Returning From The Immortal World - 270
.......................................................................................................................................................................................
เช้าวันรุ่งขึ้น
ถังเกาเชิงเองก็ได้ให้ถังซิ่วและซูหลิงหยุนไปเคารพหลุมศพบรรพชนก่อนที่จะสลักชื่อของพวกเขาลงในลำดับวงศ์ตระกูล
หลังจากนั้นถังซิ่วก็ให้พ่อแม่นั่งเครื่องบินของโอหยางลูลู่กลับไปที่เมืองสตาร์ซิตี้ทันที ถังซิ่วได้นั่งรถ land rover ของเขากลับไปที่เมืองชิงเหอเพื่อเยี่ยมยายและรวมตัวกับซูเปิ่น ซูเขวียนพร้อมกลับมายังเมืองสตาร์ซิตี้กับพวกเขา
โครงการเมืองประตูทิศใต้
เมื่อถังหยุนดี่ได้เห็นวิลล่าหลังใหญ่แล้วนั้นก็ถึงกับตกตะลึงทันทีแม้ว่าเขาจะรู้มาจากภรรยาแล้วว่าลูกชายสามารถทำเงินได้มากมายและตอนนี้ก็ได้อาศัยอยู่ในวิลล่าหลังใหญ่อย่างไรก็ตามเขาไม่เคยคาดคิดเลยว่ามันจะหรูหราขนาดนี้
“คุณย่า!”
กู่หยินที่นั่งฟังเพลงอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่นนั้นได้แสดงท่าทางตกใจพร้อมกับถอดหูฟังแล้วรีบวิ่งมาทันทีเมื่อเห็นซูหลิงหยุนเดินเข้ามาในบ้าน
ที่โซฟาตรงกันข้ามนั้นคังเซี่ยนเองก็กำลังอ่านนิตยสารแต่เธอก็ต้องตกตะลึงทันทีเมื่อได้ยินเสียงของกู่หยินเพราะเธอรู้ว่าในโลกนี้มีแค่ซูหลิงหยุนเท่านั้นที่เธอจะเรียกว่าคุณย่า
เมื่อเธอได้หันกลับไปมองเธอก็พบว่าคนที่เข้ามาในห้องนั่งเล่นนั้นมีมากมายหลายคน
ซูหลิงหยุนเองก็ได้แสดงรอยยิ้มออกมาก่อนที่จะอุ้มเธอแล้วพูดออกมาว่า
“หยินหยินดูฉลาดขึ้นมากนะเนี้ย ?”
กู่หยินเองก็ได้ตอบกลับด้วยรอยยิ้มว่า
“คุณย่า หยินหยินรู้สึกแปลกๆเพราะหนูคิดถึงคุณย่ามากๆ”
ซูหลิงหยุนเองก็ได้ลูบหัวของเธอก่อนที่จะวางเธอลงแล้วชี้ไปทางถังหยุนดี่ที่กำลังนั่งอยู่บนรถเข็นแล้วพูดว่า
“หยินหยิน เขาเป็นพ่อของอาจารย์หนู เรียกเขาว่าคุณปู่นะ”
กูหยินเองก็ได้มองไปที่ถังหยุนดี่ด้วยความสงสัยก่อนที่จะเรียกออกมาอย่างน่ารักว่า
“สวัสดีค่ะคุณปู่หนูชื่อกู่หยิน ปู่สามารถเรียกหนูว่าหยินหยินนะค่ะ”
ถังหยุนดี่เองก็ได้รู้เรื่องของกู่หยินมาก่อนแล้วจึงได้พูดออกมาว่า
“สวัสดีหยินหยิน หลังจากนี้เราก็เป็นครอบครัวเดียวกันแล้วนะ”
คังเซี่ยนเองก็ได้เงยหน้าขึ้นแล้วมองไปที่ซูหลิงหยุน
ซูหลิงหยุนเองก็ได้พยักหน้าให้เธอและนี่เองก็เป็นครั้งแรกที่เธอได้พบกับคังเซี่ยนจึงได้ถามออกมาว่า
“คุณคือ......”
คังเซี่ยนเองก็ได้นึกถึงความสัมพันธ์ที่เธอมีกับถังซิ่วและรู้สึกปั่นป่วนในหัวใจอย่างไรก็ตามเธอก็เห็นโอหยางลูลู่และกู่เสี่ยวเสวี่ยที่เดินตามมาด้วย เธอรู้ว่าโอหยางลูลู่ชอบถังซิ่วแต่ไม่คิดเลยว่ารอบๆขางเขาเองก็ยังมีเทพธิดาอีกหลายคน เธอลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะปรับสภาพจิตใจแล้วพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“คุณป้า คุณลุงสวัสดีค่ะ หนูชื่อคังเซี่ยน”
ซูหลิงหยุนเองก็ได้จับมือของเธอทันทีพร้อมกับพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“ที่แท้เธอก็คือคังเซี่ยนนี่เอง ฉันมักได้ยินซิ่วน้อยและหยินหยินพูดถึงเธออยู่บ่อยๆแต่ก็ยังไม่มีโอกาสได้พบเลย งดงามและมีไหวพริบจริงๆ ลูกชายของฉันได้บอกว่าเธอต้องยุ่งกับเรื่องธุรกิจเป็นอย่างมาก ต้องฝากเธอด้วยนะ”
คังเซี่ยนเองก็ได้รู้สึกว่าแม่ของถังซิ่วเป็นคนอัธยาศัยดีจึงได้ยิ้มออกมามากกว่าเดิมก่อนที่จะพูดว่า
“คุณป้า นี่เป็นสิ่งที่หนูควรจะทำอยู่แล้วค่ะ !”
ซูหลิงหยุนเองก็ได้ส่ายศีรศะของเธอก่อนที่จะพูดว่า
“ธุรกิจนั้นเป็นเรื่องของเธอและซิ่วน้อยแต่เราได้จากสตาร์ซิตี้ไปตั้งหลายวันและปล่อยให้เธอเป็นคนดูแลหยินหยิน นี่เป็นสิ่งที่เราควรแสดงความขอบคุณ”
หลังจากนั้น
ซูหลิงหยุนเองก็ยุ่งอยู่กับการแนะนำคังเซี่ยนให้รู้จักกับโอหยางลูลู่และกู่เสี่ยวเสวี่ยแต่หลังจากที่เธอรู้ว่าคังเซี่ยนรู้จักกับโอหยางลูลู่อยู่ก่อนแล้วจึงไม่ได้พูดอะไรต่อ
จริงๆแล้วตั้งแต่ที่คังเซี่ยนเห็นว่าซูหลิงหยุนกลับมานั้นเธอก็เตรียมที่จะขอตัวแต่ซูหลิงหยุนเองก็ไม่ให้เธอกลับไปและคังเซี่ยนเองก็ไม่สามารถปฏิเสธคำเชิญนี้ได้
ในช่วงบ่าย
ถังซิ่วเองก็ได้กลับมาที่วิลล่าของเขาและพบว่านอกจากเฉินซีซ่งแล้วทุกคนก็อยู่ที่นี่กันหมด เขาคุยกับแขกทั้งหมดพร้อมกับเดินขึ้นไปคุยกับคังเซี่ยนที่ชั้นสอง
“บอส ฉันรู้สึกไม่ดีเลย”
ขณะที่เสียงประตูห้องปิดคังเซี่ยนนั้นก็ทำท่าทางน้อยใจและพูดออกมาด้วยท่าทางเหมือนเด็กน้อย
ถังซิ่วเองก็ได้ถามออกมาว่า
“เป็นอะไรงั้นหรอ ?”
คังเซี่ยนเองก็ยังพูดด้วยอาการน้อยใจว่า
“ฉันรู้เรื่องที่คุณรักษาลุงถังแล้วและได้ยินมาว่าคุณเองก็เกือบจะเสียชีวิต โอหยางลูลู่เองก็ได้รับข่าวแต่ฉันกลับไม่รู้อะไรเลย”
ถังซิ่วเองก็ได้ส่ายศีรษะพร้อมกับพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“มันเป็นเหตุสุดวิสัยและเธอเองก็มีเรื่องที่ต้องจัดการมากมายดังนั้นพากเขาจึงไม่ได้บอกเธอ ไม่ต้องเป็นห่วงเพราะตอนนี้ฉันไม่เป็นไรแล้ว”
คังเซี่ยนเองก็ได้แสยะออกมาก่อนที่จะไปกอดแขนถังซิ่วแล้วพูดว่า
“หลังจากนี้ฉันไม่อนุญาตให้คุณไปเสี่ยงอันตรายอีกแล้ว หากว่าคุณไม่คำนึงถึงชีวิตตัวเองก็คำนึงถึงฉันบ้าง...........หรือไม่ก็เพื่อบริษัทของเรา คุณเป็นบอสใหญ่นะแล้วฉันจะทำอย่างไรหากขาดคุณไป?”
ถังซิ่วเองนั้นถือว่าคังเซี่ยนเป็นของเขาแล้วดังนั้นจึงไม่ได้ต่อต้านการเกาะแกะของเธอแต่เขาได้ตบไปที่แขนของเธอเบาๆแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า
“ไม่ต้องกังวล หลังจากนี้ฉันจะระมัดระวังให้มากขึ้น ที่ฉันเรียกเธอขึ้นมานี้ก็เพราะมีเรื่องที่จะบอก”
คังเซี่ยนเองก็ได้ถามออกมาด้วยความสงสัยว่า
“เรื่องอะไรงั้นหรอ ?”
ถังซิ่วเองก็ได้พูดออกมาว่า
“ฉันเตรียมที่จะไปเกาะจิงเหมินและหลังจากนั้นก็อาจจะออกนอกประเทศ หากว่าเป็นไปได้ด้วยดีก็น่าจะกลับมาภายใน10-15วันหรือหากว่าเกิดเรื่องขึ้นก็อาจจะกลับมาตอนมหาวิทยาลัยเปิดวันที่1กันยายนเลยดังนั้นอำนาจทั้งหมดจะถูกมอบให้เธอ”
คังเซี่ยนรู้ว่าถังซิ่วจะไปที่เกาะส่วนตัวที่เขาซื้อไว้ดังนั้นจึงได้พยักหน้าแล้วพูดว่า
“ไม่ต้องเป็นห่วง ! ฉันจะจัดการเรื่องบริษัทเองส่วนหากว่าคุณลุงคุณป้ามีเรื่องอะไรให้ช่วยฉันก็สามารถมาได้ทุกเมื่อ”
ถังซิ่วเองก็ได้พยักหน้าก่อนที่จะถามสิ่งที่เขาต้องการรู้ที่สุดว่า
“เรื่องโรงบ่มเป็นอย่างไรบ้าง ? เขวียนหน้าบากควรจะเริ่มบ่มแล้วใช่ไหม ?”
เมื่อได้ยินคำถามนี้คังเซี่ยนเองก็ได้มีดวงตาเปล่งประกายพร้อมกับพูดออกมาด้วยคามตื่นเต้นทันทีว่า
“แน่นอนว่าเริ่มบ่มแล้วและรสชาติเองก็ดีกว่าก่อนหน้านี้มาก ไวน์นั่นมันสามารถเรียกได้ว่าเป็นไวน์ชั้นเลิศของโลกมนุษย์เลยก็ว่าได้ ยิ่งไปกว่านั้นคือฉันคิดว่ามันน่าจะมีชื่อว่าไวน์แห่งนิรันด์และฉันก็ได้หารือกับทางผู้บริหารระดับสูงในบริษัทแล้วว่ามันจะมีราคาอยู่ที่ขวดละ1.8หมื่นหยวน”
ถังซิ่วได้ตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มว่า
“เอางั้นเลยแล้วกัน โรงบ่มของเราเองก็เพิ่งจะเปิดได้ไม่นานและมีขนาดไม่ใหญ่มากนักส่วนเรื่องการผลิตเองก็ทำได้ไม่เยอะดังนั้นก็จะต้องวางมันบนเส้นทางของสินค้าระดับสูงยิ่งไปกว่านั้นสินค้าอย่างอื่นของเราเองก็พอๆกับไวน์นี่ส่วนเรื่องการโฆษณาและการตลาดนั้นคงต้องฝากเธอ”
คังเซี่ยนเองก็ได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“วันที่15กันยายนของทุก3ปีจะมีงานประกวดไวน์อยู่ เมื่อถึงเวลานั้นฉันจะเอาสินค้าของเราเข้าประกวดด้วยตัวเอง ฉันคิดว่ามันจะต้องทำให้โลกตะลึงแน่นอน อ่อ ฉันคิดว่าเราเองก็จะเริ่มวางขายมันวันที่ 18 กันยายนนะ”
ถังซิ่วได้เดินไปที่ห้องแต่งตัวพร้อมกับพูดว่า
“แล้วแต่เธอเลย”
คังเซี่ยนนั้นรู้สึกชื่นใจเป็นอย่างมากที่ได้รับการอนุมัติจากถังซิ่ว เธอได้เดินตามเขาไปในห้องพร้อมกับเห็นว่าเขากำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าจึงได้ถามออกมาอย่างรวดเร็วว่า
“บอส คุณจะไปเกาะจิงเหมินเมื่อไหร่ ?”
ถังซิ่วได้ตอบกลับไปว่า
“หลังจากที่ทานอาหารเย็นและฉันจะเอาหยินหยินไปด้วย อ่อใช่เธอช่วยจัดตำแหน่งให้ซูเปิ่นและซูเขวียนด้วยนะ ให้พวกเขาไปเป็นหน่วยรักษาความปลอดภัยที่โรงงานไวน์เพราะฉันเติบโตมาพร้อมกับพวกเขาและรู้นิสัยพวกเขาดี ซูเปิ่นนั้นเป็นคนที่ซื่อสัตย์และตั้งใจทำงานเราจะปั้นเขาให้เป็นหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยส่วนซูเขวียนนั้นเป็นคนที่มีไหวพริบตอนนี้ก็ให้เป็นหน่วยรักษาความปลอดภัยไปก่อนแล้วให้ตำแหน่งเซลกับเขาทีหลัง ให้เขาเริ่มจากล่างสุดจะได้ประสบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่”
“ได้เลย !”
คังเซี่ยนเองก็ได้พยักหน้า
ถังซิ่วได้เลือกกางเกงในและเสื้อมาพร้อมกับใส่ไปในกระเป๋าก่อนที่จะหันมามองที่คังเซี่ยนแล้วพูดว่า
“เธอลงไปรอข้างล่าง ฉันจะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า”
คังเซี่ยนเองก็ได้ยิ้มออกมาพร้อมกับถามว่า
“ให้ฉันถูหลังให้เอาไหม ?”
ถังซิ่วได้ตอบกลับไปว่า
“เธอต้องการจะอาบน้ำแบบคู่รักกับฉัน ? ไม่มีปัญหาหลังจากนี้หากว่าเธอต้องการก็มาหาฉันได้ทุกเมื่อ”
“แหวะ.....ใครต้องการกัน ฉันแค่รู้สึกดีที่อยู่กับคุณเท่านั้น !”
ใบหน้าที่งดงามของเธอก็แดงระเรื่อทันทีพร้อมกับรีบวิ่งออกไป
จริงๆแล้วเธอเองก็ต้องการที่จะ.....กับถังซิ่วเช่นกันแต่ตอนนี้มันไม่ค่อยจะเหมาะเท่าไหร่เพราะด้านล่างเองก็ยังมีพ่อแม่ของถังซิ่วแถมยังมีโอหยางลูลู่และกู่เสี่ยวเสวี่ยอยู่ด้วย แม้ว่าเธอจะหน้าด้านแต่ก็คงยอมตอบรับไม่ได้
ในช่วยเย็น
ถังซิ่วและคนอื่นๆได้ทานอาหารที่บ้านพร้อมกับพากู่หยินไปที่สนามบินด้วยกันกับโอหยางลูลู่และกู่เสี่ยวเสวี่ยทันทีเพื่อขึ้นเครื่องบินส่วนตัวไปเกาะจิงเหมิน
เขาไม่ได้ไปที่เกาะจิงเหมินมา1-2เดือนแล้วซึ่งหมายความว่าเป็น1-2เดือนที่ไม่ได้เจอหยานเอ๋อ เขาได้นั่งอยู่ริมหน้าต่างและมองออกไปยังสภาพแวดล้อมที่มืดมิดพร้อมกับกระวนกระวายใจเพราะต้องการที่จะเจอกับหยานเอ๋อ
ช่วงสามทุ่ม เครื่องบินได้ลงจอดที่สนามบินเกาะจิงเหมิน
ถังซิ่วที่กำลังเดินไปที่ทางออกนั้นให้หันหน้ากลับมาพูดกับโอหยางลูลู่ว่า
“ลูลู่ ขอบคุณมากที่อุส่าไปหาฉันที่เมืองหลวง ฉันไม่อยากจะพูดคำขอบคุณมากเอาไว้ฉันกลับมาแล้วจะพาเธอไปร้องเพลงนะ”
โอหยางลูลู่เองก็ได้ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะถามออกมาว่า
“ถังซิ่ว นายกับคังเซี่ยนมีความสัมพันธ์กันยังไง ?”
ถังซิ่วเองก็ได้ตอบกลับไปอย่างราบเรียบว่า
“เจ้านายและลูกน้อง”
แม้ว่าลูลู่เองจะไม่เชื่อคำพูดของเขาก็ตามแต่ก็ยังคงพยักหน้า เธอรู้สึกไม่มีความสุขตั้งแต่ที่ได้เห็นคังเซี่ยนที่บ้านของเขาแล้วและเธอเองก็หาโอกาสที่จะถามคำถามนี้มาโดยตลอด
หลังจากที่แยกกันแล้ว
ขณะที่ถังซิ่วกำลังอุ่มกู่หยินขึ้นไปนั่งบนรถของห้องอาหารร้อยงานฉลองนั้นกู่เสี่ยวเสวี่ยเองก็ได้มองไปที่เขาอย่างแปลกประหลาดก่อนที่จะพูดออกมาว่า
“ท่านอาจารย์ปู่ ดูเหมือนว่าลูลู่จะชอบท่านนะ”