Returning From The Immortal World - 328
.......................................................................................................................................................................................
*เปลี่ยนคังเซี่ยนเป็นคังเซี่ยนะ
จินซิงกุยนั้นไม่ได้สนใจเรื่องราคาของไวน์อยู่แล้วแต่สิ่งที่เขาสนใจคือการที่สามารถสร้างความสัมพันธ์ คนอื่นอาจไม่รู้ถึงความน่ากลัวของถังซิ่วแต่เขารู้จักดี หากว่าสามารถสร้างความสัมพันธ์กับถังซิ่วได้แล้วต่อให้จะไม่ได้ผลประโยชน์อะไรในอนาคตแต่ก็รับรองได้ว่าไม่เสียประโยชน์แน่นอน
“โอเค แล้วแต่บอสถังเลยแล้วกัน”
ถังซิ่วได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“ดูเหมือนว่าบอสจินจะเป็นคนที่ตรงไปตรงมาดีนะ โชคดีจริงๆที่มาถึงแล้วก็เจอคนแบบคุณ เอางี้ เรียกผมว่าถังซิ่วหรือไม่ก็เพื่อนถังแบบที่เหมี่ยวเหวินถังพูดก็ได้”
จินซิงกุยนั้นดีใจเป็นอย่างมากก่อนที่จะรีบหยิบขวดไวน์มาเติมให้ถังซิ่วอย่างเร็วแล้วพูดออกมาว่า
“ดูเหมือนว่าจะเป็นหนี้จริงๆที่เพื่อนถังไม่ถือสาอะไร แม้ว่าเราจะพบกันเป็นครั้งแรกแต่ฉันรู้สึกว่าเราเป็นเหมือนเพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอกันมานานเลยนะ มา เรามาดื่มกันสักแก้ว”
ถังซิ่วเองก็ไม่ได้ปฏิเสธพร้อมกับชนแก้วกับจินซิงกุย
ซางเยวี่ยหมิงและกู่ชางหมินเองก็ได้สับสนกับการประจบแบบเห็นได้ชัดของจินซิงกุยทันที พวกเขาคิดไม่ออกเลยว่าทำไมคนที่มีอำนาจมากมายในเซี่ยงไฮ้ถึงได้แสดงเจตนาดีต่อถังซิ่วพร้อมกับลดสถานะลงมาอยู่ระดับเดียวกัน
เขา.....
เขารู้อะไรมา ?
พวกเขาเป็นคนที่ฉลาดและถึงแม้มันจะไม่ถูกทั้งหมดแต่ก็เริ่มให้ความสำคัญกับตัวตนของถังซิ่วมากขึ้น
ซางเยวี่ยหมิงเองก็ได้ยกแก้วขึ้นมาแล้วพูดว่า
“เพื่อนถัง เพื่อนจินเป็นคนที่มีสายตาดีเสมอ ในเมื่อเขาสั่งไวน์ชั้นดีจากนายงั้นฉันก็จะสั่งซื้อด้วยเช่นกัน มันจะเป็นอะไรหรือเปล่า ?”
กู่ชางหมินเองก็ได้เปิดปากพูดออกมาว่า
“ฉันเองก็ต้องการที่จะสั่งเหมือนกัน”
ถังซิ่วได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“ไม่มีปัญหา เมื่อถึงเวลาแล้วคุณทั้งสามก็ไปคุยกับผู้จัดการคังเซี่ยจากบริษัทถังผู้สูงส่งได้เลย ผมจะบอกเธอไว้ล่วงหน้าเอง”
“บริษัทถังผู้สูงส่ง ?”
“คังเซี่ย ?”
ซางเยวี่ยหมิงและกู่ชางหมินเองก็ได้โห่ร้องออกมา
จินซิงกุยเองก็ได้ชะงักไปพร้อมกับสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อ
พวกเขารู้ว่าผู้มีความสามารถระดับสูงอย่างคังเซี่ยนั้นได้ไปที่เมืองสตาร์ซิตี้ก่อนที่เธอจะก่อตั้งบริษัทขึ้น เงินลงทุนเองก็ไม่ใช่น้อยๆแต่พวกเขาไม่คิดเลยว่าเธอจะทำงานให้แก่ถังซิ่ว รับรองได้เลยว่าหากข่าวนี้ได้แพร่กระจายออกไปพรุ่งนี้มันจะขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์เกี่ยวกับการเงินและเศรษฐกิจอย่างแน่นอน
เหมี่ยวเหวินถังเองก็ได้พูดออกมาว่า
“ดูเหมือนว่าพวกนายจะไม่รู้สินะ มันก็ไม่แปลกหรอกเพราะเพื่อนถังเป็นคนที่คอยคุมอยู่เบื้องหลังซึ่งเขาไม่ค่อยจะบริหารงานที่บริษัทเท่าไหร่ พวกนายรู้เรื่องการลงทุนของฉันที่เมืองสตาร์ซิตี้ไหม ? จริงๆแล้วมันเป็นสิ่งที่เพื่อนถังเป็นคนคิดขึ้น พวกเราเองก็ถือหุ้นและทำกำไรจากเพื่อนถัง”
ซางเยวี่ยหมิง กู่ชางหมินและรวมไปถึงจินซิงกุยเองก็รู้สึกโง่งมเป็นอย่างมาก พวกเขาถูกกระแทกด้วยข่าวที่น่าตกตะลึงนี้ พวกเขาสามารถมองได้จากตาเปล่าๆเลยก็รู้ว่าโครงการนั้นต้องใช้เงินทุนเป็นจำนวนมาก พิมพ์เขียวที่ซับซ้อน พวกเขาหวังว่าจะสามารถโยนเงินในตระกูลทั้งหมดเพื่อลงทุนกับโครงการนี้เลยด้วยซ้ำ
พวกเขามีสถานะอย่างไรกัน ?
สามารถมองกาลไกลได้ขนาดไหน ?
ทำไมถึงได้สามารถรู้ว่าโครงการเหล่านี้จะสร้างผลกำไรที่มหาศาล ?
เพียงแค่ พวกเขาไม่คิดว่าโครงการที่มีมูลค่าเป็นแสนล้านกลับมีเด็กหนุ่มคนนี้เป็นหัวหอก
ริมฝีปากของซางเยวี่ยหมิงเองก็ได้ขดไปมาก่อนที่เขาจะยกนิ้วชื่นชมว่า
“บอสถัง นายทำให้พวกเราถึงกับหน้าแดงด้วยความละอายจริงๆ เงินที่ได้มาอย่างยากเย็นขมขื่นของพวกเรานั้นหากว่านับแล้วก็ไม่ใช่น้อยๆแต่ก็ไม่กล้าที่จะเล่นใหญ่แบบเธอเลย !”
ถังซิ่วได้ตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มว่า
“พี่ชาย เราอย่าพูดเรื่องธุรกิจพวกนี้เลยดีกว่า จริงๆแล้วฉันเป็นแค่กระทิงหนุ่มที่ไม่กลัวเสือเท่านั้น แม้ว่าเราจะแพ้แต่ก็สามารถเริ่มใหม่ได้ ฉันขอดื่มให้นายแก้วหนึ่ง”
“มา”
“ดื่ม”
พวกเขาทั้ง5คนก็ได้ดื่มไวน์ลงไปในท้อง
ทันใดนั้น
ถังซิ่วเองก็ได้ยืนขึ้นพร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้มว่า
“ฉันมีเรื่องที่ต้องไปจัดการดังนั้นจะต้องขอตัวแล้ว ขอบคุณสำหรับวันนี้มากที่พี่ชายทั้งหลายได้ให้การสนับสนุน ฉันบอกได้เลยว่าเมื่อถึงเวลาแล้วจะตอบแทนด้วยไวน์ชั้นเลิศ เพื่อนเหมี่ยวหลังจากที่เสร็จแล้วก็ให้มาหาฉันที่ห้องสำนักงานด้วยนะ ฉันมีเรื่องบางอย่างที่อยากจะพูดกับนาย”
“ไม่มีปัญหา”
เหมี่ยวเหวินถังได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
หลังจากที่ถังซิ่วได้นำฉีหนานออกไปจากห้องนั้นเขาก็ได้เดินกลับไปที่ห้องสำนักงานทันที เมื่อเขานั่งลงบนโซฟาแล้วฉีหนานเองก็ได้เดินไปชงชามาเสิร์ฟให้กับเขาบนโต๊ะ
“ฉันยังไม่ได้ถามชื่อเธอเลย ?”
ถังซิ่วที่กำลังดื่มชาอยู่นั้นก็ได้โบกมือให้เธอนั่งลงพร้อมกับเปิดปากถามออกมา
“ฉีหนานค่ะ ฉี สำหรับ กำลังแก่ หนาน สำหรับ ต้นซีดาร์ของจีนค่ะ”
ฉีหนานได้ตอบกลับไปอย่างสุภาพ
ถังซิ่วได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“ดูเหมือนว่าเธอจะเป็นสมาชิกหลักของห้องอาหารสินะ ? ไม่เช่นนั้นคงเป็นไปไม่ได้ที่จะเห็นรูปของฉัน”
ฉีหนานเองก็ได้พูดออกมาว่า
“ใช่แล้วค่ะ ! ฉันเข้าเป็นสมาชิกของที่นี้ช้ากว่าเทียนหลี่และเฮาเหล่ประมาณ1ปีค่ะแต่บอสเองก็ยังคงพยายามสอนวิทยายุทธให้กับฉัน”
ถังซิ่วได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“เธอกลัวฉันขนาดนั้นเลยหรอ ?”
ฉีหนานเองก็ลังเลอยู่ก่อนที่จะพูดออกมาว่า
“คุณเป็นบอสที่เราต้องภักดี ฉันว่าการกลัวมันก็เป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว”
ถังซิ่วได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“อย่าได้กลัวฉัน ฉันไม่ใช่เสือและไม่ใช่ปีศาจกระหายเลือด จริงๆแล้วฉันหวังว่าเราจะเป็นเพื่อนกันได้ เป็นสหายคนใกล้ชิดอะไรประมาณนี้”
ฉีหนานเองก็ได้ก้มหัวลงแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
ถังซิ่วได้มองไปที่เธอก่อนที่จะพูดออกมาว่า
“เอาล่ะ ทิ้งความระวังฉันไปก่อน ฉันจะปฏิบัติต่อลูกน้องของฉันเหมือนเป็นคนใกล้ชิดดังนั้นทำงานแบบคนใกล้ชิดกับฉันและแน่นอนว่าฉันจะตอบแทนเธอ”
ฉีหนานเองก็ได้ถามออกมาว่า
“คุณพูดจริงๆงั้นหรอค่ะ ?”
ถังซิ่วได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“แน่นอนว่าจริงๆอยู่แล้ว แม้ว่าฉันจะปฏิบัติกับศัตรูอย่างป่าเถื่อนแต่ฉันจะไม่ทำเรื่องแย่ๆกับลูกน้องแน่นอน โลกนี้มันซับซ้อนเกินไปและการที่จะมาพบเจอกันได้นั้นเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายดังนั้นฉันจึงได้ให้ความสำคัญกับคนมีความสามารถเป็นอย่างมาก เธอในสายตาของฉันเป็นคนที่ฉลาดและมีความสามารถมากๆ”
ฉีหนานเองก็รู้สึกมีความสุขก่อนที่เธอจะพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“บอสค่ะ ฉันภูมิใจในตัวเองจริงๆเลยที่คุณชื่นชมฉันถึงขนาดนี้”
ถังซิ่วอดหัวเราะออกมาไม่ได้พร้อมทั้งพูดว่า
“เรื่องภูมิใจในตัวเองนั้นไม่เป็นไรแต่อย่าให้มีเรื่องเหิมเกริมเกิดขึ้นก็พอ”
ฉีหนานเองก็ได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“คุณสามารถวางใจได้เลยว่าฉันจะจำใส่ใจเอาไว้เสมอค่ะ”
ถังซิ่วได้พยักหน้าพร้อมกับโบกมือแล้วพูดว่า
“เอาล่ะ เธอไปจัดการเรื่องของเธอเถอะ เดี๋ยวฉันจะมีการประชุมอีก เมื่อทางฝั่งของเหมี่ยวเหวินถังเสร็จแล้วก็ช่วยนำเขามาที่นี่หน่อยนะ”
“ได้ค่ะ”
หลังจากที่ได้ยินเช่นนั้นฉีหนานเองก็ได้พยักหน้าก่อนที่จะเดินออกไป
ที่ห้องวีไอพีตรงชั้น4
หลังจากที่ถังซิ่วออกไปแล้วซางเยวี่ยหมิงเองก็อดไม่ได้ที่จะมองไปที่จินซิงกุยแล้วถามออกมาด้วยความสงสัยว่า
“เพื่อนจิน วันนี้นายไม่ร้องเพลงไปเลยล่ะ ? ฉันรู้ว่านายต้องการจะรู้จักกับถังซิ่วแต่ถึงกับต้องทำขนาดนั้นเลยหรอ ?”
จินซิงกุยเองก็ได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มอย่างมีความสุขว่า
“พวกนายไม่เข้าใจหรอก”
ซางเยวี่ยหมิงเองก็ได้พูดออกมาว่า
“เพื่อนจิน เราเองก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกลและนายก็เห็นว่าถังซิ่วเองก็มีอุปนิสัยที่ดีและง่ายที่จะเข้าถึงเป็นอย่างมากดังนั้นบอกฉันมาเถอะ อะไรกันที่ทำให้นายต้องใส่ใจเขาขนาดนั้นกัน ?”
จินซิงกุยเองก็ได้ลังเลก่อนที่จะมองไปทางเหมี่ยวเหวินถัง
เหมี่ยวเหวินถังเองก็เงียบไปก่อนที่จะพูดออกมาว่า
“เพื่อนจิน ในเมื่อเพื่อนซางถามขนาดนี้แล้วก็บอกเถอะ ! ฉันรู้เรื่องของถังซิ่วดีและเราสัญญาว่าจะไม่แพร่งพรายเรื่องที่พูดกันในวันนี้ออกไปอย่างแน่นอน”
ซางเยวี่ยหมิงเองก็ได้พยักหน้าก่อนที่จะพูดว่า
“ใช่แล้วเราจะไม่ปริปากแม้แต่น้อย เรื่องนี้เราจะรู้กันแค่4คนเท่านั้น”
กู่ชางหมินเองก็กระหายที่จะรู้เป็นอย่างมากดังนั้นเขาจึงได้พูดว่า
“เอาหน่า พวกเราเองก็ไม่ใช่คนที่จะปากกว้างอยู่แล้ว”
ใบหน้าของจินซิงกุยได้เต็มไปด้วยรอยยิ้มที่ฝืนออกมาก่อนที่จะพูดว่า
“ในเมื่อพวกนายถามงั้นฉันก็จะไม่ปิดบัง อย่างไรก็ตามห้ามพูดออกไปโดยเด็ดขาดไม่เช่นนั้นฉันคงยากที่จะใช้ชีวิตต่อไป”
“วางใจเถอะ !”
เหมี่ยวเหวินถังได้พูดออกมา
ใบหน้าของจินซิงกุยเองก็เคร่งเครียดเป็นอย่างมากก่อนที่เขาจะพูดออกมาว่า
“พวกนายน่าจะรู้จักบอส เฉินเจียนเย่ของบริษัทหวางหยวนจากเกาะฮ่องกงสินะ ?”
เหมี่ยวเหวินถังเองก็พูดออกมาว่า
“ฉันรู้จัก เขาเป็นคนที่น่าทึ่งมากๆ”
ซางเยวี่ยหมิงเองก็ได้พูดออกมาด้วยความประหลาดใจว่า
“เพื่อนจิน ไม่ใช่ว่าเขาเป็นญาตินายงั้นหรอ ?”
จินซิงกุยเองก็ได้ฝืนยิ้มออกมาแล้วพูดว่า
“ใช่แล้ว เขาเป็นญาติของฉันและเมื่อ1เดือนก่อนหน้านี้เองก็มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นกับเขา”
ซางเยวี่ยหมิงเองก็ได้ถามออกมาทันทีว่า
“มีความเกี่ยวข้องกับถังซิ่วงั้นหรอ ?”
จินซิงกุยได้พยักหน้าก่อนที่จะพูดออกไปว่า
“เพราะว่าหลานของฉันคนนี้ไปล่วงเกินถังซิ่วจึงถูกทุบตีอย่างทารุณและถึงขนาดที่นำคนไปที่ห้องอาหารร้อยงานฉลองพร้อมมีเรื่องขัดแย้งกับพวกเขา สิ่งที่ถังซิ่วทำในตอนนั้นยังทำให้ฉันรู้สึกกลัวจนถึงวันนี้”
ซางเยวี่ยหมิงเองก็ได้ถามออกมาอย่างรวดเร็วว่า
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ?”
จินซิงกุยเองก็ได้พูดออกมาด้วยเสียงโทนต่ำว่า
“อย่าได้รีบร้อน ฟังที่ฉันเล่าช้าๆ คนที่ล่วงเกินถังซิ่วนั้นมีด้วยกัน4คน.........”
หลังจาก45นาทีแล้ว
จินซิงกุยที่ได้อธิบายเรื่องทั้งหมดเองก็ได้ยิ้มออกมาอย่างขมขื่นก่อนที่จะพูดว่า
“หุ้น49%ของบริษัทหวางหยวนได้ถูกยึดไปพร้อมกับลูกน้องที่ฝึกกันมาหลายปีต้องถูกฆ่าตายเกือบทั้งหมด นายเห็นแบบนี้แล้วคิดว่าถังซิ่วน่ากลัวไหม ?”
“โครตน่ากลัว !”
ซางเยวี่ยหมิงและกู่ชางหมินเองก็พยายามกลืนน้ำลายของพวกเขาลงไปก่อนที่จะพูดออกมาด้วยเสียงสั่น
พวกเขาไม่เคยคิดเคยฝันเลยว่าห้องอาหารร้อยงานฉลองจะแข็งแกร่งขนาดนั้น ไม่คิดว่าถังซิ่วจะไม่มีความรู้สึกกับ100กว่าชีวิตที่เขาคร่าไปถึงสามารถสั่งการให้ฆ่าพวกเขา
จินซิงกุยเองก็ได้ถอนหายใจออกมา
“หากว่าเป็นแค่หน่วยรักษาความปลอดภัยที่ลงมือฉันก็คงไม่กลัวเขาขนาดนี้หรอกแต่จากที่ญาติฉันเล่ามานั้นเขาเองก็ลงมือฆ่าคนไปกว่า20คนในการต่อสู้20ต่อ1”
“น่ากลัวขนาดนั้นเลย ?”
ซางเยวี่ยหมิงและกู่ชางหมินเองถึงกับตกตะลึงถึงขั้นที่ไม่สามารถจะแยกแยะอะไรได้อีกแล้ว
ท่าทางของเหมี่ยวเหวินถังเองก็เปลี่ยนไปเป็นตกตะลึงเช่นกัน เขารู้ถึงความแข็งแกร่งของถังซิ่วดีและแม้ว่าใน2-3เดือนมานี้ถังซิ่วจะก้าวหน้าขึ้นแต่หากเทียบกับพละกำลังของเขาก่อนหน้านี้แล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆที่จะฆ่าคนธรรมดาถึง20คน