ตอนที่แล้วReturning From The Immortal World - 347
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปReturning From The Immortal World - 349

Returning From The Immortal World - 348


.......................................................................................................................................................................................

สนามบินเซี่ยงไฮ้

ถังเหว่ยเองก็ได้สงสัยเป็นอย่างมากเพราะหลังจากที่เขามาถึงแล้วก็ได้เดินเข้าทางช่องวีไอพีทันทีก่อนที่จะมาหยุดอยู่ที่ลานบิน เมื่อเขามองไปที่เครื่องบินส่วนตัวที่มีชาย2คนและหญิงสาว4คนรออยู่ที่ทางขึ้นนั้นก็ได้แสดงท่าทางตกตะลึงออกมา

ตอนนี้

จำนวนประชากรชาวจีนเองก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆซึ่งลูกๆหลานๆคนรวยเองก็เพิ่งขึ้นตามและตระกูลที่ร่ำรวยก็มักจะมีเครื่องบินส่วนตัวแต่สำหรับรุ่นเยาว์ของพวกเขาที่มีเครื่องบินส่วนตัวนั้นมีอยู่ไม่เยอะมาก

1500คน

นี่คือมากที่สุดที่จะเป็นไปได้

เขากล้าที่จะพูดออกมาอย่างเต็มปากเลยว่า จำนวนคนที่มีเครื่องบินส่วนตัวนั้นไม่มากไปกว่า1500คน ต้องรู้ว่าประเทศจีนนั้นเป็นประเทศที่ใหญ่มากๆซึ่งมีประชากรเป็นหมื่นล้านคน ซึ่งจำนวน1500คนนั้นเป็นจำนวนที่น้อยมากๆ

แต่

ทำไมถังซิ่ว......

“คุณถังสวัสดีครับ เราได้จัดการขอขึ้นบินไว้เรียบร้อยแล้วครับ ตอนนี้เราได้รับการตอบรับพร้อมยังเหลือเวลาก่อนขึ้นบินอีก 35 นาทีครับผม”

นักบินเองก็ได้พูดออกมาอย่างเคารพ

ถังซิ่วได้พยักหน้าพร้อมกับพูดว่า

“ขึ้นเครื่องกันเถอะ”

ถังเหว่ยเองที่เดินตามหลังถังซิ่วมานั้นก็ได้ถามออกมาด้วยเสียงกระซิบว่า

“น้องชาย นี่มันเรื่องอะไรกัน ? นายไปเอาเครื่องบินส่วนตัวมาจากไหนกัน ?”

ถังซิ่วเองก็ได้หยุดอยู่ที่บันใดพร้อมกับพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“ยืมมาจากเพื่อนน่ะ”

ถังเหว่ยเองก็ได้พูดออกมาด้วยความไม่อยากจะเชื่อว่า

“เพื่อนคนไหนกันที่ใจกว้างขนาดนั้น ? อยากยืมเครื่องบินส่วนตัวก็ให้ยืมเลยงั้นหรอ ? หากว่าฉันเดาไม่ผิดเขาน่าจะเป็นคนเซี่ยงไฮ้ใช่ไหม ?”

ถังซิ่วได้ตอบกลับไปว่า

“เขาเป็นเพื่อนที่จิงเหมินน่ะ เพราะว่าฉันมีเรื่องยุ่งมากๆดังนั้นถึงได้ให้ยืมมา หลังจากนี้ถ้าเกิดไม่มีเรื่องอะไรแล้วก็ค่อยเอาไปคืน”

ถังเหว่ยเองก็ได้ชื่นชมออกมาว่า

“ดูเหมือนว่าพวกนายจะสนิทกันมากสินะ ดีจริงๆ เป็นเพื่อนชายที่คุ้มค่าแก่การคบหาจริงๆ”

เพื่อนชาย ?

ถังซิ่วเองก็ได้พูดออกมาอย่างไรรู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดีว่า

“เธอเป็นผู้หญิงน่ะ”

ถังเหว่ยเองก็ได้ชะงักไปพร้อมกับพูดออกมาด้วยความไม่อยากจะเชื่อว่า

“ผู้หญิง ? เธอและนาย........”

“เพื่อนกันเท่านั้น !”

ถังซิ่วได้พูดออกมาอย่างตรงไปตรงมา

คิ้วของถังเหว่ยเองก็ได้ขมวดเข้าหากันพร้อมกับท่าทางที่กำลังใช้ความคิด

“เท่าที่ฉันรู้ตระกูลจิงเหมินที่มีเครื่องบินส่วนตัวเองก็ไม่ได้มีเยอะแถมยังเป็นผู้หญิงอีกก็มีแค่สองคนเท่านั้น หนึ่งคือท่านหญิงของตระกูลฮ่วงซึ่งคงเป็นเรื่องยากมากที่จะไปขอยืมเธอ อย่าบอกนะว่าเพื่อนที่นายพูดถึงคือนางพรายที่มาที่บ้านหลักของเรา ?”

ถังซิ่วเองก็ได้ถามออกมาว่า

“นางพรายงั้นหรอ ?”

ถังเหว่ยเองก็ได้พยักหน้าแล้วพูดออกมาว่า

“ใช่แล้ว ก็นางพรายโอหยางลูลู่ไง ป่าเถื่อน โหดร้าย ดุ ดิบ เย่อยิ่งเหมือนนกยูงที่ชูหางไปวันๆ......................”

ถังซิ่วเองก็ได้หัวเราะออกมาขณะที่ฟังคำพูดของถังเหว่ยพร้อมทั้งพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“นี่นายมีความแค้นอะไรกันกับลูลู่หรือเปล่า ?”

“เป็นเธอจริงๆงั้นหรอ ?”

ถังเหว่ยเองก็ได้ฝืนยิ้มออกมาแล้วพูดว่า

“ไม่มีความแค้นอะไรหรอก ฉันเองก็ติดหนี้เธออยู่เหมือนกัน แต่ว่าผู้ชายรูปงามแบบฉันคงไม่ไปเถียงกับผู้หญิงอยู่หรอกและยิ่งไปกว่านั้นชูยี่และเธอเองก็เป็นเพื่อนเก่ากันดังนั้นฉันไม่มีความคิดอคติกับเธอแม้แต่น้อย”

ถังซิ่วเองก็ได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“จริงๆแล้วลูลู่เป็นคนดีมากๆนะ ไม่ใช่อย่างที่นายว่ามาเลยด้วยซ้ำแม้ว่าเธอจะดูเถื่อนๆขวานผ่าซากไปหน่อยหรือไม่ค่อยจะมีเหตุผลก็ตามแต่เธอก็เป็นคนที่ฉลาดและแกล้งสนุกดีนะ”

แกล้งสนุก ?

ถังเหว่ยเองก็ได้หมดคำพูดทันที

เมื่อพวกเขาได้นั่งลงนั้นถังเหว่ยก็ได้โบกมือให้กับผู้คุ้มกันทั้งสี่คนของเขาแล้วพูดว่า

“ก่อนหน้านี้ที่เธอไปที่บ้านหลักของเรานั้นฉันเองก็ไม่ค่อยจะได้คุยกับโอหยางลูลู่เท่าไหร่แต่จากที่ฉันดูแล้วเธอน่าจะชอบนายนะ”

ถังซิ่วเองก็จ้องมองพร้อมกับกรอกตาไปมา

เอาเข้าใจดีแต่ว่าทำไมผู้คนถึงได้ชอบพูดแบบนี้กันล่ะ ? ที่เซี่ยงไฮ้เองเยวี่ยไคและคนอื่นๆก็ได้บอกว่าฮั่นชิงหวูเองก็ชอบเขาตอนนี้ถังเหว่ยยังมาบอกว่าโอหยางลูลู่ชอบเขาอีก นี่เขามีเสน่ห์ตรงไหนกัน ?

“อย่าพูดไร้สาระอยู่เลย ! เราเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้นและมีความสัมพันธ์ทางธุรกิจกัน”

ถังเหว่ยเองก็ได้ยิ้มออกมาอย่างมีความสุขก่อนที่จะมองไปทางอื่น

7.30 pm (ทุ่มครึ่ง)

เครื่องบินส่วนตัวเองก็ได้มาถึงสนามบินจังหวัดกวนหยาง

เพราะว่าถังหยุนเป็งรู้แล้วว่าถังซิ่วจะมาถึงที่นี่ดังนั้นจึงได้ส่งคนมารับพวกเขาทันที หลังจากที่ถังซิ่วและถังเหว่ยได้ออกมาจากเครื่องบินแล้วก็พบกับหญิงวัยกลางคนคนหนึ่งซึ่งข้างๆเธอมีผู้คุ้มกันตามมาด้วยอีก 6 คน เพื่อต้อนรับพวกเขา

“เหว่ยน้อย”

หญิงวัยกลางคนเองก็ได้สำรวจถังซิ่วพร้อมกับมองไปที่ถังเหว่ยแล้วพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม

ถังเหว่ยเองก็ได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“ป้าเสวี่ย ป้ามาที่นี่ได้ไง ?”

เสวี่ยเจี่ยเองก็ได้พูดออกมาว่า

“ที่นี่มันวุ่นวายไปหมดเลยน่ะ ลุงของเธอกลัวว่าตระกูลเหยา ตระกูลซันและตระกูลหยางจะส่งคนมาลอบโจมตีพวกเธอ ตั้งแต่ที่พวกมันเริ่มโจมตีมานี้เราก็ได้เสียคนไปกว่า20คนแล้ว”

ใบหน้าของถังเหว่ยเองก็ได้บูดบึ้งทันทีพร้อมกับพูดออกมาด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า

“ตระกูลเหยานั้นช่างมันเถอะแต่ไม่คิดว่าตระกูลซันและตระกูลหยางจะกล้าเข้ามายุ่งด้วย ดูเหมือนว่าเราจะเสียเปรียบอย่างมาก เราจะต้องจัดการมัน”

เสวี่ยเจี่ยเองก็ได้ฝืนยิ้มออกมา ถังเหว่ยไม่ได้อยู่ที่นี่แต่เธอเป็นถึงผู้จัดการของสตาร์ไลท์กรุ๊ปซึ่งประจำการอยู่ที่นี่มาหลายปี เธอจะไม่เข้าใจเรื่องนี้ได้อย่างไร ? จะจัดการมันอะไรกันแค่ปกป้องตัวเองตอนนี้ยังแทบทำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ

“นี่คือ ?”

ถังเหว่ยเองก็ได้พูดออกมาอย่างรวดเร็วว่า

“เขาเป็นน้องชายของผมน่ะ ถังซิ่ว”

ดวงตาของเสวี่ยเจี่ยเองก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ เธอได้สำรวจถังซิ่วพร้อมกับพูดออกมาอย่างมีความสุขว่า

“ก่อนหน้านี้ก็ได้ยินว่าเด็กที่หายไปนานได้กลับมาแล้วไม่คิดเลยว่าจะได้มาเจอกันที่เมืองนี้ สวัสดี ฉันรองผู้จัดการสตาร์ไลท์กรุ๊ป เธอสามารถเรียกฉันว่าป้าเสวี่ยได้นะ”

ถังเหว่ยเองก็ได้พูดออกมาว่า

“น้องชาย ป้าเสวี่ยนั้นเป็นพี่สาวของภรรยาลุงถังดง”(*ลูกชายของน้องปู่มัน (คนที่ชายซากสัตว์ให้ถังซิ่ว))

ถังซิ่วเองก็ได้พูดออมาว่า

“สวัสดีครับป้าเสวี่ย”

เสวี่ยเจี่ยเองก็ได้พยักหน้าด้วยรอยยิ้มก่อนที่จะพูดว่า

“ไปกันเถอะ ตอนนี้ลุงของพวกเธอกำลังรออยู่ที่วิลล่าฮงเฟิง (Red maple)”

“ได้ครับ”

ถังเหว่ยเองก็ได้พยักหน้าทันที

หลังจากผ่านไปกว่า20นาที

พวกเขาก็เกือบจะไปถึงแล้วแต่โทรศัพท์ของเสวี่ยเจี่ยก็ได้ดังขึ้น เมื่อเธอสนทนาเสร็จแล้วท่าทางของเธอก็หม่นหมองโดยทันที

ถังเหว่ยเองก็ได้ก็ได้ถามออกมาอย่างรวดเร็วว่า

“ป้าเสวี่ย เกิดเรื่องขึ้นหรอครับ ?”

เสวี่ยเจี่ยเองก็ได้พยักหน้าพร้อมกับตอบกลับไปว่า

“ตอนนี้รองผู้จัดการฝ่ายการเงินของเราโดนอุ้มไป พวกมันจงใจยั่วยุเราหลังจากนั้น.....เขาก็ถูกทำร้ายพร้อมกับเรียกค่าไถ่กับครอบครัว”

ถังเหว่ยเองก็ได้ถามออกมาด้วยความโกรธว่า

“ตระกูลเหยามันเป็นคนทำงั้นหรอครับ ?”

เสวี่ยเจี่ยเองก็ได้พูดออกมาว่า

“มันปฏิเสธไม่ได้หรอกนะว่าไม่มีความเกี่ยวข้องกันเพราะอย่างไรก็ถามมันยังมีตระกูลเสวี่ย ตระกูลซันและตระกูลหยางทั้งสามตระกูลนี้ที่ร่วมมือกัน ก่อนหน้านี้ลุงของเธอได้บอกให้ฉันส่งคนไปช่วยเหลือรองผู้จัดการทันทีเพราะว่าเขารู้เกี่ยวกับเรื่องการเงินของบริษัทเราทั้งหมด หากว่าความลับเหล่านั้นรั่วไหลออกไปก็จะส่งผลเสียต่อเรามากๆ”

ถังเหว่ยเองก็ได้ถามออกมาอย่างรวดเร็วว่า

“แล้วเขาโดนจับไปที่ไหนกัน ?”

เสวี่ยเจี่ยเองก็ได้พูดออกมาว่า

“โรงงานทำตู้เมืองชางบู”

ถังเหว่ยเองก็ได้ถามออกมาว่า

“งั้นเราจะเปลี่ยนเส้นทางไปที่นั่นเลยไหม ?”

เสวี่ยเจี่ยเองก็ได้พยักหน้าพร้อมกับพูดว่า

“เราจะต้องไปช่วยชีวิตของเขาให้เร็วที่สุดยิ่งกว่านั้นคือลุงของเธอเองก็ได้ส่งคนมาอีกกองกำลังหนึ่ง พวกเขากำลังมุ่งหน้าที่นี่นั่น”

เสวี่ยเจี่ยเองก็ได้มองไปที่ถังซิ่วก่อนที่จะพูดออกมาว่า

“มันเป็นที่ที่ศัตรูของเราบอกกับครอบครัวของเขาให้นำเงินค่าไถ่ไปให้”

ถังซิ่วเองก็ได้ส่ายศีรษะพร้อมกับพูดออกมาว่า

“หากว่าผมเดาไม่ผิดที่นั่นจะต้องเป็นกับดักอย่างแน่นอนยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาจงใจให้เรารู้ว่ามันเป็นกับดัก ผมคิดว่ารองผู้จัดการไม่น่าจะอยู่ที่นั่น”

คิ้วของเสวี่ยเจี่ยเองก็ได้ขมวดเข้าหากันพร้อมกับถามออกมาว่า

“ไหนลองบอกเหตุผลมาดูหน่อยสิ”

ถังซิ่วได้พูดต่อไปว่า

“หากว่าฝ่ายตรงข้ามต้องการที่จะเอาข้อมูลลับมาจากเขาก็ต้องทำทุกวิถีทางไม่ให้เราไปช่วยเขาได้ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาก็รู้ดีว่าเราจะกระโดดลงไปถึงแม้จะรู้ว่าเป็นกับดักเพื่อใช้รองผู้จัดการมาล่อเรา”

เสวี่ยเจี่ยเองก็ได้หรี่ตาลง เธอเป็นถึงผู้จัดการซึ่งควบคุมบริษัทสตาร์ไลท์มาตั้งหลายปีทำไมจะไม่รู้ เธอเองก็คิดแบบเดียวกับถังซิ่วแต่เธอก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้นอกจากไปที่นั่น เธอไม่สามารถนั่งดูอยู่เฉยๆได้

“ถังซิ่ว ในเมื่อเธอเดาได้แล้วเธอจะทำอย่างไร ?”

ถังซิ่วเองก็ได้พูดออกมาว่า

“ง่ายมากๆ เราก็ไปที่นั่นแหละแต่เราไม่บุกเข้าไปซึ่งๆหน้าแต่ต้องสำรวจสถานการณ์ของที่นั่นเสียก่อนหลังจากนั้นก็ค่อยวางแผน อีกทางหนึ่งก็ให้รวบรวมกำลังทั้งหมดเพื่อตามหาที่อยู่ของรองผู้จัดการ”

เสวี่ยเจี่เองก็ได้ฝืนยิ้มออกมาแล้วพูดว่า

“หน่วยข่าวกรองของเราที่นี่ถูกตัดขาดทั้งหมด แม้ว่าเราจะมีกำลังพลก็ตามแค่ก็ไม่มีทางหาเขาเจอแน่นอนหากว่าทำตัวเป็นเหมือนแมลงวันที่บินไปทั่วโดยไร้ศีรษะหรอกใช่ไหม ?”

ถังซิ่วเองก็ได้เงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วโทรไปหาคนๆหนึ่ง

“ใครกัน ?”

เสียงที่ทุ้มต่ำได้ดังออกมาจากปลายสาย

ถังซิ่วได้พูดออกมาว่า

“ฉันคือถังซิ่ว กู่เสี่ยวเสวี่ยได้ให้เบอร์ของนายมา”

ฝ่ายตรงข้ามเองก็ตื่นเต้นเป็นอย่างมากก่อนที่จะพูดออกมาอย่างรวดเร็วว่า

“กู่เสี่ยวเสวี่ย ? บอสน้อยของห้องอาหารร้อยงานฉลอง ?”

“ใช่”

“ผมรู้ว่าคุณคือบอสคนใหม่ของห้องอาหาร คุณถังซิ่วใช่ไหม ?”

“ใช่ ฉันเอง”

“คุณโทรมาหาผม.........เพราะ ?”

ถังซิ่วได้ถามออกมาว่า

“ฉันอยากรู้ว่าตระกูลของนายมีเส้นสายที่จังหวัดกวนหยางไหม ? ฉันเองต้องการสืบเรื่องๆหนึ่งน่ะ”

“เมืองไหน ?”

“เมืองกวน”

“มีครับ”

ถังซิ่วเองก็ได้พูดออกมาว่า

“ฉันจะส่งข้อมูลของคนที่ต้องการหาตัวไปให้ทางข้อความ เขาถูกอุ้มไปและฝ่ายตรงข้ามเองก็เป็นไปได้ว่าจะเป็นตระกูลซันหรือไม่ก็ตระกูลหยาง นายก็สืบสวนอย่างระวังแล้วกัน”

“ได้ ผมจะรีบไปที่เมืองกวนทันที รอฟังข่าวจากผมได้เลย”

“นายไม่จำเป็นต้องลงมือด้วยตัวเอง ส่งงานให้คนอื่นเพราะฉันคิดมันจะเป็นปัญหาให้นาย”

“ไม่เป็นปัญหาแม้แต่น้อย นี่เป็นสิ่งที่ผมควรจะทำอยู่แล้ว”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด