Returning From The Immortal World - 293
.......................................................................................................................................................................................
ถังซิ่วเองก็ได้ส่ายศีรษะก่อนที่จะพูดออกมาว่า
“รู้นิดหน่อยแต่ฉันเป็นคนที่ไม่ได้สนใจการพนันเท่าไหร่”
หวางหลุยเองก็ได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“ฉันเองก็ไม่ค่อยได้เล่นพนันเหมือนกันอย่างไรก็ตามฉันชอบการแข่งขัน ชอบความรู้สึกที่หัวใจเต้นถี่รัว จริงๆแล้วที่ฉันเพิ่งเล่นไปนั้นมันเป็นแค่การล้างแค้นเท่านั้น เจ้าพวกคนแคระญี่ปุ่นเองก็เป็นคนขี้ขลาดจริงๆ”
ขี้ขลาด ?
ถังซิ่วเองก็ไม่ได้พูดอะไรเพราะแน่นอนว่าพวกคนแคระญี่ปุ่นบางคนนั้นขี้ขลาดจริงๆแต่ก็ยังมีส่วนน้อยที่เป็นพวกหัวรั้น แม้ว่าถังซิ่วจะไม่ค่อยชอบประเทศนี้และผู้คนจากที่นั่นก็ตามแต่เรื่องที่น่ารังเกียจของพวกเขาก็ยังมีสิ่งที่ดีอยู่บ้าง
บางที........คงเป็นเรื่องที่ที่นั่นมีชื่อเสียงด้านสุขอนามัย
เฒ่าอ้วนหลี่เองก็ได้พูดออกมาอย่างรวดเร็วว่า
“น้องชายหวาง อย่าได้ไปแกล้งน้องชายถังสิ เขาเป็นคนดีซึ่งคงไม่ไปนั่งหาความรู้สึกใจสั่นแบบนั้นหรอก”
หวางหลุยเองก็ได้ยักไหล่ของเขาก่อนที่จะพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“ในเมื่อพี่ชายปกป้องเขาขนาดนี้ฉันก็จะปล่อยเรื่องนี้ไป ฉันเองก็คิดว่าจะได้เจอกับผู้เชี่ยวชาญแล้วเสียอีก”
ท่าทางของถังซิ่วเองก็เปลี่ยนไปทันที เขาพูดออกมาทันทีหลังจากที่เห็นว่าหวางหลุยกำลังเดินออกไปว่า
“ในเมื่อนายอยากได้ความรู้สึกหัวใจเต้นระรัวนักฉันก็สามารถให้คำแนะนำกับนายได้”
หวางหลุยเองก็ได้จ้องมองด้วยสายตาที่ดูถูกก่อนที่จะพูดออกมาว่า
“แนะนำอะไรงั้นหรอ ?”
ถังซิ่วเองก็ได้พูดออกมาว่า
“ฉันมีลูกน้องอยู่สองคนที่ฝึกวิทยายุทธและต่อสู้กับผู้เชี่ยวชาญมามากมาย ความแข็งแกร่งของนายก็น่าจะเป็นคู่มือของเขาได้ เรามาทำข้อตกลงกันก่อนว่ามันเป็นนายเองที่ต้องการความรู้สึกใจสั่นนั้น หากว่าแพ้แล้วก็อย่ามาโกรธเคืองฉันแล้วกัน”
หวางหลุยเองก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้
“ฉันแพ้งั้นหรอ ? คนที่จะทำอย่างนั้นได้มันยังไม่เกิดมาด้วยซ้ำ ! ได้ในเมื่อนายเป็นน้องชายของพี่ชายหลี่งั้นฉันจะไว้หน้านายเพื่อเล่นกับลูกน้องพวกนั้น”
ถังซิ่วเองก็ได้บอกที่อยู่ของเขาไปแล้วพูดออกมาว่า
“นอกบ้านของฉันตอนเที่ยงคืน”
“ได้ !”
หวางหลุยเองก็ได้โบกมือของเขาพร้อมกับเดินออกไปทันที
ถังซิ่วเองก็สามารถรับรู้ได้ทันทีหลังจากที่เขาเดินออกไปว่ามีชายสี่คนได้เดินตามเขาไปด้วยย่างก้าวที่มั่นคง เขารู้ว่าคนเหล่านี้ไม่น่าจะเป็นคนที่สร้างปัญหาให้กับหวางหลุยแต่น่าจะเป็นผู้คุ้มกันของเขา
เฒ่าอ้วนหลี่เองก็ได้ถอนสายตากลับมาพร้อมกับพูดออกมาด้วยความประหลาดใจว่า
“น้องชายถัง ทำไมถึงได้ไปพูดกับเขาเช่นนั้น ? เท่าที่ฉันรู้มานั้นเขาเป็นคนที่มีความสามารถด้านวิทยายุทธเป็นอย่างมาก หยางเซียนหยูที่อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือซึ่งเป็นถึงระดับปรมาจารย์ด้านวิทยายุทธเองก็ยังไม่ใช่คู่มือของเขาเลยด้วยซ้ำ ฉันได้ยินมาว่าเขาก็ยังไม่สามารถทำอะไรหวางหลุยได้แม้แต่น้อย”
หยางเซียนหยู ?
ถังซิ่วถึงกับแสดงแววตาที่ประหลาดใจออกมาเพราะเขารู้จักหยางเซียนหยูคนนั้น เขาได้เจอกันที่สำนักมังกรรุ่งโรจน์แถมยังช่วยรักษาโรคประหลาดๆให้ภรรยาของเขาด้วย
อย่างไรก็ตาม
เขาเองก็คิดอยู่ในใจว่าหยางเซียนหยูจะไปเทียบกับหวางหลุยได้อย่างไรเพราะหลังจากที่เขาได้สังเกตการณ์ก้าวเดินที่มั่นคงและตั้งการ์ดตลอดเวลานั้นมันแสดงให้เห็นว่าเขาจะต้องเป็นคนที่ผ่านสถานการณ์ที่หวาดหวั่นมามากมายอย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นคือคนที่จะสามารถแสดงท่าทางแบบนี้ได้ก็จะต้องเป็นคนที่แข็งแกร่งมากๆ
หยางเซียนหยูไม่ใช่คู่มือของหวางหลุย
แน่นอนอยู่แล้วว่าต่อให้เป็น3-5หยางเซียนหยูก็ยังไม่ใช่คู่มือของหวางหลุยอยู่ดี
หลังจากผ่านไปหลายนาที
ถังซิ่วและเฒ่าอ้วนหลี่ก็ได้แยกทางกันพร้อมกับโบกรถที่หน้าบ่อนพนันเพื่อกลับไปยังโรงแรม เมื่อเขาพบว่าโม่อาเหวินกำลังนั่งขัดสมาธิเพื่อบ่มเพาะพลังอยู่ที่ชั้นสองนั้นถังซิ่วเองก็ได้แต่พยักหน้า
ความบากบั่น! คือสิ่งที่สำคัญที่สุดในดินแดนแห่งนิรันด์
การบ่มเพาะพลังแห่งนิรันด์นั้นก็เหมือนเรากำลังพายเรือทวนกระแสน้ำ หากว่าเราไม่สามารถก้าวไปข้างหน้าได้ก็จะถูกรั้งเอาไว้ด้านหลัง หากว่าโม่อาเหวินสามารถคงความเร็วระดับนี้ไว้ได้บางทีในอนาคตเขาอาจจะสามารถตัดผ่านไปยังเขตแดนแห่งนิรันด์พร้อมทั้งก้าวข้ามไปยังดินแดนแห่งนิรันด์ได้
“บอสครับ ยินดีต้อนรับกลับ!”
เมื่อโม่อาเหวินได้ยินเสียงฝีเท้าของถังซิ่วนั้นเขาก็ได้เปิดตาขึ้นทันทีพร้อมกับยืนขึ้นแล้วพูดออกมาด้วยความเคารพ
ถังซิ่วเองก็ได้โบกมือพร้อมกับถามออกมาว่า
“แล้วอาหวูยังไม่กลับมาอีกงั้นหรอ ?”
โม่อาเหวินเองก็ได้ฝืนยิ้มออกมาแล้วพูดว่า
“เมื่อถึงเวลาที่เขาผ่อนคลายนั้นหากว่าไม่ได้มีอันตรายร้ายแรงอะไรเกิดขึ้นเขาก็จะไม่โผล่หัวออกมาในอีกหลายชั่วโมงเลยครับ”
ถังซิ่วเองก็ได้พยักหน้าพร้อมกับพูดออกมาว่า
“งั้นก็ปล่อยเขาไปเถอะ ดูเหมือนว่างานเลี้ยงที่ทอมเรกกี้จัดขึ้นกำลังจะเริ่มแล้ว รอให้ถึงช่วงอาหารค่ำแล้วฉันจะต้องปลีกตัวออกมาและยังมีงานให้นายทำด้วย”
โม่อาเหวินเองก็ได้ถามออกมาด้วยความประหลาดใจว่า
“บอสจะให้ผมไปทำอะไรงั้นหรอครับ?”
ถังซิ่วเองก็ได้พูดออกมาขณะที่ส่ายศีรษะว่า
“ภารกิจในช่วงเย็นของนายคือการกินให้อิ่มและพักผ่อนให้มากที่สุด รอจนถึงตอนเที่ยงคืนเพราะฉันได้หาคู่ประลองมาให้นายแล้ว เมื่อถึงเวลาแล้วนายก็จะต้องสู้กับเขาและฉันหวังว่านายจะได้รับชัยชนะ”
“ศัตรู ?”
โม่อาเหวินเองก็ได้ถามออกมา
ถังซิ่วได้ตอบกลับไปว่า
“ไม่ใช่ศัตรูแต่เป็นคนที่เย่อหยิ่ง อย่าได้ฆ่าเขาแค่สั่งสอนเขาก็พอแล้ว ทำให้เขารู้ว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า”
“รับประกันเลยว่าผมจะทำภารกิจให้ลุล่วง”
โม่อาเหวินเองก็ได้กระสับกระส่ายพร้อมพูดออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
ถังซิ่วได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“ไม่จำเป็นต้องทำเหมือนว่ามันเป็นภารกิจหรอก ความแข็งแกร่งของฝ่ายตรงข้ามเองก็ยังไม่สามารถประเมินได้ นายคิดเสียว่าเขาเป็นหมากตัวหนึ่งที่เอาไว้ฝึกฝนก็พอแล้ว ฉันเชื่อว่านายต้องชนะเขาได้อย่างแน่นอน นายจะได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ในการต่อสู้กับผู้เชี่ยวชาญมากขึ้น”
“ประสบการณ์ของผมมีมากอยู่แล้ว”
โม่อาเหวินได้ตอบกลับด้วยความมั่นใจ
ถังซิ่วได้ส่ายศีรษะก่อนที่จะพูดออกมาว่า
“อาเหวิน นายมีประสบการณ์ต่อสู้เยอะก็จริง ครั้งหนึ่งเคยเสี่ยงชีวิตเพื่อเอาตัวรอดแต่มันไม่เหมือนกัน ก่อนที่นี้ที่นายได้ผ่านมานั้นเป็นห่ากระสุนพร้อมกับการฆ่าทหารของฝ่ายตรงข้ามแต่ฉันเชื่อว่านายไม่มีประสบการณ์เกี่ยวกับการต่อสู้กับผู้แข็งแกร่งจริงๆนักใช่ไหม ?”
โม่อาเหวินเองก็ได้คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนทีจะพูดออกมาว่า
“คุณพูดถูกแล้วครับบอส ตั้งแต่7-8ที่แล้วที่ความแข็งแกร่งของผมเพิ่มขึ้นก็ไม่เคยได้เจอคู่มืออีกเลยดังนั้นช่วงเวลา7-8ปีมานี้จึงไม่ได้มีความก้าวหน้าเสียเท่าไหร่ ทว่าหลังจากที่ผู้อาวุโสจี่ได้สอนเทคนิคบ่มเพาะพลังแห่งนิรันด์ให้กับผมแล้วพลังฉีในร่างกายของผมทั้งหมดก็ได้เปลี่ยนเป็นพลังหยวนซึ่งทำให้ผมยิ่งรู้สึกว่าพลังผมมันมากขึ้นกว่าเก่าเสียด้วยซ้ำ มันทำให้ผมไม่สามารถหาคู่มือได้เลย”
ถังซิ่วเองก็ได้ตอบกลับไปว่า
“การเข่นฆ่าของผู้แข็งแกร่งนั้นชีวิตจะต้องแขวนอยู่บนเส้นด้ายเพื่อกระตุ้นศักยภาพของตัวเอง ฉันไม่อยากเห็นนายหยุดอยู่กับที่แต่อยากจะเห็นนายฝ่าสนามรบพร้อมกับต่อสู้กับเหล่าผู้แข็งแกร่ง”
โม่อาเหวินเองก็ได้พูดออกมาว่า
“บอสครับ ผมเข้าใจความหมายของคุณดี”
ถังซิ่วได้แตะไปที่ไหล่ของเขาก่อนที่จะหันหน้ากลับไปมองด้านหลังที่มืดมิดพร้อมกับยิ้มออกมา
สามารถอดทนกับความทุกข์ทรมานนั้นคือหมาชั้นดี
เส้นทางแห่งผู้เป็นนิรันด์นั้นเต็มไปด้วยขวากหนาม หากว่าต้องการเดินไปไกลขึ้น แข็งแกร่งขึ้น สู้กับสวรรค์ สู้กับโลก สู้กับผู้คนมีนิรันด์หรือผู้แข็งแกร่งคนไหนบ้างที่ไม่ได้เหยียบย่ำของภูเขาแห่งซากศพเพื่อนั่งบนบัลลังก์แห่งนิรันด์สูงสุดบ้าง ?
คำพูดก่อนหน้านี้ของเขานั้นตั้งใจพูดให้โม่อาเหวินหรือพูดให้ตัวเองกัน ? กลับมาสู่โลกนี้และเขาต้องมุ่งมั่นที่จะแข็งแกร่งขึ้นเพื่อที่ซักวันหนึ่งเขาจะสามารถกลับไปยังดินแดนแห่งนิรันด์เพื่อหาตัวศัตรูของเขาและเหยียบซากศพของพวกมันก่อนที่จะตัดผ่านไปยังเขตแดนเทวะ
“พวกแกรอฉันก่อนนะ รอฉันให้ดีๆ ล้างคอรอฉันกลับไปเชือดได้เลย ก่อนที่ฉันจะกลับไปพวกแกจะต้องอยู่ดีไปก่อนนะ”
ถังซิ่วได้กำหมัดของเขาจนเส้นเลือดได้ปูดโปนออกมา จิตสังหารที่แผดพุ่งออกมานั้นทำให้โม่อาเหวินที่อยู่ด้านหลังของเขาถึงกับก้าวถอยหลังไปด้วยความกลัว
ทันใดนั้น
ถังซิ่วได้หันกลับมามองโม่อาเหวินที่ใบหน้าไม่ค่อยสู้ดีนักก่อนที่จะชี้ไปยังทะเลที่กว้างใหญ่แล้วถามออกมาว่า
“บอกฉันหน่อยสิว่านายเห็นอะไร ?”
โม่อาเหวินเองก็คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะตอบกลับไปว่า
“ทะเลครับ”
ถังซิ่วได้ถามต่อว่า
“อะไรอีก ?”
อะไรอีก ?
คิ้วของโม่อาเหวินเองก็ได้ขมวดเข้าหากันก่อนที่จะใช้พลังทั้งหมดเพื่อหาคำตอบแต่ท้ายที่สุดเขาก็ต้องส่ายหัวแล้วพูดว่า
“บอสครับ นอกจากทะเลในยามค่ำคืนแล้วผมก็ไม่เห็นอะไรอีกเลย”
ถังซิ่วเองก็ได้พูดออกมาว่า
“อาเหวิน นายรู้ไหมทำไมฉันถึงได้โปรดปรานนาย ?”
โม่อาเหวินเองก็ได้ถามออกมาทันทีว่า
“ทำไมหรอครับ ?”
ถังซิ่วได้ตอบกลับไปว่า
“เพราะนายฉลาด นายรู้ว่ายิ่งฉลาดก็จะทำให้กองทัพแข็งแกร่งขึ้น ฉันได้ถามเรื่องของนายมาจากเสี่ยวเสวี่ยแล้วและเธอเองก็บอกฉันมาเยอะเหมือนกัน”
โม่อาเหวินเองก็ได้พูดขึ้นว่า
“บอสครับ ผมไม่เข้าใจความหมายของคุณ”
ถังซิ่วได้ตอบกลับไปว่า
“ฉันอยากจะบอกนายว่าการบ่มเพาะพลังนั้นไม่ใช่แค่การไล่ความความแข็งแกร่งเท่านั้นแต่มันรวมไปถึงสภาพอารมณ์ด้วย ความมุ่งมั่นของนายและอาหวูนั้นแรงกล้าเป็นอย่างมากแต่นายยังไม่รับรู้ถึงแก่นแท้ของการบ่มเพาะ ฉันได้พบเจอผู้คนมากมายที่ไล่ตามความแข็งแกร่งและไม่สนใจที่จะฝึกควบคุมอารมณ์และสุดท้ายเมื่อพวกเขาถึงคราวที่ต้องรับการลงทัณฑ์หรือมารในใจนั้นก็จะพ่ายแพ้ให้กับพวกมันและสลายหายไปในที่สุด”
โม่อาเหวินเองก็ได้ถามออกมาว่า
“บอสครับ การรับทัณฑ์นั้นเหมือนกับที่เห็นในหนังหรือเปล่าครับ ?”
ถังซิ่วได้ตอบกลับไปว่า
“มันก็แตกต่างอยู่บ้างแต่ก็ไม่มากนัก”
โม่อาเหวินเองก็ได้ถามออกมาอีกครั้งว่า
“แล้วผมจะฝึกควบคุมอารมณ์ของตัวเองอย่างไรครับ ?”
ถังซิ่วได้ส่ายศีรษะก่อนที่จะพูดว่า
"การฝึกอารมณ์นั้นคือการรับรู้อย่างมีความเข้าใจ ฉันใช้ตัวอย่างง่ายๆในการอธิบายให้นายฟังเมื่อครู่นี้ นายเห็นอะไรจากภายนอก ? นายบอกว่าเห็นทะเลเห็นท้องฟ้า แต่นายรู้หรือไม่ว่าสิ่งที่ฉันเห็นคืออะไร ? "
โม่อาเหวินเองก็ได้ถามออกมาด้วยความสับสนว่า
“คุณเห็นอะไร ?”
ถังซิ่วได้ตอบกลับไปว่า
"ฉันเห็นว่ามันกว้างใหญ่และคือการผสมผสาน ฉันเห็นการดำรงอยู่ของทะเลที่ไม่มีที่สิ้นสุด เห็นดอกกุหลาบบนสรวงสวรรค์ ม่านแห่งยามค่ำคืนที่มีความสวยงามและลึกลับ "
โม่อาเหวินนั้นเป็นคนที่ฉลาดอยู่แล้วเขาถึงได้เข้าใจความหมายของคำพูดถังซิ่วในทันที
“บอสครับ ความหมายของคุณคือการหาความรู้และสิ่งต่างๆโดยใช้ความคิดและไล่ตามมันใช่ไหมครับ ?”