ตอนที่แล้วReturning From The Immortal World - 350
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปReturning From The Immortal World - 352

Returning From The Immortal World - 351


.......................................................................................................................................................................................

ใครเป็นผู้ล่า ? ใครเป็นเหยื่อ ?

จริงๆแล้วคนของตระกูลซันเองนั้นคิดว่าพวกเขากำลังไล่จับเหยื่ออยู่แต่อยู่ดีๆตัวเองกลับกลายเป็นเหยื่อแทนซะงั้น

ความจริงที่กลับกันนี้ทำให้พวกเขารู้สึกเย็นยะเยือกอยู่ภายในใจ

“แกเป็นใคร ?”

ชายวัยกลางคนตระกูลซันเองก็ได้ถามออกมา

ถังซิ่วเองก็ได้มองไปอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพูดออกมาว่า

“จะถามไปทำไมกัน ? เดียวก็ตายอยู่แล้วก็ตายๆไปเถอะนะ”

ขณะที่กำลังพูดอยู่นั้นถังซิ่วเองก็ได้เดินไปหาชายที่กำลังถูกมัดอยู่แล้วถามออกมาว่า

“คุณคือหว่านเหออึนใช่ไหม ?”

ชายคนนั้นเองก็ได้แสดงใบหน้าที่ตื่นเต้นออกมาพร้อมพูดว่า

“ใช่แล้ว ฉันเป็นรองผู้จัดการฝ่ายการเงินของสตาร์ไลท์กรุ๊ปหว่านเหออึนเอง ! คุณ......คุณมาเพื่อช่วยผมงั้นหรอ ?”

ถังซิ่วเองก็ได้ตัดเชือกของเขาออกพร้อมกับพูดว่า

“บอกมาหน่อยสิว่าคุณบอกอะไรพวกเขาไปบ้าง ?”

หว่านเหออึนเองก็ได้ส่ายศีรษะพร้อมกับพูดว่า

“ไม่ได้บอกอะไรไปแม้แต่น้อย”

ถังซิ่วได้พยักหน้าพร้อมกับพูดออกมาอย่างไม่แยแสว่า

“ฆ่าพวกมันซะ”

จึ้ก ! จึ้ก ! จึ้ก ! จึ้ก !

ผู้คุ้มกันทั้งแปดคนเองก็ไม่ได้ลังเลแม้แต่น้อยเพราะพวกเขาอยู่ภายใต้ถังซิ่วดังนั้นก็ต้องทำตามคำสั่งของเขาเป็นธรรมดา พวกเขาได้ฆ่าคนทั้งหมดที่อยู่ภายในห้องทันที

ถังเหว่ยเองก็ได้ชะงักไปหลังจากมองไปที่กองเลือดที่อยู่ตรงพื้นขณะที่ริมฝีปากของเขาขดไปมา เขาต้องการจะพูดอะไรบางอย่างแต่คำพูดพวกนั้นก็กลืนกลับลงท้องของเขาไปหมดแล้ว เขามองไปด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อว่าถังซิ่วจะสั่งให้ฆ่าคนเหล่านี้ทันที

ต้องรู้ก่อนนะว่าเขาคิดว่าถังซิ่วเป็นแค่คนธรรมดาเท่านั้นแต่คนธรรมดาที่ไหนกันจะกล้าฆ่าคน ?

แต่เมื่อกี้ที่ด้านนอกประตูเองเขาก็เห็นความสามารถที่น่าทึ่งของถังซิ่วไปแล้ว เขาได้ฆ่ายามทั้งสองคนภายในพริบตาแถมตอนนี้ยังสั่งให้ฆ่าคนจากตระกูลซันทั้งหมดอีก ตอนนี้เขาเข้าใจได้ทันทีว่าเขาแทบจะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตัวน้องชายเขาเลย

เจียงเสี่ยวฮูเองก็ถึงกับหวาดผวา เขาไม่คิดเลยว่าถังซิ่วจะเป็นคนที่โหดเหี้ยมและป่าเถื่อนขนาดนี้ ภายในพริบตาเดียวก็มีคนตายไปกว่า6คนแล้ว

เทพแห่งความตายองค์นี้เป็นใครกันแน่ ?

ถังซิ่วเองก็ได้ตบไปที่บ่าขอหว่านเหออึนก่อนที่จะพูดว่า

“ไปกัน งานช่วยตัวประกันเองก็สำเร็จลุล่วงแล้วแต่ยังมีบางคนที่เรายังไมได้เก็บกวาด ในเมื่อฝ่ายนั้นอุส่าวางกับดักไว้แล้ว ฉันเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่ามันจะมาไม้ไหน”

ถังเหว่ยที่เดินตามหลังถังซิ่วมานั้นก็ได้ถามออกมาอย่างรวดเร็วว่า

“น้องชาย ความหมายของนายคือ.....เราจะกลับไปที่โรงงานทำตู้งั้นหรอ ?”

ถังซิ่วเองก็ได้พูดออกมาว่า

“ใช่แล้ว ในเมื่อฝ่ายนู้นเองได้ให้โอกาสกับเราแบบนี้นายอย่าบอกนะว่าจะปล่อยมันไปเฉยๆ ?”

ถังเหว่ยเองก็ได้พูดออกมาด้วยความลังเลว่า

“แต่ว่าเรายังไม่รู้ถึงสถานการณ์ของทางฝั่งนู้นเลยนะ”

ถังซิ่วได้พูดออกมาว่า

“ตอนนี้ยังไม่รู้ก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวไปถึงแล้วก็รู้เองแหละ หากว่าศัตรูแข็งแกร่งเกินไปเราก็ถอนตัวทันทีแต่หากว่าศัตรูอ่อนแอเราจะไม่ฆ่าพวกมันงั้นหรอ ? ในเมื่อพวกมันต้องการจะวางกับดักเราดังนั้นก็แสดงว่าพวกมันจะต้องมีจำนวนคนไม่น้อยอย่างแน่นอน หากว่าเราสามารถฆ่าคนเหล่านั้นได้ก็จะทำให้กองกำลังของฝ่ายศัตรูลดลง”

“ก็ใช่นะ”

ถังเหว่ยเองก็ได้พยักหน้า

ถังซิ่วได้หันหน้ากลับไปมองที่เจียงเสี่ยวฮูก่อนที่จะพูดออกมาว่า

“ศพพวกนี้ฉันขอฝากนายด้วยแล้วกัน ฉันคิดว่านายน่าจะมีความสามารถพอที่จะเก็บกวาดนะ”

เจียงเสี่ยวฮูเองก็ได้พูดออกมาอย่างรวดเร็วว่า

“ไม่มีปัญหาฉันรับรองได้เลยว่าจะจัดการทำลายศพให้ไม่เหลือร่องรอยแม้แต่น้อย รับรองว่าจะไม่ก่อให้เกิดปัญหาแน่นอน”

ถังซิ่วเองก็ได้พูดออกมาว่า

“นายใช้ได้หนิ ฉันจะกล่าวชื่นชมนายให้บอสใหญ่ของนายฟังเอง”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นเจียงเสี่ยวฮูเองก็ดีใจเป็นอย่างมาก เขาได้มองไปที่ถังซิ่วด้วยความรู้สึกขอบคุณก่อนที่จะพูดออกมาว่า

“ขอบคุณมากครับคุณถัง”

ถังซิ่วได้โบกมือให้กับเขาพร้อมทั้งบอกให้เขาอยู่ที่นี่ เขา ถังเหว่ยและหว่านเหออึนรวมไปถึงผู้คุ้มกันทั้งแปดคนเองก็ได้ออกไปจากลานสเก็ตนี้ทันที เมื่อเขากลับมาถึงที่รถแล้วเสวี่ยเจี่ยเองก็ได้วิ่งมาต้อนรับพวกเขาด้วยความกังวลก่อนที่เธอจะรู้สึกโล่งใจทันทีที่เห็นหว่านเหออึน

“ป้าเสวี่ย เราได้ช่วยเขามาแล้วพร้อมกับฆ่าคนไป 6 เราจะไปเที่ยวที่โรงงานทำตู้หน่อยไหม ?”

ดวงตาของเสวี่ยเจี่ยเองก็ได้แสดงความรู้สึกประหลาดใจออกมาก่อนที่เธอจะพูดว่า

“ถังซิ่ว เธอทำได้ดีมากอย่างไรก็ตามเพราะเราช่วยคนมาแล้วทำไมเราถึงต้องกลับไปที่โรงงานทำตู้ล่ะ ? ตอนนี้เราควรจะถอนตัวออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุดไม่เช่นนั้นจะไม่รับอันตรายนะ”

คิ้วของถังซิ่วเองก็ได้ขมวดก่อนที่จะพูดออกมาว่า

“อย่าบอกนะว่าเราจะไม่หากำไรก่อนที่จะกลับไป ?”

เสวี่ยเจี่ยเองก็ได้ขมวดคิ้วพร้อมกับพูดออกมาว่า

“แต่ว่าที่นั่นมันเป็นกับดักนะ หากว่าเราไม่ได้กำไรกลับมาแต่ดันกลายเป็นความเสียหายล่ะ ? ผลประโยชน์ที่ได้มันไม่เท่าผลที่เสียนะ”

ถังซิ่วเองก็เงียบไปเพราะเขารู้ว่าเธอไม่อยากจะไปที่นั่น อย่างไรก็ตามเขาเข้าใจความคิดของเธอดีเพราะเธอฆ่าคนไม่เป็น

ถังเหว่ยเองก็ได้มองไปที่ถังซิ่วก่อนที่จะพูดออกมาอย่างรวดเร็วว่า

“ป้าเสวี่ย หรือว่าป้าจะกลับไปก่อนครับ ? ผมกับน้องชายจะไปดูสถานการณ์เอง ? หากว่าศัตรูมีเยอะเราก็จะไม่บุกเข้าไปโง่ๆอย่างแน่นอน แต่หากว่าพวกมันมีไม่มากเราก็อาศัยจังหวะนี้ตัดกำลังพลของฝ่ายตรงข้าม”

เสวี่ยเจี่เองก็ได้พูดออกมาด้วยความลังเลว่า

“แต่ว่าลุงของเธอ”

ถังซิ่วได้พูดออกมาว่า

“ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องของเขาหรอกครับ หากว่ามีอะไรเกิดขึ้นผมจะรับผิดชอบเอง ในเมื่อตระกูลเหยาจะเล่นกับเราที่จังหวัดฟูคังและกวนหยางดังนั้นหากเราถอนนี้ก็จะถูกพวกมันกดดันให้ทิ้งฐานที่สองจังหวัดนี้ไป”

เสวี่ยเจี่ยเองก็ได้คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดออกมาว่า

“ฉันก็จะไปกับเธอ อย่างไรก็ตามเรื่องนี้จำเป็นต้องรายงานให้ลุงของเธอทราบก่อนและฟังความเห็นของเขา”

ถังซิ่วเองก็ได้พูดออกมาว่า

“โทรไประหว่างทางแล้วกัน”

วิลล่าฮงเฟิง

ชายหน้าตาเคร่งขรึมกว่าฝูงหนึ่งเองก็ได้ยืนอยู่ทั่วลานวิลล่าแต่ใกล้ๆกันเองก็มีถังหยุนเป็งที่นั่งอยู่ตรงชั้นสองของตึกพร้อมกับกำลังอ่านเอกสารในมือของเขา เขาได้ยกมือขึ้นมามองนาฬิกาอยู่หลายครั้งคราว

“ริ้งงงงงงง ริ้งงงงงง ..........”

เสียงเรียกเข้าของเขาก็ได้ดังขึ้นซึ่งทำให้ท่าทางของเขาเปลี่ยนไปทันที เมื่อเขาเห็นเจ้าของหมายเลขแล้วก็กดปุ่มตอบรับทันทีพร้อมกับถามออกมาว่า

“เป็นอย่างไรบ้าง ช่วยมาได้หรือเปล่า ?”

“ช่วยมาแล้ว แต่เขาไม่ได้ถูกจับตัวไว้ที่โรงงานทำตู้แต่อยู่อีกที่หนึ่ง ถังซิ่วได้ขอให้เพื่อนของเขาช่วยหาข้อมูลมาให้ส่วนคนตระกูลซันที่จับตัวหว่านเหออึนเอาไว้ก็ถูกฆ่าไปทั้งหมด6คน”

เสียงของเสวี่ยเจี่ยได้ถูกส่งผ่านมาทางปลายสาย

ถังหยุนเป็งเองก็ได้ชื่นชมออกมาด้วยความสุขว่า

“ทำได้ดีมาก ถอนตัวออกมาเดี๋ยวนี้ คนของเราที่จังหวัดกวนหยางเองก็ถอนตัวออกมาเกือบหมดแล้ว เธอเองที่เป็นถึงผู้จัดการเองก็ต้องถอนตัวออกมาได้แล้ว”

เสวี่ยเจี่ยเองก็ได้พูดออกมาว่า

“แต่ถังซิ่วและถังเหว่ยต้องการ.........ไปที่โรงงานทำตู้นะ”

“คนที่ถูกจับก็ไม่ได้อยู่ที่นั่นแล้วจะไปทำไมกัน ?”

ท่าทางของถังหยุนเป็งเองก็เปลี่ยนไปพร้อมกับถามออกมาด้วยเสียงทุ้มต่ำ

เสวี่ยเจี่ยได้พูดออกมาว่า

“พวกเขารู้แล้วว่ามันเป็นกับดักแต่ก็ต้องการจะกระโดดลงไป หากว่าพวกเขาสามารถทำให้ตระกูลซันและตระกูลเหยาได้รับความเสียหายได้ก็จะให้ได้ให้ผลประโยชน์มามากมาย”

ถังหยุนเป็งได้พูดออกมาด้วยความโกรธว่า

“นี่มันเป็นการสร้างปัญหาเปล่าๆ เราไม่สามารถเข้าไปช่วยเหลือได้นะ ในเมื่อฝ่ายตรงข้ามวางกับดักเอาไว้พร้อมกับศัตรูจำนวนมาก รู้ทั้งรู้ว่ามันอันตรายแล้วจะไปตายทำไม บอกพวกเขาให้กลับมาหาฉันเดี๋ยวนี้ !”

“นี่.......”

เสวี่ยเจี่ยที่กำลังอยู่บนรถเองก็ได้หันหน้าไปมองถังซิ่วและถังเหว่ยก่อนที่จะพูดออกมาอย่างฝืนๆว่า

“ลุงของพวกเธอบอกให้กลับไปเดี๋ยวนี้!”

ถังซิ่วเองก็ได้ยื่นมือออกไปพร้อมกับพูดว่า

“ส่งโทรศัพท์มาให้ผมหน่อย”

เสวี่ยเจี่ยเองก็ได้ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะยื่นไปให้ถังซิ่ว

ถังซิ่วได้พูดออกมาว่า

“คุณลุง ผมถังซิ่ว”

ถังหยุนเป็งเองก็ได้ฝืนยิ้มออกมาแล้วพูดว่า

“ถังซิ่ว ลุงรู้ว่าหลานอยากจะช่วยเหลือแต่ว่าหลานจะประมาทไม่ได้นะ พวกมันได้หยั่งรากลงไปในจังหวัดนี้มาหลายปีแล้วและไอ้เวรเหยาน้อยคนนั้นเองก็ได้นำผู้เชี่ยวชาญกลับมามากมายจากต่างประเทศ ผู้คนจากตระกูลเราเองก็ไม่สามารถเป็นคู่มือให้เขาได้แม้แต่น้อยดังนั้นหลานกลับมาเดี๋ยวนี้ ! เราจะถอนตัวออกจากที่นี่ทันที”

ถังซิ่วเองก็ได้พูดออกมาว่า

“ลุงครับ หากว่าผมไม่มั่นใจผมจะไม่ทำอย่างแน่นอน ในเมื่อผมมั่นใจแล้วก็อยากจะให้ลุงสนับสนุนผม ในเมื่อผมสามารถหาที่อยู่ของหว่านเหออึนได้ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าผมมีความสามารถพอ แน่นอนว่าผมจะไม่ทำอะไรบุ่มบ่าม ก่อนที่เราจะเริ่มทำอะไรผมจะสังเกตฝ่ายตรงข้ามก่อนและหากว่าผลสำรวจมันไม่แน่ชัดหรือเราไม่สามารถสู้กับฝ่ายตรงข้ามได้ผมก็จะถอนตัวทันที”

ถังหยุนเป็งเองก็ไม่คิดว่าถังซิ่วจะพูดคำเหล่านี้ออกมา เขาไม่ได้รู้จักอะไรเกี่ยวกับถังซิ่วมากนักแค่รู้ว่าหลานชายคนนี้เป็นเด็กหนุ่มที่โดดเด่นแต่สำหรับเรื่องแบบนี้เขาเองก็กังวลอยู่เช่นกัน

ถังซิ่วได้พูดต่อว่า

“คุณลุงครับ เราเอางั้นแล้วกัน หากว่ามีโอกาสเราก็ตัดกำลังของพวกมันแต่หากว่าไม่เราก็จะถอนตัวทันที”

เมื่อพูดจบแล้วถังซิ่วก็ได้ตัดสายทันที

ถังหยุนเป็งที่ได้ยินเสียงสัญญาณขาดไปนั้นก็ได้ที่เปิดปากออกมาแต่ก็พูดอะไรไม่ออก เขาได้แต่ส่ายศีรษะพร้อมกับรีบวิ่งออกไปที่ลานแล้วกวาดตามองไปที่ผู้คุ้มกันก่อนที่จะพูดออกมาว่า

“ไปที่เมืองชางบูกัน”

“ได้ครับ”

ชายรูปร่างกำยำหลายคนเองก็ได้ปฏิบัติตามทันที

ที่เมืองชางบู

ใกล้ๆกับโรงงานทำตู้นั้น ไอ้มู่รุยเองก็ยังยืนอยู่ที่ชั้นสามพร้อมกับมองไปที่รถSUVด้วยกล้องส่องทางไกล ด้านหลังเขาเองก็มีเด็กหนุ่มผมขาวสวมชุดนักกีฬาพร้อมกับมีดสั้นในมือ

“อาหลี่ รายงานให้คนอื่นตีวงล้อมพวกมันซะ อย่าให้พวกมันรู้ตัวเด็ดขาด ไม่ว่าพวกมันจะทำอะไรก็ห้ามปล่อยให้รอดออกไปได้”

ไอ้มู่รุยเองก็ได้หันหน้ากลับไปพร้อมกับพูดออกมาด้วยเสียงทุ้มต่ำ

ชายหนุ่มที่ชื่ออาหลี่เองก็ได้เดินออกไปด้านนอกด้วยแววตากระหายเลือด

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด