Returning From The Immortal World - 279
.......................................................................................................................................................................................
เกอเจิ้งเต่าเองก็ได้พยักหน้าแล้วพูดว่า
“เด็กหนุ่มที่สามารถใช้เงินไปในวันเดียวได้ถึง2.5พันล้านก็คงไม่ธรรมดาอยู่แล้วและผมเองก็รู้สึกว่าห้องอาหารร้อยงานฉลองเองก็ลึกลับเป็นอย่างมากแถมยังมีความสัมพันธ์กับร้านอัญมณีแกรนด์ฟอร์จูนอีก”
หลีจูเหลินเองก็ได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“จริงๆแล้วร้านอัญมณีแกรนด์ฟอร์จูนนั้นเป็นส่วนหนึ่งของห้องอาหารร้อยงานฉลอง”
“อะไรนะ ?”
เกอเจิ้งเต่านั้นได้มีท่าทางเปลี่ยนไปทันทีพร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตกตะลึง
รอยยิ้มบนใบหน้าของหลีจูเหลินเองก็ได้หายไปก่อนทีจะถูกแทนที่ด้วยใบหน้าที่จริงจังแล้วพูดออกมาช้าๆว่า
“ดูเหมือนว่าเธอยังไม่รู้ว่าเมื่อประมาณ20ปีก่อนฉันได้ไปที่เกาะจิงเหมินเพราะมีปัญหาทางด้านธุรกิจและจำเป็นต้องหาคนมาช่วยคุ้มกันสินค้าและตอนนั้นเองห้องอาหารร้อยงานฉลองเองก็มีขนาดใหญ่โตไม่น้อย ณ ตอนนี้เจ้าของที่นั่นมีสกุลว่ากู่และเป็นผู้หญิงที่ลึกลับมาก ฉันได้ส่งคนไปตรวจสอบพื้นหลังของเธอแต่กลับไม่พบอะไรและคนที่ฉันส่งไปก็ได้หายตัวไปทันที”
เกอเจิ้งเต่าเองก็ได้ถามออกมาด้วยความตกตะลึงว่า
“ลุงหลี่ คุณหมายความว่า........พวกเขาถูกฆ่าโดยคนของห้องอาหารร้อยงานฉลอง?”
หลี่จูเหลินเองก็ได้ฝืนยิ้มออกมาแล้วพูดว่า
“พวกเขาไม่ได้ถูกฆ่าหรอกแต่ส่งไปคุมขังที่เหมืองแถวๆแอฟริกาและเจ้าของเหมืองเองก็เป็นคนของห้องอาหารร้อยงานฉลอง ณ ตอนนั้นเจ้าของห้องอาหารเองก็ได้ตอบตกลงที่จะช่วยฉันแต่ก็ได้มี2เงื่อนไข”
เกอเจิ้งเต่าเองก็ได้ถามออกมาว่า
“เงื่อนไขอะไรงั้นหรอ ?”
หลี่จูเหลินเองก็ได้พูดออกมาอย่างจริงจังว่า
“อย่างแรกคือห้ามส่งคนไปสืบสวนพื้นหลังของห้องอาหารอีกไม่เช่นนั้นฉันและบริษัทจะถูกลบออกไปจากโลกใบนี้ ข้อที่สองคือให้หาคนสกุลถัง”
เกอเจิ้งเต่าเองก็ได้พูดออกมาทันทีว่า
“อ่อ ที่แท้ที่ลุงเชิญเขามาก็เพราะเขาเป็นคนนั้นนี่เอง เป็นคนที่เจ้าของห้องอาหารต้องการตามหาใช่ไหม ?”
หลี่จูเหลินเองก็ได้ส่ายศีรษะก่อนที่จะพูดออกมาว่า
“ไม่ ก่อนหน้านี้ฉันยังจำเรื่องนี้ไม่ได้ที่ฉันเชิญเขามาก็เพราะเขาดูโดดเด่นและเมื่อได้ยินการสนทนาของเขาเมื่อครู่จึงทำให้นึกเรื่องนั้นได้”
เกอเจิ้งเต่าเองก็ได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“คุณลุงหลี่นี่มีความสามารถในการแยกแยะคนที่มีความสามารถโดดเด่นจริงๆ แต่ห้องอาหารร้อยงานฉลองเองก็เหิมเกริมจริงๆนะที่กล้ามาข่มขู่ลุงหลี่”
หลี่จูเหลินเองก็ได้พูดออกมาด้วยความหวาดผวาว่า
“เจิ้งเต่า จำคำของฉันเอาไว้ให้ดีว่าตลอดชีวิตนี้อย่าได้ไปเป็นศัตรูกับห้องอาหารร้อยงานฉลองเด็ดขาด”
เกอเจิ้งเต่าเองก็ได้พูดออกมาด้วยความรู้สึกตกตะลึงว่า
“ความหมายของลุงคือ ......... ห้องอาหารร้อยงานฉลองนั้นแข็งแกร่งมาก ? สามารถเทียบกับลุงได้ ?”
หลี่จูเหลินเองก็ได้เงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดออกมาว่า
“หากในทางด้านความมั่งคั่งนั้นห้องอาหารร้อยงานฉลองสามารถเทียบกับฉันได้แต่สิ่งที่น่ากลัวนั้นไม่ใช่เรื่องนี้ ก่อนหน้านี้ตอนที่ห้องอาหารช่วยฉันขนส่งสินค้านั้นได้ถูกซุ่มโจมตีโดยกลุ่มโจรสลัดและมันเป็นฉากที่ฉันจะไม่มีวันลืมไปตลอดชีวิต”
เกอเจิ้งเต่าเองก็ได้ถามออกมาอย่างรวดเร็วว่า
“ฉากอะไรงั้นหรอ ?”
หลี่จูเหลินเองก็ได้มองไปทางเกาะดงฉาก่อนที่จะพูดออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า
“กลุ่มฉลามดำสามารถอยู่ที่เกาะดงฉาได้ในช่วงหลายสิบปีมานี้ พวกมันเป็นกลุ่มโจรสลัดที่โหดเหี้ยมและไร้ความปราณีซึ่งมีจำนวนประมาณ200คน ทั้งหมดนั้นติดอาวุธหนักและเป็นคนที่มีความสามารถแต่กลับถูกฆ่าล้างบางโดยคนจากห้องอาหารเพียง20คน”
“อะไรนะ ?”
เกอเจิ้งเต่าเองก็ได้โห่ร้องออกมาด้วยความตกตะลึง
หลี่จูเหลินนั้นได้ถอนสายตากลับมามองที่เขาแล้วพูดว่า
“เธอไม่ได้ฟังผิดไปหรอก ถูกฆ่าล้างบางโดยไม่ใช้กระสุนหรือปืนแม้แต่น้อย พวกเขาใช้เพียงแค่มีดสั้นพร้อมกับการเคลื่อนไหวที่ไม่สามารถมองได้ทันเท่านั้น หลังจากผ่านไปเพียงครึ่งชั่วโมงโจรสลัดกว่า200คนก็ถูกฆ่าทั้งหมดแต่ผู้คุ้มกันทั้ง20คนนั้นได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยเพียง6คนและไม่มีใครเสียชีวิต”
“เฮื้อกกก.....”
ร่างกายของเกอเจิ้งเต่าได้สั่นสะท้าน
หลี่จูเหลินเองก็ได้ตบไปที่ไหล่ของเกอเจิ้งเต่าแล้วพูดอย่างนุ่มนวลว่า
“ดังนั้นจำคำพูดของฉันไว้ให้ดีว่าอย่าได้ไปเป็นศัตรูกับห้องอาหารร้อยงานฉลองโดยเด็ดขาดเพราะพวกเขานั้นแข็งแกร่งเกินไป แม้ว่าฉันจะปั้นผู้คุ้มกันของฉันยังไงแต่ก็ยังไม่สามารถเทียบกับพวกเขาได้แม้แต่น้อย”
“คุณลุงหลี่ ผมจะจำไว้ให้ขึ้นใจ”
เกอเจิ้งเต่าเองก็ได้แต่พยักหน้าก่อนที่ดวงตาของเขาจะเป็นประกายแห่งความรู้สึกประหลาดใจ
อ่าวโควหลุน เกาะฮ่องกง
ห้องอาหารร้อยงานฉลองตั้งอยู่ในพื้นที่กว่างพร้อมกับมีรูปร่างเหมือนเจดีย์โบราณสี่หลังและแต่ละหลังเองก็มีห้าชั้นแต่ในทั้งสี่ห้องนั้นก็ยังมีห้องอาหารอีก7ห้องและเป็นห้องสำหรับแขกผู้มีเกียรติเท่านั้น
แต่ละที่เองก็ยังมีผู้จัดการของมันเองแต่หลี่เทียนนั้นเป็นผู้จัดการทั้งหมด
“หัวหน้าหลี่เทียน เราจะเอาอย่างไรกันดี ?”
ชายวันกลางคนที่ยืนอยู่ที่ชั้นสามนั้นได้ถามหลี่เทียนที่ยืนอยู่ข้างๆเขาด้วยเสียงกระซิบ เขามีชื่อว่าเด็งเจิ้งซึ่งเป็นผู้จัดการฝ่ายเหนือ
เทียนหลี่เองก็ได้พูดออกมาอย่างไม่แยแสว่า
“บอสกำลังเดินทางมาที่นี่และหากว่ามันกล้าก่อเรื่องก็สามารถตอบโต้ได้ทันที ห้ามฆ่าใครโดยเด็ดขาดแต่พิการนั้นไม่เป็นไร”
“เข้าใจแล้วครับ”
แม้ว่าเด็งเจิ้งจะรู้สึกสงสัยกับบอสในตำนานคนนี้มากแต่ก็ไม่กล้าแสดงความรู้สึกออกมา ตั้งแต่ที่เขาได้มาเป็นผู้จัดการฝ่ายเหนือของที่นี่นั้นก็ได้พบบอสน้อยอยู่บ้างแต่บอสใหญ่และบอสคนปัจจุบันนี้เขายังไม่เคยพบเลยสักครั้ง
ข้างหลังพวกเขา เฮาเหล่ที่กำลังขยี้ก้นบุหรี่พร้อมกับนั่งพักอยู่บนโซฟาได้พูดออกมาว่า
“ดูเหมือนว่าบอสใหม่ของเรานั้นจะโหดเหี้ยมไม่ใช่ย่อยๆเลยนะ หรือว่าจะเป็นเพราะผู้อาวุโสจี่ ?”
เทียนหลี่เองก็ได้หันหน้ากลับไปแล้วพูดออกมาอย่างราบเรียบว่า
“ผู้อาวุโสจี่ได้กลับไปที่เกาะจิงเหมินได้ครึ่งชั่วโมงแล้ว”
เฮาเหล่เองก็ได้แสดงท่าทางประหลาดใจออกมาก่อนที่จะพ่นควันออกมาเป็นวงกลมแล้วพูดว่า
“เทียนหลี่ เธอเข้าใจบอสคนใหม่ของเราแค่ไหนกัน ?”
เทียนหลี่เองก็ได้มองไปที่เธอพร้อมกับส่ายศีรษะแล้วพูดว่า
“ฉันว่าฉันเข้าใจน้อยกว่าเธอมาก”
เฮาเหล่เองก็ได้มองไปที่เทียนหลี่ด้วยแววตาหยิ่งเล็กน้อยก่อนที่จะพูดออกมาว่า
“เธออย่าได้ถ่อมตนเลย ก่อนหน้านี้นอกจากเฟิงและชุยแล้วเธอเองก็เป็นคนที่มีความสามารถเรื่องหาข้อมูลมากที่สุด พูดเรื่องที่เธอรู้มาได้แล้ว”
เทียนหลี่เองก็ได้ตอบกลับไปว่า
“บอสเป็นเด็กหนุ่มที่มีอัธยาศัยดีและก่อนหน้านี้ผู้อาวุโสจี่เองก็ได้บอกฉันมาว่าโอกาสของโม่อาเหวินและโม่อาหวูได้มาถึงแล้วและมันเป็นคำสั่งของบอส”
โอกาส ?
เฮาเหล่เองก็ได้แต่จ้องมองก่อนที่จะกระโดดขึ้นมาจากโซฟาแล้วพูดออกมาว่า
“เธอหมายถึงพวกเขาเรียน.........”
เทียนหลี่เองก็ได้แสดงท่าทางอิจฉาออกมาแล้วพูดว่า
“ใช่แล้ว ดังนั้นครั้งนี้คือโอกาสของพวกเรา หากว่าเราสามารถคว้ามันไว้ได้ก็จะได้พุ่งทะยานขึ้นไปแต่หากว่าไม่ก็คงต้องรออีกนาน”
เฮาเหล่เองก็ได้พูดออกมาด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า
“เพื่อที่จะได้รับโอกาสนั้นต่อให้บอสบอกให้ฉันเสียสละฉันก็จะยอมทุกิ่ง”
“พุฟฟฟฟฟ.....”
เทียนหลี่เองก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาแล้วพูดว่า
“เราเพียงแค่ต้องทำอย่างเดียวเมื่ออยู่กับบอส”
เฮาเหล่ได้ถามกลับไปว่า
“ต้องทำอะไรงั้นหรอ ?”
เทียนหลี่เองก็ได้ตอบกลับไปว่า
“เชื่อฟังอย่างถึงที่สุดแม้ว่าบอสจะบอกให้เราตายก็ห้ามขมวดคิ้วแม้แต่น้อย”
เฮาเหล่ได้กรอกตาของเธอพร้อมกลับไปนั่งตรงโซฟาก่อนที่จะไขว้ขาแล้วพูดว่า
“นี่ยังจำเป็นต้องพูดเรื่องนี้อีกหรอ ? ในอดีตบอสใหญ่....... อย่างไรก็ตามชีวิตของเราเป็นของบอสใหญ่อยู่แล้วดังนั้นตอนนี้ก็เป็นของบอสใหม่ด้วย”
เด็งเจิ้งที่กำลังฟังการสนทนาของพวกเขาอยู่นั้นก็รู้สึกสงสัยเป็นอย่างมาก เขาไม่เข้าใจว่าพวกเขากำลังพูดเรื่องอะไรกันแต่เขาเดาได้ว่าโอกาสที่พูดถึงนั้นคือความลับสูงสุดของห้องอาหารร้อยงานฉลอง
คนอื่นอาจจะไม่รับรู้ถึงความแข็งแกร่งของเทียนหลี่และเฮาเหล่แต่เขานั้นเข้าใจดีเพราะว่าเขาได้ถูกเธอช่วยเอาไว้และความแข็งแกร่งที่เธอแสดงเองก็สามารถเรียกได้ว่าปีศาจ
“เราจะสามารถได้รับโอกาสที่พวกเขาพูดถึงกันหรือเปล่า ?”
เด็งเจิ้งเองก็ได้แต่หวังเอาไว้ในหัวใจ
เมื่อสายตาของเขาได้กลับไปมองที่นอกหน้าต่างนั้นก็ทำให้ตัวของเขากระสับกระส่ายทันที
“หัวหน้าเทียน มีผู้บุกรุก”
เทียนหลี่เองได้หันกลับไปมองด้านล่างพร้อมกับพบว่ารถสีดำหลายคันได้แล่นเข้ามาที่ลานจอดรถห้องอาหารฝั่งเหนือพร้อมกับชายรูปร่างกำยำกว่า20คนและคันอื่นๆก็ได้มีคนลงมา3คน เธอเองก็เคยได้พบกับพวกเขาแล้ว นายใหญ่ของเจียงกรุ๊ป เจียงเทียนป้า นายใหญ่บริษัทอสังหาฯหวางหยวน เฉินเจียนเย่ นายใหญ่ของโรงบ่มไวน์ดูคัง ดูชางซี่และข้างๆเขาก็มีดูหยางที่ถูกเธอตบไปก่อนหน้านี้
“เด็งเจิ้งไปนำพวกเขาขึ้นมาที่ชั้นสอง”
“ครับผม”
เด็งเจิ้งได้พยักหน้าพร้อมกับแสดงความกังวลออกมาเล็กน้อย
แม้ว่าเขาจะรู้ว้าองอาหารร้อยงานฉลองนั้นจะมีผู้ฝึกวิทยายุทธที่แข็งแกร่งมากมายแต่ครั้งนี้ได้ไปล่วงเกิน3ขั้วอำนาจใหญ่เพราะหากนับกันตามจริงแล้วถ้าทุ่มกันสุดตัวนั้นห้องอาหารของเขาคงไม่สามารถสู้กับทั้งสามขั้วอำนาจได้
เทียนหลี่เองก็ได้หันหน้าไปมองเฮาเหล่ที่นั่งอยู่พร้อมพูดว่า
“เราเฉยๆไว้ก่อนหากว่าพวกมันไม่ชดเชยให้เราในวันนี้ก็ค่อยจัดการซะ ถึงฆ่าก็ไม่เป็นไร”
เฮาเหล่เองก็ได้หัวเราะออกมาว่า
“เอาล่ะ ในเมื่อบอสเป็นคนว่ามาอย่างงั้นเมื่อถึงฉากฆ่าเธอก็อย่ามาแย่งฉันแล้วกัน หลายปีมานี้ไม่ได้ขยับไม้ขยับมือมาเลยตั้งแต่ที่ได้คุมการขุดทองและเพชรที่เหมืองขุดแถวๆแอฟริกา ฉันรู้สึกแย่จริงๆนะ”
เทียนหลี่ก็ได้แสยะออกมาอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า
“เธอสามารถขยับไม้ขยับมือได้บ้างแต่ฉันนี่สิไม่ได้เห็นเลือดมาตั้งหลายปีแล้ว ครั้งล่าสุดก็ตอนที่เกาะจิงเหมินโน้นที่ต้องร่วมมือกับคนอื่นๆ หรือว่าฉันจะเสนอให้บอสสลับงานของฉันกับเธอดีไหม ?”
“ไม่เอา !!!!”
ท่าทางของเฮาเหล่เองก็เปลี่ยนไปทันทีพร้อมกับรีบตะโกนออกมาอย่างรวดเร็ว
“พุฟฟฟฟ......”
เทียนหลี่อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาพร้อมกับคิดอะไรบางอย่างแล้วเดินออกไปด้านนอก
ห้องอาหารฝั่งเหนือนั้นสามารถจุคนได้เป็นร้อยแต่เฟอร์นิเจอร์ทั้งหมดได้ถูกย้ายออกไป บนพรมแดงสีสดใสนั้นได้มีเก้าอี้วางอยู่สี่ตัวพร้อมกับเจียงหยู เฉินเฟย์กำลังนั่งคุกเข่าอยู่ตรงนั้นพร้อมกับหน่วยรักษาความปลอดภัยของห้องอาหารที่ยืนคุมพวกเขาอยู่
อับอายขายหน้า !
โกรธ!
พวกเขาคาบช้อนเงินช้อนทองมาตั้งแต่เกิดและใช้ชีวิตอยู่อย่างหรูหรา ทุกๆคนที่อยู่ต่อหน้าพวกเขาต้องคอยพูดประจบด้วยรอยยิ้ม พวกเขาจะสามารถปล่อยผ่านเรื่องในวันนี้ไปได้อย่างไร ? เขาจะทนการถูกทุบตีและบังคับให้นั่งคุกเข่าเพื่อรอผู้ปกครองมาได้งั้นหรอ ?