ตอนที่แล้วReturning From The Immortal World - 339
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปReturning From The Immortal World - 341

Returning From The Immortal World - 340


.......................................................................................................................................................................................

ถังซิ่วไม่คิดเลยว่าฮั่งชิงหวูเองจะถามอะไรมากจึงได้ตอบกลับไปว่า

“เป็นคนรู้จักกันตอนที่ได้ไปจินซิตี้แล้วคลุกคลีกันนิดหน่อย”

“เพราะคลุกคลีกันนิดหน่อยแล้วจะขอให้เขาอนุญาตงั้นหรอ ? เท่าที่ฉันรู้คือเขาเป็นคนที่พูดด้วยยากอย่างมาก”

ฮั่นชิงหวูเองก็ได้แสดงสีหน้าเหมือนว่ารู้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับเหล่ใบยี่

ถังซิ่วได้ถามออกมาว่า

“คุณเองก็รู้จักกับเขาด้วยงั้นหรอ ?”

ฮั่นชิงหวูเองก็ได้ตอบกลับไปว่า

“มันไม่เรียกว่าสนิทหรอกนะจริงๆแล้วฉันสามารถย้ายเข้ามาอย่างราบรื่นแต่เป็นเพราะเขา..........”

ถังซิ่วได้มองไปที่เธอพร้อมทั้งพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“ไงต่อ ?”

ฮั่นชิงหวูเองก็ได้ส่ายศีรษะพร้อมทั้งพูดว่า

“ช่างมันเถอะ ไม่จำเป็นต้องพูดเรื่องนี้อีกแล้ว หากว่าเธอต้องการจะลาจริงๆก็ต้องหาเหตุผลเหมาะๆด้วย ฉันจะหาวิธีช่วยแต่เท่าที่ฉันรู้คือแม้ว่าจะเป็นอาจารย์หรือโปรเฟสเซอร์เองก็ไม่มีสิทธิก้าวก่ายการฝึกทหารได้”

ถังซิ่วได้เงียบไปก่อนที่จะพูดอกมาว่า

“ผมจะลองดู หากว่าสามารถลาได้ก็คงจะดีหากว่าไม่ผมก็จะเข้าร่วมการฝึก”

“อื่มมม”

ฮั่นชิงหวูเองก็ได้พยักหน้าพร้อมทั้งถามว่า

“เธอจะทำอะไร กลับไปที่ห้อง ? .......”

ถังซิ่วได้ถามออกมาว่า

“ที่ห้องยังมีเรื่องอะไรอีกงั้นหรอ ?”

ฮั่นชิงหวูเองก็ได้ส่ายศีรษะพร้อมทั้งพูดว่า

“ตอนนี้ยังไม่มี”

ถังซิ่วได้ตอบกลับไปว่า

“ในเมื่อยังไม่มีอะไรงั้นผมก็ไปก่อนแล้วกัน ผมคิดว่าจะไปที่ห้องสมุดเพื่อยืมหนังสือบางอย่าง อ่อใช่ ที่นี่สามารถยืมหนังสือเมื่อไหร่ก็ได้ใช่ไหม ?”

ฮั่นชิงหวูเองก็ได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“ใช่แล้ว”

ถังซิ่วได้ยืนขึ้นพร้อมทั้งโบกมือแล้วพูดว่า

“งั้นผมไปที่ห้องสมุดก่อนแล้วกัน คุณก็ไปทำอะไรที่คุณจำเป็นต้องทำเถอะ”

หลังจากผ่านไป 20นาที

ถังซิ่วก็ได้ไปถึงที่ห้องสมุดและสิ่งที่ทำให้เขาถึงกับพูดไม่ออกคือมันกว้างเป็นอย่างมาก มากยิ่งกว่าที่เขาเคยเข้าไปตอนยังอยู่ที่เมืองสตาร์ซิตี้หลายเท่า จากห้องเรียนมาถึงห้องสมุดนี้ต้องใช้เวลาเดินทั้งหมดกว่า20นาที

ณ ตอนนี้ นักศึกษาที่อยู่ตรงทางเข้าเองก็มีจำนวนน้อยมากๆหากเทียบกับที่อื่นๆ หลังจากที่ถังซิ่วเดินเข้าไปแล้วก็เห็นกับแถวหนังสือยาวเหยียดที่อยู่ในห้องโถงซึ่งทำให้เขาต้องตกตะลึง

“สวัสดีครับ ผมเป็นเด็กนักเรียนปีหนึ่งและต้องการจะมายืมหนังสือครับ”

ถังซิ่วได้เดินไปที่พนักงานซึ่งเป็นหญิงวัยกลางคนก่อนที่จะพูดกับเธอ

หญิงวัยกลางคนเองก็ได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“สวัสดีค่ะ ตอนนี้นักศึกษาหน้าใหม่ยังไม่สามารถยืมหนังสือได้ชั่วคราวแม้ว่าเธอจะได้รับการลงชื่อจากโรงเรียนแล้วแต่ก็ยังไม่ได้จัดการเรื่องบัตรเข้าห้องสมุด หากว่าเธอต้องการที่จะยืมบ่อยๆก็สามารถส่งเอกสารให้กับเราแล้วทางเราจะจัดการเรื่องบัตรให้กับเธอเอง”

ถังซิ่วได้พูดออกมาหลังจากที่เงียบอยู่นานว่า

“จำเป็นต้องใช้เอกสารอะไรบ้างครับ ผมจะให้ไปเดี๋ยวนี้”

“ดีค่ะ”

หลังจากผ่านไปไม่กี่นาที

ถังซิ่วเองก็ได้ยื่นเอกสารไปทั้งหมดก่อนที่จะเข้าไปในห้องสมุด ความรู้ก็เปรียบเสมือนสารอาหาร ยิ่งเรียนรู้มากเท่าไหร่ก็จะยิ่งเข้าใจขึ้นมากเท่านั้น แม้ว่ามันจะไม่สามารถเทียบได้กับดาราศาสตร์หรือภูมิศาสตร์แต่การมีความรู้เก็บเอาไว้ก็จะทำให้เขาเดินไปบนเส้นทางต่างๆได้ราบรื่นขึ้น

11โมง

หลังจากที่ถังซิ่วอ่านหนังสือแล้วก็ได้ถามถึงที่อยู่ของสำนักงานเหล่ใบยี่

“ถังซิ่ว ?”

ในห้องสำนักงาน เหลี่ใบยี่กำลังนั่งส่องหินก้อนหนึ่งด้วยแว่นขยายแต่เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูแล้วเขาจึงได้เงยหน้าขึ้นมาทันที

ถังซิ่วได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“ผมมารบกวนโปรเฟสเซอร์เหล่หรือเปล่า ?”

เหล่ใบยี่เองก็ได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มขณะที่ลุกออกมาจากโต๊ะอย่างรวดเร็วว่า

“มันดีมากเลยที่เธอมาหาฉัน ฉันดีใจจนบอกไม่ถูกแล้ว ถังซิ่วเราไม่ได้เจอกันมากว่าสองเดือนแล้วใช่ไหม ?”

ถังซิ่วได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“ก็น่าจะประมาณนั้นนะ”

หลังจากที่เหล่ใบยี่ได้เชิญให้ถังซิ่วนั่งแล้วก็ได้ไปชงชามาด้วยตัวเองก่อนที่จะพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“โชคดีจริงๆเลยที่ฉันเจอเธอที่จินซิตี้ไม่เช่นนั้นก็ไม่คิดว่าโรงเรียนของเราจะได้รับผู้มีพรสวรรค์อย่างเธอ เป็นไงบ้าง ? รายงานตัวแล้ว ? แล้วยังมีอะไรไม่เรียบร้อยไหม ? บอกฉันมาสิแล้วฉันจะจัดการให้เอง”

ถังซิ่วได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“จริงๆแล้วที่ผมมาในวันนี้ก็มีเรื่องที่จะขอให้คุณช่วยด้วยกันสองอย่าง”

เหล่ใบยี่ที่ได้ยินเช่นนั้นเองก็ได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“ว่ามาสิ ตราบใดที่ฉันช่วยได้ฉันก็จะไม่ปฏิเสธแน่นอน”

ถังซิ่วได้พูดออกมาว่า

“โปรเฟสเซอร์เหล่ ผมมีเรื่องสำคัญบางอย่างที่ต้องไปจัดการในตอนนี้และไม่สะดวกที่จะเข้ารับการฝึกทหาร ช่วยเปิดช่องทางให้ผมหน่อยได้ไหม ?”

คิ้วของเหล่ใบยี่ได้ยกตัวขึ้นก่อนที่จะถามออกมาด้วยความประหลาดใจว่า

“เธอจะไปทำอะไร ?”

ถังซิ่วได้พูดออกมาว่า

“ต้องไปที่เกาะจิงเหมินเพื่อจัดการเรื่องสำคัญบางอย่าง”

เหล่ใบยี่เองก็ได้พยักหน้าพร้อมทั้งพูดว่า

“เรื่องนี้สามารถจัดการได้ หัวข้อที่ฉันศึกษาอยู่ในช่วงนี้เองก็ต้องไปที่ทะเลทางใต้เพื่อลงสำรวจ ฉันจะใส่ชื่อของเธอลงไปในทีมสำรวจด้วยแล้วกัน แล้วมีอะไรอีกบ้าง ?”

ถังซิ่วได้พูดออกมาว่า

“ได้ยินมาว่าเด็กปี1 ต้องอยู่ที่หอพัก ช่วยละเว้นผมหน่อยได้ไหม ? แน่นอนว่าผมอาจจะมานอนที่โรงเรียนอยู่แต่......”

เหล่ใบยี่เองก็ได้โบกมือพร้อมกับพูดว่า

“อย่าไปฟังเรื่องเหลวไหลจากคนอื่นหน่า หากว่าเด็กปี1ไม่ต้องการจะอยู่ก็สามารถไปอาศัยอยู่นอกโรงเรียนได้ นี่มันเป็นเรื่องเล็กน้อย ปล่อยให้เป็นหน้าที่ฉันแล้วกัน”

ถังซิ่วได้พูดออกมาด้วยความซึ้งใจว่า

“ขอบคุณมากโปรเฟสเซอร์เหล่ ตอนบ่ายว่างไหม ? ผมจะได้เลี้ยงข้าวคุณ”

เหล่ใบยี่เองก็ได้ปรบมือด้วยความพึงพอใจก่อนที่จะพยักหน้า

“ไม่มีปัญหา อย่างไรก็ตามฉันเลี้ยงเองเพราะฉันเองก็ยังไม่ได้เลี้ยงต้อนรับเธอเลย หากว่าเจ้าแก่ที่เมืองจินซิตี้รู้ล่ะก็เขาจะต้องหักกระดูกฉันแน่นอน ไปกันเถอะ เราไปที่ร้านอาหารทงฟูแล้วกัน ฉันเป็นลูกค้าประจำของที่นั่น”

ถังซิ่วได้ยิ้มออกมา

เลี้ยง

เขาคงจะให้เหล่ใบยี่เลี้ยงไม่ได้เพราะเขาเป็นคนที่มาขอความช่วยเหลือ

หลังจากที่ทานอาหารเที่ยงเสร็จแล้วนั้นเหล่ใบยี่เองก็ได้ชวนให้เขาดื่มชา หลังจากนั้นก็ได้กลับมาที่ห้องสมุดของมหาลัยอีกครั้ง หลังจากที่อ่านหนังสืออยู่1ชั่วโมงเขาก็กลับไปที่ห้องเรียน

ณ ตอนนี้นักเรียนภายในห้องเองก็มีมากกว่าเมื่อเช้ามาก ขาดไปแค่10คนเท่านั้นซึ่งการมาถึงของถังซิ่วเองก็ได้ทำให้ทุกสายตาจับจ้องมาที่เขาก่อนที่จะแอบนินทากันโดยคิดว่าถังซิ่วจะไม่ได้ยิน

“เพื่อนถัง มานี่”

เซ่าเหลียงเองก็ได้ยืนขึ้นพร้อมโบกมือเรียกถังซิ่ว

ถังซิ่วได้เดินไปนั่งพร้อมกับได้ยินเซ่าเหลียงพูดออกมาว่า

“ลูกพี่ถัง ตอนนี้เรามั่นใจแล้วว่าครูฮั่นมาสอนที่นี่ก็เพราะนาย หลังจากที่นายออกจากห้องไปแล้วก็ทำให้เธอใจลอยทันทีก่อนที่จะออกจากห้องไป”

คิ้วของถังซิ่วได้ขมวดเข้าหากันก่อนที่จะพูดออกมาว่า

“บางทีเธออาจจะมีเรื่องที่ต้องทำก็เป็นได้ เอาล่ะเรามาเปลี่ยนหัวข้อกันเถอะ ใครรู้บ้างว่าใครเป็นหัวหน้าห้องของรุ่นพี่เรา ?”

เยวี่ยไคเองก็ได้ถามออกมาด้วยความสับสนว่า

“นายถามไปทำไมกัน ?”

ถังซิ่วได้พูดออกมาว่า

“เพราะเธอได้ยืมหนังสือที่ฉันต้องการ ฉันเองก็ต้องการที่จะยืมเช่นกัน หากว่ามันไม่สามารถทำได้ฉันก็จะออกไปซื้อด้านนอก”

เยวี่ยไคเองก็ได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“ยืมอะไรกัน ไปซื้อเลยดีกว่า บอกฉันมาสิว่าอยากจะได้หนังสืออะไรและจดมันมาให้หมด หลังจากที่เราออกไปด้านนอกในช่วงบ่ายแล้วฉันจะไปซื้อให้นายเอง”

ถังซิ่วได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“งั้นซื้อใหม่ก็ได้ หลังจากที่ออกไปในช่วงบ่ายแล้วฉันจะเลี้ยงข้าวพวกนายเอง”

เยวี่ยไคเองก็ได้ยกนิ้วโป้งขึ้นมาชื่นชมว่า

“ลูกพี่ถังนี่ใจดีจริงๆ เราจะไปทานอาหารที่ไหนกัน ?”

ถังซิ่วได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“ไปที่ร้านอาหารทงฟูก็ได้ ฉันคิดว่าอาหารที่นั่นก็ดีใช้ได้”

เยวี่ยไคเองก็ได้พยักหน้าพร้อมทั้งพูดว่า

“ไม่มีปัญหา อย่างไรก็ตามนายกระเป๋านูนหรือเปล่า ? หากว่าใช่ก็ไปเรียกเซ่าเหลียงมาแล้วเรา 7 คนจะไปดื่มกัน”

ถังซิ่วได้พยักหน้าพร้อมพูดว่า

“เอางั้นก็ดี”

เยวี่ยไคเองก็ได้พยักหน้าอย่างพึงพอใจก่อนที่จะพูดออกมาด้วยเสียงกระซิบว่า

“นายได้ยินข่าวนี้หรือยัง ? เพื่อนร่วมหอพักของเราที่ยังไม่มานั้นได้ผดุงคุณธรรมและถูกรุมทำร้ายโดยกลุ่มอันธพาลจนต้องเข้าโรงพยาบาล ได้ยินมาว่าอาการบาดเจ็บก็ไม่ได้ร้ายแรงนักทว่าคงมาเรียนไม่ได้สักพัก อิจฉาเขาจริงๆที่ไม่ต้องมาฝึกทหาร”

ผดุงความยุติธรรม ?

บาดเจ็บ ?

ถังซิ่วเองก็ได้ถามออกมาด้วยความสับสนว่า

“เกิดเรื่องอะไรขึ้นงั้นหรอ ?”

เยวี่ยไคเองก็ได้พูดออกมาว่า

“เพื่อนคนนั้นได้ไปเจอเข้ากับโจรที่ชิงทรัพย์แม่ของเจ้านายเขาแต่ก็ถูกแทงโดยพวกมัน แต่เพราะเขากลัวที่จะมารายงานตัวสายดังนั้นจึงได้กดแผลไว้แล้วมาถึงหน้าโรงเรียนเรา ได้ยินว่าหลังจากที่พนักงานที่ประจำอยู่ที่จุดลงทะเบียนเห็นก็รีบแจ้งตำรวจทันที หลังจากที่ตำรวจได้สืบสวนแล้วก็พบว่าเขาผดุงความยุติธรรมและได้รับบาดเจ็บจากโจรเหล่านั้น อ่อใช่ แม่ของเจ้านายเขาเองก็ได้ทำป้ายเชิดชูเกียรติมาให้โรงเรียนเราด้วยนะ”

ถังซิ่วเองก็ได้แสดงใบหน้าที่ยิ้มแย้มออกมาก่อนที่จะพยักหน้าแล้วพูดว่า

“ดูเหมือนว่าเพื่อนของเราคนนี้จะเป็นลูกผู้ชายอย่างแท้จริง เราหาเวลาไปเยี่ยมเขากันไหม ?”

เยวี่ยไคเองก็ได้พูดออกมาว่า

“จริงๆแล้วพวกเราเองก็ได้ตกลงกันว่าจะไปเยี่ยมเขาตอนบ่าย”

ถังซิ่วได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“งั้นไปด้วยกันเลยแล้วกัน”

ณ ตอนนี้

ฮั่นชิงหวูเองก็ได้เดินเข้ามาในห้อง หลังจากที่เธอกวาดตามองแล้วเห็นถังซิ่วนั้นก็ได้แสดงรอยยิ้มออกมาพร้อมทั้งพูดว่า

“เด็กๆที่เพิ่งจะมารายงานตัว ฉันชื่อว่าฉั่นชิงหวู เป็นครูประจำชั้นของพวกเธอ”

ทันใดนั้น นักเรียนที่เพิ่งมารายงานตัวเองก็ได้เขียนชื่อและเบอร์โทรให้ไว้แก่ฮั่นชิงหวู

“ก๊อก ก๊อก ....”

ประตูห้องเรียนได้ถูกเคาะพร้อมทั้งสายตาของทุกคนเองก็ได้จับจ้องไปที่ประตู อย่างไรก็ตามหญิงสาวต่างๆที่มองไปหน้าประตูเองก็ถึงกับชะงักไปทันที

งดงาม !

งดงามมากๆ !

ใครหลายคนในห้องเองก็แทบจะไม่เคยเห็นใครที่งดงามขนาดนี้มาก่อน

“เธอมีอะไรงั้นหรอ ?”

ฮั่นชิงหวูเองก็ได้ถามออกมาทันที

“ฉันมาหาถังซิ่ว”

หญิงสาวคนนั้นเองก็ได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้ม

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด