ตอนที่แล้วReturning From The Immortal World - 294
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปReturning From The Immortal World - 296

Returning From The Immortal World - 295


.......................................................................................................................................................................................

ชายฝั่งที่มีลมเย็นๆพัดผ่าน ถังซิ่วกำลังกำลังยืนกอดอกพร้อมกับมองไปที่เหว่ยเหว่ยมี่ที่กำลังถอดรองเท้าออกและวิ่งไปรอบๆชายหาดซึ่งฉากตรงหน้านั้นช่างสวยงามเพราะความงดงามของเธอทำให้ถังซิ่วนึกถึงเทพธิดาจากดินแดนแห่งนิรันด์

“คุณถังชอบทะเลไหม ?”

กระโปรงของเหว่ยเหว่ยมี่ได้โบกสะบัดขณะที่เธอโบกมือมาทางเขาแล้วถามออกมา

ถังซิ่วได้ส่ายศีรษะก่อนที่จะพูดออกมาอย่างสงบว่า

“ผู้คนเองก็มี7อารมณ์และ6ประสาทสัมผัส ทะเลนั้นมีจุดมุ่งหมายเพื่อเปลี่ยนแปลงอารมณ์ ฉันไม่ชอบอะไรที่ตัวเองไม่สามารถควบคุมได้”

เหว่ยเหว่ยมี่เองก็ได้มองไปที่ดวงตาของถังซิ่วขณะที่เธอถามออกมาว่า

“นายเชื่อว่าตัวเองไม่สามารถควบคุมทะเลได้งั้นหรอ ?”

ถังซิ่วได้ตอบกลับไปว่า

“แน่นอนว่าตอนนี้ฉันยังไม่สามารถควบคุมมันได้”

เหว่ยเหว่ยมี่เองก็ได้ถามออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“แล้วตอนนี้นายสามารถควบคุมอะไรได้บ้าง ?”

ถังซิ่วได้ตอบกลับไปว่า

“ตอนนี้ฉันสามารถควบคุมชะตาชีวิตของตัวเองได้”

เหว่ยเหว่ยมี่ได้พูดออกมาว่า

“ไม่ใช่ว่าคนจากประเทศของนายนะคิดว่าชีวิตของตัวเองเป็นไปตามโชคชะตา ? แต่นายกลับบอกว่าตัวเองสามารถควบคุมมันได้ ? เท่าที่ฉันรู้มาในโลกนี้ยังไม่มีใครที่สามารถควบคุมชะตาตัวเองได้เพราะอย่างไรก็ตามการจัดการกับชีวิต ลำดับของคนหรือบริหารประเทศก็จะมีความกดดันเป็นอย่างมาก”

ถังซิ่วได้ส่ายศีรษะก่อนที่จะพูดออกมาว่า

“แม้ว่าที่เธอพูดมาจะมีเหตุผลก็ตามแต่มันก็ยังไม่ถูกทั้งหมด อย่างเช่นเธอไง หากว่าเธอต้องการก็สามารถไปที่ไหนในโลกนี้ก็ได้ การถูกล่ามเอาไว้นั้นมันเป็นเพียงแค่อารมณ์อย่างหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่านั้นเลย”

“ทำไมถึงพูดอย่างงั้น ?”

เหว่ยเหว่ยมี่เองก็ได้พูดออกมาด้วยความประหลาดใจ

ถังซิ่วได้ตอบกลับไปอย่างราบเรียบว่า

“เพราะเธอมีความแข็งแกร่งพอที่จะปกครองทุกสิ่งไงล่ะ”

เหว่ยเหว่ยที่เองก็ได้เงียบไปเพราะเธอรู้สึกว่าคำพูดของถังซิ่วนั้นมีเหตุผลเพราะตั้งแต่ที่เธอเกิดมานั้นเธอก็แตกต่างไปจากคนทั่วไปแต่เธอก็ไม่สามารถบอกได้ว่าแตกต่างแค่ไหนเพียงแต่เธอรู้แค่ว่าความแข็งแกร่ง จิตวิญญาณ สุขภาพ ความเร็วในการเรียนรู้และความสามารถในการอยู่รอดของเธอนั้นเป็นอะไรที่คนธรรมดาไม่สามารถจะเทียบได้

ดังนั้น

เธอได้รับการฝึกโดยคนจากองกรของเธอและเรียกได้ว่าเธอเป็นตัวตนที่เป็นดั่งเทพในโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ เธอมีคุณสมบัติพอที่จะเป็นสมเด็จพระสันตะปาปาคนต่อไปเลยด้วยซ้ำ

เธอมี !

ความแข็งแกร่ง !

แม้ว่าเธอจะแยกตัวออกมาจากโบสถ์ตั้งแต่อายุ14ปีและเร่ร่อนไปทั่วทุกหนแห่งแต่เธอเองก็ยังไม่กล้าจะพูดว่าเธอสามารถควบคุมชะตาชีวิตของตัวเองได้

“นายมันทะนงเกินไป”

เหว่ยเหว่ยมี่ได้เงียบไปนานก่อนที่จะพูดออกมา แสงได้เปล่งประกายออกมาจากดวงตาของเธอยามค่ำคืน

ถังซิ่วได้ตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มว่า

“มันไม่ใช่ว่าฉันทะนงตนหรอกนะแต่ฉันมั่นใจ แม้ว่าเธอจะแข็งแกร่งว่าฉันแต่หากว่าเรามาว่ากันตามหลักผู้ล่าแล้วเธอยังอ่อนด้อยกว่าฉันนัก หากว่าฉันพูดกันตามตรงฉันมีวิธีมากมายที่จะฆ่าเธอ”

เหว่ยเหว่ยมี่เองก็ได้ยิ้มออกมาก่อนที่จะพูดว่า

“ทำไมต้องตามหลักผู้ล่า ? ฉันอุส่าเจอคนที่น่าสนใจด้วยความยากลำบากและจะต้องอยู่ด้วยกันให้ดีสิ อ่อใช่ ฉันได้ยินมาว่านายชนะเงินพนันไป1พันล้านงั้นหรอ ?”

ถังซิ่วได้ตอบกลับไปว่า

“นั่นเป็นเพียงอุบัติเหตุเท่านั้น มันแค่โชคดีแต่เธอเองก็เสียหายไปเยอะหนิ”

เหว่ยเหว่ยมี่เองก็ได้พูดแบบไม่สนใจว่า

“จริงๆแล้วสำหรับพวกเรานั้นเงินเป็นสิ่งที่หามาได้อย่างง่ายดายใช่ไหม ? หากใช้ความสามารถของฉันรับรองว่าจะต้องชนะอย่างแน่นอนแต่ฉันไม่ค่อยชอบโกงเท่าไหร่เพราะมันทำให้ฉันหมดสนุก”

ถังซิ่วได้ยกนิ้วโป้งขึ้นมาชื่นชมว่า

“เธอแข็งแกร่งกว่าฉันและความเร็วในการทำเงินคงเร็วจนใช้จ่ายไม่หมดแต่น่าเสียดายที่ฉันมันเป็นแค่คนจนๆคนหนึ่งเท่านั้น”

“ฮี ฮี ........... นายนี่ถ่อมตัวจริงๆนะ นายพวกว่าพวกเราแข็งแกร่งใช่ไหม หรือว่าเรามาลองสู้กันไหม ? ตั้งแต่16ปีที่แล้วก็ยังไม่มีใครสามารถเป็นคู่มือให้ฉันได้เลย แม้แต่คนที่แข็งแกร่งในสายตาของคนทั่วไปนั้นก็ไม่สามารถตามความเร็วของฝ่ามือฉันได้เลย”

ถังซิ่วเองก็ต้องการที่จะยืดเส้นยืดสายกับเหว่ยเหว่ยมี่เช่นกันทว่าหลังจากที่ได้ยินคำพูดของเธอแล้วเขาก็ได้แต่ส่ายศีรษะแล้วพูดว่า

“ประสบการณ์ของเธอนั้นยังมีน้อยเกินไป สู้ไปก็คงจะไม่ได้อะไรหรอก ช่างมัน !”

คิ้วของเหว่ยเหว่ยมี่ก็ยกตัวขึ้นก่อนที่จะพูดออกมาว่า

“ถังซิ่ว นายไม่เชื่อว่าฉันสามารถทุบตีนายได้ ?”

ถังซิ่วได้จ้องมองก่อนที่จะหัวเราะออกมาว่า

“เอาล่ะ ฉันยอมแล้ว เธอเป็นผู้ชนะ เราไปหาอะไรทานกันดีกว่า”

เหว่ยเหว่ยมี่เองก็ไม่ได้พูดอะไรอีกพร้อมกับเคลื่อนไหวทันที เธอได้มาปรากฏอยู่ตรงหน้าถังซิ่วก่อนที่จะส่งฝ่ามือไปทางเขา

ความเร็วของเธอนั้นถือว่ารวดเร็วเป็นอย่างมากแต่ก็ยังไม่สามารถเทียบกับถังซิ่วได้ ก่อนที่ฝ่ามือของเธอจะกระแทกเขานั้นถังซิ่วก็ได้โน้มตัวหลบทันที

“ฮิ............”

ขณะนั่นเองเธอก็ได้กระโดดขึ้นไปบนท้องฟ้าก่อนที่จะพุ่งขึ้นไป 7-8เมตร

คิ้วของถังซิ่วเองก็ได้ขมวดเข้าหากันพร้อมกับพบว่าเหว่ยเหว่ยมี่ไม่มีความสามารถด้านการต่อสู้แม้แต่น้อย แม้ว่าเธอจะมีความเร็วนั้นแต่ก็มีจุดอ่อนมากมายซึ่งเขาสามารถตอบโต้ได้ทุกเมื่อหากเขาต้องการ

“ถอยไปซะ !”

ถังซิ่วเองก็ได้เตะพื้นพร้อมกับหลบฝ่ามือของเธอที่เหวี่ยงมาก่อนที่จะไปโผล่อยู่ด้านหลังเธอด้วยความไวดั่งสายฟ้าแล้วกอดเอวเธอเอาไว้ในอ้อมอกของเขา

“..........”

เธอเสียการทรงตัวทันทีพร้อมกับรู้สึกได้ถึงความอุ่นจากฝ่ามือของเขา เธอได้ถูกถอดไว้พร้อมกับใบหน้าที่แนบอยู่ตรงหน้าอกของเขา

“ตอนนี้รู้แล้วหรือยังล่ะ ? แม้ว่าเธอจะว่องไวแต่เธอไม่มีความสามารถในการต่อสู้แม้แต่น้อย หากว่าฉันต้องการฉันก็สามารถเอาชนะเธอได้ทุกเมื่อดังนั้นการต่อสู้ของเรามันไม่ได้อะไรเลยแม้แต่น้อย หากว่าเธอต้องการจะเห็นฉากต่อสู้นั้นก็รอแล้วกัน เธอสามารถไปรับชมกับฉันได้ในวันนี้”

ถังซิ่วพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม

ใบหน้าของเหว่ยเหว่ยมี่เองก็ได้แดงไปถึงใบหูก่อนที่เธอจะกอดคอของเขาไว้แล้วจูบไปที่ปากของเขาทันที

“..........”

ถังซิ่วเองก็ชะงักไปครู่หนึ่งเพราะหลังจากที่เขากำลังประมวลสถานการณ์อยู่นั้นก็ไม่มีอันไหนเลยที่จะอธิบายได้ว่าทำไมเธอถึงจูบเขา ซึ่งความเร็วของเธอเองก็ทำให้เขาไม่สามารถหลบได้

“หยุดเดี๋ยวนี้นะ”

ถังซิ่วได้ปล่อยเธออกทันทีพร้อมกับไม่รู้ว่าตัวเองควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

เหว่ยเหว่ยมี่เองก็ได้เลียริมฝีปากสีแดงของเธอเหมือนกับกำลังลิ้มรสชาติการจูบเมื่อครู่นี้ก่อนที่จะพูดหยอกล้อออกมาว่า

“นี่มันเป็นการจูบธรรมดาๆเท่านั้น มันเป็นเหมือนกับที่ได้เห็นในรายการทีวีแต่หากว่าเป็นคู่รักกันจริงๆก็สามารถจูบกันแบบดูดดื่มได้ ตั้งแต่เล็กจนโตมานี้ยังไม่มีผู้ชายคนไหนที่ทำให้ฉันอยากจูบแบบดูดดื่มได้เลย นายอยากจะลองกับฉันไหม ?”

ไร้ยางอาย !

ถังซิ่วยังไม่เคยได้ยินคำขอร้องไหนที่ไร้ยางอายเท่านี้มาก่อน ไม่ว่ายังไงก็ตามเธอก็ยังเป็นผู้หญิงนะยิ่งไปกว่านั้นคือจากการสำรวจเธอแล้วก็น่าจะไม่เคยผ่านมือผู้ชายมาก่อนแน่นอน

“เหว่ยเหว่ยมี่ เธอไม่เคยกินหมูแต่ไม่เคยเห็นหมูงั้นหรอ ? ในทีวีกับโลกแห่งความเป็นจริงนั้นไม่เหมือนกันดังนั้นเธอต้องจูบกับคนที่เธอรักเท่านั้น อย่าบอกนะว่าเธออยากจะเป็นขี้ปากคนอื่นน่ะ ?”

ถังซิ่วเองก็ได้พูดแก้ไขเธออย่างรวดเร็ว

เหว่ยเหว่ยมี่เองก็ได้ชะงักค้างไปก่อนที่จะหัวเราะออกมา เธอเอามือกุมไปที่ท้องก่อนที่จะชี้ไปที่ถังซิ่วแล้วพูดว่า

“ไม่คิดเลยจริงๆว่านายจะน่าสนใจขนาดนี้ นายคิดว่าฉันเป็นเด็กที่ไม่รู้สาจริงๆงั้นหรอ ? ฮ่า ฮ่า ฮ่า ...... บอกความจริงก็ได้ ฉันแค่แกล้งนายเล่นเท่านั้น !”

ถังซิ่วเองก็รู้สึกผ่อนคลายก่อนที่จะพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“ในเมื่อเธอแกล้งฉันก็ไม่เป็นไร เราไปกันเถอะ ! ไปทานอาหารและไวน์ชั้นเลิศกันดีกว่า”

เหว่ยเหว่ยมี่เองก็ได้วิ่งไปใส่รองเท้าก่อนที่จะถือกระเป๋าแล้วเดินตามถังซิ่วกลับไปที่วิลล่าอย่างไรก็ตามเธอก็ได้ถามออกมาว่า

“จะว่าอะไรไหมหากว่าฉันถามอะไรหน่อย ?”

“เรื่องอะไรงั้นหรอ ?”

เหว่ยเหว่ยมี่เองก็ได้ถามออกมาว่า

“นายมีแฟนหรือยัง ? .....แต่งงานหรือยัง ?”

ถังซิ่วได้เงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดออกมาว่า

“ไม่มี เอ้ยมี ไม่สิ มันค่อนข้างอธิบายยากน่ะ ฉันไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไรดี”

เหว่ยเหว่ยมี่เองก็ได้พูดออกมาด้วยความประหลาดใจว่า

“แสดงว่านายเป็นหญ้าชั้นดีที่มีเจ้าของแล้วสินะ ? หรือว่ายังไม่มีล่ะ ? หรือเราจะลองเรื่องอย่างว่าดู เรื่องนายมีแฟนหรือไม่มีแล้วมันเป็นไง ? ฉันไม่ได้รังเกียจนายหรอกนะ”

ถังซิ่วได้โบกมือของเขาแล้วพูดว่า

“ไม่จำเป็น ตอนนี้ฉันมีแฟนแล้วก็ได้ !”

เหว่ยเหว่ยมี่เองก็ได้พูดออกมาด้วยท่าทางหงุดหงิดว่า

“อย่าบอกนะว่าฉันสู้เธอคนนั้นไม่ได้ ?ทำไมฉันถึงได้รู้สึกว่านายไม่สนใจรูปลักษณ์ของฉันเลย ?”

ถังซิ่วได้พูดออกมาว่า

“มันไม่ใช่ไม่สนใจแต่ว่าฉันไม่ชอบมีความสัมพันธ์ เข้าใจไหม ?”

“ไม่เข้าใจ !”

เหว่ยเหว่ยมี่ได้ตอบกลับไป

ถังซิ่วได้คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดว่า

“เอางี้แล้วกัน ! ความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงนั้นมันเป็นภาระ ฉันไม่ชอบภาระดังนั้นฉันจึงไม่หาแฟน หากว่าจะต้องสืบทอดลูกหลานจริงๆฉันก็จะหาผู้หญิงมาแต่งงานและให้กำเนิดลูกหลานแต่ว่าจะไม่มีความสัมพันธ์กับเธอแม้แต่น้อย”

เหว่ยเหว่ยมี่เองก็ได้ชื่นชมออกมาว่า

“ความคิดของนายง่ายและตรงไปตรงมาจริงๆนะ คำพูดก่อนหน้านี้เป็นเพียงคำหยอกล้อเท่านั้นเพราะฉันคิดว่านายไม่อยากมีความสัมพันธ์อะไรกับฉันตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบแล้ว ฉันว่ายิ่งฉันรู้จักนายมากขึ้นเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้สึกว่านายน่าสนใจมากขึ้นเท่านั้น”

ถังซิ่วได้ฝืนยิ้มออกมาแล้วพูดว่า

“ฉันไม่ใช่ของเล่นนะที่จะสร้างความน่าสนใจให้เธอน่ะ ฉันไม่รู้ว่าฉันจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เอาล่ะรีบๆใส่รองเท้าได้แล้ว เราจะไปทานอาหารกัน”

เหว่ยเหว่ยมี่ก็ได้ปฏิบัติตามพร้อมกับอยู่ดีๆก็ถามออกมาว่า

“นายรู้ไหมว่าทำไมบอสของที่นี่ถึงได้รู้จักฉันและเคารพฉันขนาดนั้น ?”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด