ตอนที่แล้วReturning From The Immortal World - 265
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปReturning From The Immortal World - 267

Returning From The Immortal World - 266


<div>

.......................................................................................................................................................................................

</div>

ถังซิ่วเองก็รู้ดีว่าการที่จะรักษาถังหยุนดี่นั้นจำเป็นต้องใช้พลังวิญญาณเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการที่ต้องกำจัดสิ่งแปลกปลอมสีเทาๆนั้นแถมยังมีเลือดเสียที่ต้องใช้พลังแห่งดวงดาราเข้าไปจัดการ เขาจำเป็นจ้องจดจ่อกับระดับพลังที่เขาต้องใช้และยังมีข้อจำกัดอีกหลายๆเรื่อง

หากว่าสำเร็จ !

ถังหยุนดี่ก็จะตื่นขึ้นและมีชีวิตรวด

หากว่าล้มเหลว!

ถังหยุนดีก็จะตายหายไปกับสายลม !

ถังซิ่วเองนั้นไม่ต้องการที่จะทำให้แม่ของเขาผิดหวังเพราะยังไงเธอก็รอมาถึง20 ปี ต่อให้เขาต้องฝ่าฟันอุปสรรคที่อันตรายแค่ไหนเขาก็จะทำอย่างสุดความสามารถ

เข็มเงิน !

ได้ฝังลงไปที่กลางหัวของถังหยุนดี่ก่อนที่เขาจะปล่อยพลังแห่งดวงดาราเข้าไปช้าๆพร้อมกับจิตสัมผัสที่ถูกส่งผ่านเข้าไปพร้อมๆกัน เมื่อไปถึงที่สมองของถังหยุนดี่แล้วเลือดเสียเป็นสิ่งที่เขาต้องจัดการก่อนเป็นอย่างแรก หลังจากที่เสร็จแล้วก็ต้องจัดการรักษาระบบประสาทของเขาแล้วค่อยๆจัดการกำจัดสิ่งแปลกปลอมพร้อมกันอย่างช้าๆ

พลังแห่งดวงดาราที่เหมือนกับเส้นด้ายนั้นได้แทงทะลุก้อนเลือดเสียเหล่านั้นก่อนที่เขาจะควบคุมพลังให้กลับออกมา เมื่อเขาถอนพลังกลับมาเหล่าเลือดเสียเองก็ค่อยๆถูกขับออกมา

เวลาผ่านไป

พลังจิตใจของถังซิ่วนั้นถึงขีดจำกัดแล้ว เขาได้ใช้เวลากว่าหนึ่งชั่วโมงในการนำเลือดเสียออกมาได้แค่1/5 หลังจากนั้นถังซิ่วเองก็ได้ถอนพลังของเขาและจับไปที่เข็มพร้อมกับขับเลือดเสียเหล่านั้นออก

หลังจากนั้น , ก่อนหน้านี้ที่เขาได้ฝังเข็มลงไปนั้นก็เพื่อที่จะจัดการกับเลือดเสียอย่างไรก็ตามความเร็วของเขาได้เพิ่มขึ้นและใช้เวลาไปถึง4ชั่วโมงในการขับเลือดเสียออกมาทั้งหมด หลังจากนั้นเขาก็ได้รักษาระบบประสาทของถังหยุนดี่อย่างช้าๆอีกครั้ง ถังซิ่วได้ใช้เวลาไปถึง2ชั่วโมงแต่ก็ซ่อมแซมได้เพียง6/10เท่านั้น

“ไม่มากไม่น้อย !”

เม็ดเหงื่อได้ปรากฏขึ้นเต็มหน้าผากของถังซิ่วแต่เขาก็ทำเหมือนว่ามันไม่ได้เกิดอะไรขึ้น ตอนนี้เขารู้สึกได้ถึงความเหนื่อยล้าที่กำลังรุกล้ำเข้าไปในวิญญาณของเขาอย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถประมาทได้ในช่วงเวลาคับขันแบบนี้เนื่องจากหากว่าไม่สามารถทำให้ถังหยุนดี่ได้สติหลังจากการกำจัดเลือดและการซ่อมแซมเส้นประสาทนั้นมันจะทำให้สมองของเขาเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันได้

ทันใดนั้น

กลิ่นบางอย่างก็ได้ลอยเข้าไปทางจมูกของเขาและทำให้จิตวิญญาณของเขาสั่นสะท้านทันที เขารู้ว่าชูยี่ได้เข้ามาจุดหญ้ามังกรรมควันดังนั้นพลังใจของเขาจึงกลับมาเต็มเปี่ยมอีกครั้งพร้อมกับเริ่มกำจัดสิ่งแปลกปลอมสีเทาๆอย่างช้าๆ การกำจัดสิ่งแปลกปลอมนี้ทำได้ยากกว่าการขับเลือดเสียมากนัก จิตวิญญาณที่เขาต้องใช้นั้นมากกว่าการขับเลือดเสียถึงเท่าตัว

หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง

ท่าทางของถังซิ่วก็ซีดลงเหมือนกระดาษส่วนสิ่งแปลกปลอมนั้นเพิ่งกำจัดออกไปได้แค่1/20เท่านั้น

ประตูได้ถูกเปิดขึ้นอีกครั้งพร้อมกับชูยี่ที่เดินเข้ามาในห้องแล้วมองไปที่ถังซิ่วด้วยท่าทางชะงักและตกตะลึง แม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะเห็นถังซิ่วฝังเข็มที่หัวของถังหยุนดี่ก็ตามแต่สภาพของถังซิ่วเองก็ยังไม่ถึงขั้นน่าเวทนาขนาดนี้ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยเหงื่อพร้อมกับผิวที่ซีดเผือด ริมฝีปากก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีม่วงและคิ้วที่ขมวดเข้าหากัน

เขาได้เงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะเผาหญ้ามังกรรมควันอีกครั้งพร้อมออกจากห้องไป

ผ่านไปอีกครึ่งชั่วโมง

ชูยี่เองก็ได้เข้ามาอีกครั้งพร้อมกับเห็นว่าถังซิ่วไม่ได้แค่มีเหงื่อท่วมเท่านั้น นอกจากผิวของเขาจะซีดแล้วร่างกายของเขาก็ยังสั่นเทาซึ่งทำให้เขารู้สึกกังวลเป็นอย่างมาก

เมื่อเขาเผาหญ้าเสร็จแล้วก็ได้เดินออกจากห้องไป ภายนอกห้องนั้นได้มีผู้คนตระกูลถังรออยู่มากมายพร้อมใบหน้าที่เต็มไปด้วยความอ่อนล้าแต่ก็ยังไม่มีใครไปพักผ่อน

ถังเกาเชิงเองก็ได้ถามด้วยเสียงทุ้มต่ำทันทีว่า

“เป็นอย่างไรบ้าง ?”

ชูยี่เองก็ได้เงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดออกมาอย่างขมขื่นว่า

“ผมเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันอย่างไรก็ตาม.......”

ท่าทางของถังเกาเชิงเปลี่ยนไปทันทีก่อนที่จะถามออกมาว่า

“อะไร ?”

ชูยี่เองก็ได้พูดออกมาว่า

“สภาพของถังซิ่วนั้นไม่ค่อยดีนัก หน้าของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อพร้อมกับซีดเป็นกระดาษ ตัวของเขาเองก็สั่นเทาพร้อมกับท่าทางที่อึดอัดเป็นอย่างมาก”

ในพริบตานั้นผู้คนตระกูลถังเองก็ได้แสดงท่าทางเป็นกังวลออกมาทันที

ซูหลิงหยุนเองก็ได้ถามออกมาอย่างรวดเร็วว่า

“ซิ่วน้อย เขา........เขามีอันตรายงั้นหรอ ?”

ชูยี่เองก็ได้ตอบกลับไปว่า

“ผมเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน”

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว หลังจากผ่านไป4ชั่วโมง

หลังจากที่ชูยี่ได้เข้ามาเผาหญ้าต้นที่11แล้วเสียงที่แหบแห้งของถังซิ่วเองก็ได้ดังอยู่ข้างหูเขาว่า

“ทุกๆสิบนาทีให้มาจุดซ้ำอีกครั้ง”

ชูยี่เองก็ไม่ได้ตอบเขากลับไปพร้อมกับจดจำคำพูดของถังซิ่ว ณ ตอนนี้เขาเป็นห่วงถังซิ่วเป็นอย่างมากเพราะสภาพของเขาในตอนนี้นั้นแม้ว่าจะเต็มไปด้วยเหงื่อแต่ไม่มีเลือดฝาดอยู่เลยแม้แต่น้อย เส้นเลือดที่หน้าผากเองก็ปูนโปนออกมาซึ่งริมฝีปากของเขาก็ไม่ได้ม่วงคล้ำอีกต่อไปแต่กลับเต็มไปด้วยเลือดที่กำลังซึมออกมา ร่างกายของเขาสั่นเขาเหมือนกับว่าสามารถหมดสติได้ทุกเมื่อ

เขาลังเลอยู่ก่อนที่จะหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วแอบถ่ายรูปของถังซิ่วและถังหยุนดี่เอาไว้พร้อมออกจากห้องไป

“ยังไปเสร็จอีกงั้นหรอ ?”

ถังเกาเชิงได้ถามออกมาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล

ชูยี่เองก็ได้ส่ายศีรษะของเขาก่อนที่จะยื่นโทรศัพท์ไปให้แล้วพูดว่า

“คุณปู่ นี่เป็นภาพที่ผมแอบถ่ายออกมา ปู่ลองดูมันสิ !”

เมื่อถังเกาเชิงรับโทรศัพท์ไปจากมือของชูยี่พร้อมกับมองไปที่ภาพของถังซิ่วนั้นร่างกายของเขาก็สั่นสะท้านด้วยความไม่อยากจะเชื่อทันที

ความทุกข์ทรมาน!

ความน่าสงสาร!

เขาไม่เคยคิดเลยว่าถังซิ่วจะกลายเป็นสภาพน่าอเนจอนาถแบบนี้เพื่อรักษาลูกชายของเขา เลือดที่ไหลซึมออกมาจากริมฝีปากของถังซิ่วนั้นทำให้เขารู้สึกรักอย่างสุดซึ้ง

“ขอดูหน่อย !”

ซูหลิงหยุนได้หยิบโทรศัพท์ไปทันทีและหลังจากที่เธอเห็นภาพนั้นแล้วก็รู้สึกราวกับว่ากำลังมีมีดคว้านอยู่ในหัวใจของเธอ สายธารแห่งน้ำตาก็ได้ไหลออกมา เธอไม่อยากให้ลูกของเธอรักษาอีกแล้วเพราะเธอกลัวว่าจะต้องเสียลูกชายไปอีกคน

อย่างไรก็ตามเธอทำไม่ได้เพราะหากว่าเข้าไปรบกวรลูกชายนั้นอาจจะไม่ใช่แค่ไม่สามารถรักษาสามีของเธอได้แต่ก็จะทำให้ลูกของเธอได้รับอันตรายไปด้วย

รูปภาพเหล่านั้นได้ถูกส่งต่อกันไปทั่วทั้งตระกูล หลังจากที่พวกเขาเห็นแล้วก็ได้แต่เงียบกัน ตอนแรกที่พวกเขายอมรับถังซิ่วนั้นเป็นเพียงเพราะเขามีสายเลือดตระกูลถังเท่านั้นแต่เรื่องสายสัมพันธ์นั้นแถบไม่มีเลยแม้แต่น้อย

แต่!

ณ ตอนนี้พวกเขารู้แล้วว่าถังซิ่วรู้ตั้งแต่ที่สั่งให้พวกเขาไปหาหญ้ามังกรรมควันมาแล้วว่าตัวเองจะต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้แต่ก็ยังรักษาถังหยุนดี่ นี่เป็นการแสดงว่าเขาเป็นลูกหลานโดยชอบธรรมของตระกูลถัง

“หลานฉัน !!!!”

เมื่อชินฉางเย่เห็นภาพนั้นเธอก็ร้องไห้ออกมาทันที เธอรู้สึกเหมือนว่ามีดกำลังบิดอยู่ที่หัวใจของเธอเพราะเพิ่งได้เจอหลานชายที่โหยหามากว่า20ปีด้วยความยากลำบากแต่เขากลับต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้

ในห้อง

ถังซิ่วนั้นได้กำจัดสิ่งแปลกปลอมสีเทาไปกว่า4/5ส่วนแล้วแต่พลังใจของเขาเองก็ถึงขีดจำกัดและหากว่าเขายังทนอยู่มันก็จะเป็นอันตรายต่อจิตใจของเขามากอย่างไรก็ตามความหัวรั้นจากประสบการณ์นับหมื่นปียังทำให้เขาทนต่อไป

นอกจากจะไม่ทำแล้ว !จะต้องทำให้สำเร็จ !

ถังซิ่วได้กัดลิ้นของตัวเองและความเจ็บปวดนั้นทำให้เขาได้สติขึ้นมาอีกครั้งแต่ความเร็วในการกำจัดสิ่งแปลกปลอมเองก็ได้ลดลงเป็นอย่างมาก

หลังจากที่ถังซิ่วรักษาถังหยุนดี่อยู่กว่า27ชั่วโมงนั้นสิ่งแปลกปลอมเองก็เหลือเพียงแต่1/10เท่านั้น ณ ตอนนี้ถังซิ่วรู้สึกได้ว่าจิตวิญญาณของถังหยุนดี่ที่ติดอยู่ในห้วงความคิดนั้นได้ถูกปลดปล่อยออกมาแล้ว

“อย่าได้ขยับ”

เสียงที่แหบแห้งและอ่อนล้าได้ถูกเปล่งออกมาจากปากของถังซิ่ว

ณ ตอนนี้

ถังหยุนดี่เองก็รู้สึกเหมือนกับว่าเขากำลังฝันอยู่ เขาไม่รู้ว่าโลกภายนอกผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว เขารู้สึกว่าตัวเองหลงอยู่ในความมืดมิดที่ไม่สิ้นอยู่อยู่อย่างยาวนาน เขาได้ลืมเวลาและแม้กระทั่งเกือบที่จะลืมตัวเองหากว่าไม่ได้การรักษาในปีที่ผ่านมาก็คงจะทำให้จิตวิญญาณของเขาแตกสลายและเปลี่ยนไปเป็นก้อนพลังงานไปแล้ว

เสียง

เขาได้ยิน !

เป็นเสียงที่เด็กมาก

เมื่อเขาเปิดตาขึ้นพร้อมกับเห็นสภาพที่น่าอนาถของถังซิ่วที่นั่งอยู่ตรงข้าม เขาก็ได้กรอกตาไปรอบๆห้องเพื่อสำรวจสภาพรอบข้าง

“คุณ.......คุณเป็นใคร ?”

เสียงอ่อนล้าได้ถูกส่งออกมาจากลำคอของถังหยุนดี่

“หุบปาก !”

เสียบที่แหบแห้งของถังซิ่วได้ดังขึ้นมาอีกครั้ง

ถังหยุนดี่เองก็ได้เงียบลงแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าถังซิ่วเป็นใครแต่อย่างหนึ่งที่รู้ก็คือถังซิ่วกำลังรักษาเขาอยู่ เขาสามารถได้สติจากความมืดมิดที่ไม่สิ้นสุดซึ่งเด็กหนุ่มตรงหน้านี้คือผู้มีพระคุณของเขา

ผ่านไป32ชั่วโมง

ถังซิ่วได้จัดการกำจัดสิ่งแปลกปลองออกไปทั้งหมดและสุดท้ายเขาก็ไม่สามารถอดทนต่อไปได้ เขาสำลักเลือดออกมาก่อนที่พลังจิตใจและพลังแห่งดวงดาราทั้งหมดของเขาจะหาย เขาได้ล้มตัวลงพร้อมกับหมดสติทันที

“คุณ.......”

ถังหยุนดี่ที่กำลังมองฉากตรงหน้านั้นเป็นห่วงความปลอดภัยของถังซิ่วเป็นอย่างมากเพราะอย่างไรก็ตามชายคนนี้คือผู้มีพระคุณของเขา เขาต้องการพยุงถังซิ่วไว้แต่ก็ทำได้แค่ขยับแบบช้าๆด้วยพลังใจที่อ่อนล้าของเขา

ในท้ายที่สุดเขาก็สามารถพยุงถังซิ่วเอาไว้ได้พร้อมกับล้มลงและหมดสติไป

นอกประตู

ผู้คนในตระกูลหลายคนไม่สามารถอดทนต่อไปได้ บางคนได้กลับไปที่ห้องนอนส่วนบางคนเองก็นอนหลังพิงฝาผนัง ถังเกาเชิงที่ได้พักผ่อนไป1-2ชั่วโมงนั้นก็ได้จ้องมองอยู่ที่หน้าประตูพร้อมกับซูหลิงหยุนที่ยืนอยู่ข้างๆเขาโดยที่ยังไม่ได้ปิดตาเลยใน30กว่าชั่วโมงนี้ ดวงตาของเธอแดงก่ำด้วยท่าทางเป็นทุกข์แค่เธอก็ยังทนรอและภาวนา

“คุณปู่ หรือให้ผมเข้าไปดูอีกครั้ง ?”

ชูยี่ที่ยืนอยู่ข้างๆถังเกาเชิงเองก็ได้กระวนกระวายเป็นอย่างมาก เขาอดไม่ได้ที่จะถามออกมา

ถังเกาเชิงเองก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะพยักหน้าแล้วพูดว่า

“จำไว้ว่าอย่าไปรบกวนหลานชายฉันล่ะ”

“ครับ !”

ชูยี่ได้พยักหน้าก่อนที่จะถูไปที่ขาชาๆของเขาพร้อมกับเดินไปที่หน้าประตู หลังจากที่เปิดมันออกและเห็นสภาพภายในห้องนั้นท่าทางของเขาก็เปลี่ยนไปทันทีพร้อมกับหันหน้ากลับมาแล้วพูดอย่างรวดเร็วว่า

<div>

“คุณปู่ เกิดเรื่องเข้าแล้ว !!!”

</div>

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด