ตอนที่แล้วReturning From The Immortal World - 259
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปReturning From The Immortal World - 261

Returning From The Immortal World - 260


<div>

.......................................................................................................................................................................................

</div>

ถังซิ่วเองก็ได้ตอบกลับไปอย่างสงบว่า

“ผมจะเคารพการตัดสินใจของคุณแม่และนับว่าเขาเป็นพ่อในนามแต่แม่ก็น่าจะรู้ว่าหากพูดเรื่องสายสัมพันธ์แล้วผมไม่มีแม้แต่น้อยเพราะครอบครัวของผมอยู่ที่นี่”

ซูหลิงหยุนเองก็ได้เงียบไปนานพร้อมกับพยักหน้าอย่างช้าๆ

ถังซิ่วเองก็ได้พูดต่อว่า

“แม่ต้องการจะไปเจอเขาเมื่อไหร่ ?”

ซูหลิงหยุนเองก็ได้ตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่างก่อนที่จะใช้มือทั้งสองข้างกุมมือของลูกเธอไว้แล้วถามออกมาว่า

“ซิ่วน้อย แม่รู้ว่าลูกมีความสามารถด้านการแพทย์และมันยังน่าทึ่งอีกด้วย ลูก.... ลูกรักษาพ่อของลูกได้ไหม ?”

ถังซิ่วเองก็ได้ส่ายศีรษะก่อนที่จะพูดออกมาว่า

“ตอนนี้ผมยังไม่รู้รายละเอียดเรื่องของเขาเลยจึงไม่กล้ารับประกัน”

ซูหลิงหยุนเองก็ได้มีท่าทางผิดหวังพร้อมกับพยักหน้าแล้วพูดว่า

“ซิ่วน้อย บ้านเราเองก็ยังมีเชียงเฟยที่คอยดูแลคุณยายได้ เราไปที่เมืองหลวงกันเลยเถอะ”

20ปีที่ไม่ได้พบเจอ !

หลังจากที่รู้ว่าสามียังมีชีวิตอยู่นั้นเธอหวังว่าเธอจะมีปีกงอกออกไปพร้อมบินไปหาเขาด้วยซ้ำ เธอรู้สึกทรมานทุกๆวินาทีที่ผ่านไป

ถังซิ่วเองก็ได้ส่ายศีรษะก่อนที่จะพูดออกมาว่า

“คุณแม่ ผมคิดว่าเราน่าจะรออยู่ที่นี่แล้วเดี๋ยวจะมีคนมาเชิญเราไปแน่นอน”

ซูหลิงหยุนเองก็ได้จ้องมองอย่างงงงวยก่อนที่จะถามออกมาอย่างสับสนว่า

“ใครจะมาเชิญเรา ?”

ถังซิ่วเองก็ได้ตอบกลับไปว่า

“คนตระกูลถัง”

ท่าทางของซูหลิงหยุนเดองก็เปลี่ยนไป เธอรู้สึกเป็นปฏิปักษ์ต่อตระกูลถังมากว่า20ปีเพราะเธอกลัวว่าพวกเขาจะแย่งลูกชายไปจากเธออย่างไรก็ตามตอนนี้เธอไม่ได้มีความรู้สึกแบบนั้นแล้วเพราะลูกชายของเธอนั้นเป็นคนที่ประสบความสำเร็จและสายสัมพันธ์ของเธอและลูกไม่ได้เป็นอะไรที่สามารถตัดมันได้แล้ว

“ซิ่วน้อย ทำไมลูกถึงคิดว่าคนจากตระกูลถังจะมาเชิญเราล่ะ ?”

ถังซิ่วเองก็ได้ตอบกลับไปอย่างราบเรียบว่า

“คุณแม่ พวกเขาต้องการให้ผมกลับเข้าตระกูลและไปช่วยเหลือเขาคนนั้น”

ซูหลิงหยุนเองก็ได้คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดออกมาช้าๆว่า

“ซิ่วน้อย ลูกได้มีสายเลือดตระกูลถังอยู่และการกลับไปเชื่อเคารพบรรพชนนั้นเป็นสิ่งที่ควรทำ !”

ถังซิ่วเองก็ได้แสยะออกมาว่า

“ทำไม ? เพราะร่างกายนี้ไหลเวียนไปด้วยเลือดของตระกูลถัง ? หากเป็นเช่นนั้นผมขอเลือกไหลเวียนด้วยเลือดของตระกูลซูดีกว่า ในสายตาของผมพวกเขาเป็นเพียงคนแปลกหน้าเท่านั้น ผมไม่คิดจะสนใจคนแปลกหน้าเหล่านั้นหรอกดังนั้นการที่ผมเคารพการตัดสินใจของแม่นั้นผมก็หวังว่าแม่ของจะเคารพการตัดสินใจของผมเช่นกัน”

ซูหลิงหยุนเองก็ได้เปิดปากออกมาแต่ก็พบว่าตัวเองไม่รู้จะเถียงลูกชายอย่างไรทันใดนั้นเธอก็ทำได้แต่พยักหน้าไปตามเขา

“ซิ่วน้อย ลูกออกไปก่อน ! แม่ต้องการสงบสติหน่อย หาก.......หากว่าคนตระกูลถังไม่ได้มาในวันนี้เราก็จะไปที่เมืองหลวงในวันพรุ่งนี้”

ซูหลิงหยุนได้พูดออกมา

ถังซิ่วเองก็ได้พยักหน้าพร้อมกับเดินออกจากห้องไปแล้วพบว่าซูเชียงเฟยเองก็ยังคงซักผ้าอยู่ที่เดิม เขาได้เงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะเดินไปตรงหน้าเขาแล้วยื่นบุหรี่ไปให้เขาพร้อมกับจุดสูบเองด้วย เขาได้พิงอยู่ที่ลำต้นของต้นไม้แล้วพูดออกมาว่า

“ไหนบอกฉันมาหน่อยสิว่านายคิดได้อย่างไร ?”

ซูเชียงเฟยเองก็ได้จับบุหรี่ด้วยมือเปียกๆพร้อมกับพูดออกมาอย่างขมขื่นว่า

“ไม่ใช่ว่าฉันคิดได้เองหรอกแต่เป็นเพราะพ่อของฉันทำให้ฉันคิดได้ ทำความดีก็จะได้รางวัลส่วนทำชั่วก็จะได้รับผลกรรม สิ่งที่เราทำลงไปนั้นจะได้รับผลตอบแทนเสมอ ตอนที่ฉันเห็นว่าพ่อแม่ถูกขังคุกนั้นก็ได้นึกขึ้นได้ว่าตัวเองก็เคยทำเรื่องแบบนี้กับนายและหากว่าตำรวจไม่เจอหลักฐานเข้านายเองก็คงจะไปอยู่ในคุกแล้ว”

ถังซิ่วเองก็ได้ถามออกมาว่า

“เท่านี้ ?”

ซูเชียงเฟยเองก็ได้ส่ายศีรษะแล้วพูดว่า

“ก่อนหน้านี้ตอนที่ฉันกลับมาเองก็ยังมีความขัดข้องใจอยู่หรอกเพราะนายมันโหดร้ายเกินไป นายได้ทำลายครอบครัวของฉันและชีวิตที่เหลือของพ่อฉันแต่หลังจากที่ได้ยินการสนทนาของนายและคุณป้าแล้วก็รู้ได้ทันทีว่าความข้องใจของฉันมันไร้สาระ คนที่ดีนั้นคือคุณป้า”

ถังซิ่วเองก็ได้พยักหน้าก่อนที่จะเงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า

“เรียนต่อไปซะแล้วปีหน้าก็เข้ามหาวิทยาลัย ส่วนเรื่องใช้ชีวิตนั้นไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอกเพราะแม่ของฉันคงจะไม่ทนดูอยู่เฉยๆแน่”

ซูเชียงเฟยเองก็ได้ยิ้มออกมาพร้อมกับส่ายศีรษะแล้วพูดว่า

“ด้วยความสามารถของฉันแล้วเรียนต่อไปก็คงจะสอบเข้าได้แค่มหาวิทยาลัยธรรมดาๆ ฉันคิดไว้ว่าหลังจากที่อาการบาดเจ็บของยายหายแล้วก็จะออกไปจากเมืองนี้และพึ่งพาตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรฉันก็จะกลับมาเยี่ยมที่นี่อีกในอนาคต”

ถังซิ่วเองก็ได้พูดออกมาว่า

“จดเบอร์โทรศัพท์ของฉันไปและฉันหวังว่ามีอะไรก็โทรมาขอความช่วยเหลือได้เลย”

ซูเชียงเฟยเองก็ได้แต่พยักหน้าอย่างเงียบๆ

ถังซิ่วเองก็ไม่ได้พูดอะไรต่อได้แต่ยืนสูบบุหรี่พร้อมกับเดินไปที่ประตูทางเข้า

“ถังซิ่ว !”

ซูเปิ่นและซูเขวียนเองก็ได้เรียกออกมาทันทีเมื่อเห็นถังซิ่วเดินออกมา

ถังซิ่วเองก็ได้ตอบกลับไปว่า

“พวกนายอยู่ที่นี่ไปก่อนเพราะฉันยังไม่สามารถกลับไปยังสตาร์ซิตี้ได้ในตอนนี้ ฉันจะต้องไปจัดการกับเรื่องบางอย่างที่เมืองหลวงแล้วหลังจากนั้นฉันจะติดต่อมาอีกที”

ซูเขวียนเองก็ได้ตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มว่า

“ดีเลย ฉันกับพี่ชายเปิ่นเองก็ว่าจะค่อยไปที่เมืองสตาร์ซิตี้เหมือนกัน พวกเราว่าจะไปหาหญ้ามังกรเงินนั่น”

ถังซิ่วเองก็ได้พูดออกมาอย่างรวดเร็วว่า

“ฉันขอเตือนนายว่าอย่าไปหรือถ้าไปก็ต้องไปกันเยอะๆเพราะสัตว์ร้ายที่นายว่ามานั้นมันอันตรายมาก คนธรรมดาไม่สามารถทำให้มันได้รับบาดเจ็บด้วยซ้ำและฉันคิดว่ามันเองก็น่าจะยังมีชีวิตอยู่”

ซูเปิ่นเองก็เข้าใจนิสัยของถังซิ่วดีเขาจึงได้พูดออกมาทันทีว่า

“เอาล่ะ เราจะเชื่อนายพร้อมกับชวนคนอื่นไปด้วย เราจะมองหาหญ้ามังกรเงินรอบๆเท่านั้นและไม่เข้าไปในป่าลึก”

ถังซิ่วเองก็ได้พยักหน้าพร้อมกับพูดว่า

“จำไว้ให้ดีล่ะว่าก่อนที่ฉันจะเปิดเรียนนั้นจะมาจัดการเรื่องสัตว์ร้ายตัวนั้น เอาล่ะนายไปทำเรื่องของนายเถอะ ! รอรับสายจากฉันแล้วกัน”

“ตกลง !”

ซูเปิ่นและซูเขวียนเองก็ได้ปฏิบัติตามก่อนที่จะเดินออกไป

หลังจากผ่านไปสองชั่วโมง

รถยนต์ audi สองคันก็ได้มาจอดอยู่ที่ลานบ้านพร้อมกับชายรูปร่างกำยำสวมสูทสีดำลงมาจากรถ ถังเซี่ยเองก็ได้เปิดประตูรถออกมาพร้อมกับพยุงแขนของถังเกาเชิง

“ที่นี่ ?”

ถังเกาเชิงได้มองที่บ้านเก่าๆที่มีประตูไม้ที่ผุพัง

ถังเซี่ยเองก็ได้พยักหน้าแล้วพูดว่า

“คุณพ่อ ตามข้อมูลที่ได้มาแล้วบวกกับการที่หนูใช้ดาวเทียมตรวจดูนั้นก็ต้องเป็นที่นี่อย่างแน่นอน”

ถังเกาเชิงเองก็ได้มองไปที่ผู้คุ้มกันทั้งสี่คนแล้วพูดว่า

“พวกนายรออยู่ข้างนอกไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ห้ามเหยียบเข้าไปในนั้นเด็ดขาด”

“รับทราบ !”

ผู้คุ้มกันทั้งสี่เองก็ได้ตอบกลับไปพร้อมกัน

ถังเกาเชิงเองก็ได้เดินเข้าไปพร้อมกับพบซูเชียงเฟยที่อยู่ที่สวนด้วยแววตาที่ประหลาดใจก่อนที่จะถามออกมาว่า

“หนุ่มน้อย ซูหลิงหยุนและถังซิ่วอาศัยอยู่ที่นี่หรือเปล่า ?”

ซูเชียงเฟยเองก็ได้ลุกขึ้นมาจากเก้าอี้แล้วถามออกมาว่า

“ใช่แล้ว คุณเป็นใครกัน ?”

ถังเกาเชิงเองก็ได้พยักหน้าก่อนที่จะพูดว่า

“ฉันชื่อว่าถังเกาเชิง ตอนนี้พวกเขาอยู่ด้านในหรือเปล่า ?”

ซูเชียงเฟยเองก็ได้หันหน้ากลับไปแล้วตะโกนออกมาว่า

“คุณป้า มีคนมาหา”

ซูหลิงหยุนและถังซิ่วได้เดินออกมาจากห้องและหลังจากที่เห็นถังเกาเชิงและถังเซี่ยแล้วนั้นก็ได้ถอนหายใจออกมาทันที เขารู้ว่าพวกเขาจะต้องมาอย่างแน่นอนแต่ไม่คิดว่าจะไวขนาดนี้ ดูเหมือนว่าหลังจากที่เขาออกจากโรงพยาบาลไปแล้วถังเกาเชิงคงให้คนไปสืบข้อมูลของเขามาทันที

“มาที่นี่ทำไมกัน ? ผมได้บอกไปแล้วไงว่าเราไม่มีความเกี่ยวข้องกับตระกูลถัง”

ถังซิ่วเองก็ได้พูดออกไปอย่างไม่แยแส

ถังเกาเชิงเองก็ได้พูดออกมาอย่างขมขื่นว่า

“ซิ่วน้อย.....”

“ผมชื่อว่าถังซิ่ว !!!!!”

ถังซิ่วได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงโทนต่ำ

ถังเกาเชิงเองก็ได้เงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดออกมาว่า

“ถังซิ่ว นี่แม่ของเธอใช่ไหม เธอเป็นลูกสะใภ้ของฉันสินะ ?”

ซูหลิงหยุนเองก็รู้อยู่แล้วว่าคนที่มาถึงนี้เป็นคนของตระกูลถังแต่ไม่คิดว่าเขาจะเป็นถังเกาเชิง เขาไม่ได้เป็นแค่เจ้าหน้าที่อาวุโสเท่านั้น เขาเป็นพ่อของสามีเธอและเป็นพ่อตาของเธอ

“คุณ.......ฉันชื่อว่าซูหลิงหยุน”

ถังเกาเชิงเองก็ได้เดินมาหาถังซิ่วและซูหลิงหยุนก่อนที่จะพูดออกมาอย่างขมขื่นว่า

“20ปีก่อนฉันได้ส่งคนมาที่เมืองนี้แถบจะพลิกแผ่นดินหาพวกเธอแต่ก็น่าเสียดายที่ไม่เจอ หยุนดี่ได้บอกฉันมาเพียงว่าเธอชื่อว่าหยุนน้อยและเพราะว่าฉันไม่รู้ชื่อจริงๆของเธอและไม่มีข้อมูลอะไรเลยดังนั้นหลังจากที่ฉันมาที่เมืองนี้เมื่อ20ปีที่แล้วเพื่อรับตัวหยุนดี่ก็ไม่สามารถหาพวกเธอได้จึงทำให้เธอสองแม่ลูกต้องทุกข์ทรมาน”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นน้ำตาก็ได้เอ่อออกมาจากดวงตาของซูหลิงหยุนทันที

ถังเซี่ยได้มายืนอยู่ข้างๆซูหลิงหยุนพร้อมกับพูดออกมาว่า

“พี่สะใภ้ยังไม่ได้เรียกคุณพ่อเลย”

ซูหลิงหยุนเองก็ได้อ้าปากออกมาแต่ก็ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้ เธอรู้ดีว่าในอดีตนั้นสามีของเธอได้มาที่เมืองนี้ตัวคนเดียวเพราะถูกไล่ออกมาจากตระกูล ตอนนั้นเธอเพิ่งได้ออกมาจากที่ชนบทและทำงานเป็นพยาบาลในโรงพยาบาลซึ่งครั้งนั้นหยุนดี่ได้เป็นผู้ป่วยที่ไม่มีใครเหลียวแล พวกเขาค่อยๆขยับความสัมพันธ์กันก่อนที่จะมาถึงขั้นนี้

หลังจากนั้นเธอเองก็ได้ตั้งครรภ์และไม่มีแม้กระทั่งใบสมรส เมื่อรู้ถึงสถานะที่แท้จริงของสามีแล้วและพบว่าตอนนั้นตระกูลถังเองได้ประสบกับภัยพิบัติและถูกบังคับให้ต้องไล่เขาออกมาแล้วประกาศตัดสายสัมพันธ์กับสามีของเธอ

ตอนแรกนั้นเพราะสามีของเธอโกรธเป็นอย่างมากจึงไม่ได้ติดต่อครอบครัวอีกเลยจนถึงตอนที่เธอตั้งครรภ์เขาก็ดีใจเป็นอย่างมากและโทรไปหาถังเกาเชิง

เธอเห็นพ่อตาของเธอบ่อยๆในทีวีแต่เจอตรงๆนั้นเป็นครั้งแรก

ดังนั้นเธอจึงไม่สามารถเรียกออกมาได้

ถังเกาเชิงเองก็ได้ฝืนยิ้มออกมาแล้วพูดว่า

“หยุนน้อย ฉันรู้ว่าการจะให้เรียกฉันว่าพ่อนั้นมันเป็นเรื่องที่น่าอายอย่างไรก็ตามเธอเป็นลูกสะใภ้ของฉันและเป็นแม่ของผู้มีสายเลือดตระกูลเรา หากว่าเธอยังไม่ยอมรับฉันตอนนี้ฉันก็จะไม่บังคับเธอแต่ฉันเพียงหวังว่าจะได้ชดใช้ให้กับพวกเธอสองแม่ลูก”

ซูหลิงหยุนเองก็ได้มองไปที่ตาของถังเกาเชิงก่อนที่จะพูดออกมาว่า

“ฉันต้องการพบกับหยุนดี่”

ถังเกาเชิงเองก็ได้พูดออกมาอย่างไม่ลังเลเลยว่า

“ที่ฉันมาที่นี่ก็เพื่อพาพวกเธอสองแม่ลูกกลับไปที่เมืองหลวง ก่อนที่จะมาที่นี่ก็ได้รับข่าวมาว่าแม่ของเธอเองก็ได้รับบาดเจ็บหากว่าเธอต้องการก็สามารถพาเขาไปด้วยกันได้เลย”

ซูหลิงหยุนเองก็ได้หันหน้ากลับไปมองที่ถังซิ่ว

ถังซิ่วเองก็ได้ตอบกลับอย่างราบเรียบว่า

<div>

“ที่แม่ของผมต้องการไปที่นั่นก็เพียงเพราะต้องการเจอเขาเท่านั้น ครอบครัวของผมอยู่ที่นี่ไม่ใช่ที่เมืองหลวง ผมหวังว่าคุณจะให้เราไปพบเขาในความหมายของครอบครัวเดียวกันแต่คนจากตระกูลถังที่เหลือนั้นเป็นคนนอก”

</div>

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด