Returning From The Immortal World - 348
.......................................................................................................................................................................................
สนามบินเซี่ยงไฮ้
ถังเหว่ยเองก็ได้สงสัยเป็นอย่างมากเพราะหลังจากที่เขามาถึงแล้วก็ได้เดินเข้าทางช่องวีไอพีทันทีก่อนที่จะมาหยุดอยู่ที่ลานบิน เมื่อเขามองไปที่เครื่องบินส่วนตัวที่มีชาย2คนและหญิงสาว4คนรออยู่ที่ทางขึ้นนั้นก็ได้แสดงท่าทางตกตะลึงออกมา
ตอนนี้
จำนวนประชากรชาวจีนเองก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆซึ่งลูกๆหลานๆคนรวยเองก็เพิ่งขึ้นตามและตระกูลที่ร่ำรวยก็มักจะมีเครื่องบินส่วนตัวแต่สำหรับรุ่นเยาว์ของพวกเขาที่มีเครื่องบินส่วนตัวนั้นมีอยู่ไม่เยอะมาก
1500คน
นี่คือมากที่สุดที่จะเป็นไปได้
เขากล้าที่จะพูดออกมาอย่างเต็มปากเลยว่า จำนวนคนที่มีเครื่องบินส่วนตัวนั้นไม่มากไปกว่า1500คน ต้องรู้ว่าประเทศจีนนั้นเป็นประเทศที่ใหญ่มากๆซึ่งมีประชากรเป็นหมื่นล้านคน ซึ่งจำนวน1500คนนั้นเป็นจำนวนที่น้อยมากๆ
แต่
ทำไมถังซิ่ว......
“คุณถังสวัสดีครับ เราได้จัดการขอขึ้นบินไว้เรียบร้อยแล้วครับ ตอนนี้เราได้รับการตอบรับพร้อมยังเหลือเวลาก่อนขึ้นบินอีก 35 นาทีครับผม”
นักบินเองก็ได้พูดออกมาอย่างเคารพ
ถังซิ่วได้พยักหน้าพร้อมกับพูดว่า
“ขึ้นเครื่องกันเถอะ”
ถังเหว่ยเองที่เดินตามหลังถังซิ่วมานั้นก็ได้ถามออกมาด้วยเสียงกระซิบว่า
“น้องชาย นี่มันเรื่องอะไรกัน ? นายไปเอาเครื่องบินส่วนตัวมาจากไหนกัน ?”
ถังซิ่วเองก็ได้หยุดอยู่ที่บันใดพร้อมกับพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“ยืมมาจากเพื่อนน่ะ”
ถังเหว่ยเองก็ได้พูดออกมาด้วยความไม่อยากจะเชื่อว่า
“เพื่อนคนไหนกันที่ใจกว้างขนาดนั้น ? อยากยืมเครื่องบินส่วนตัวก็ให้ยืมเลยงั้นหรอ ? หากว่าฉันเดาไม่ผิดเขาน่าจะเป็นคนเซี่ยงไฮ้ใช่ไหม ?”
ถังซิ่วได้ตอบกลับไปว่า
“เขาเป็นเพื่อนที่จิงเหมินน่ะ เพราะว่าฉันมีเรื่องยุ่งมากๆดังนั้นถึงได้ให้ยืมมา หลังจากนี้ถ้าเกิดไม่มีเรื่องอะไรแล้วก็ค่อยเอาไปคืน”
ถังเหว่ยเองก็ได้ชื่นชมออกมาว่า
“ดูเหมือนว่าพวกนายจะสนิทกันมากสินะ ดีจริงๆ เป็นเพื่อนชายที่คุ้มค่าแก่การคบหาจริงๆ”
เพื่อนชาย ?
ถังซิ่วเองก็ได้พูดออกมาอย่างไรรู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดีว่า
“เธอเป็นผู้หญิงน่ะ”
ถังเหว่ยเองก็ได้ชะงักไปพร้อมกับพูดออกมาด้วยความไม่อยากจะเชื่อว่า
“ผู้หญิง ? เธอและนาย........”
“เพื่อนกันเท่านั้น !”
ถังซิ่วได้พูดออกมาอย่างตรงไปตรงมา
คิ้วของถังเหว่ยเองก็ได้ขมวดเข้าหากันพร้อมกับท่าทางที่กำลังใช้ความคิด
“เท่าที่ฉันรู้ตระกูลจิงเหมินที่มีเครื่องบินส่วนตัวเองก็ไม่ได้มีเยอะแถมยังเป็นผู้หญิงอีกก็มีแค่สองคนเท่านั้น หนึ่งคือท่านหญิงของตระกูลฮ่วงซึ่งคงเป็นเรื่องยากมากที่จะไปขอยืมเธอ อย่าบอกนะว่าเพื่อนที่นายพูดถึงคือนางพรายที่มาที่บ้านหลักของเรา ?”
ถังซิ่วเองก็ได้ถามออกมาว่า
“นางพรายงั้นหรอ ?”
ถังเหว่ยเองก็ได้พยักหน้าแล้วพูดออกมาว่า
“ใช่แล้ว ก็นางพรายโอหยางลูลู่ไง ป่าเถื่อน โหดร้าย ดุ ดิบ เย่อยิ่งเหมือนนกยูงที่ชูหางไปวันๆ......................”
ถังซิ่วเองก็ได้หัวเราะออกมาขณะที่ฟังคำพูดของถังเหว่ยพร้อมทั้งพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“นี่นายมีความแค้นอะไรกันกับลูลู่หรือเปล่า ?”
“เป็นเธอจริงๆงั้นหรอ ?”
ถังเหว่ยเองก็ได้ฝืนยิ้มออกมาแล้วพูดว่า
“ไม่มีความแค้นอะไรหรอก ฉันเองก็ติดหนี้เธออยู่เหมือนกัน แต่ว่าผู้ชายรูปงามแบบฉันคงไม่ไปเถียงกับผู้หญิงอยู่หรอกและยิ่งไปกว่านั้นชูยี่และเธอเองก็เป็นเพื่อนเก่ากันดังนั้นฉันไม่มีความคิดอคติกับเธอแม้แต่น้อย”
ถังซิ่วเองก็ได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“จริงๆแล้วลูลู่เป็นคนดีมากๆนะ ไม่ใช่อย่างที่นายว่ามาเลยด้วยซ้ำแม้ว่าเธอจะดูเถื่อนๆขวานผ่าซากไปหน่อยหรือไม่ค่อยจะมีเหตุผลก็ตามแต่เธอก็เป็นคนที่ฉลาดและแกล้งสนุกดีนะ”
แกล้งสนุก ?
ถังเหว่ยเองก็ได้หมดคำพูดทันที
เมื่อพวกเขาได้นั่งลงนั้นถังเหว่ยก็ได้โบกมือให้กับผู้คุ้มกันทั้งสี่คนของเขาแล้วพูดว่า
“ก่อนหน้านี้ที่เธอไปที่บ้านหลักของเรานั้นฉันเองก็ไม่ค่อยจะได้คุยกับโอหยางลูลู่เท่าไหร่แต่จากที่ฉันดูแล้วเธอน่าจะชอบนายนะ”
ถังซิ่วเองก็จ้องมองพร้อมกับกรอกตาไปมา
เอาเข้าใจดีแต่ว่าทำไมผู้คนถึงได้ชอบพูดแบบนี้กันล่ะ ? ที่เซี่ยงไฮ้เองเยวี่ยไคและคนอื่นๆก็ได้บอกว่าฮั่นชิงหวูเองก็ชอบเขาตอนนี้ถังเหว่ยยังมาบอกว่าโอหยางลูลู่ชอบเขาอีก นี่เขามีเสน่ห์ตรงไหนกัน ?
“อย่าพูดไร้สาระอยู่เลย ! เราเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้นและมีความสัมพันธ์ทางธุรกิจกัน”
ถังเหว่ยเองก็ได้ยิ้มออกมาอย่างมีความสุขก่อนที่จะมองไปทางอื่น
7.30 pm (ทุ่มครึ่ง)
เครื่องบินส่วนตัวเองก็ได้มาถึงสนามบินจังหวัดกวนหยาง
เพราะว่าถังหยุนเป็งรู้แล้วว่าถังซิ่วจะมาถึงที่นี่ดังนั้นจึงได้ส่งคนมารับพวกเขาทันที หลังจากที่ถังซิ่วและถังเหว่ยได้ออกมาจากเครื่องบินแล้วก็พบกับหญิงวัยกลางคนคนหนึ่งซึ่งข้างๆเธอมีผู้คุ้มกันตามมาด้วยอีก 6 คน เพื่อต้อนรับพวกเขา
“เหว่ยน้อย”
หญิงวัยกลางคนเองก็ได้สำรวจถังซิ่วพร้อมกับมองไปที่ถังเหว่ยแล้วพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
ถังเหว่ยเองก็ได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“ป้าเสวี่ย ป้ามาที่นี่ได้ไง ?”
เสวี่ยเจี่ยเองก็ได้พูดออกมาว่า
“ที่นี่มันวุ่นวายไปหมดเลยน่ะ ลุงของเธอกลัวว่าตระกูลเหยา ตระกูลซันและตระกูลหยางจะส่งคนมาลอบโจมตีพวกเธอ ตั้งแต่ที่พวกมันเริ่มโจมตีมานี้เราก็ได้เสียคนไปกว่า20คนแล้ว”
ใบหน้าของถังเหว่ยเองก็ได้บูดบึ้งทันทีพร้อมกับพูดออกมาด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า
“ตระกูลเหยานั้นช่างมันเถอะแต่ไม่คิดว่าตระกูลซันและตระกูลหยางจะกล้าเข้ามายุ่งด้วย ดูเหมือนว่าเราจะเสียเปรียบอย่างมาก เราจะต้องจัดการมัน”
เสวี่ยเจี่ยเองก็ได้ฝืนยิ้มออกมา ถังเหว่ยไม่ได้อยู่ที่นี่แต่เธอเป็นถึงผู้จัดการของสตาร์ไลท์กรุ๊ปซึ่งประจำการอยู่ที่นี่มาหลายปี เธอจะไม่เข้าใจเรื่องนี้ได้อย่างไร ? จะจัดการมันอะไรกันแค่ปกป้องตัวเองตอนนี้ยังแทบทำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
“นี่คือ ?”
ถังเหว่ยเองก็ได้พูดออกมาอย่างรวดเร็วว่า
“เขาเป็นน้องชายของผมน่ะ ถังซิ่ว”
ดวงตาของเสวี่ยเจี่ยเองก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ เธอได้สำรวจถังซิ่วพร้อมกับพูดออกมาอย่างมีความสุขว่า
“ก่อนหน้านี้ก็ได้ยินว่าเด็กที่หายไปนานได้กลับมาแล้วไม่คิดเลยว่าจะได้มาเจอกันที่เมืองนี้ สวัสดี ฉันรองผู้จัดการสตาร์ไลท์กรุ๊ป เธอสามารถเรียกฉันว่าป้าเสวี่ยได้นะ”
ถังเหว่ยเองก็ได้พูดออกมาว่า
“น้องชาย ป้าเสวี่ยนั้นเป็นพี่สาวของภรรยาลุงถังดง”(*ลูกชายของน้องปู่มัน (คนที่ชายซากสัตว์ให้ถังซิ่ว))
ถังซิ่วเองก็ได้พูดออมาว่า
“สวัสดีครับป้าเสวี่ย”
เสวี่ยเจี่ยเองก็ได้พยักหน้าด้วยรอยยิ้มก่อนที่จะพูดว่า
“ไปกันเถอะ ตอนนี้ลุงของพวกเธอกำลังรออยู่ที่วิลล่าฮงเฟิง (Red maple)”
“ได้ครับ”
ถังเหว่ยเองก็ได้พยักหน้าทันที
หลังจากผ่านไปกว่า20นาที
พวกเขาก็เกือบจะไปถึงแล้วแต่โทรศัพท์ของเสวี่ยเจี่ยก็ได้ดังขึ้น เมื่อเธอสนทนาเสร็จแล้วท่าทางของเธอก็หม่นหมองโดยทันที
ถังเหว่ยเองก็ได้ก็ได้ถามออกมาอย่างรวดเร็วว่า
“ป้าเสวี่ย เกิดเรื่องขึ้นหรอครับ ?”
เสวี่ยเจี่ยเองก็ได้พยักหน้าพร้อมกับตอบกลับไปว่า
“ตอนนี้รองผู้จัดการฝ่ายการเงินของเราโดนอุ้มไป พวกมันจงใจยั่วยุเราหลังจากนั้น.....เขาก็ถูกทำร้ายพร้อมกับเรียกค่าไถ่กับครอบครัว”
ถังเหว่ยเองก็ได้ถามออกมาด้วยความโกรธว่า
“ตระกูลเหยามันเป็นคนทำงั้นหรอครับ ?”
เสวี่ยเจี่ยเองก็ได้พูดออกมาว่า
“มันปฏิเสธไม่ได้หรอกนะว่าไม่มีความเกี่ยวข้องกันเพราะอย่างไรก็ถามมันยังมีตระกูลเสวี่ย ตระกูลซันและตระกูลหยางทั้งสามตระกูลนี้ที่ร่วมมือกัน ก่อนหน้านี้ลุงของเธอได้บอกให้ฉันส่งคนไปช่วยเหลือรองผู้จัดการทันทีเพราะว่าเขารู้เกี่ยวกับเรื่องการเงินของบริษัทเราทั้งหมด หากว่าความลับเหล่านั้นรั่วไหลออกไปก็จะส่งผลเสียต่อเรามากๆ”
ถังเหว่ยเองก็ได้ถามออกมาอย่างรวดเร็วว่า
“แล้วเขาโดนจับไปที่ไหนกัน ?”
เสวี่ยเจี่ยเองก็ได้พูดออกมาว่า
“โรงงานทำตู้เมืองชางบู”
ถังเหว่ยเองก็ได้ถามออกมาว่า
“งั้นเราจะเปลี่ยนเส้นทางไปที่นั่นเลยไหม ?”
เสวี่ยเจี่ยเองก็ได้พยักหน้าพร้อมกับพูดว่า
“เราจะต้องไปช่วยชีวิตของเขาให้เร็วที่สุดยิ่งกว่านั้นคือลุงของเธอเองก็ได้ส่งคนมาอีกกองกำลังหนึ่ง พวกเขากำลังมุ่งหน้าที่นี่นั่น”
เสวี่ยเจี่ยเองก็ได้มองไปที่ถังซิ่วก่อนที่จะพูดออกมาว่า
“มันเป็นที่ที่ศัตรูของเราบอกกับครอบครัวของเขาให้นำเงินค่าไถ่ไปให้”
ถังซิ่วเองก็ได้ส่ายศีรษะพร้อมกับพูดออกมาว่า
“หากว่าผมเดาไม่ผิดที่นั่นจะต้องเป็นกับดักอย่างแน่นอนยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาจงใจให้เรารู้ว่ามันเป็นกับดัก ผมคิดว่ารองผู้จัดการไม่น่าจะอยู่ที่นั่น”
คิ้วของเสวี่ยเจี่ยเองก็ได้ขมวดเข้าหากันพร้อมกับถามออกมาว่า
“ไหนลองบอกเหตุผลมาดูหน่อยสิ”
ถังซิ่วได้พูดต่อไปว่า
“หากว่าฝ่ายตรงข้ามต้องการที่จะเอาข้อมูลลับมาจากเขาก็ต้องทำทุกวิถีทางไม่ให้เราไปช่วยเขาได้ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาก็รู้ดีว่าเราจะกระโดดลงไปถึงแม้จะรู้ว่าเป็นกับดักเพื่อใช้รองผู้จัดการมาล่อเรา”
เสวี่ยเจี่ยเองก็ได้หรี่ตาลง เธอเป็นถึงผู้จัดการซึ่งควบคุมบริษัทสตาร์ไลท์มาตั้งหลายปีทำไมจะไม่รู้ เธอเองก็คิดแบบเดียวกับถังซิ่วแต่เธอก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้นอกจากไปที่นั่น เธอไม่สามารถนั่งดูอยู่เฉยๆได้
“ถังซิ่ว ในเมื่อเธอเดาได้แล้วเธอจะทำอย่างไร ?”
ถังซิ่วเองก็ได้พูดออกมาว่า
“ง่ายมากๆ เราก็ไปที่นั่นแหละแต่เราไม่บุกเข้าไปซึ่งๆหน้าแต่ต้องสำรวจสถานการณ์ของที่นั่นเสียก่อนหลังจากนั้นก็ค่อยวางแผน อีกทางหนึ่งก็ให้รวบรวมกำลังทั้งหมดเพื่อตามหาที่อยู่ของรองผู้จัดการ”
เสวี่ยเจี่เองก็ได้ฝืนยิ้มออกมาแล้วพูดว่า
“หน่วยข่าวกรองของเราที่นี่ถูกตัดขาดทั้งหมด แม้ว่าเราจะมีกำลังพลก็ตามแค่ก็ไม่มีทางหาเขาเจอแน่นอนหากว่าทำตัวเป็นเหมือนแมลงวันที่บินไปทั่วโดยไร้ศีรษะหรอกใช่ไหม ?”
ถังซิ่วเองก็ได้เงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วโทรไปหาคนๆหนึ่ง
“ใครกัน ?”
เสียงที่ทุ้มต่ำได้ดังออกมาจากปลายสาย
ถังซิ่วได้พูดออกมาว่า
“ฉันคือถังซิ่ว กู่เสี่ยวเสวี่ยได้ให้เบอร์ของนายมา”
ฝ่ายตรงข้ามเองก็ตื่นเต้นเป็นอย่างมากก่อนที่จะพูดออกมาอย่างรวดเร็วว่า
“กู่เสี่ยวเสวี่ย ? บอสน้อยของห้องอาหารร้อยงานฉลอง ?”
“ใช่”
“ผมรู้ว่าคุณคือบอสคนใหม่ของห้องอาหาร คุณถังซิ่วใช่ไหม ?”
“ใช่ ฉันเอง”
“คุณโทรมาหาผม.........เพราะ ?”
ถังซิ่วได้ถามออกมาว่า
“ฉันอยากรู้ว่าตระกูลของนายมีเส้นสายที่จังหวัดกวนหยางไหม ? ฉันเองต้องการสืบเรื่องๆหนึ่งน่ะ”
“เมืองไหน ?”
“เมืองกวน”
“มีครับ”
ถังซิ่วเองก็ได้พูดออกมาว่า
“ฉันจะส่งข้อมูลของคนที่ต้องการหาตัวไปให้ทางข้อความ เขาถูกอุ้มไปและฝ่ายตรงข้ามเองก็เป็นไปได้ว่าจะเป็นตระกูลซันหรือไม่ก็ตระกูลหยาง นายก็สืบสวนอย่างระวังแล้วกัน”
“ได้ ผมจะรีบไปที่เมืองกวนทันที รอฟังข่าวจากผมได้เลย”
“นายไม่จำเป็นต้องลงมือด้วยตัวเอง ส่งงานให้คนอื่นเพราะฉันคิดมันจะเป็นปัญหาให้นาย”
“ไม่เป็นปัญหาแม้แต่น้อย นี่เป็นสิ่งที่ผมควรจะทำอยู่แล้ว”