Returning From The Immortal World - 284
.......................................................................................................................................................................................
คิ้วของถังซิ่วก็ได้ยกตัวขึ้นก่อนที่จะถามออกมาว่า
“คุณรู้จักหยานเอ๋อด้วย ?”
หยานเอ๋อ ?
หลี่จูเหลินเองก็ได้จ้องมองอย่างงงงวยก่อนที่จะพูดออกมาว่า
“หยานเอ๋อที่น้องชายถังพูดถึงคือ ?”
ถังซิ่วเองก็ได้ตอบกลับไปอย่างสงบว่า
“กู่หยานเอ๋อ”
ดวงตาของหลี่จูเหลินนั้นก็เปล่งประกายความไม่อยากจะเชื่อออกมาเพราะเขาไม่คิดเลยว่าถังซิ่วจะเรียกกู่หยานเอ๋อเช่นนั้น ต้องรู้ก่อนว่าเมื่อประมาณ20ปีที่แล้วกู่หยานเอ๋อเองก็มีรูปลักษณ์ประมาณเด็กสาวอายุ20ปี ตอนนี้เธอต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า50ปีใช่ไหม ?
“ใช่แล้ว กู้หยานเอ๋อ บอสกู่คนนั่นแหละ เมื่อประมาณ20ปีก่อนฉันได้เกิดอุบัติเหตุขึ้นหลังจากการขนส่งสินค้าที่นำเข้าจากต่างประเทศ ณ นอนนั้นเองที่ฉันได้หน้าด้านไปขอให้บอสกู่ช่วยเหลือ”
ถังซิ่วเองก็ได้พูดออกมาด้วยความประหลาดใจว่า
“เธอช่วยคุณหรือเปล่า ?”
หลี่จูเหลินเองก็ได้พยักหน้าพร้อมกับพูดว่า
“เธอได้ช่วยไว้ซึ่งทำให้ฉันไม่สูญเสียไปมากเท่าไหร่แต่เธอก็ไม่ได้ต้องการค่าตอบแทนเลยแม้แต่น้อยทว่ากลับข้อร้องอะไรบางอย่างจากฉัน”
ถังซิ่วเองก็ได้ถามด้วยความสงสัยว่า
“ขอร้องอะไร ?”
หลี่จูเหลิงเองก็ได้พูดออกมาว่า
“อย่างแรกคือห้ามสืบข้อมูลเกี่ยวกับห้องอาหารร้อยงานฉลองอีกและอย่างที่สองคือช่วยเธอหาคนๆหนึ่งที่ชื่อว่าถังซิ่ว ฉันมีรูปวาดที่เธอทิ้งไว้ให้แม้ว่าเธอจะชื่อถังซิ่วเหมือนกันก็ตามแต่หน้าตาของเธอนั้นแตกต่างกันมาก”
ถังซิ่ว ?
ถังซิ่วเองก็ได้ถอนหายใจออกมา ส่วนเรื่องที่รูปลักษณ์จะไม่เหมือนกันนั้นก็เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว เขาจะไปมีหน้าตาเหมือนตอนที่อยู่ในดินแดนแห่งนิรันด์ได้ไงกัน ?
“ดูเหมือนว่าหยางเอ๋อจะทำเพื่อฉันมากมายเลยสินะ ผู้เฒ่าหลี่หากว่าเป็นไปได้ก็อย่าได้ส่งคนมาสืบเรื่องของผมอีกเพราะต่อให้สืบไปอย่างไรคุณก็จะไม่ได้อะไรกลับไปอยู่ดียิ่งไปกว่านั้นคือร่างกายของหยานเอ๋อนั้นไม่ค่อยจะดีนักดังนั้นก่อนหน้านี้เรื่องภายในห้องอาหารทั้งหมดจะถูกจัดการโดยลูกศิษย์ของเธอ กู่เสี่ยวเสวี่ย หลังจากนี้คงต้องขอความช่วยเหลือของคุณ”
ถังซิ่วเองก็ได้ถอนหายใจออกมาพร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้ม
ท่าทางของหลี่จูเหลินนั้นก็ได้เปลี่ยนไปทันทีพร้อมกับพูดออกมาอย่างรวดเร็วว่า
“เรื่องธุรกิจของห้องอาหารนั้นไม่เป็นไรหรอกแต่อย่างไรก็ตามบอสกู่เป็นอย่างไรบ้าง ? ให้ฉันช่วยไปหาหมอมาให้ไหม ? ฉันได้ยินมาว่าในจังหวัดชวนฉิงนั้นได้มีหมอเทวดาเกิดขึ้น หากว่าเธอต้องการฉันก็จะไปที่นั่นเพื่อเชิญให้หมอคนนั้นไปที่เกาะจิงเหมินเอง”
ถังซิ่วเองก็ได้มองไปที่หลี่จูเหลินด้วยท่าทางแปลกๆก่อนที่ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ได้
“เรื่องที่มีหมอเทวดาเกิดขึ้นที่เมืองสตาร์ซิตี้นั้นแพร่ไปเร็วขนาดนั้นเชียว ? มันดังมาถึงเกาะฮ่องกงนี่เลย ?”
หลี่จูเหลินเองก็ได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“ฉันก็เพิ่งได้ยินนี่แหละ เพื่อเก่าจากเมืองหลวงของฉัน ถัง.....”
ทันใดนั้น
รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาได้จางหายไปก่อนที่ดวงตาจะเปล่งประกายความรู้สึกไม่อยากจะเชื่อออกมา
ถังซิ่วเองก็ได้พูดออกมาอย่างสับสนว่า
“ถังอะไรงั้นหรอ ?”
หลี่จูเหลินเองก็ได้มองไปถังซิ่วก่อนที่จะถามออกมาว่า
“เท่าที่ฉันรู้คือหมอเทวดาคนนั้นมีชื่อว่าถังซิ่ว ? แต่เพื่อนเก่าของฉันตระกูลถัง...........ไม่ใช่แค่เรื่องที่ว่า โรคหอบหืดของเขาจะถูกรักษาแต่เด็กหนุ่มคนนั้นก็เป็นหลานชายแท้ๆของเขา เธอเองก็มาจากจังหวัดชวนฉิง อย่าบอกนะว่า ?”
ถังซิ่วเองก็ได้หัวเราะออกมาทันทีพร้อมกับพูดว่า
“ผมจะบอกสิ่งที่คุณอยากจะรู้เลยแล้วกัน ใช่แล้ว หมอเทวดาที่สตาร์ซิตี้นั้นคือผมเองแต่ก็ไม่ได้ประจำอยู่ที่นั่นส่วนเรื่องของตระกูลถังนั้นพ่อของผมคือถังหยุนดี่และปู่คือถังเกาเชิง”
“เฮื้อกกก......”
หลี่จูเหลินรู้สึกตกตะลึงกับสถานะของถังซิ่วเป็นอย่างมาก
หากว่าถังซิ่วเพียงแค่บอกว่าเขาเป็นสายเลือดของตระกูลถังและเป็นหลานชายแท้ๆของถังเกาเชิงนั้นเขาก็ยังไม่ค่อยตกใจมากเท่าไหร่แต่ถังซิ่วกลับเป็นหมอเทวดาคนนั้นและสิ่งที่สำคัญที่สุดคือเขาเป็นเจ้าของห้องอาหารร้อยงานฉลอง !
เมื่อเขาสถานะต่างๆของเขามารวมกัน! มันทำให้เขารู้สึกหวาดผวา
ถังซิ่วเองก็ได้พูดออกมาว่า
“ไม่จำเป็นต้องประหลาดใจไปหรอก หากว่าผมสามารถรักษาหยานเอ๋อได้ก็คงจะทำไปนานแล้วเพราะอย่างไรก็ตามเธอเป็นศิษย์คนที่ผมชอบที่สุด”
หลี่จูเหลินเองก็พยักหน้าก่อนที่จะได้สติจากอาการตกตะลึงพร้อมกับพูดว่า
“ในเมื่อเธอคือหมอเทวดา มันเป็นธรรมชาติ..........”
เสียงของเขาได้หยุดลงอีกครั้ง
ลูกศิษย์ ?
เมื่อกี้ถังซิ่วพูดว่าอะไรนะ ? กู่หยานเอ๋อเป็น.........ศิษย์คนที่เขาชอบมากที่สุด ?
อะไรกัน......
นี่มันเรื่องตลกอะไรกัน ?
ถังซิ่วเองก็ไม่ได้อธิบายเรื่องเหล่านั้นออกไปขณะที่เขาส่ายศีรษะแล้วพูดว่า
“เอาล่ะเรื่องความสัมพันธ์ของผมกับหยานเอ๋อนั้นผมหวังว่าคุณจะเก็บมันไว้เป็นความลับยิ่งไปกว่านั้นคือหากว่าไม่มีเรื่องอะไรแล้วคุณก็สามารถกลับไปได้แล้ว”
หลี่จูเหลินเองก็ยังไม่ได้ขยับไปไหน เขามองไปที่ถังซิ่วอย่างไม่ลดละเหมือนว่าเด็กหนุ่มคนนี้ถูกปกคลุมไปด้วยผ้าคลุมแห่งความยุ่งเหยิง
“งั้นฉันก็ต้องขอตัว”
เมื่อเห็นว่าถังซิ่วนั้นได้ชี้ทางออกให้เขาแล้วดังนั้นเขาจึงได้ออกไปทันที
ถังซิ่วเองก็ได้ไปส่งเขาที่ลานกว้างพร้อมกับมองเขาขณะที่ออกไปก่อนที่เขาจะเดินกลับเข้าไปในห้อง การฆ่าในวันนี้นั้นไม่ได้ทำให้เขารู้สึกแย่แม้แต่น้อยดังนั้นเขาจึงได้แต่นั่งขัดสมาธิพร้อมกับเริ่มทำการบ่มเพาะพลังต่อไป
ขณะที่เขากำลังบ่มเพาะอยู่นั้น ตอนนี้เขาสามารถตัดผ่านไปยังขั้นเสริมสร้างเลือดเนื้อได้ทุกเมื่อ คราบใดที่เขาสามารถไปถึงขั้นนี้ได้ความแข็งแกร่งของเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล แม้ว่าเขาจะไม่กล้าพูดอย่างเต็มปากว่าไม่มีใครสามารถเทียบได้ทว่าคนที่จะเป็นคู่มือของเขาได้ก็มีอยู่น้อยมาก
เกาะฮ่องกง เขตจิมซาจุ่ย
วิลล่าหลังใหญ่ที่ตกแต่งสไตล์ยุโรป ในห้องโถงนั้นดูหยางกำลังนั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าดูชางซี่ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความรู้สึกเสียใจ เพียงแค่เรื่องบาดหมางเล็กน้อยแต่ครอบครัวของเขากลับต้องจ่ายเงินไปถึง3พันล้านหยวน แม้ว่าเขาจะเป็นคนที่เย่อหยิ่งและชอบบงการมากขนาดไหนแต่เขาก็รู้ดีว่าเรื่องในวันนี้เขาเป็นฝ่ายผิด
ก่อนหน้านี้ที่เขาถูกบังคับให้ต้องคุกเข่านั้นทำให้เขาโกรธมากแม้ว่าเปลือกนอกเขาจะดูเหมือนยอมรับก็ตามแต่ใจจริงแล้วไม่เลยทว่าตอนนี้นั้นเขาไม่บ่นแม้แต่น้อย
“รู้ถึงความผิดแล้วใช่ไหม ?”
ดูชางซี่เองก็ไม่ได้ลงมือซ้ำแต่นั่งอยู่ตรงโซฟาพร้อมกับมองเขาด้วยแววตาที่เย็นยะเยือก ข้างๆเขาก็มีภรรยา ใบหยูฉินนั่งมองดูหยางด้วยความเอ็นดู เธอต้องการที่จะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็กำลังลังเล
ดูหยางเองก็ได้พูดออกมาอย่างขมขื่นว่า
“คุณพ่อ ผมรู้แล้วว่าผมผิดเอง”
ดูชางซี่เองก็ได้โกรธเป็นอย่างมากก่อนที่จะพูดออกมาว่า
“ถ้ารู้ว่าผิดก็ต้องแก้ให้ถูกไม่เช่นนั้นธุรกิจทั้งหมดของตระกูลเราก็จะต้องหายนะอย่างแน่นอน ถ้าเป็นเช่นนั้นก่อนที่ฉันจะตายก็คงจะบริจาคเงินทั้งหมดเพื่อการกุศลยังจะดีกว่า อย่างน้อยก็ยังเหลือหน้าฉันไว้ได้บ้าง”
ดูหยางเองก็ได้พูดอย่างตรงไปตรงมาว่า
“คุณพ่อ หากว่าผมไม่ได้เจอเรื่องในวันนี้ก็คงจะเป็นเหมือนเมื่อก่อน ตอนนี้ผมเปลี่ยนไปแล้ว สิ่งที่ผมเห็นในวันนี้เป็นฉากที่สยองและน่ากลัวที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมา ผมขอสัญญาว่าหลังจากนี้ผมจะไม่คบหากับพวกเขาอีกแล้วและจะเริ่มเข้าไปช่วยงานที่บริษัทถึงแม้ว่าจะต้องให้ผมเริ่มจากตำแหน่งล่างสุดก็ตามที”
ดูชางซี่ได้มองไปที่ท่าทางจริงจังของลูกชายนั้นเขาก็รู้สึกพึงพอใจเล็กน้อย แต่มันเป็นเงินตั้ง3พันล้านนะที่ต้องจ่ายไป มันต้องกระทบต่อธุรกิจของเขามากอย่างแน่นอน
“ยืนขึ้น !”
ดูหยางเองก็ได้ยืนขึ้นช้าๆก่อนที่จะพูดออกมาหลังจากที่เงียบไปครู่หนึ่งว่า
“คุณพ่อ พ่อรู้เรื่องเกี่ยวกับห้องอาหาหารร้อยงานฉลองมากไหม ? แล้วเจ้าสกุลถังนั่นล่ะเป็นใคร ? ทำไมถึงได้น่ากลัวขนาดนั้น ?”
ดูชางซี่เองก็ได้ฝืนยิ้มออกมาแล้วพูดว่า
“แกถามฉันแล้วฉันจะไปถามใครล่ะ ? หากว่ารู้ว่ามันน่ากลัวขนาดนั้นแล้วฉันจะพาแกไปหามันงั้นหรอ ? เห้อ ตระกูลของเรานั้นยังดีอยู่ที่ยังคงรักษาธุรกิจและชีวิตลูกน้องเอาไว้ได้ เจียงเทียนป้าและเฉินเจียนเย่นั้นได้เตะแผ่นเหล็กเข้าจังๆ อย่างน้อย2/3ของธุรกิจทั้งหมดต้องเสียไป”
ดูหยางเองก็ได้ก้มหัวลงพร้อมกับท่าทางที่เปลี่ยนไปทันทีแล้วพูดว่า
“พ่อ เรื่องในวันนี้นอกจากพวกผมแล้วก็ยังมีคนที่ถังซิ่วได้บอกว่าให้ผู้อาวุโสของตระกูลไปขอโทษอีก”
ดูชางซี่เองก็ได้จ้องมองก่อนที่จะถามออกมาว่า
“ใครอีก ?”
ดูหยางเองก็ได้พูดออกมาว่า
“ฉีชางซิง”
แววตาของดูชางซี่นั้นเปลี่ยนไปทันทีพร้อมกับถามออกมาว่า
“ไม่ได้โกหกฉันใช่ไหม ? เรื่องนี้ฉีชางซิงก็เกี่ยวข้องด้วยงั้นหรอ ?”
ดูหยางเองก็ได้พูดอย่างตรงไปตรงมาว่า
“มีครับแต่ว่าเขาไม่ได้ตอบโต้กลับ”
ดูชางซี่เองก็ได้แสยะออกมาอย่างเย็นชาก่อนที่จะหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วโทรไปหาหมายเลขนึง
โรงแรมฟูกัง
ฉีเฉินชางเองก็กำลังดื่มชาอยู่ภายในห้องพร้อมกับเพื่อๆที่เขาเชิญมาที่บ้านพร้อมกับโคมไฟที่ส่องแสงไปทั่ว ภายในบ้านตกแต่งไปด้วยสไตล์ตะวันตกพร้อมกับรูปภาพที่หรูหรา
“ริ้งงงงงงงงงงง ริ้งงงงงงงงงงงง ริ้งงงงงง.....”
เสียงเรียกเข้าได้ขัดจังหวะการสนทนาของฉีเฉิงชางในทันทีก่อนที่เขาจะมองไปที่เบอร์ของผู้โทรพร้อมกับเดินออกมานอกห้องแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า
“เพื่อนดู มีอะไรถึงได้โทรมาหาฉันล่ะ ?”
“มีข่าวจะมาขาย”
เสียงที่จริงจังของดูชางซี่ได้ถูกส่งออกมาทางปลายสาย
ฉีเฉินชางเองก็ได้จ้องมองอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะหยุดเท้าลงแล้วพูดว่า
“เรื่องอะไรงั้นหรอ ?”
ดูชางซี่เองก็ได้ตอบกลับไปด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า
“อย่าได้ถามก่อน หากว่าต้องการจะซื้อก็โอนเงินมาให้ฉันทันที500ล้านและหลักจากที่ฉันบอกไปแล้วก็ให้โอนกลับมาอีก500ล้าน ข่าวนี้ฉันต้องการเงิน1พันล้าน”
ท่าทางของฉีเฉินชางเองก็เปลี่ยนไปพร้อมกับพูดออกมาว่า
“เพื่อนดู ข่าวอะไรกันงั้นหรอถึงได้มีค่าถึง1พันล้าน ?”
ดูชางซี่เองก็ได้พูดออกมาว่า
“เพื่อฉี เราเองก็เป็นเพื่อนกันมานานหลายปี นายคิดว่าฉันจะเป็นคนที่จะเรียกราคาอย่างไม่สมเหตุสมผลหรือพวกฉ้อโกง ? ฉันสามารถบอกได้อย่างนึงว่าหากว่านายยังนั่งนิ่งโดยไม่ทำอะไร ผ่านจากวันนี้ไปชะตากรรมของนายจะต้องตกที่นั่งลำบากแน่นอนและมันก็รวมไปถึงบริษัทของนายด้วย ฉันบอกได้เลยว่าเงินที่นายจะต้องจ่ายไปนั้นมันมากกว่า1พันล้านแน่ๆ”
“หมายความว่าอย่างไร ?”
หัวใจของฉีเฉินชางนั้นได้กระสับกระส่าย เขารู้จักนิสัยของดูชางซี่ดีว่าเขาจะไม่พูดเรื่องไร้สาระอย่างแน่นอน
ดูชางซี่เองก็ได้พูดออกมาว่า
“บอกฉันมาสิว่านายตกลงไหม ?”
ฉีเฉินชางเองก็ได้เงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดออกมาว่า
“หากว่าข่าวที่นายขายนั้นมีค่าจริงฉันก็จะตกลงแต่หากว่ามันไม่คุ้มค่าก็หวังว่านายจะคืนเงิน500ล้านของฉันมา อีกครึ่งชั่วโมงเงิน500ล้านจะถูกโอนเข้าบัญชีของนาย”
“ดี !”
การสนทนาของพวกเขาได้จบลง
คิ้วของฉีเฉินชางนั้นขมวดเข้าหากันพร้อมกับความรู้สึกกังวลที่เกิดขึ้นภายในใจ แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นก็ตามทว่าดูชางซี่เองก็รู้ข่าวที่จะส่งผลเสียมากมายแก่บริษัทของเขาดีดังนั้นเรื่องนี้จะต้องไม่ใช่เรื่องเล็กๆอย่างแน่นอน