Returning From The Immortal World - 317
.......................................................................................................................................................................................
*(เปลี่ยนชื่อพ่อพี่ถังเป็น หยุนเด่จากหยุนดี่นะครับเพราะตอนหลังๆมันมีพี่อีกคนชื่อหยุนดี่แต่ตายไปนานแล้ว )
ธุรกิจร้านอาหารเองก็เป็นไปได้ด้วยดีเพราะราคาและคุณภาพที่สมเหตุสมผลนั้นทำให้ลูกค้าแวะเวียนไปมาอยู่บ่อยๆ หลังจากนั้นชื่อเสียงของร้านเองก็ได้ทำให้มีลูกค้าใหม่ๆเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ตอนนี้ ซูหลิงหยุนกำลังกังวลเพราะร้านอาหารที่เพิ่งจะต่อเติมของเธอไม่สามารถรับลูกค้าได้พอ ก่อนที่จะมาทานที่ร้านอาหารของเธอก็ต้องโทรมาจองก่อนอย่างน้อย2ชั่วโมงหลังจากนั้นพวกเขาก็จะจัดเตรียมโต๊ะอาหารและห้องอาหารไว้ให้
“หยุนเด่ เราไปซื้อร้านข้างๆเพื่อขยายร้านดีไหม ?”
ในสำนักงานของร้านอาหาร ซูหลิงหยุนถามออกมาด้วยความกังวล
ถังหยุนเด่เองก็ได้ฟื้นตัวแล้วหลังจากพักผ่อนมา1เดือนเต็ม ตอนนี้เขาแทบจะไม่แตกต่างจากคนธรรมดาทั่วไปและเมื่อได้ยินคำพูดของภรรยานั้นเขาก็ได้ยิ้มออกมาจางๆพร้อมกับพูดว่า
“ถ้าคิดว่าจะขยายก็ขยายเลย ธุรกิจร้านอาหารเองก็เป็นไปได้ด้วยดี หากว่าทำเงินได้มากกว่านี้ก็เป็นเรื่องที่ดี”
“พุฟฟฟฟ......”
ซูหลิงหยุนเองก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา หลังจากที่เธอมองไปที่สามีอย่างยุแหย่แล้วก็ได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“ฉันรู้ว่าคุณรวยและไม่ชอบธุรกิจร้านอาหารอย่างไรก็ตามฉันเป็นภรรยาที่มีเกียรติและความพยายามเป็นของตัวเอง ฉันอุ่นใจกว่าถ้าสามารถหาเงินเองได้”
ถังหยุนเด่เองก็ได้พูดว่า
“หยุนน้อย เราเป็นสามีภรรยากันและเป็นคนที่ใกล้ชิดที่สุดในโลกนี้ เงินทั้งหมดและหุ้นทุกอย่างของฉันเองก็ถูกโอนให้อยู่ในชื่อของเธอแล้ว เธอยังไม่มั่นใจอีกหรอ ? ยิ่งไปกว่านั้นฉันให้สัญญาว่าจะไม่หายไปไหนอีก รับรองว่าอยู่กับฉันแล้วเธอจะต้องมีชีวิตที่มั่นคงและไม่ว่าเธอจะทำอะไรฉันก็จะสนับสนุนเธอทุกอย่าง”
หัวใจของซูหลิงหยุนเองก็รู้สึกอบอุ่นก่อนที่ดวงตาของเธอจะเริ่มชื้น ทันใดนั้นเธอก็ได้พูดออกมาว่า
“แล้วคุณจะโอเคไหมถ้าฉันไปศัลยกรรมให้ดูอ่อนวัย ?”
ถังหยุนเด่เองก็ถึงกับรู้สึกไม่รู้ว่าตัวเองควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดีกับการเปลี่ยนหัวข้อสนทนาไปแบบนี้
“ในสายตาของฉันเธอก็สวยที่สุดอยู่แล้วแม้ว่าเธอจะไม่ศัลยกรรมก็ตามอย่างไรก็ตามหากว่าเธอจะไป งั้นฉันก็จะไปเป็นเพื่อนเธอด้วย”
“ไม่ให้ไปหรอก”
ซูหลิงหยุนเองก็ได้ขยิบปากด้วยความตื่นเต้นแต่เธอก็ไม่คิดจะไปทำจริงๆหรอกเพราะได้ยินมาว่ามันมีค่าใช้จ่ายที่สูงมากและเธอไม่อยากใช้เงินมากนัก
กว่าจะหาเงินมาได้ ! ยากลำบาก ! ไม่ว่าในตอนนี้เธอจะมีเงินเท่าไหร่แต่เธอก็ยังไม่อยากเสียเงินเปล่าๆแม้แต่หยวนเดียว
“ก๊อก ก๊อก....”
เสียงของประตูห้องได้ดังขึ้นก่อนที่ประตูจะถูกเปิดออก หลังจากที่ถังซิ่วได้จูงมือกู่หยินเข้ามาในห้องแล้วก็พบว่าซูหลิงหยุนและถังหยุนเด่กำลังนั่งคุยกันอยู่ที่โซฟา
“คุณปู่ คุณย่า!”
กู่หยินเองก็ได้ปล่อยมือของถังซิ่วทันทีพร้อมกับวิ่งออกไปอย่างร่าเริง
ซูหลิงหยุนที่เห็นถังซิ่วในตอนนี้นั้นก็แสดงสีหน้าประหลาดใจออกมา หลังจากที่เธอกอดกู่หยินแล้วก็ได้จูบไปที่ใบหน้าน้อยๆของเธอก่อนที่จะมองไปที่ถังซิ่วแล้วพูดว่า
“เด็กดื้อ ลูกกลับมาแล้วแต่ไม่บอกแม่ซักคำ ดูจากผิวที่ดำคล้ำของลูกแล้วน่าจะเจอเรื่องร้ายๆมามากใช่ไหม ?”
ถังซิ่วได้ยิ้มออกมาพร้อมพูดว่า
“แม่ครับ ผมไม่ได้เจอเรื่องร้ายๆอะไรมาเลย นี่มันช่วงหน้าร้อนและผิวคล้ำลงก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลย”
เมื่อพูดจบแล้วถังซิ่วก็ได้หันหน้าไปมองที่ถังหยุนเด่แล้วพูดว่า
“สวัสดีครับพ่อ !”
ถังหยุนเด่ที่เห็นว่าถังซิ่วได้กลับมาแล้วนั้นก็รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากและยิ่งคำว่า ‘พ่อ’นั่นอีก มันทำให้หัวใจเขาสั่นไหวทันที หลังจากนั้นเขาก็พูดว่า
“กลับมาก็ดีแล้ว แม่ของลูกบ่นเกี่ยวกับเรื่องที่ลูกจะต้องออกไปทนทุกข์ทรมานอยู่ภายนอกไม่หยุดเลยในแต่ละวัน”
ถังซิ่วได้ส่ายศีรษะพร้อมกับพูดออกมาเชิงที่ตัวเองยังปกติดี
“แม่ครับ เรากลับบ้านกันเถอะ ผมให้พี่สาวมู่เตรียมอาหารเอาไว้แล้วส่วนเรื่องร้านอาหารนี้ก็ยกให้คนอื่นจัดการ”
ซู่หลิงหยุนเองก็ได้พยักหน้าพร้อมกับพูดว่า
“กลับบ้านกัน ลูกแม่กลับมาแล้วถึงแม้ว่าที่นี่จะวุ่นวายก็ต้องหาเวลาให้ได้ อ่อใช่ เรื่องจดหมายแจ้งเตือนของมหาวิทยาลัยนั้นแม่ได้เอาไปไว้ที่ห้องนอนของลูกแล้วนะ”
ถังซิ่วได้พูดออกมาว่า
“วันมะรืนนี้ผมจะไปรายงานตัวที่เซี่ยงไฮ้ครับ”
ถังหยุนเด่เองก็ได้พูดขึ้นว่า
“ซิ่วน้อย ป้าของลูกเองก็ได้ฝากอะไรเอาไว้ให้ลูกและมันก็อยู่ในลิ้นชักห้องนอนลูกเช่นกัน เมื่อลูกไปอยู่ที่เซี่ยงไฮ้แล้วหากไม่ต้องการจะอยู่ในหอพักก็ออกมานอนที่วิลล่าด้านนอกได้เลย พ่อเองก็ได้ซื้อวิลล่าและอสังหาฯต่างๆไว้ที่นั่นเช่นกัน กุญแจทั้งหมดก็อยู่ที่เดียวกัน อยากจะเอาบ้านหลังไหนก็เลือกไปได้เลย”
ซื้อบ้านที่เซี่ยงไฮ้ ?
ถังซิ่วเองก็รู้สึกประหลาดใจเพราะราคาของบ้านที่นั่นมันแพงมากๆ บ้านหลังหนึ่งอาจเทียบได้กับเงินเก็บทั้งชีวิตของคนบางคนเลยก็ว่าได้ เขาได้ลังเลอยู่ก่อนที่จะถามออกไปว่า
“พ่อ ฟังจากคำพูดของพ่อแล้วก็ดูเหมือนว่าพ่อจะรวยมากสินะ ?”
ถังหยุนเด่เองก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะพยักหน้าแล้วพูดว่า
“ฉันผิดเองล่ะที่ก่อนหน้านี้ได้หมดสติไปและไม่ได้ตอบแทนอะไรพวกเธอสองแม่ลูกเลยไม่เช่นนั้นพวกเธอก็คงจะไม่ต้องพบเจอกับเรื่องร้ายๆ กลับไปบ้านกันเถอะแล้วพ่อจะเล่ารายระเอียดให้ลูกฟังเอง”
ถังซิ่วเองก็ไม่รู้เรื่องราวของถังหยุนเด่มากนักซึ่งรวมไปถึงเรื่องที่เขากลายเป็นเจ้าชายนิทราไปได้อย่างไรด้วย
“แม่ครับ แม่เก็บของไปก่อน ผมมีเรื่องที่ต้องพูดคุยกับดิ่งซี่และบั่นโฉวก่อน”
“ไปสิ”
ถังซิ่วได้ทิ้วกู่หยินเอาไว้ที่นี่พร้อมกับออกจากสำนักงานไป หลังจากที่เขาพบบั่นโฉวและดิ่งซี่แล้วนั้นก็ได้นำพวกเขาขึ้นไปบนดาดฟ้าของร้านอาหาร
“บอสครับ คุณพูดเลยได้ไหม ? เราจะได้เปลี่ยนไปทำงานอะไรครับ ?”
บั่นโฉวเองก็ได้ถามออกมาด้วยความสงสัย
ถังซิ่วได้พูดออกมาว่า
“พวกนายเป็นลูกน้องคนแรกๆที่ยอมจำนนต่อฉันและทุกการกระทำของพวกนายเองก็ถูกฉันเฝ้าดูอยู่ตลอด ฉันสามารถบอกได้ว่าพวกนายเป็นผู้ใหญ่ขึ้นดังนั้นฉันจะมอบหมายงานชิ้นสำคัญให้พวกนายซึ่งมันเป็นงานที่ท้าทายอย่างมาก”
บั่นโฉวและดิ่งซี่เองก็ได้มองไปที่กันและกัน ดวงตาของพวกเขาทั้งสองได้เปล่งประกายความสุขออกมาหลังจากได้ยินคำยืนยันจากปากถังซิ่ว
ถังซิ่วได้พูดออกมาว่า
“ฉันต้องการจะอุปถัมภ์เด็กๆแต่หากว่าไปที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้านั้นมันดูไม่ค่อยจะโอเคเท่าไหร่ดังนั้นฉันจะให้พวกนายสองคนแบ่งทีมกันพร้อมกับเที่ยวไปทั่วประเทศนี้เพื่อหาเด็กๆที่นิสัยดีมาให้ฉัน อายุควรจะอยู่ระหว่าง 2-8ขวบ !”
บั่นโฉวเองก็ได้ถามออกมาด้วยความสับสนว่า
“บอสครับ คุณจะอุปถัมภ์เด็กเหล่านั้นไปทำไมกัน ?”
ถังซิ่วได้พูดออกมาว่า
“ฉันจะทำอะไรก็อย่างเพิ่งถามในตอนนี้ ฉันต้องการหาเด็กที่นิสัยดีและซื่อสัตย์ ฉันจะส่งคนไปตรวจสอบพร้อมกับขึ้นเงินเดือนให้พวกนายเป็นเท่าตัว บางที่อาจจะขึ้นไป10เท่าก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับฉัน”
“จริงหรอครับ ?”
ดิ่งซี่เองก็ได้จ้องมองด้วยสายตาที่มีความสุข
ถังซิ่วได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“จริงแท้แน่นอน ! พวกนายจะต้องไปหาลูกทีมมาแล้วฉันจะให้เงินพวกนายไปบางส่วน หากว่าใครสามารถทำงานได้โดดเด่นก็จะได้รับรางวัลพิเศษ รางวัลนี้เป็นสิ่งที่มีค่ามากกว่าเงินแน่นอน”
บั่นโฉวเองก็ได้ถามออกมาอย่างรวดเร็วว่า
“บอสครับ คุณต้องการให้เราสร้างทีมใหญ่ไหม ?”
ถังซิ่วได้ตอบกลับไปว่า
“ไม่จำเป็นต้องใหญ่มาก พวกนายแต่ละคนมีลูกน้องกลุ่มละ6คน ฉันสามารถบอกได้เลยว่ามีเด็กจรจัดอยู่มากมายที่ไม่มีใครสนใจ สิ่งที่ฉันต้องการนั้นคือคนที่ฉลาดและนิสัยไม่เลวร้าย จำไว้ว่าฉันต้องการงานที่สมบูรณ์และไม่ถูกตรวจจับโดยคนอื่น”
บั่นโฉวและดิ่งซี่เองก็เข้าใจได้ถึงความหมายของถังซิ่วในทันที พวกเขาได้พยักหน้าอย่างพร้อมเพรียง
ถังซิ่วได้พูดออกมาว่า
“หลังจากนี้ฉันจะให้พวกนายไปคนละ5ล้าน จะบริหารอย่างไรก็เรื่องของพวกนายแต่ภายใน2เดือนนี้พวกนายต้องหาเด็กจรจัดมาให้ฉันไม่ต่ำกว่า20คน”
2เดือน ?
บั่นโฉวและดิ่งซี่เองก็ได้มองไปที่กันและกันด้วยความรู้สึกที่ถูกจุดประกาย
ถังซิ่วได้พูดต่อว่า
“หลังจาก2เดือนนี้จะมีใครบางคนติดต่อไปหาพวกนาย เมื่อถึงเวลาแล้วก็ให้เด็กทั้ง40คนไปกับพวกเขา หลังจากที่เขาได้นำเด็กพวกนี้ไปแล้วก็จะมีการคัดออกและตรวจว่าใครที่มีคุณสมบัติพอบ้าง”
บั่นโฉวเองก็ได้ถามออกมาว่า
“บอสครับ แล้วคุณจะทำอย่างไรกับเด็กที่ถูกคัดออกครับ ?”
ถังซิ่วได้พูดออกมาอย่างราบเรียบว่า
“ในเมื่อพวกเขาได้พบกับเราก็ถือเป็นโชคชะตา เราจะไม่ทำให้พวกเขาต้องอยู่อย่างโดดเดียวแน่นอน ส่วนเรื่องที่พวกเขาจะอยู่อย่างไรนั้นพวกนายไม่ต้องกังวลหรอก”
“ครับผม !”
พวกเขาได้ตอบกลับอย่างพร้อมเพรียง
หลังจากผ่านไป2 นาที
ถังซิ่วได้จูงมือน้อยๆของกู่หยินพร้อมกับออกจากห้องนี้ไปกับพ่อแม่ของเขา เมื่อกลับมาถึงเมืองประตูทิศใต้ก็เป็นเวลา3ทุ่มแล้ว
มู่ขวินปิงเองก็ได้ทำอาหารด้วยตัวเองพร้อมกับมีซูหลิงหยุนเป็นผู้ช่วย พวกเขานั่งทานอาหารไปด้วยกันก่อนที่ซูหลิงหยุนจะช่วยเธอเก็บกวาดและทำความสะอาดส่วนถังซิ่วและถังหยุนเด่เองก็ได้ขึ้นไปที่ชั้นสอง
“ซิ่วน้อย พ่อได้มาที่ห้องนี้แล้วแต่ก็ไม่ได้แตะต้องอะไรแม้แต่น้อย”
ถังหยุนเด่เองได้รู้มาจากแม่บ้านว่าถังซิ่วห้ามไม่ให้ใครเข้าห้องนี้โดยเด็ดขาด เขาอุส่าได้ตื่นมาพบกับลูกชายของเขาแถมยังโตขนาดนี้แล้ว มันทำให้เขาเอ็นดูเป็นอย่างมากดังนั้นหลังจากที่เขากลัวว่าถังซิ่วจะโกรธจึงได้อธิบายออกไป
ถังซิ่วได้พูดออกมาว่า
“ไม่เป็นไรครับ นั่นเป็นคำขอสำหรับคนบางคนเท่านั้น พูดเรื่องของพ่อมาสิ หลังจากที่พ่อตื่นมาแล้วเราก็ยังไม่มีโอกาสได้เปิดอกคุยกันเลยนะ”
ถังหลุยเด่เองก็ได้ฝืนยิ้มออกมาพร้อมพูดว่า
“ทำไมหลังจากที่พ่อฟังคำพูดของลูกแล้วกลับรู้สึกว่าตัวเองไม่ใช่พ่อแต่เป็นลูกกันน่ะ”
ถังซิ่วเองก็ชะงักไปพร้อมกับคิดอยู่ในใจ
ลูกชายที่เขาไม่คุ้นเคยได้โตเป็นผู้ชายแล้วและเพราะก่อนหน้าถังซิ่วก็มีแค่แม่แต่อยู่ดีๆก็มีพ่อเพิ่มมาจึงทำให้เขาไม่สามารถบริหารคำพูดของตัวเองได้
“นั่งคุยกันดีกว่า”
ถังซิ่วเองก็ได้นั่งลงบนโซฟาพร้อมกับหยิบซองบุหรี่ออกมาจากกระเป๋า
“ขอมวนนึง !”
ถังหยุนเด่เองก็ได้โบกมือพร้อมกับจุดบุหรี่ขึ้นมาสูบก่อนที่จะพูดว่า
“ก่อนที่ฉันจะเป็นทหารนั้นฉันรวยมากและสถานะของฉันเองก็ค่อนข้างอ่อนไหว แม้ว่าจะเป็นคนในตระกูลเองก็มีน้อยคนมากที่จะรู้ถึงสถานะของฉัน อย่างมากก็มีไม่ถึง10คน”
“สถานะอะไรกัน ทหาร ?”