ตอนที่แล้วReturning From The Immortal World - 335
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปReturning From The Immortal World - 337

Returning From The Immortal World - 336


.......................................................................................................................................................................................

ท่าทางของถังเกาเชิงเองก็เปลี่ยนไปพร้อมกับใบหน้าที่บิดเบี้ยว สตาร์ไลท์กรุ๊ปเป็นบริษัทในเครือตระกูลถังที่ทำรายได้มาปีละหลายพันล้านซึ่งเรียกได้ว่ามันเป็นแหล่งเงินทุนหลัก1ใน3ของตระกูลเลยก็ว่าได้ เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นก็แน่นอนว่ามันจะส่งผลกระทบต่อตระกูลแน่นอน

“ใครมันกล้าลงมือ ?”

ถังหยุนเป็งเองก็ได้พูดว่า

“ยังไม่สามารถระบุได้ครับ ตอนนี้ที่ศูนย์ใหญ่เองก็กำลังให้หน่วยรักษาความปลอดภัยตรวจสอบกล้องวงจรปิดยิ่งไปกว่านั้นคือสัญญาณไฟไหม้ของที่นั่นเองก็ไม่สามารถส่งได้ซึ่งจะส่งผลให้ตึกทั้งตึกถูกเผาแน่นอน ยามที่อยู่ด้านในต้องถูกไฟคลอกตายทั้งเป็น”

ถังเกาเชิงเองก็ได้พูดออกมาด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า

“ติดต่อหาหน่วยรักษาความปลอดภัยที่อยู่ด้านในแล้วบอกพวกเขาว่าให้ทิ้งคนเอาไว้สองคนเพื่อหาเงื่อนงำส่วนที่เหลือให้รีบออกมาจากตึกให้เร็วที่สุด หากว่าคนที่ถูกทิ้งเอาไว้ต้องตายที่นั่นเราก็จะดูแลครอบครัวของพวกเขาอย่างดีไปตลอดชีวิต”

“ได้ครับ”

ถังหยุนเป็งเองก็ได้ตอบตกลงพร้อมวางสายไปทันที

หลังจากที่ถังเกาเชิงวางโทรศัพท์ลงแล้วก็เงียบไปนาน เขากำลังคิดว่าควรจะจัดการเรื่องเช่นนี้อย่างไร

“พี่ชาย ให้ผมไปด้วย”

ถังเกาโฉวเองก็ได้พูดออกมาด้วยเสียงทุ้มต่ำ

ถังเกาเชิงได้เงยหน้าขึ้นมาพร้อมทั้งส่ายศีรษะแล้วพูดว่า

“นายไปไม่ได้ ฉันเองก็ไปไม่ได้ หากว่าเราไม่สามารถอยู่นิ่งได้ก็จะแสดงให้พวกมันเห็นว่าเราไม่สามารถสูญเสียได้และเมื่อถึงเวลานั้นพวกมันจะเปิดฉากโจมตีเราแบบเต็มกำลัง”

ณ ตอนนี้

ที่หน้าประตูได้มีคน2คนกำลังเดินเข้ามา ถังหยุนเด่และซูหลิงหยุน

“พ่อครับ สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง ?”

หลังจากที่ถังหยุนเด่ได้เข้ามาแล้วก็ได้เดินไปหาถังเกาเชิงพร้อมถามออกมาอย่างรวดเร็ว

ถังเกาเชิงเองก็ได้ตอบกลับด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า

“ศูนย์ใหญ่สตาร์ไลท์กรุ๊ปถูกเผาวอด ฉันเดาว่าต้องเป็นฝีมือของพวกมัน”

ท่าทางของถังหยุนเด่เองก็เปลี่ยนไปพร้อมทั้งพูดออกมาว่า

“ให้ผมไปจัดการให้ไหม ?”

ถังเกาเชิงเองก็ส่ายศีรษะพร้อมทั้งพูดว่า

“ตอนนี้ยังเพราะพี่ชายของลูกได้ไปจัดการแล้ว อย่างไรก็ตามลูกบอกมาหน่อยสิว่ากองกำลังลับของลูกนั้นมีความสามารถระดับไหนกัน?”

ถังหยุนเด่เองก็ได้พูดออกมาว่า

“ทางฝั่งของเกาะไซปันเองก็ไม่ค่อยจะสะดวกจะเคลื่อนไหวเสียเท่าไหร่เพราะกำลังอยู่ในช่วงปรับตัวและหากว่าสำเร็จก็จะเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดของที่นั่นและอาจถึงขั้นที่มีสถานะสูงๆอีกมากมายซึ่งผลประโยชน์ที่จะได้รับเองก็จะเพิ่มมากขึ้น ส่วนทางเกาะดงอ้อเองนั้นสามารถเคลื่อนไหวได้ทุกเมื่อ หลังจากที่ผ่านมาหลายปีนี้บริษัทเองก็เติมโตขึ้นจนมีสินทรัพย์กว่าแสนล้านแถมยังฝึกผู้ใต้บัญชาลับๆไว้มากมาย”

ถังเกาเชิงเองก็ได้หรี่ตาลงพร้อมถามว่า

“อย่างแรกก็ปล่อยให้พี่ชายของลูกจัดการก่อน หากว่าทางฝั่งนั้นยังไม่ดีขึ้นก็ให้ใช้กองกำลังของเกาะดงอ้อเพราะกองกำลังที่ตระกูลเราฝึกเอาไว้ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ในตอนนี้ พวกเขาจะต้องซ่อนตัวจนกว่าจะถึงช่วงที่ร้ายแรงจริงๆ”

ถังหยุนเด่เองก็ได้พยักหน้าพร้อมทั้งพูดว่า

“ไม่มีปัญหาแต่เรื่องของสตาร์ไลท์กรุ๊ปจะเอาอย่างไรครับ ? ศูนย์ใหญ่เองก็ถูกเผาไปแล้วถึงแม้ว่าจะเปลี่ยนไปทำอย่างอื่นก็ยังต้องใช้เวลาอีกนาน”

ถังเกาเชิงเองก็ได้ตอบกลับไปว่า

“หากว่าไม่ดีจริงๆก็ให้กลุ่มที่อยู่ในจังหวัดฟูคังและกวนหยางถอนตัวออกมา แม้ว่าศูนย์หลักจะตั้งอยู่ที่กวนหยางก็ตามแต่เราก็ยังมีสาขาย่อยอยู่อีกหลายๆจังหวัด เราจะเปลี่ยนไปให้ทางสาขาบริหารงานแทนชั่วคราว”

ถังหยุนเด่เองก็ได้พยักหน้า

ทันใดนั้นท่าทางของเขาก็เปลี่ยนไปพร้อมทั้งจำเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างทางได้ เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดออกมาว่า

“พ่อครับ เมื่อกี้นี้ซิ่วน้อยได้ติดต่อมาหาผม”

ถังเกาเชิงเองก็ได้ขมวดคิ้วพร้อมทั้งถามออกมาด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า

“แล้วลูกบอกเขาเรื่องสถานการณ์ที่นี่หรือเปล่า ?”

ถังหยุนเด่เองก็ได้พยักหน้าพร้อมทั้งพูดว่า

“เขาเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลเราและในเมื่อเขาถามออกมาตรงๆผมก็เลยไม่ได้ปฏิเสธเขาไปยิ่งไปกว่านั้นเขาก็โตเป็นผู้ใหญ่แล้วซึ่งผมเองก็ไม่อยากจะปิดบังเขาเช่นกัน”

ถังเกาเชิงได้แสยะออกมาว่า

“เขาโตแล้วก็จริงแต่ก็ยังเป็นเด็กในสายตาของพวกเรา ให้เขาตั้งใจเรียนต่อไปและไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องของตระกูล ตระกูลของเราเองก็เสียหายไปมา เราทำได้แต่ส่งเสริมหลาน ให้หลานอยู่ดีกินดีก็พอแล้วส่วนเรื่องอื่นๆเราจะเป็นคนแบกรับมันเอง”

ซูหลิงหยุนเองก็ได้ขัดจังหวะออกมาเป็นครั้งแรกว่า

“พ่อค่ะ หนูคิดว่าที่หยุนเด่พูดก็ถูกนะคะ แม้ว่าซิ่วน้อยจะยังเป็นเด็กแต่เขาเป็นคนที่มีไหวพริบมากๆในเมื่อเขามีเลือดของตระกูลถังไหลเวียนอยู่ก็ต้องฝ่าฟันไปด้วยกัน หนูคิดว่าเรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องปิดบังเขายิ่งไปกว่านั้นหนูก็ได้ยินเขาพูดว่าได้เงินมามากมายและหากว่าต้องการก็สามารถพูดกับเขาได้เลย”

ถังเกาเชิงโกรธจัดแต่ก็ไม่ได้แสดงสีหน้าออกมาเพราะหากว่านี่เป็นคำพูดที่ออกมาจากปากของถังหยุนเด่ก็รับรองได้เลยว่าเขาจะสาปแช่งออกมาอย่างแน่นอนแต่นี่มันออกมาจากปากของลูกสะใภ้ที่ไม่ได้เจอกันกว่า20ซึ่งเขาไม่สามารถระเบิดอารมณ์ออกมาได้

เขาทำได้แค่ยับยั้งมันไว้พร้อมทั้งตอบกลับไปว่า

“ซิ่วน้อยเป็นคนของตระกูลก็จริงแต่เขากำลังอยู่ในช่วงหาความรู้ แน่นอนว่าเขาจะต้องฝ่าฟันไปพร้อมกับตระกูลแต่ก็ยังไม่ใช่ตอนนี้ เมื่อเขาเรียนจบเมื่อไหร่หากว่าเขาต้องการพ่อก็จะเป็นคนปูทางให้เขาเอง หากว่าเขาต้องการสร้างธุรกิจพ่อก็จะโอนทุกอย่างให้กับเขา หากว่าเขาอยากจะทำงานเกี่ยวกับภาครัฐ พ่อก็จะเปิดเส้นทางที่โรยด้วยกลีบกุหลาบให้เขาแต่จำไว้ว่ายังไม่ถึงเวลา”

ถังหยุนเด่และซูหลิงหยุนเองก็ได้มองไปที่กันและกัน พวกเขารู้สึกได้ถึงความรักที่พ่อมีให้กับลูกชายเขาอย่างไรก็ตามถังหยุนเด่ที่เป็นคนหัวรั้น เขาซึ่งหมดสติไปนานกว่า20ปีนั้นก็ได้รวบรวมความกล้าขึ้นมา

20ปีของการที่หมดสติไปนั้น ความมืดมิดที่ได้รับอาจจะทำให้คนเป็นบ้าไปเลยด้วยซ้ำทว่าเขาได้ใช้พลังใจเพื่อสู้กับมันและเป็นผลพลอยได้ที่ทำให้เขาเป็นคนที่สงบนิ่งเป็นอย่างมาก

“พ่อครับ พ่อสามารถพูดความคิดของพ่อได้แต่ผมเองก็ต้องบอกความคิดของซิ่วน้อยให้พ่อฟัง”

ถังหยุนเด่ได้พูดอย่างตรงไปตรงมา

ถังเกาเชิงเองก็ได้จ้องมองก่อนที่จะถามออกไปว่า

“ซิ่วน้อยมีความคิดอะไรกัน ?”

ถังหยุนเด่เองก็ได้พูดออกมาว่า

“ซิ่วน้อยได้บอกผมว่าหากตระกูลของเราต้องการอะไรก็ให้บอกเขาได้เลย หากรวมขุมอำนาจในมือที่เขามีอยู่แล้วก็ถึงกับทำให้ผมต้องตกตะลึงเลยก็ว่าได้”

คิ้วของถังเกาเชิงเองก็ได้ขมวดเข้าหากันก่อนที่จะพูดออกมาว่า

“ซิ่วน้อยจะไปมีขุมอำนาจอะไรกัน ? ไม่ใช่ว่าเขาทำธุรกิจในเมืองสตาร์ซิตี้งั้นหรอ ?”

ถังหยุนเด่เองก็ได้ฝืนยิ้มออกมาแล้วพูดว่า

“ยิ่งกว่าธุรกิจอีกพ่อ แม้ว่าผมไม่สามารถบอกได้ว่าเขามีเงินอยู่จำนวนเท่าไหร่แต่ผมก็ประเมินไว้อย่างต่ำคือ3-4พันล้าน”

ถังเกาเชิงถึงกับชะงักไปส่วนถังเกาโฉวเองก็โง่งมในทันทีซึ่งรวมไปถึงถังหมินที่ยืนอยู่ข้างๆ พวกเขามองไปที่ถังหยุนเด่ด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

3-4พันล้าน ?

เป็นไปได้ไงกัน ?

สินทรัพย์โดยรวมของบริษัทถังผู้สูงส่งเองก็ไม่น่าจะเกิน1พันล้านจากที่ถังเกาเชิงได้ส่งคนไปตรวจสอบมา แล้วอยู่ดีๆทำไมถึงได้เพิ่มขึ้นไปหลายเท่าตัว ?

ถังเกาเชิงเองก็ได้พูดออกมาทันทีว่า

“ลูกหมายความว่าลูกรู้ว่าเขามีเงินอย่างต่ำ3-4พันล้านแต่ลูกไม่รู้ว่าเขามีขุมพลังอะไรอยู่ในมือบ้างใช่ไหม ?”

ถังหยุนเด่เองก็ได้ตอบกลับไปว่า

“ใช่แล้ว”

ถังเกาเชิงเองก็ได้ถามออกมาว่า

“ไหนลูกบอกมาหน่วยสิว่านอกจากบริษัทของเขาแล้วซิ่วน้อยมีสินทรัพย์อะไรอีกบ้าง ?”

ถังหยุนเด่เองก็ได้พูดออกมาว่า

“เขาได้ซื้อเกาะที่ใจกลางมหาสมุทรแปซิฟิกในราคา2.5พันล้าน เงินนั่นเป็นเงินที่เขายืมมาจากเฉินซีซ่งอย่างไรก็ตามผมก็ไม่รู้ว่าเขาได้ใช้วิธีไหนแต่ก็ได้นำเงินไปคืนหมดแล้วยิ่งไปกว่านั้นเขาก็เพิ่งจะไปที่นั่นมาและต้องการจะแต่งเติมมัน ผมคิดว่าเงินค่าก่อสร้างเองก็คงจะไม่ใช่น้อยๆอย่างแน่นอน”

ถังเกาเชิงเองก็ได้ตกตะลึงพร้อมถามออกมาว่า

“แล้วเขาไปซื้อเกาะนั่นมาทำไมกัน ?”

ถังหยุนเด่เองก็ได้พูดออกมาว่า

“ซิ่วน้อยได้บอกว่าที่นั่นจะเป็นฐานทัพของตระกูลเราในอนาคต”

มหาสมุทรแปซิฟิก ?

เกาะ ?

ฐานทัพ ?

ถังเกาเชิงไม่ใช่คนเดียวที่ได้รับผลกระทบจากคำพูดนี้แต่รวมไปถึงถังเกาโฉวและถังหมินที่ยืนอยู่ข้างๆพวกเขาด้วย ถังซิ่วได้พูดไว้ว่าจะสร้างฐานทัพของตระกูล ? อย่าบอกนะว่าหากเกิดอะไรที่ตระกูลไม่สามารถแบกรับได้ก็จะย้ายไปอยู่ที่นั่น ?

หลังจากผ่านไปนาน ถังเกาเชิงเองก็ได้โบกมือพร้อมทั้งพูดว่า

“ไม่ว่าเขาจะมีขุมอำนาจอะไรแต่เขาก็เด็กเกินไปและไม่สามารถช่วยตระกูลได้ในตอนนี้ดังนั้นเรามาแก้ปัญหาเหล่านี้กันก่อน”

เซี่ยงไฮ้

วิลล่าโครงการบลูสตาร์

ถังซิ่วยังไม่ได้พักผ่อนหรือบ่มเพาะพลัง หลังจากที่เขาคิดอยู่นานก็ได้โทรไปหากู่เสี่ยวเสวี่ย

“ท่านอาจารย์ปู่ ท่านมีเรื่องอะไรหรอค่ะ ?”

เสียงมีชีวิตชีวาของกู่เสี่ยวเสวี่ยได้ดังขึ้น

ถังซิ่วได้พูดออกมาว่า

“เสี่ยวเสวี่ย ข้ามีเรื่องที่ต้องการจะถามเจ้า”

“ท่านอาจารย์ปู่ ท่านว่ามาเลยค่ะ”

กู่เสี่ยวเสวี่ยได้ตอบกลับไป

ถังซิ่วได้ถามออกมาว่า

“ที่จังหวัดกวนหยางและฟูคังนั้นมีคนของห้องอาหารเราหรือเปล่า ?”

กู่เสี่ยวเสวี่ยเองก็ได้พูดออกมาว่า

“มีสาขาย่อยของบริษัทอัญมณีแกรนด์ฟอร์จูนค่ะเพียงแต่ว่าสมาชิกหลักของเราไม่ได้อยู่ประจำที่นั่นมากมายคะ”

ถังซิ่วได้ถามออกมาว่า

“แล้วเรามีผู้เชี่ยวชาญที่สามารถใช้ได้เยอะแค่ไหนกัน ?”

กู่เสี่ยวเสวี่ยได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“สามารถให้ทุกคนเคลื่อนไหวได้ทันทีค่ะ หากว่าท่านอาจารย์ปู่มีความต้องการศิษย์ก็สามารถส่งกองกำลังไปยังจังหวัดพวกนั้นได้เหมือนกัน อ่อใช่ยังมีใครบางคนในจังหวัดฟูคังที่ติดค้างเราอยู่ค่ะ”

ถังซิ่วได้ถามออกมาว่า

“ใครกัน ?”

กู่เสี่ยวเสวี่ยได้ตอบกลับไปว่า

“ตระกูลฮ่วงค่ะ ก่อนหน้านี้ท่านอาจารย์ได้ช่วยชีวิตหัวหน้าตระกูลเอาไว้ แม้กระทั่งเรื่องที่เขาได้ขึ้นเป็นหัวหน้าตระกูลเองก็ได้รับความช่วยเหลือจากท่านอาจารย์ดังนั้นหากท่านต้องการอะไรตระกูลฮ่วงก็จะช่วยอย่างเต็มที่ค่ะ”

ถังซิ่วได้ถามออกมาว่า

“แล้วตระกูลฮ่วงใหญ่แค่ไหนกัน ?”

กู่เสี่ยวเสวี่ยเองก็ได้พูดออกมาว่า

“ไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็นอันดับหนึ่ง สามารถเรียกได้ว่าอยู่ที่สอง ในหลายๆปีมานี้หัวหน้าตระกูลเขาเองก็ได้มาที่ห้องอาหารของเราเพื่อพบกับท่านอาจารย์อยู่บ่อยๆแต่ก็น่าเสียดายที่ต้องกลับไปพร้อมกับความผิดหวัง อย่างไรก็ตาม......”

ถังซิ่วได้ถามต่อว่า

“อะไร ?”

กู่เสี่ยวเสวี่ยเองก็ได้พูดว่า

“เพื่อให้ตระกูลฮ่วงรู้สึกติดค้างศิษย์เลยได้ออกคำสั่งให้พวกเขาส่งคนที่โดดเด่นของตระกูลมา3คนในทุกๆสามปีเพื่อได้รับการฝึกของห้องอาหารร้อยงานฉลอง สามารถเรียกได้ว่าห้องอาหารของเราเองก็ได้ฝึกผู้เชี่ยวชาญไปเป็นจำนวนมาก”

ถังซิ่วได้พูดออกมาด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า

“ในเมื่อมีตระกูลฮ่วงอยู่ดังนั้นก็ไม่จำเป็นต้องใช้คนจากห้องอาหารของเรา ตอนนี้ตระกูลของข้ากำลังขัดแย้งอยู่กับสองขั้วอำนาจในจังหวัดฟูคังและกวนหยาง เจ้าเอาวิธีติดต่อหัวหน้าตระกูลฮ่วงมาให้ข้าด้วย”

“ได้ค่ะ”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด