ตอนที่แล้วReturning From The Immortal World - 321
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปReturning From The Immortal World - 323

Returning From The Immortal World - 322


.......................................................................................................................................................................................

หลังจากที่พวกเขาออกมาจากหอพักแล้วก็เห็นว่าเยวี่ยไคได้นำกุญแจรถ BWM 525 ออกมา ทันใดนั้นแสงไฟและเสียงร้องของรถก็ดังขึ้น

“นี่มันเจ้าถิ่นนี่หว่า !”

เซ่าเหลียงเองก็ได้มองไปที่เยวี่ยไคพร้อมกับชื่นชมออกมา

เยวี่ยไคเองก็ได้ทำท่าทางที่พึงพอใจออกมาก่อนที่จะพูดด้วยรอยยิ้มว่า

“ไม่ใช่เจ้าถิ่นอะไรหรอกแต่จะให้เดินมาเรียนได้อย่างไรกัน ที่บ้านของฉันเองก็ยังมีดีกว่านี้อีก ฉันใช้เวลาว่างในช่วงวันหยุดซื้อเจ้านี่มา เป็นไง ใช้ได้ใช่ไหม ?”

เซ่าเหลียงเองก็ได้ชูนิ้วโป้งขึ้นมาพร้อมพูดว่า

“ยิ่งกว่าใช้ได้อีก นี่มันเป็นอุปกรณ์เกี่ยวสาวระดับศักดิ์สิทธิ์ตีบวกสิบเลยนะ สาวๆจะต้องชอบแน่นอนถ้าได้นั่งบนรถBMW หรือMercedes Benz ฉันเองก็คิดจะซื้อรถราคาราวๆ2แสนมาอวดเหมือนกันแต่เมื่อเห็นรถของนายแล้วฉันว่าเอามาก็ขายหน้าเปล่าๆ”

เยวี่ยไคเองก็ได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“เอาล่ะ ไม่ต้องห่วงเราเป็นเพื่อนกัน รถฉันก็เหมือนรถนาย จะเอาไปจีบสาวตอนไหนก็มาบอกได้เลยตราบใดที่ไม่ขย่มกันในรถฉันก็พอ”

ขย่มกันในรถ ?

เซ่าเหลียงเองก็ได้จ้องมองพร้อมกับพูดออกมาว่า

“เยวี่ยไค ฉันเองก็เคยได้ยินเรื่องแบบนี้มาเหมือนกันแต่ยังไม่เคยลอง ! อย่าบอกนะว่านายเคยแล้ว หากว่าใช่ นับแต่นี้ไปนายเป็นลูกพี่ของฉัน”

เยวี่ยไคเองก็ได้ไอออกมาพร้อมทั้งพูดว่า

“จริงๆแล้วฉันเองก็ยังไม่เคยลองเหมือนกัน ปกติแล้วฉันพาผู้หญิงไปที่โรงแรมน่ะ”

ทันใดนั้น เยวี่ยไคเองก็ได้มองมาที่ถังซิ่วพร้อมกับพูดว่า

“ดูเหมือนว่าลูกพี่ถังน่าจะเคยลองแล้วสินะ ดูสิ หน้าตาหล่อเหลาของเขาถึงกับทำให้ครูฮั่นบินมาแต่ไกลเพื่อจีบเขา นี้มันแสดงให้เห็นว่าเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญ ลูกพี่น่าจะเคยลองขย่มในรถแล้วใช่ไหม ?”

ถังซิ่วได้ตอบกลับไปว่า

“ยังไม่เคย”

เยวี่ยไคเองก็ได้โอดโอยออกมาว่า

“เอาหน่าลูกพี่ เราเป็นคนกันเองไม่เห็นต้องปิดบังกันเลย ! ฉันอุส่าเรียกนายว่าลูกพี่นะ บอกมาหน่วยสิว่าขย่มในรถมันรู้สึกอย่างไร ?”

ถังซิ่วเองก็ยังตอบกลับไปว่า

“ก็บอกว่ายังไม่เคยไง”

ใบหน้าของเยวี่ยไคเองก็บูดบึ้งพร้อมกับโบกมือแล้วพูดว่า

“ขึ้นมาสิ เราจะไปซื้อของแล้วตรงไปร้านอาหารทันที”

เมื่อขึ้นไปบนรถ

ถังซิ่วได้มองไปที่เซ่าเหลียงที่นั่งอยู่ข้างคนขับพร้อมกับถามออกมาว่า

“เยวี่ยไค นายน่าจะเป็นคนในพื้นที่ใช่ไหม ? ฟังจากสำเนียงของพ่อแม่นายแล้วออกไปทางคนเซี่ยงไฮ้มากๆ”

เยวี่ยไคเองก็ได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“ใช่แล้ว ฉันเป็นคนในพื้นที่”

ถังซิ่วได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“ก็ไม่แปลกใจว่าทำไมนายถึงได้ดูคุ้นเคยกับที่นี่จังที่แท้นายก็เป็นคนในพื้นที่นี่เอง เอาล่ะ ถ้างั้นนายเป็นคนพาเที่ยวเลยแล้วกัน”

“ก็ดี”

เยวี่ยไคเองก็ได้ขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว เขาชอบที่จะอวดเป็นอย่างมาก เขาขับรถเร็วมากๆซึ่งมันทำให้ถังซิ่วถึงกับหน้ามืดทันที นี่มันเป็นวันแรกของการรายงานตัวและบนถนนเองก็มีนักศึกษาที่สะพายกระเป๋ากันอยู่มากมาย

“ช้าๆลงหน่อยสิ จะชนคนอยู่แล้ว !”

ถังซิ่วได้เตือนออกมาด้วยความหวังดี

เยวี่ยไคเองก็ได้กรอกตามองบนพร้อมกับโอดโอยออกมาว่า

“ใจเย็นน่าเพื่อน ความสามารถในการขับรถของฉันไม่ใช่น้อยๆ ฉันและเพื่อนมักจะไปแข่งรถกันที่เมืองชางซี่และคิดว่านายเองก็คงยังไม่มีใบขับขี่สินะ”

ถังซิ่วได้แอบถอนหายใจออกมาเพราะนิสัยเหยาะแหยะของเขาแต่ถังซิ่วเองก็ไม่ใช่พ่อแม่ของเยวี่ยไคดังนั้นก็คงไม่สามารถควบคุมเขาได้ ยิ่งไปกว่านั้นเขาเองก็เข้าใจถึงวัยคึกคะนองของเด็กหนุ่มมากๆ อย่าว่าแต่จะควบคุมเขาเลยแม้ว่าจะโน้มน้าวยังไงเขาก็คงจะไม่เปลี่ยนแปลงอย่างแน่นอน

เขาไม่ต้องการที่จะทำอะไรที่คนอื่นจะไม่เห็นคุณค่าของมัน

หลังจากที่รถได้ออกมานอกมหาวิทยาลัยแล้วถังซิ่วเองก็ได้มองไปที่รถซูเปอร์คาร์พร้อมกับเด็กหนุ่ม7-8คนที่ยืนล้อมสาวๆเอาไว้

ถังซิ่วได้ชี้ไปที่พวกเขาแล้วถามว่า

“เยวี่ยไค นายรู้จักพวกนั้นไหม ?”

เมื่อเยวี่ยไคหันกลับไปมองก็ถึงกลับท่าทางเปลี่ยนไปเป็นน่าเกลียดทันที เขาได้เงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดว่า

“รู้จัก รู้จักแน่นอน ลูกหมากลุ่มหนึ่งเท่านั้น ก่อนหน้าที่ลูกพี่ของฉันจะเข้าคุก พวกมันเองก็ทำตัวเหมือนลูกหมาต่อหน้าฉันแต่ตอนนี้กับกล้าเหิมเกริม รอก่อนเถอะ รอให้ลูกพี่ของฉันกลับออกมาเมื่อไหร่ฉันจะให้เขาไปสั่งสอนพวกมันแน่นอน”

ถังซิ่วได้ส่ายศีรษะพร้อมกับถอนหายใจออกมา

เขาพบว่าตัวเองคิดผิดจริงๆที่ออกมากับเยวี่ยไค นี่มันเป็นตัวปัญหาของเมืองเลยชัดๆ ไม่แปลกใจว่าทำไมพ่อแม่ถึงได้ฝากฝังเยวี่ยไคไว้กับเขา

ไม่นาน

รถ BMW เองก็ได้ไปจอดตรงที่จอดรถชั้นใต้ดินของห้างแห่งหนึ่ง หลังจากที่พวกเขาได้ซื้อของในตลาดแล้ว เพียงแค่30นาที เยวี่ยไคและเซ่าเหลียงเองก็ได้ใช้จ่ายไปคนละหมื่นหยวน

ถังซิ่วไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับการใช้เงินของพวกเขาแต่ก็รู้สึกแปลกๆในใจ ตัวเขาเองนั้นซื้อเพียงสิ่งของที่ต้องใช้ในห้องน้ำเพียงไม่กี่อย่างเท่านั้น

“ถังซิ่ว หากว่านายไม่มีเงินก็บอกได้นะ อยากได้อะไรก็บอกเราเลยเพราะหลังจากนี้เราเป็นพี่น้องกัน อย่ามองเราเหมือนเป็นคนห่างคนไกลสิ”

เยวี่ยไคเองก็ได้พูดออกมาทันที

ถังซิ่วได้ตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มว่า

“ฉันไม่ได้ขาดอะไรแม้แต่น้อย ซื้อของใช้ในห้องน้ำก็พอแล้ว”

เยวี่ยไคเองก็ไม่ได้พูดอะไรเพราะเขาไม่สนใจเงินพวกนี้อยู่แล้ว หากว่าถังซิ่วต้องการจะซื้อเขาก็จ่ายให้แต่หากว่าไม่ก็ถือว่าเป็นเรื่องของเขา

เมื่อซื้อของเสร็จแล้วเยวี่ยไคได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“ไปกันเถอะ ก่อนหน้านี้ฉันได้จองห้องอาหารส่วนตัวในร้านอาหารหลินชวนไว้แล้ว เราไปดื่มกัน , อ่อใช่ เพื่อนร่วมห้องพักเราอีกสองคนเองก็ยังไม่มาเลย หากว่าพวกเขามาก็คงจะคึกคักกว่านี้”

ถังซิ่วได้พูดออกมาว่า

“หากว่าพวกเขามาจริงๆก็คงจะเข้ากันได้ด้วยดีนะ ฉันคิดว่าหลังจากที่พวกเขาเห็นโน้ตที่นายตั้งเอาไว้แล้วก็น่าจะตามมา”

ประมาณ 11 โมง

ร้านอาหารหลินชวนนั้นเฟื่องฟูเป็นอย่างมาก ที่ชั้นหนึ่งเองก็เต็มไปด้วยผู้คนมากมายและหลังจากที่พวกเขาทั้งสามคนเข้าไปแล้วก็ยังเห็นว่าคนกำลังเดินตามเข้ามาเยอะมากๆ

เซ่าเหลียงที่ได้ยืนอยู่ข้างๆเยวี่ยไคเองก็ได้ถอนหายใจออกมา

“ร้านนี้มันดูหรูหราเกินไปแล้ว ดูเหมือนว่าราคาเองก็คงจะไม่ใช่น้อยๆใช่ไหม ?”

เยวี่ยไคได้พูดออกมาว่า

“แน่นอนว่าไม่ใช่น้อยๆแม้ว่าฉันจะมีเงินอยู่บ้างแต่ก็พอสำหรับอาหารธรรมดาๆเท่านั้น แม้ว่าห้องอาหารนี้จะไม่สามารถเทียบได้กับ ห้องอาหารหยูหยาง ห้องอาหารไทฮี และห้องอาหารร้อยงานฉลองได้แต่มันก็ยังพอรับได้”

เซ่าเหลียงเองก็ได้ได้พูดออกมาด้วยความตกตะลึงว่า

“ที่นี่ก็มีห้องอาหารร้อยงานฉลองงั้นหรอ ?”

เยวี่ยไคเองก็พูดออกมาด้วยความประหลาดใจว่า

“ความหมายที่ว่า ‘มีด้วยหรอนี่’ นายอย่าบอกนะว่าที่เกาะจิงเหมินเองก็มีห้องอาหารร้อยงานฉลอง ?”

เซ่าเหลียงเองก็ได้พูดออกมาว่า

“มีสิ ยิ่งไปกว่านั้นมันก็หรูหราเป็นอย่างมาก ฉันเคยไปทานอาหารที่นั่นกับพ่อของฉันแต่น่าเสียดายที่พ่อของฉันไม่ใช่แขกผู้ทรงเกียรติไม่เช่นนั้นก็จะได้รับการบริการระดับจักรพรรดิเลยล่ะ”

เยวี่ยไคเองก็ได้หัวเราะออกมาพร้อมกับพูดว่า

“ห้องอาหารร้อยงานฉลองของเซี่ยงไฮ้ก็ดีเหมือนกัน ฉันเองก็ได้ไปที่นั่นแล้วแต่น่าเสียดายที่มันอยู่ไกลไปหน่อย เอาเป็นว่าครั้งหน้าเราจะไปกินกับเพื่อนร่วมหอพักอีกคนแล้วกัน”

ห้องอาหารร้อยงานฉลอง ?

ริมฝีปากของถังซิ่วเองก็ยกตัวขึ้นเป็นรอยยิ้มอย่างมีความสุข เขาไม่คิดเลยว่าเมื่อมาถึงที่นี่แล้วจะได้ยินชื่อห้องอาหารของตัวเองจากปากเพื่อนๆของเขา เขาเองก็ตั้งใจที่จะไปที่นั่นเช่นกัน

หลังจากผ่านไปไม่กี่นาที

เมื่อพวกเขาได้นั่งที่โต๊ะพร้อมกับอาหารที่ได้มาเสิร์ฟแล้วนั้นเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ของเยวี่ยไคก็ได้ดังขึ้น

“ฉันเยวี่ยไค โทรมาหาใครกัน ?”

“ฉัน ฮูชิงซ่ง เป็นนักศึกษาที่อยู่หอพักห้อง428 ฉันเห็นกระดาษโน้ตถูกวางเอาไว้”

เสียงสำเนียงจากคนทางเหนือเองก็ได้ถูกส่งผ่านมาทางปลายสาย

คิ้วของเยวี่ยไคเองก็ได้ยกตัวขึ้นก่อนที่จะพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“เราอยู่ที่ห้องอาหารหลินชวน ออกนอกโรงเรียนแล้วนั่งแท็กซี่มาเลย”

“รอสักครู่ !”

การสนทนาได้สิ้นสุดลง

เยวี่ยไคเองก็ได้เก็บโทรศัพท์ของเขาพร้อมกับพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“ดูเหมือนว่าเพื่อร่วมหอ ฮูชิงซ่งจะมาถึงแล้ว เขาบอกว่ากำลังตรงมาที่นี่และฟังจากเสียงเขาแล้วน่าจะเป็นคนทางเหนือ เรามาชนแก้วในฐานะที่ได้เป็นเพื่อนกันก่อนแล้วกัน”

เซ่าเหลียงเองก็ได้ยกแก้วขึ้นมาพร้อมกับพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“แม้ว่าฉันจะไม่ใช่เพื่อนร่วมหอนายแต่ห้องของเราก็อยู่ห่างกันไม่มาก เราถือว่าเป็นพี่น้องกัน ครั้งนี้ถือว่าเยวี่ยไคเป็นคนเลี้ยงฉันก็จะไม่แย่งกันจ่ายกับเขา เมื่อเพื่อนคนอื่นๆของเรามาถึงก็ค่อยไปร้องเพลงกัน”

“หมดแก้ว !”

เยวี่ยไคเองก็ได้ชื่นชมออกมา

ถังซิ่วไม่ได้พูดอะไรแต่เขาก็ชนแก้วพร้อมกับดื่มมันเข้าไปทั้งหมด

เยวี่ยไคได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“ไวน์นี่ดีไหม ? ฉันได้ขโมยมันมาจากพ่อและแอบเอาไว้ในรถ นายจะได้ดื่มคู่กับอาหารชั้นเลิศไง”

ถังซิ่วได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“รออีกไม่นานแล้วฉันจะให้ไวน์ที่รสชาติดีกว่านี้2ขวด”

เยวี่ยไคเองก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาเพราะเขาคิดว่าถังซิ่วนั้นไม่ได้ร่ำรวยอะไรมากนักเพราะไม่เช่นนั้นก่อนหน้านี้ก็คงจะซื้อของไปเยอะแล้วแต่การพูดเมื่อกี้น่าจะเป็นการรักษาหน้าเอาไว้มากกว่า

หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง ผักเกือบทั้งหมดเองก็เริ่มจะเหี่ยวแล้ว เยวี่ยไคเองก็ได้มองไปที่นาฬิกาพร้อมกับพูดออกมาด้วยความสับสนว่า

“ฮูชิงซ่งนั่นยังไม่มาอีกหรอ ? เขาน่าจะมาถึงตั้งนานแล้วไม่ใช่หรอ ?”

“ก๊อก ก๊อก.....”

หลังจากที่เสียงพูดได้จบลง ประตูห้องก็ได้ถูกเปิดออกพร้อมกับชายรูปร่างกำยำได้เดินเข้ามาก่อนที่จะพูดด้วยรอยยิ้มว่า

“ฉันฮูชิงซ่ง ฉันมาสายหรือเปล่า ?”

เยวี่ยไคและเซ่าเหลียงเองก็ได้มองไปที่เขาด้วยท่าทางแปลกๆแต่ถังซิ่วนั้นถึงกับขมวดคิ้วเพราะเขาเห็นได้ชัดเจนว่าใบหน้าของฮูชิงซ่งนั้นมีรอยฟกช้ำและตามตัวเองก็มีรอยเท้าอยู่ ดูเหมือนว่าเขาเพิ่งจะไปต่อสู้กับใครมา

“ฉันเยวี่ยไค เพื่อนฮูไปคลุกกับอะไรมา ?”

เยวี่ยไคได้โบกมือพร้อมทั้งชี้ไปที่รอยช้ำบนใบหน้าของฮูชิงซ่ง

ฮูชิงซ่งเองก็ได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“ไปเจอปัญหาเข้าบนถนนและจัดการไปเรียบร้อยแล้ว”

เซ่าเหลียงเองก็ได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มก่อนที่จะยื่นมือออกไปว่า

“ฉันเซ่าเหลียงจากเกาะจิงเหมิน เราเป็นเพื่อนร่วมห้องกันและอยู่หอพักห้องตรงกันข้ามกัน”

ถังซิ่วได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มง่า

“ฉันถังซิ่วจากเมืองสตาร์ซิตี้”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด