Returning From The Immortal World - 336
.......................................................................................................................................................................................
ท่าทางของถังเกาเชิงเองก็เปลี่ยนไปพร้อมกับใบหน้าที่บิดเบี้ยว สตาร์ไลท์กรุ๊ปเป็นบริษัทในเครือตระกูลถังที่ทำรายได้มาปีละหลายพันล้านซึ่งเรียกได้ว่ามันเป็นแหล่งเงินทุนหลัก1ใน3ของตระกูลเลยก็ว่าได้ เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นก็แน่นอนว่ามันจะส่งผลกระทบต่อตระกูลแน่นอน
“ใครมันกล้าลงมือ ?”
ถังหยุนเป็งเองก็ได้พูดว่า
“ยังไม่สามารถระบุได้ครับ ตอนนี้ที่ศูนย์ใหญ่เองก็กำลังให้หน่วยรักษาความปลอดภัยตรวจสอบกล้องวงจรปิดยิ่งไปกว่านั้นคือสัญญาณไฟไหม้ของที่นั่นเองก็ไม่สามารถส่งได้ซึ่งจะส่งผลให้ตึกทั้งตึกถูกเผาแน่นอน ยามที่อยู่ด้านในต้องถูกไฟคลอกตายทั้งเป็น”
ถังเกาเชิงเองก็ได้พูดออกมาด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า
“ติดต่อหาหน่วยรักษาความปลอดภัยที่อยู่ด้านในแล้วบอกพวกเขาว่าให้ทิ้งคนเอาไว้สองคนเพื่อหาเงื่อนงำส่วนที่เหลือให้รีบออกมาจากตึกให้เร็วที่สุด หากว่าคนที่ถูกทิ้งเอาไว้ต้องตายที่นั่นเราก็จะดูแลครอบครัวของพวกเขาอย่างดีไปตลอดชีวิต”
“ได้ครับ”
ถังหยุนเป็งเองก็ได้ตอบตกลงพร้อมวางสายไปทันที
หลังจากที่ถังเกาเชิงวางโทรศัพท์ลงแล้วก็เงียบไปนาน เขากำลังคิดว่าควรจะจัดการเรื่องเช่นนี้อย่างไร
“พี่ชาย ให้ผมไปด้วย”
ถังเกาโฉวเองก็ได้พูดออกมาด้วยเสียงทุ้มต่ำ
ถังเกาเชิงได้เงยหน้าขึ้นมาพร้อมทั้งส่ายศีรษะแล้วพูดว่า
“นายไปไม่ได้ ฉันเองก็ไปไม่ได้ หากว่าเราไม่สามารถอยู่นิ่งได้ก็จะแสดงให้พวกมันเห็นว่าเราไม่สามารถสูญเสียได้และเมื่อถึงเวลานั้นพวกมันจะเปิดฉากโจมตีเราแบบเต็มกำลัง”
ณ ตอนนี้
ที่หน้าประตูได้มีคน2คนกำลังเดินเข้ามา ถังหยุนเด่และซูหลิงหยุน
“พ่อครับ สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง ?”
หลังจากที่ถังหยุนเด่ได้เข้ามาแล้วก็ได้เดินไปหาถังเกาเชิงพร้อมถามออกมาอย่างรวดเร็ว
ถังเกาเชิงเองก็ได้ตอบกลับด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า
“ศูนย์ใหญ่สตาร์ไลท์กรุ๊ปถูกเผาวอด ฉันเดาว่าต้องเป็นฝีมือของพวกมัน”
ท่าทางของถังหยุนเด่เองก็เปลี่ยนไปพร้อมทั้งพูดออกมาว่า
“ให้ผมไปจัดการให้ไหม ?”
ถังเกาเชิงเองก็ส่ายศีรษะพร้อมทั้งพูดว่า
“ตอนนี้ยังเพราะพี่ชายของลูกได้ไปจัดการแล้ว อย่างไรก็ตามลูกบอกมาหน่อยสิว่ากองกำลังลับของลูกนั้นมีความสามารถระดับไหนกัน?”
ถังหยุนเด่เองก็ได้พูดออกมาว่า
“ทางฝั่งของเกาะไซปันเองก็ไม่ค่อยจะสะดวกจะเคลื่อนไหวเสียเท่าไหร่เพราะกำลังอยู่ในช่วงปรับตัวและหากว่าสำเร็จก็จะเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดของที่นั่นและอาจถึงขั้นที่มีสถานะสูงๆอีกมากมายซึ่งผลประโยชน์ที่จะได้รับเองก็จะเพิ่มมากขึ้น ส่วนทางเกาะดงอ้อเองนั้นสามารถเคลื่อนไหวได้ทุกเมื่อ หลังจากที่ผ่านมาหลายปีนี้บริษัทเองก็เติมโตขึ้นจนมีสินทรัพย์กว่าแสนล้านแถมยังฝึกผู้ใต้บัญชาลับๆไว้มากมาย”
ถังเกาเชิงเองก็ได้หรี่ตาลงพร้อมถามว่า
“อย่างแรกก็ปล่อยให้พี่ชายของลูกจัดการก่อน หากว่าทางฝั่งนั้นยังไม่ดีขึ้นก็ให้ใช้กองกำลังของเกาะดงอ้อเพราะกองกำลังที่ตระกูลเราฝึกเอาไว้ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ในตอนนี้ พวกเขาจะต้องซ่อนตัวจนกว่าจะถึงช่วงที่ร้ายแรงจริงๆ”
ถังหยุนเด่เองก็ได้พยักหน้าพร้อมทั้งพูดว่า
“ไม่มีปัญหาแต่เรื่องของสตาร์ไลท์กรุ๊ปจะเอาอย่างไรครับ ? ศูนย์ใหญ่เองก็ถูกเผาไปแล้วถึงแม้ว่าจะเปลี่ยนไปทำอย่างอื่นก็ยังต้องใช้เวลาอีกนาน”
ถังเกาเชิงเองก็ได้ตอบกลับไปว่า
“หากว่าไม่ดีจริงๆก็ให้กลุ่มที่อยู่ในจังหวัดฟูคังและกวนหยางถอนตัวออกมา แม้ว่าศูนย์หลักจะตั้งอยู่ที่กวนหยางก็ตามแต่เราก็ยังมีสาขาย่อยอยู่อีกหลายๆจังหวัด เราจะเปลี่ยนไปให้ทางสาขาบริหารงานแทนชั่วคราว”
ถังหยุนเด่เองก็ได้พยักหน้า
ทันใดนั้นท่าทางของเขาก็เปลี่ยนไปพร้อมทั้งจำเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างทางได้ เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดออกมาว่า
“พ่อครับ เมื่อกี้นี้ซิ่วน้อยได้ติดต่อมาหาผม”
ถังเกาเชิงเองก็ได้ขมวดคิ้วพร้อมทั้งถามออกมาด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า
“แล้วลูกบอกเขาเรื่องสถานการณ์ที่นี่หรือเปล่า ?”
ถังหยุนเด่เองก็ได้พยักหน้าพร้อมทั้งพูดว่า
“เขาเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลเราและในเมื่อเขาถามออกมาตรงๆผมก็เลยไม่ได้ปฏิเสธเขาไปยิ่งไปกว่านั้นเขาก็โตเป็นผู้ใหญ่แล้วซึ่งผมเองก็ไม่อยากจะปิดบังเขาเช่นกัน”
ถังเกาเชิงได้แสยะออกมาว่า
“เขาโตแล้วก็จริงแต่ก็ยังเป็นเด็กในสายตาของพวกเรา ให้เขาตั้งใจเรียนต่อไปและไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องของตระกูล ตระกูลของเราเองก็เสียหายไปมา เราทำได้แต่ส่งเสริมหลาน ให้หลานอยู่ดีกินดีก็พอแล้วส่วนเรื่องอื่นๆเราจะเป็นคนแบกรับมันเอง”
ซูหลิงหยุนเองก็ได้ขัดจังหวะออกมาเป็นครั้งแรกว่า
“พ่อค่ะ หนูคิดว่าที่หยุนเด่พูดก็ถูกนะคะ แม้ว่าซิ่วน้อยจะยังเป็นเด็กแต่เขาเป็นคนที่มีไหวพริบมากๆในเมื่อเขามีเลือดของตระกูลถังไหลเวียนอยู่ก็ต้องฝ่าฟันไปด้วยกัน หนูคิดว่าเรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องปิดบังเขายิ่งไปกว่านั้นหนูก็ได้ยินเขาพูดว่าได้เงินมามากมายและหากว่าต้องการก็สามารถพูดกับเขาได้เลย”
ถังเกาเชิงโกรธจัดแต่ก็ไม่ได้แสดงสีหน้าออกมาเพราะหากว่านี่เป็นคำพูดที่ออกมาจากปากของถังหยุนเด่ก็รับรองได้เลยว่าเขาจะสาปแช่งออกมาอย่างแน่นอนแต่นี่มันออกมาจากปากของลูกสะใภ้ที่ไม่ได้เจอกันกว่า20ซึ่งเขาไม่สามารถระเบิดอารมณ์ออกมาได้
เขาทำได้แค่ยับยั้งมันไว้พร้อมทั้งตอบกลับไปว่า
“ซิ่วน้อยเป็นคนของตระกูลก็จริงแต่เขากำลังอยู่ในช่วงหาความรู้ แน่นอนว่าเขาจะต้องฝ่าฟันไปพร้อมกับตระกูลแต่ก็ยังไม่ใช่ตอนนี้ เมื่อเขาเรียนจบเมื่อไหร่หากว่าเขาต้องการพ่อก็จะเป็นคนปูทางให้เขาเอง หากว่าเขาต้องการสร้างธุรกิจพ่อก็จะโอนทุกอย่างให้กับเขา หากว่าเขาอยากจะทำงานเกี่ยวกับภาครัฐ พ่อก็จะเปิดเส้นทางที่โรยด้วยกลีบกุหลาบให้เขาแต่จำไว้ว่ายังไม่ถึงเวลา”
ถังหยุนเด่และซูหลิงหยุนเองก็ได้มองไปที่กันและกัน พวกเขารู้สึกได้ถึงความรักที่พ่อมีให้กับลูกชายเขาอย่างไรก็ตามถังหยุนเด่ที่เป็นคนหัวรั้น เขาซึ่งหมดสติไปนานกว่า20ปีนั้นก็ได้รวบรวมความกล้าขึ้นมา
20ปีของการที่หมดสติไปนั้น ความมืดมิดที่ได้รับอาจจะทำให้คนเป็นบ้าไปเลยด้วยซ้ำทว่าเขาได้ใช้พลังใจเพื่อสู้กับมันและเป็นผลพลอยได้ที่ทำให้เขาเป็นคนที่สงบนิ่งเป็นอย่างมาก
“พ่อครับ พ่อสามารถพูดความคิดของพ่อได้แต่ผมเองก็ต้องบอกความคิดของซิ่วน้อยให้พ่อฟัง”
ถังหยุนเด่ได้พูดอย่างตรงไปตรงมา
ถังเกาเชิงเองก็ได้จ้องมองก่อนที่จะถามออกไปว่า
“ซิ่วน้อยมีความคิดอะไรกัน ?”
ถังหยุนเด่เองก็ได้พูดออกมาว่า
“ซิ่วน้อยได้บอกผมว่าหากตระกูลของเราต้องการอะไรก็ให้บอกเขาได้เลย หากรวมขุมอำนาจในมือที่เขามีอยู่แล้วก็ถึงกับทำให้ผมต้องตกตะลึงเลยก็ว่าได้”
คิ้วของถังเกาเชิงเองก็ได้ขมวดเข้าหากันก่อนที่จะพูดออกมาว่า
“ซิ่วน้อยจะไปมีขุมอำนาจอะไรกัน ? ไม่ใช่ว่าเขาทำธุรกิจในเมืองสตาร์ซิตี้งั้นหรอ ?”
ถังหยุนเด่เองก็ได้ฝืนยิ้มออกมาแล้วพูดว่า
“ยิ่งกว่าธุรกิจอีกพ่อ แม้ว่าผมไม่สามารถบอกได้ว่าเขามีเงินอยู่จำนวนเท่าไหร่แต่ผมก็ประเมินไว้อย่างต่ำคือ3-4พันล้าน”
ถังเกาเชิงถึงกับชะงักไปส่วนถังเกาโฉวเองก็โง่งมในทันทีซึ่งรวมไปถึงถังหมินที่ยืนอยู่ข้างๆ พวกเขามองไปที่ถังหยุนเด่ด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
3-4พันล้าน ?
เป็นไปได้ไงกัน ?
สินทรัพย์โดยรวมของบริษัทถังผู้สูงส่งเองก็ไม่น่าจะเกิน1พันล้านจากที่ถังเกาเชิงได้ส่งคนไปตรวจสอบมา แล้วอยู่ดีๆทำไมถึงได้เพิ่มขึ้นไปหลายเท่าตัว ?
ถังเกาเชิงเองก็ได้พูดออกมาทันทีว่า
“ลูกหมายความว่าลูกรู้ว่าเขามีเงินอย่างต่ำ3-4พันล้านแต่ลูกไม่รู้ว่าเขามีขุมพลังอะไรอยู่ในมือบ้างใช่ไหม ?”
ถังหยุนเด่เองก็ได้ตอบกลับไปว่า
“ใช่แล้ว”
ถังเกาเชิงเองก็ได้ถามออกมาว่า
“ไหนลูกบอกมาหน่วยสิว่านอกจากบริษัทของเขาแล้วซิ่วน้อยมีสินทรัพย์อะไรอีกบ้าง ?”
ถังหยุนเด่เองก็ได้พูดออกมาว่า
“เขาได้ซื้อเกาะที่ใจกลางมหาสมุทรแปซิฟิกในราคา2.5พันล้าน เงินนั่นเป็นเงินที่เขายืมมาจากเฉินซีซ่งอย่างไรก็ตามผมก็ไม่รู้ว่าเขาได้ใช้วิธีไหนแต่ก็ได้นำเงินไปคืนหมดแล้วยิ่งไปกว่านั้นเขาก็เพิ่งจะไปที่นั่นมาและต้องการจะแต่งเติมมัน ผมคิดว่าเงินค่าก่อสร้างเองก็คงจะไม่ใช่น้อยๆอย่างแน่นอน”
ถังเกาเชิงเองก็ได้ตกตะลึงพร้อมถามออกมาว่า
“แล้วเขาไปซื้อเกาะนั่นมาทำไมกัน ?”
ถังหยุนเด่เองก็ได้พูดออกมาว่า
“ซิ่วน้อยได้บอกว่าที่นั่นจะเป็นฐานทัพของตระกูลเราในอนาคต”
มหาสมุทรแปซิฟิก ?
เกาะ ?
ฐานทัพ ?
ถังเกาเชิงไม่ใช่คนเดียวที่ได้รับผลกระทบจากคำพูดนี้แต่รวมไปถึงถังเกาโฉวและถังหมินที่ยืนอยู่ข้างๆพวกเขาด้วย ถังซิ่วได้พูดไว้ว่าจะสร้างฐานทัพของตระกูล ? อย่าบอกนะว่าหากเกิดอะไรที่ตระกูลไม่สามารถแบกรับได้ก็จะย้ายไปอยู่ที่นั่น ?
หลังจากผ่านไปนาน ถังเกาเชิงเองก็ได้โบกมือพร้อมทั้งพูดว่า
“ไม่ว่าเขาจะมีขุมอำนาจอะไรแต่เขาก็เด็กเกินไปและไม่สามารถช่วยตระกูลได้ในตอนนี้ดังนั้นเรามาแก้ปัญหาเหล่านี้กันก่อน”
เซี่ยงไฮ้
วิลล่าโครงการบลูสตาร์
ถังซิ่วยังไม่ได้พักผ่อนหรือบ่มเพาะพลัง หลังจากที่เขาคิดอยู่นานก็ได้โทรไปหากู่เสี่ยวเสวี่ย
“ท่านอาจารย์ปู่ ท่านมีเรื่องอะไรหรอค่ะ ?”
เสียงมีชีวิตชีวาของกู่เสี่ยวเสวี่ยได้ดังขึ้น
ถังซิ่วได้พูดออกมาว่า
“เสี่ยวเสวี่ย ข้ามีเรื่องที่ต้องการจะถามเจ้า”
“ท่านอาจารย์ปู่ ท่านว่ามาเลยค่ะ”
กู่เสี่ยวเสวี่ยได้ตอบกลับไป
ถังซิ่วได้ถามออกมาว่า
“ที่จังหวัดกวนหยางและฟูคังนั้นมีคนของห้องอาหารเราหรือเปล่า ?”
กู่เสี่ยวเสวี่ยเองก็ได้พูดออกมาว่า
“มีสาขาย่อยของบริษัทอัญมณีแกรนด์ฟอร์จูนค่ะเพียงแต่ว่าสมาชิกหลักของเราไม่ได้อยู่ประจำที่นั่นมากมายคะ”
ถังซิ่วได้ถามออกมาว่า
“แล้วเรามีผู้เชี่ยวชาญที่สามารถใช้ได้เยอะแค่ไหนกัน ?”
กู่เสี่ยวเสวี่ยได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“สามารถให้ทุกคนเคลื่อนไหวได้ทันทีค่ะ หากว่าท่านอาจารย์ปู่มีความต้องการศิษย์ก็สามารถส่งกองกำลังไปยังจังหวัดพวกนั้นได้เหมือนกัน อ่อใช่ยังมีใครบางคนในจังหวัดฟูคังที่ติดค้างเราอยู่ค่ะ”
ถังซิ่วได้ถามออกมาว่า
“ใครกัน ?”
กู่เสี่ยวเสวี่ยได้ตอบกลับไปว่า
“ตระกูลฮ่วงค่ะ ก่อนหน้านี้ท่านอาจารย์ได้ช่วยชีวิตหัวหน้าตระกูลเอาไว้ แม้กระทั่งเรื่องที่เขาได้ขึ้นเป็นหัวหน้าตระกูลเองก็ได้รับความช่วยเหลือจากท่านอาจารย์ดังนั้นหากท่านต้องการอะไรตระกูลฮ่วงก็จะช่วยอย่างเต็มที่ค่ะ”
ถังซิ่วได้ถามออกมาว่า
“แล้วตระกูลฮ่วงใหญ่แค่ไหนกัน ?”
กู่เสี่ยวเสวี่ยเองก็ได้พูดออกมาว่า
“ไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็นอันดับหนึ่ง สามารถเรียกได้ว่าอยู่ที่สอง ในหลายๆปีมานี้หัวหน้าตระกูลเขาเองก็ได้มาที่ห้องอาหารของเราเพื่อพบกับท่านอาจารย์อยู่บ่อยๆแต่ก็น่าเสียดายที่ต้องกลับไปพร้อมกับความผิดหวัง อย่างไรก็ตาม......”
ถังซิ่วได้ถามต่อว่า
“อะไร ?”
กู่เสี่ยวเสวี่ยเองก็ได้พูดว่า
“เพื่อให้ตระกูลฮ่วงรู้สึกติดค้างศิษย์เลยได้ออกคำสั่งให้พวกเขาส่งคนที่โดดเด่นของตระกูลมา3คนในทุกๆสามปีเพื่อได้รับการฝึกของห้องอาหารร้อยงานฉลอง สามารถเรียกได้ว่าห้องอาหารของเราเองก็ได้ฝึกผู้เชี่ยวชาญไปเป็นจำนวนมาก”
ถังซิ่วได้พูดออกมาด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า
“ในเมื่อมีตระกูลฮ่วงอยู่ดังนั้นก็ไม่จำเป็นต้องใช้คนจากห้องอาหารของเรา ตอนนี้ตระกูลของข้ากำลังขัดแย้งอยู่กับสองขั้วอำนาจในจังหวัดฟูคังและกวนหยาง เจ้าเอาวิธีติดต่อหัวหน้าตระกูลฮ่วงมาให้ข้าด้วย”
“ได้ค่ะ”