมาแต่ส่งมาแค่เหยาซินหัวเท่านั้น ในเมื่อซิ่วน้อยมีความมั่นใจก็ยกให้เป็นหน้าที่เขาแล้วกัน ต่อให้เราแพ้แล้วไงล่ะ อย่างน้อยหากมันสามารถทำให้เขาเติบโตขึ้นได้ฉันก็ยินดีจะแลก”